ฉบับที่ 120 แอบทำผิด แต่ไม่ยอมรับ ยังไงก็ต้องรับผิด (2)

  เรื่องผู้บริโภคซื้อห้องชุดโดยเชื่อว่าเป็นโครงการในเครือของบริษัทใหญ่ที่มีชื่อเสียงน่าเชื่อถือ แต่เวลาทำสัญญาผู้บริโภคกลับต้องทำสัญญากับบริษัทฯ โนเนม อีกบริษัทหนึ่ง เมื่อเกิดปัญหาห้องชุดสร้างไม่เสร็จ ผู้บริโภคจะสามารถฟ้องเรียกเงินที่ชำระไปแล้วคืนจากบริษัทใหญ่ที่ไม่ได้เป็นคู่สัญญาได้หรือไม่นั้น มาตามต่อกันเลยครับ   “...จำเลยที่ 2 นำสืบว่าจำเลยที่ 2 เป็นเพียงผู้บริหารการขายซึ่งรับค่าจ้างจากจำเลยที่ 1 โดยทำหน้าที่ชักชวนประชาชนให้มาซื้อห้องชุดในโครงการเท่านั้น ใบโฆษณาเอกสารหมาย จ.18 จำเลยที่ 1 เป็นผู้จัดทำ จำเลยที่ 2 เพียงมีหน้าที่รับไปแจกจ่ายเท่านั้น (ศาล)เห็นว่า ตามใบโฆษณาเอกสารหมาย จ.9 มีข้อความว่า “ บริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด(มหาชน) (จำเลยที่ 2) ได้เล็งเห็นถึงความเจริญเติบโตทางธุรกิจที่ขยายตัวเพิ่มมากขึ้นในย่านประตูน้ำจึงพัฒนาแนวคิดทางด้านการจัดศูนย์รวมการค้าขาย ทั้งประเภทการค้าส่งและการค้าปลีกเป็นรูปแบบใหม่ให้เข้ามารวมอยู่ในจุดเดียวกันในชื่อโครงการว่า “ โครงการประตูทองพลาซ่าและคอนโดมิเนียม “ โดยมอบหมายให้บริษัทโกลเด้น เกท พลาซ่า จำกัด “ ซึ่งเป็นบริษัทในเครือเข้ารับผิดชอบเป็นเจ้าของโครงการ และเอกสารโฆษณาหมาย จ.18 แผ่นที่ 5 มีข้อความว่า “ ...รับประกันโดยบริษัทแผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด(มหาชน)  ซึ่งเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยทั้งหมดเป็นหลักประกันความสำเร็จที่ชัดเจนสำหรับธุรกิจในอนาคตของคุณ”  และในแผ่นที่ 15 และ 21 มีข้อความว่า “ เจ้าของโครงการและกรรมสิทธิ์ที่ดินบริษัทโกลเด้น เกท พลาซ่า จำกัด ทุนจดทะเบียน 10,000,000  บาท บริหารโครงการโดยบริษัทแผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด(มหาชน) (บมจ.474 )ทุนจดทะเบียน 750,000,000 บาท(ชำระเต็มมูลค่า) ประธานกรรมการคุณหญิงศศิมา  ศรีวิกรม์ กรรมการผู้จัดการ นายประภา  สมุทรโคจร...” ซึ่งสอดคล้องกับคำเบิกความของพยานโจทก์ และข้อความดังกล่าวย่อมทำให้พยานโจทก์และประชาชนทั่วไปที่พบเห็นข้อความดังกล่าวเข้าใจว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันดำเนินธุรกิจโครงการประตูทองพลาซ่าและคอนโดมิเนียม โดยเฉพาะจำเลยที่ 2 มีทุนจดทะเบียนสูงถึง 750,000,000 บาท ขณะที่จำเลยที่ 1 มีทุนจดทะเบียนเพียง 10,000,000 บาท  และในเอกสารดังกล่าวมีข้อความย้ำหลังข้อความเกี่ยวกับทุนจดทะเบียนของจำเลยที่ 2 ว่า “ ชำระเต็มมูลค่า“ ประกอบด้วย  ย่อมจูงใจให้ผู้พบเห็นข้อความนี้เชื่อถือโครงการดังกล่าวจากฐานะความมั่นคงของจำเลยที่ 2  ประกอบกับนางสาว ป. พยานโจทก์ซึ่งเป็นผู้บริโภคที่ซื้อห้องชุดในโครงการดังกล่าวคนหนึ่งเบิกความว่า ก่อนตกลงซื้อพยานหนังสือเชิญชวนจากจำเลยที่ 2 ให้ซื้ออาคารและห้องชุดของจำเลยที่ 2 และบริษัทในเครือรวมทั้งโครงการประตูทองพลาซ่าและคอนโดมิเนียมด้วย  ซึ่งเป็นการยืนยันว่าโครงการประตูทองพลาซ่าและคอนโดมิเนียมเป็นโครงการหนึ่งในเครือของจำเลยที่ 2 ข้ออ้างที่ว่าจำเลยที่ 2 เป็นเพียงผู้บริหารโครงการทำหน้าที่ขายและไม่รู้เห็นในการจัดทำเอกสารโฆษณาหมาย จ.18 ทั้งเหตุที่ต้องระบุชื่อจำเลยที่ 2 เป็นผู้บริหารโครงการเพื่อเป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามที่ กฎกระทรวงฉบับที่ 4 ที่ออกตามความในพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 นั้น ไม่สมเหตุสมผล จึงไม่มีน้ำหนักรับฟังหักล้างพยานหลักฐานโจทก์  แม้ตามสัญญาจะซื้อจะขายห้องชุดเอกสารหมาย จ.2 จ.3 จ.7 จ.10 และ จ.19 เป็นการทำสัญญาระหว่างผู้บริโภคทั้ง 21 ราย ในคดีนี้กับจำเลยที่ 1 ก็ตาม  แต่จากข้อเท็จจริงและพฤติการณ์ของจำเลยทั้งสองดังกล่าวย่อมฟังได้โดยแจ้งชัดว่า จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ได้ร่วมกันดำเนินธุรกิจโครงการประตูทองพลาซ่าและคอนโดมิเนียมโดยต่างมีประโยชน์ร่วมกันในโครงการดังกล่าว จำเลยที่ 2 จึงต้องร่วมกับจำเลยที่ 1 รับผิดต่อผู้บริโภคทั้ง 21 ราย ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยให้จำเลยที่ 2 ร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 นั้นชอบแล้ว ศาลฎีกาแผนกคดีผู้บริโภคเห็นพ้องด้วยในผล ฎีกาข้อนี้ของจำเลยที่ 2 ฟังไม่ขึ้น “   แอบชักใยเบื้องหลัง ก็โดนครับ  

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 120 เส้นทางสายกุหลาบ

  สิ่งที่หลายคนนิยมมอบให้กันเพื่อสื่อแทนความรักและเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของวันวาเลนไทน์ คือ “กุหลาบ” ราชินีแห่งดอกไม้ เธอกลายมาเป็นสัญลักษณ์ได้อย่างไร มีคุณค่ามากพอไหมสำหรับการบอกรัก เรามาติดตามเส้นทางชีวิตของเธอกัน  เมื่อถึงวันที่ 14 กุมภาพันธ์ของทุกปี ดอกกุหลาบจะกลายเป็นของที่หลายๆ คนต้องการ เพราะดอกกุหลาบจะไม่ได้เป็นเพียงแค่ดอกไม้ธรรมดา แต่จะกลายเป็นของขวัญสุดล้ำค่าที่ใช้เป็นสื่อแสดงถึงความรักความรู้สึกดีๆ ของคนที่ให้ไปถึงยังคนที่รับ (อาจจะฟังดูเว่อร์ๆ แต่เรื่องแบบนี้เชื่อว่าคนที่เคยมีความรักน่าจะเข้าใจดี) ช่วงเทศกาลแห่งความรัก นอกจากคนที่มีความรักหัวใจจะชื่นบานแล้ว การซื้อ-ขายดอกกุหลาบก็ดูจะคึกคักเบิกบานตามไปด้วย  เมื่อดอกกุหลาบกลายเป็นของมีค่าที่คนมีความรักต่างก็เรียกหาในวันวาเลนไทน์ ลองมาดูกันซิว่า  ดอกกุหลาบในช่วงเทศกาลแห่งความรัก มีความลับอะไรซ่อนอยู่หรือเปล่า?   บนทางที่โรยด้วยกลีบกุหลาบกุหลาบ เป็นไม้ตัดดอกที่ออกตลอดทั้งปี ซึ่งปกติถ้าไม่ใช่ช่วงวันวาเลนไทน์ เราจะซื้อกุหลาบมาสำหรับไหว้พระ รอยมาลัย หรือตกแต่งใส่แจกัน กุหลาบถือเป็นดอกไม้ที่ขายง่าย หาซื้อก็ง่าย ในเมืองไทยเรามีพื้นที่ปลูกกุหลาบตัดดอกอยู่ประมาณ 5,500 ไร่ โดยกว่าครึ่งหนึ่งอยู่ที่ อำเภอพบพระ จังหวัดตาก ที่เหลือจะกระจายอยู่ที่ จังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดเชียงรายและบางจังหวัดในภาคกลาง เช่น นครปฐม และราชบุรี เหตุที่อำเภอพบพระเป็นแหล่งปลูกกุหลาบตัดดอกแหล่งใหญ่ของประเทศ เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีสภาพอากาศเหมาะสม ไม่ร้อนหรือเย็นจนเกินไป พื้นที่ก็มีความลาดชันน้อยกว่าทางเหนือ แถมยังนิยมใช้แรงงานจากประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งมีค่าแรงที่ถูกกว่า ที่อำเภอพบพระจะปลูกกุหลาบเพื่อส่งขายไปทั่วประเทศตลอดทั้งปี ดอกกุหลาบที่วางขายที่ปากครองตลาด ตลาดดอกไม้สำคัญของคนกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่ก็มาจากที่นี่ รวมทั้ง เชียงใหม่และเชียงรายด้วย   แต่ใช่ว่าบ้านเราจะนิยมเฉพาะแต่ดอกกุหลาบในประเทศ เพราะเราก็ยังคงต้องนำเข้าดอกกุหลาบจากต่างประเทศ หลักๆ จะมาจาก เนเธอร์แลนด์และจีน ซึ่งเป็นประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องการปลูกดอกไม้สวยงามอยู่แล้ว ความสวยงามและสีสันของดอกกุหลาบจะมีความแตกต่างกับกุหลาบที่ปลูกในบ้านเราอยู่บ้าง ด้วยความที่สายพันธุ์และสภาพของภูมิอากาศในพื้นที่ที่ปลูกกุหลาบมีความแตกต่างกัน แต่อย่าคิดว่าดอกกุหลาบนำเข้าจะต้องสวยกว่าหรือแพงกว่าดอกกุหลาบที่ปลูกในประเทศเสมอไป เพราะราคาของกุหลาบไม่ได้ขึ้นอยู่กับแหล่งที่มา แต่ว่าขึ้นอยู่กับสภาพความสวยงามและขนาดของดอกกุหลาบ   เมื่อรักคือการให้...งั้นไปซื้อกุหลาบกัน ถ้าใครเคยไปเดินเลือกซื้อกุหลาบที่ปากคลองตลาด ก็จะเห็นว่าที่นี้มีกุหลาบให้เลือกซื้อมากมาย หลายสี หลายขนาด ที่สำคัญก็คือมีหลายราคา ดอกกุหลาบที่ปากคลองตลาดมีทั้งแบบที่ปลูกในบ้านเราและดอกที่นำเข้าจากต่างประเทศ โดยกุหลาบที่ขายกันจะมีทั้งแบบที่ขายเป็นมัด มัดหนึ่งมีตั้งแต่ 20 – 50 ดอก มัดรวมกันไว้เป็นห่อ มีทั้งแบบดอกสีเดียวและแบบคละสี ซึ่งถ้าขายในลักษณะนี้จะเป็นดอกกุหลาบที่ไม่ค่อยสวยเท่าไร ดอกจะช้ำๆ ใน 1 มัดอาจจะมีดอกที่สวยจริงๆ แค่ไม่กี่ดอก แต่ดีตรงที่ราคาจะถูก  ส่วนแบบที่ขายแยกเป็นดอกก็จะแพงกว่าแบบที่ขายเป็นมัด แต่เราสามารถเลือกได้ ได้เห็นสภาพของดอกกุหลาบจริงๆ และแบบที่ขายเป็นดอกเดี่ยวๆ ดอกกุหลาบจะมีคุณภาพมากกว่า สวยกว่า ดอกใหญ่กว่า ที่สำคัญคือ ทางร้านจะเก็บรักษาดีกว่า คือมีการดูแลพรั่งพร้อม ดอกกุหลาบจะถูกแช่น้ำไว้ ทำให้ดอกยังดูสด กลีบดอกจะไม่มีรอยช้ำ เพราะไม่ได้ถูกมัดหรือถูกวางทับรวมกันไว้ แต่ถ้าใครพอจะมีงบสูงสักหน่อยในการจะเลือกซื้อดอกกุหลาบ แล้วอยากได้แบบที่สวยโดนใจ เอาไปให้ใครแล้วเขาต้องประทับใจแน่นอน แนะนำให้เลือกจากร้านที่เขารับจัดดอกไม้ เพราะตามร้านรับจัดดอกไม้ส่วนใหญ่ เขาจะคัดดอกกุหลาบที่สวยงาม ดอกใหญ่ ก้านยาว แถมเรายังเจาะจงเลือกได้ว่าใน 1 ช่อ จะให้ดอกกุหลาบกี่ดอก สีอะไรบ้าง ตกแต่งด้วยอะไร เรียกว่าไม่ต้องลุ้นเหมือนการซื้อดอกกุหลาบแบบที่ขายเป็นมัดๆ และก็ไม่ต้องเหนื่อยไปจัดช่อเองถ้าซื้อแยกเป็นดอกๆ แต่กุหลาบจัดช่อนั้นขอแนะนำเฉพาะคนที่พร้อมจะลงทุนให้กับความรักจริงๆ เท่านั้น เพราะกุหลาบแบบจัดช่อจะมีราคาค่อนข้างสูง ส่วนมากจะอยู่ที่หลักพันบาท ขึ้นอยู่กับจำนวนดอกและความยาวของก้านดอก แถมบรรดาร้านที่รับจัดช่อดอกไม้ยังมีจุดขายที่เรื่องความสะดวกสบายของลูกค้า เพราะมีทั้งบริการสั่งจองช่อดอกไม้ออนไลน์และบริการเดลิเวอร์รี่ส่งดอกไม้ถึงมือผู้รับให้ด้วย ++++การแบ่งเกรดของดอกกุหลาบจะดูกันที่ความยาวของก้าน ยิ่งก้านยาวจะถือเป็นกุหลาบที่มีความสวยงามมากแถมหายาก ทำให้ราคาก็ยิ่งสูงมากตามไปด้วยการแบ่งเกรดของดอกกุหลาบก็มีตั้งแต่ เกรดของดอกกุหลาบ ความยาวของก้าน (เซนติเมตร)เกรดพิเศษ         60 ขึ้นไปเกรดเอ             50เกรดบี              40เกรดซี              30ตกเกรด            น้อยกว่า 30 +++++++++   เมื่อถึงวันวาเลนไทน์ ดอกกุหลาบก็กลายเป็นของมี (มูล) ค่า (สูง)++ ถือเป็นเรื่องที่คนที่มีความรักต้องเตรียมใจ เพราะเป็นเรื่องธรรมดาที่ราคาดอกกุหลาบช่วงวาเลนไทน์จะปรับขึ้นมากกว่าราคาที่ขายในช่วงเวลาปกติมาก ++ การขึ้นราคาของดอกกุหลาบมาจากเหตุผลง่ายๆ ว่าเมื่อสินค้าเป็นที่ต้องการของตลาดอย่างมาก จึงถือเป็นโอกาสอันดีที่ผู้ค้าจะปรับราคาให้สูงขึ้น โดยผู้ซื้อเองก็ยินดีที่จะจ่ายเพื่อแลกกับสินค้าที่ต้องการ  ++ ราคาดอกกุหลาบในช่วงวันวาเลนไทน์จะสูงกว่าช่วงปกติถึง 3 เท่า  ++ ไม่ใช่แค่ดอกกุหลาบเท่านั้น ที่ราคาจะสูงขึ้นในช่วงวันวาเลนไทน์ แต่ดอกไม้สวยงามอื่นๆ ทั้ง คาร์เนชั่น ลิลลี่ ทิวลิป เยียบีร่า ราคาก็สูงขึ้นด้วยเช่นกัน  ++ ราคากุหลาบจะไม่ตายตัวจะปรับเปลี่ยนทุกวัน แม่ค้ากุหลาบที่ปากคลองตลาดบอกว่าการตั้งราคาขายจะดูจากหลายปัจจัยหลายองค์ประกอบ ทั้งจากคุณภาพของดอกไม้ ความคับคั่งของการซื้อ – ขาย ถ้าวันไหนดอกกุหลาบขายดีมีคนเดินเยอะก็สามารถตั้งราคาสูงได้ แต่ถ้าวันไหนตลาดเงียบเหงาก็จำเป็นต้องลดราคาหรือตั้งราคาให้ถูกลงเพื่อให้สินค้าขายได้ง่ายขึ้น  ++ ความต้องการดอกกุหลาบในวันวาเลนไทน์จะมีมากกว่าช่วงเวลาปกติถึง 10 เท่า  ++ ราคากุหลาบจะค่อยๆ สูงขึ้นตั้งแต่ช่วงเดือนพฤศจิกายนจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาทองของดอกกุหลาบ  ++ กุหลาบไม่ได้แพงแค่ช่วงเทศกาลแห่งความรักเท่านั้น แต่ช่วงที่มีการรับปริญญาของมหาวิทยาลัยต่างๆ ช่วงประมาณเดือนกรกฎาคม ดอกกุหลาบก็จะมีราคาสูงขึ้นด้วยเช่นกัน  ++ กุหลาบเกรดดีๆ ที่ปลูกในบ้านเรา จะมีราคาต้นทุนอยู่ที่ประมาณ 10 - 15 บาท ในขณะที่ดอกกุหลาบที่นำเข้าจากต่างประเทศต้นทุนจะถูกกว่า เนื่องจากกุหลาบเกรดคุณภาพในบ้านเรา ยังมีการปลูกกันน้อย  ++ ช่วงวันวาเลนไทน์ดอกกุหลาบแบบที่มัดขายเป็นห่อจะขายดีที่สุด เพราะราคาถูก เนื่องจากลูกค้ากลุ่มหลักที่จะหาซื้อดอกกุหลาบในวันแห่งความรักก็คือ นักเรียน – นักศึกษา ซึ่งยังไม่มีรายได้ ส่วนใหญ่จึงใช้วิธีรวมเงินกันซื้อแล้วค่อยไปแบ่งกุหลาบกัน ++ ร้านขายกุหลาบหรือร้านที่รับจัดช่อดอกไม้บางร้าน มีบริการรับสั่งจองกุหลาบล่วงหน้าสำหรับวันวาเลนไทน์ ถ้าหากสั่งแต่เนินๆ สัก 2 – 3 อาทิตย์ จะได้ราคาที่ถูกลงกว่าซื้อใกล้ๆ วันวาเลนไทน์++++++++++++++++++++++++++++++++++++   แม้ดอกกุหลาบจะเป็นสัญลักษณ์ของความรักและวันวาเลนไทน์ แต่ผลสำรวจเมื่อปี 2553 พบว่า ของขวัญยอดฮิตในวันวาเลนไทน์หาใช่ดอกกุหลาบไม่ แต่กลับเป็นช็อกโกแลต โดยมีการสรุปตัวเลขจำนวนเงินที่ใช้ในการซื้อช็อกโกแลตเอาไว้ว่า 1 คน จะลงทุนไปกับการซื้อช็อกโกแลตประมาณ 292 บาท ส่วนดอกกุหลาบได้รับความนิยมเป็นอันดับ 2 งบในการซื้อดอกไม้ให้คนที่รักจะอยู่ที่ประมาณ 285 บาท โดยดอกกุหลาบสีแดงได้รับความนิยมมากที่สุด รองลงคือสีขาว และสีชมพู (ในผลสำรวจไม่ได้บอกว่างบที่ใช้ซื้อของขวัญในวันวาเลนไทน์นั้น เป็นงบที่ใช้กับผู้รับแค่ 1 คนหรือเปล่า ถ้าใครมีแฟนหรือคนที่แอบชอบหลายคน ก็อาจจะต้องใช้งบซื้อของมากกว่าที่บอกในผลสำรวจนะ อิอิ)ที่มา: ศูนย์วิจัยกสิกรไทย +++++++++++++++++   ไม่รักได้ไง ถ้าดอกกุหลาบที่ให้ ราคา 5 แสน!!!อย่าเพิ่งตกใจ เพราะดอกกุหลาบราคานี้มีขายจริงๆ ดอกกุหลาบช่อกลมสำหรับวันวาเลนไทน์ จำนวน 799 ดอก ซึ่งสื่อความหมายว่า “รักเธอตลอดกาล” ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของช่อกุหลาบมีความกว้างถึง 1 เมตร เรียกว่าใครที่ได้รับดอกกุกลาบ 799 ดอก ราคา 5 แสนบาทไปเป็นของขวัญ ก็คงประทับใจไม่รู้ลืม อาจจะประทับใจจนช็อคไปเลยก็ได้ ส่วนที่จะรักเธอตลอดกาลหรือเปล่าอันนี้คงบอกไม่ได้  เคยมีคนบอกว่าความรักทำได้ทุกสิ่ง แต่เรื่องนี้ต้องเฉพาะคนที่มีเงินถึงจริงๆ เท่านั้นถึงจะทำได้(***ช่อดอกกุกลาบ 799 ดอก ราคา 5 แสนบาท มีขายจริงๆ ที่ มิสลิลลี่ ฟลาเวอร์)++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++   ดอกกุหลาบแบบขายเป็นห่อ ราคาประมาณ 70 – 180 บาทส่วนใหญ่เป็นกุหลาบจาก อ.พบพระ จ.ตาก ห่อหนึ่งจะมีกุหลาบอยู่ประมาณ 50 ดอก ข้อดีคือราคาถูก ได้กุหลาบเยอะ แต่ข้อเสียคือ ดอกกุหลาบมักจะไม่ค่อยสวย ดอกเล็ก กลีบดอกช้ำ เพราะถูกมัดรวมกันมา การดูแลจากชาวสวนและแม่ค้าหลังจากตัดดอกและก่อนนำมาวางขายมีน้อยมาก ซื้อมา 1 มัด 50 ดอก อาจจะดอกที่สวยถูกใจเหมาะจะเอาไปให้คนที่รักไม่ถึง 10 ดอก   ดอกกุหลาบแบบขายเป็นกำ ราคาประมาณ 100 – 500 บาท1 กำจะมีดอกกุหลาบ ประมาณ 10 – 20 ดอก คุณภาพของดอกจะดีกว่าแบบที่ขายเป็นห่อ ดอกใหญ่กว่า ส่วนมากเป็นดอกกุหลาบเชียงใหม่ หรือไม่ก็เป็นดอกกุหลาบนำเข้า ใน 1 กำจะมีให้เลือกทั้งแบบสีเดียวและคละสี แต่ลักษณะการขายเป็นกำก็ยังมีข้อเสียคล้ายๆ กับกุหลาบที่ขายเป็นห่อคือการจัดเก็บและขนส่งจากสวนมายังตลาด กุหลาบมีโอกาสได้รับความบอบช้ำสูง   ดอกกุหลาบแบบขายเป็นดอก ราคาประมาณ 20 บาท จนถึงหลักร้อยดอกกุหลาบที่แยกขายแบบดอกเดียวมีหลากหลายรูปแบบ ความสวยงามและคุณภาพของดอกก็เป็นไปตามราคา ยิ่งดอกใหญ่ สด กลีบไม่ช้ำ ก้านยาว ราคาก็ยิ่งสูง   ดอกกุหลาบแบบขายแบบจัดช่อ – หลักร้อย จนถึงหลักหมื่นเรื่องคุณภาพและความสวยงามของดอกกุหลาบไปต้องพูดถึง แถมยังตกแต่งมาเป็นช่อเรียบร้อย เรื่องราคาก็ว่ากันไปตามคุณภาพ ชนิด และปริมาณของดอกไม้ ฝีมือของคนจัดช่อ รับประกันว่าถูกใจคนรับ แต่ราคาอาจจะไม่ถูกสำหรับคนซื้อ ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ ปลูกกุหลาบแดงไว้เพื่อเธอการปลูกกุหลาบในบ้านเราจะแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือแบบเชิงปริมาณ และเชิงคุณภาพ การปลุกกุหลาบแบบเชิงปริมาณ คือการปลูกที่เน้นที่จำนวนของดอกกุหลาบ ปลูกในพื้นที่ขนาดใหญ่ให้ดอกมากเก็บเกี่ยวได้เร็ว แต่ดอกกุหลาบที่ได้จะไม่ค่อยได้คุณภาพ ดอกจะมีขนาดเล็ก ก้านสั้น หรือไม่ก็มีตำหนิจากโรคและแมลง ทำให้อายุของดอกกุหลาบจะค่อนข้างสั้น ไม่เหมาะแก่การนำไปปักแจกัน แต่การผลิตดอกกุหลาบในลักษณะนี้ทำให้เกษตรกรสามารถตัดดอกกุหลาบส่งขายตลาดได้ทุกวัน ส่วนการปลูกกุหลาบเชิงคุณภาพ เป็นการปลูกที่ต้องมีการดูแลกุหลาบอย่างใกล้ชิดตั้งแต่ช่วงของการปลุกไปจนถึงหลังการเก็บเกี่ยว นิยมปลูกในโรงเรือนเพื่อควบคุมอุณหภูมิและป้องกันแมลง ดอกกุหลาบที่ได้จะมีคุณภาพสูง นิยมส่งไปตามร้านที่รับจัดช่อดอกไม้ซึ่งต้องใช้ดอกกุหลาบที่มีขนาดใหญ่ สีสด ไม่มีตำหนิที่กลีบดอก ซึ่งกุหลาบในลักษณะนี้เมืองไทยยังผลิตได้น้อยกว่าความต้องการของตลาด จึงทำให้ยังต้องมีการนำเข้าดอกกุหลาบจากต่างประเทศ ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++   ฉันซื้อกุหลาบให้ตัวเอง...ไม่ว่าจะซื้อกุหลาบให้ตัวเอง หรือให้คนอื่นๆ ลองมาดูเกร็ดเล็กๆ น้อยๆ ในการเลือกซื้อกุหลาบ ให้ได้ดอกที่สวยถูกใจ ไม่ผิดหวังทั้งคนให้และคนรับ   1.เลือกดอกที่ยังดูสด ไม่เหี่ยวแห้ง ไม่มีรอยช้ำ หรือสีสันไม่สดใส ไม่เปล่งปลั่ง เพราะแบบนั้นแสดงว่ากุหลาบขาดน้ำ จะเก็บไว้ได้ไม่นาน 2.นอกจากดูที่ดอกแล้วก็ต้องดูที่ใบด้วย ใบก็ต้องสวย ไม่เหี่ยว หรือห่อลู่ ไม่หักงอ ใบอยู่เต็มไม่ขาด 3.ลองจับที่กลีบดอกกุหลาบเบาๆ กุหลาบที่สุขภาพดีกลีบต้องยังมีความแข็ง จับแล้วไม่ช้ำหรือหักตามแรงกด แต่วิธีนี้ต้องอาจต้องแอบทำ เพราะส่วนใหญ่แม้ค้ามักจะไม่ให้เราสัมผัสดอกกุหลาบ ระวังถูกแม่ค้าโกรธ  4.ถ้าซื้อดอกกุหลาบแล้วเก็บข้ามคืนเพื่อใช้งานในวันถัดไป ต้องเลือกที่ดอกยังไม่บานเต็มที่ แต่ก็ไม่ถึงกับเป็นดอกตูมจนเกินไป เพราะอาจจะเป็นดอกที่ไม่บานแล้วก็ได้ เพราะฉะนั้นควรเลือกดอกที่กลีบยังเป็นทรงสวย บานออกบางแล้ว แต่ไม่ขยายมากจนเกินไป  5.ดูว่าร้านมีการดูแลดอกกุหลาบยังไงบ้าง เพราะดอกกุหลาบที่ถูกตัดมาขายจะขาดน้ำไปเลี้ยง หากแม่ค้านำมาขายโดยไม่ได้แช่น้ำ ดอกกุหลาบก็มีโอกาสเหี่ยวเร็ว  6.ถ้าไปเลือกซื้อที่ปากคลองตลาด ก็ควรยอมเสียเวลาเดินเลือกให้ทั่ว เพราะอย่างที่รู้ว่าที่นี่เป็นแหล่งขายดอกไม้ มีให้เลือกหลายร้านหลายแบบหลายราคา ลองเปรียบเทียบกันดู รับรองต้องเจอแบบที่ทั้งถูกทั้งใจถูกทั้งราคาแน่นอน  กุหลาบแทนใจ...อยากเก็บไว้หลายๆ วัน1.เมื่อซื้อกุหลาบมาแล้ว ให้เด็ดใบที่ไม่ต้องการออกบ้าง แล้วนำไปแช่ในน้ำ นำไปเก็บในที่ที่อากาศเย็น ไม่มีแดดส่อง ซึ่งการหลีกเลี่ยงไม่ให้กุหลาบถูกแดดก่อนนำไปใช้งานก็เพื่อป้องกันการสังเคราะห์แสง เพราะดอกอาจเปลี่ยนสภาพ และอย่าให้อุณหภูมิของน้ำร้อนหรือเย็นเกินไป 2.อย่าแช่ดอกกุหลาบไว้ในแจกันหรือภาชนะที่ใส่น้ำจนแน่นเกินไป เพราะมีผลต่อการดูดซึมน้ำของดอกกุหลาบ ถ้าแช่ดอกกุหลาบมากเกินไปจนดอกต้องเบียดกันแน่นอาจทำดอกและใบชำ 3.หมั่นเปลี่ยนน้ำในแจกันทุกวัน ดอกกุหลาบก็ชอบน้ำสะอาดๆ เพราะฉะนั้นเวลาทุกครั้งที่เปลี่ยนน้ำอย่าลืมล้างทำความสะอาดแจกันด้วย  4.การตัดก้านกุหลาบเพื่อนำมาปักแจกัน ควรตัดในแนวเฉียง เพราะปลายก้านในลักษณะเฉียงจะช่วยให้ดอกกุหลาบดูดซับน้ำได้มากขึ้น 5.ริดหนามออกก็สามารถช่วยชะลอไม่ให้กุหลาบเฉาเร็วได้ แต่อย่าให้มีรอยฉีกที่ก้านเพราะกลายเป็นว่าจะทำให้ดอกไม้เน่าเร็วแทน  6.ว่ากันว่าถ้าใส่เหรียญสลึงลงในแจกันที่จัดดอกกุหลาบไว้ ส่วนผสมที่เป็นทองแดงในเหรียญจะช่วยยับยั้งเชื้อแบคที่เรียที่อยู่ในแจกัน ทำให้ดอกกุหลาบไม่เหี่ยวเร็ว++++++++

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 120 กระแสต่างแดน

  ขอต้อนรับ “แขกผู้มีกล่อง”ว่ากันว่าปีนี้เศรษฐกิจที่ฮ่องกงกำลังจะเข้าสู่ช่วงขาขึ้น และผู้คนก็มีแนวโน้มที่จะใช้เงินกันมากขึ้น อย่างน้อยๆก็มีการสำรวจพบว่าในช่วงตรุษจีนปีนี้ผู้คนประมาณร้อยละ 20 จะใส่เงินในซองอังเปามากกว่าปีก่อนๆ  จะใช้เงินทุ่มเรื่องไหนไม่ว่า แต่องค์กรเพื่อนโลกหรือ Friends of the Earth เขาเป็นห่วงว่าจะมีการใช้จ่ายเหลือเฟือไปกับอาหารงานเลี้ยงที่สุดท้ายก็ต้องเหลือทิ้งมากมายนี่สิ ว่าแล้วเขาจึงออกมารณรงค์ให้บรรดาผู้ที่จะไปเลี้ยงฉลองตรุษจีนปีนี้ลองสั่งอาหารหลักมาแค่ 6 จาน แทนที่จะเป็น 8 จาน เพื่อความเป็นสิริมงคลตามความเชื่อเดิมดูบ้าง จะได้ไม่เหลือทิ้งมากนัก  Friends of the Earth ประเมินว่า โครงการ “สั่งน้อย เหลือน้อย” ที่ว่านี้ น่าจะช่วยลดขยะอาหารได้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 15 ข่าวบอกว่าปัจจุบันฮ่องกงมีขยะที่เกิดจากอาหารเหลือในแต่ละวันมากกว่า 3,000 ตัน  นอกจากรณรงค์กับคนทั่วไปแล้ว องค์กรนี้ยังขอความร่วมมือไปยังหน่วยงานรัฐกว่า 80 แห่ง และบริษัทเอกชนอีก 50 แห่งให้ช่วยนำแนวคิด”งานเลี้ยงแบบพอเพียง” นี้ไปปฏิบัติกันด้วย  เริ่มจากการตรวจสอบจำนวนแขกให้แน่นอน จากนั้นสั่งอาหารให้ “พอดี” และที่สำคัญต้องไม่ลืมแจ้งแก่แขกผู้มีเกียรติ ให้ช่วยมี “กล่อง” ติดตัวมาด้วยเพื่อจะได้นำอาหารที่เหลือกลับไปทานที่บ้านได้โดยไม่ขัดเขิน   ทำไมต้องทิ้งกันด้วยเขาว่ากันว่าจะดูพฤติกรรมการบริโภคให้เข้าใจถ่องแท้ เราต้องไปดูกันที่ถังขยะ  เขาที่ว่านี้ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นองค์การพิทักษ์สิ่งแวดล้อมของเดนมาร์ก ที่นี่ก็ประสบปัญหาเรื่องขยะอาหารล้นประเทศเช่นกัน นักชีววิทยาและหัวหน้าทีมวิจัยขององค์กรนี้ประกาศว่าจะต้องชี้ชัดลงไปให้ได้ว่าพฤติกรรมการกินเหลือของคนเดนมาร์กนั้นเป็นอย่างไร เพื่อจะได้สะท้อนปัญหาและหาทางออก  จะไปถามคนเขาตรงๆ ก็คงจะไม่ได้อะไร อย่ากระนั้นเลย ไปหาคุ้ยเอาเองจากถังขยะดีกว่า และตามแผนวิจัยครั้งนี้ เขาจะต้องไม่มีการแจ้งบ้านเจ้าของถังขยะล่วงหน้า เพราะเกรงว่าผู้คนจะไม่กล้าทิ้งกันเต็มที่ ถ้ารู้ว่าจะมีคนมาเก็บขยะตัวเองไปศึกษา ตอนนี้เขากำลังประกาศหาบริษัทเอกชนเข้ามารับทำการเก็บ แยก และลงทะเบียนพร้อมถ่ายภาพขยะที่ควรค่าแก่การศึกษาเหล่านั้นไว้ เพื่อเป็นฐานข้อมูลในการวิเคราะห์ว่าแต่ข่าวเขาไม่ได้บอกว่าบรรดาข้อมูลส่วนตัวอื่นๆ ที่บังเอิญมาอยู่ในถังขยะด้วย มันจะได้รับการคุ้มครองอย่างไร   เสียงเรียก ... จากรถขยะฉลาดซื้อฉบับนี้เป็นยังไงนะ วนเวียนอยู่แต่เรื่องของขยะ ... แต่รับรองได้กว่าไม่มีกลิ่น เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องของเสียงล้วนๆ ที่ไต้หวันนั้นเขาไม่เหมือนบ้านเรา ที่วางถุงขยะไว้หน้าบ้านหรือริมทางเท้าเพื่อรอให้รถของเทศบาลมาเก็บไป เขาไม่อนุญาตให้วางถุงไว้แล้วไปไหนต่อไหนได้ตามใจชอบ ที่นั่นเจ้าของขยะจะต้องมาส่งขยะขึ้นรถด้วยตนเอง  บรรดาชาวบ้าน (ซึ่งส่วนใหญ่เป็นประชาชนชาวแฟลต) จะรู้ตัวว่าต้องเตรียมหิ้วถุงขยะออกจากบ้านเมื่อพวกเขาได้ยินเสียงเพลงคลาสสิค ของบีโธเฟ่นมาแต่ไกล แต่ด้วยเหตุใดไม่ทราบทางเทศบาลเขาเปลี่ยนเพลงซึ่งใช้มาเป็นเวลาหลายปีเป็นเพลงแบบมีเนื้อร้องที่เกี่ยวกับการทิ้งขยะให้เป็นที่เป็นทางแทน  ผลก็คือชาวบ้านปรับตัวกันไม่ทัน ไม่ค่อยได้ยินเสียงรถที่วิ่งมา เลยทำให้พลาดโอกาสทิ้งขยะ มีบ้างที่ฟกช้ำดำเขียวเพราะวิ่งตามรถขยะแล้วพลาดล้ม จึงเรียกร้องให้เทศบาลกลับไปใช้เพลงเดิม  รถขยะในเมืองไทเปนั้นจัดว่าเป็นรถสารพัดประโยชน์จริงๆ บางครั้งผู้คนที่เอาขยะมาทิ้งก็จะได้หัดพูดภาษาอังกฤษไปด้วย เพราะเทศบาลเขาจัดมาให้เล่นเทปสอนประโยคภาษาอังกฤษขั้นพื้นฐานจำนวน 300 ประโยค แต่จุดขายของรถเหล่านี้ไม่ใช่แค่เสียงเท่านั้น ล่าสุดยังพ่วงตำแหน่งเมสเซ็นเจอร์ ทำหน้าที่ส่งเอกสารระหว่างหน่วยงานในสังกัดของเทศบาลไทนานด้วย เจ้าหน้าที่เขาบอกว่าแต่ละวันมีเอกสารกว่า 100 ชิ้นที่ต้องจัดส่ง เรียกว่าช่วยให้เขาประหยัดเงินได้ปีละประมาณ 6 ล้านบาททีเดียว   อสังหาเบอร์ห้าตั้งแต่มกราคมปีนี้เป็นต้นไป โฆษณาบ้าน คอนโด หรือสำนักงานในฝรั่งเศสจะใช้แค่ระดับความหรูเริ่ดอลังการ หรือความสะดวกในการเดินทางมาเป็นจุดขายอย่างเดียวไม่ได้แล้ว  เพราะรัฐเขากำหนดให้โฆษณาอสังหาริมทรัพย์ทั้งหมดมีการแจ้งระดับเรทติ้งการประหยัดพลังงานด้วย เจ้าเรทติ้งที่ว่านี้มีตั้งแต่ระดับ A ไปจนถึง G  โดยเรทติ้ง A นั้นจัดเป็นสุดยอดอาคาร ที่ผู้สร้างจัดเต็มตามมาตรฐานการประหยัดพลังงาน รายงานข่าวบอกว่าปัจจุบันร้อยละ 19 ของอาคารที่อยู่อาศัยในฝรั่งเศสได้เรท C  ร้อยละ 31  ได้เรท D และร้อยละ 22 ได้เรท E ปัจจัยที่นำมาประเมินเพื่อจัดเรทติ้งของอาคารก็ได้แก่ อัตราการใช้พลังงาน ค่าใช้จ่ายด้านพลังงานโดยเฉลี่ย และปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ปล่อยออกมา  ผู้เชี่ยวชาญด้านการก่อสร้างอาคารจะเป็นผู้ตรวจสอบ ก่อนที่องค์กร COFRAC จะเป็นผู้ให้การรับรอง  ความจริงแล้วฝรั่งเศสได้ผลักดันเรื่องนี้มานานพอสมควร เขาบอกว่าร้อยละ 46 ของพลังงานที่ใช้ในประเทศนั้นเป็นพลังงานที่ใช้โดยอาคารที่อยู่อาศัยและสำนักงานเพื่อปรับอุณหภูมิให้ผู้คนอยู่ได้อย่างอุ่นสบายนั่นเอง และอาคารเหล่านี้ก็เป็นตัวการในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกถึง 1 ใน 4 ของประเทศด้วย เริ่มจากปี 2006 รัฐกำหนดให้บ้าน ร้าน หรืออาคารสำนักงาน ที่กำลังจะเปลี่ยนเจ้าของจะต้องได้รับการประเมินระดับการใช้พลังงานก่อน หนึ่งปีต่อมาก็กำหนดให้มีใบรับรองระดับการใช้พลังงานเพื่อประกอบกับสัญญาซื้อขาย หรือสัญญาเช่าด้วย และล่าสุดก็คือการกำหนดให้มีการแสดงเรทติ้งด้านพลังงานของอาคารไว้ในโฆษณาด้วยนี่แหละ ... น่าอิจฉา ผู้บริโภคชาวฝรั่งเศสจัง สมอ. บ้านเราสนใจจะมีตรารับรองบ้านประหยัดไฟเบอร์ 5 กับเขาบ้างหรือเปล่าหนอ  

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 120 กระแสในประเทศ

  ประมวลเหตุการณ์เดือนมกราคม 2554 19 มกราคม 2554ฉลากอาหารปรับลุคใหม่ หวาน – เค็มเท่าไหร่รู้ได้เลยคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เตรียมออกประกาศ ปรับปรุงการแสดงฉลากอาหารสำเร็จรูปทุกประเภท รวมทั้งน้ำดื่มทุกชนิด ที่เป็นการให้ข้อมูลโภชนาการแก่ผู้บริโภคให้อ่านง่ายและเข้าใจมากขึ้น จากเดิมที่มีรายละเอียดซับซ้อนและเข้าใจได้ยาก ผู้บริโภคต้องคิดคำนวณสารอาหารที่ได้หรือเปรียบปริมาณที่ควรกินต่อวันเอง แต่ข้อมูลในฉลากใหม่นี้จะเน้นที่การให้ข้อมูลสารอาหารที่บรรจุภายในผลิตภัณฑ์ เปรียบเทียบเป็นร้อยละความต้องการสารอาหารของร่างกายในแต่ละวัน รวมทั้งปรับปรุงจากเดิมที่เป็นการกำหนดสารอาหารต่อ 1 หน่วยบริโภค เป็นสารอาหารตามจำนวนที่บรรจุแทน เพราะปัจจุบันอาหารมีการบรรจุหลายขนาด บางครั้ง 1 หน่วยบริโภคอาจเป็นน้ำหนักเพียง 1 ใน 4 ของน้ำหนักอาหารจริงใน 1 ซองก็ได้ ซึ่งทำให้ผู้บริโภคหลายคนเข้าใจผิด  การปรับปรุงฉลากอาหารของ อย. จะทำให้ผู้บริโภคคำนวณสารอาหารที่กินได้ง่ายขึ้น และจะแสดงค่าสารอาหารสำคัญๆ ได้แก่ พลังงาน น้ำตาล ไขมันอิ่มตัว และเกลือ ซึ่งการกำหนดฉลากในรูปแบบใหม่นี้ จะเป็นข้อมูลที่ช่วยให้ผู้บริโภคสามารถควบคุมเรื่องการกิน หวาน มัน เค็ม ไม่ให้มากเกินไป ทำให้สามารถดูแลสุขภาพตัวเองได้ง่ายขึ้น โดย อย. ตั้งเป้าว่าผู้บริโภคจะได้เห็นฉลากรูปแบบใหม่นี้ในปี 2554++++++++++++++++++++++++++++   23 มกราคม 2554ถึงเวลาคุมเข้ม สัญญา “ฟิตเนส”สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เตรียมออกกฎหมายคุมเข้มบริการ “ฟิตเนส” หลังยอดร้องเรียนปี 53 พุ่ง 200 ราย โดยประเด็นที่ร้องเรียนส่วนใหญ่คือเรื่อง การไม่ปฏิบัติตามข้อสัญญาในเรื่องการบริการ ที่ก่อนจะมีการทำสัญญา พนักงานขายจะบอกว่าสามารถใช้บริการด้านใดได้บ้าง แต่เมื่อทำสัญญาแล้วไม่เป็นตามข้อตกลงที่วางไว้ กับอีกเรื่องคือ เรื่องการบอกเลิกสัญญาก่อนกำหนด ที่ผู้ใช้บริการไม่สามารถเรียกร้องเอาเงินคืนจากผู้ประกอบการได้ และจะมีการหักเงินจากบัตรเครดิตเป็นรายเดือน ในการทำสัญญาระหว่างผู้ประกอบการและลูกค้าจะเป็นการทำสัญญากันเองของสองฝ่าย ซึ่งส่วนใหญ่ผู้บริโภคจะถูกเอาเปรียบ และไม่สามารถเอาผิดกับผู้ประกอบการได้ เนื่องจากไม่มีข้อกฎหมายบังคับ  โดยสาระสำคัญของ (ร่าง) ประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญาฯ จะเจาะจงแต่สถานที่ให้บริการแบบที่มีอุปกรณ์ออกกำลังกายเท่านั้น ไม่รวมสถานที่ที่มีหลักสูตรเฉพาะอย่าง โยคะ ศิลปะป้องกันตัว หรือกีฬา โดยการทำสัญญาต้องมีข้อความเป็นภาษาไทยที่สามารถเห็นและอ่านได้ชัดเจน พร้อมระบุรายละเอียดขนาดพื้นที่ จำนวนประเภท จำนวนอุปกรณ์ออกกำลังกาย สิ่งอำนวยความสะดวก  อัตราค่าสมาชิก ค่าใช้บริการออกกำลังกาย ค่าฝึกสอน ลักษณะการเรียกเก็บเงิน ระยะเวลาการเป็นสมาชิก ฯลฯ  สิทธิในการบอกเลิกสัญญา เงื่อนไขการขอเรียกคืนเงิน ซึ่งต่อไปหากพบสัญญาไม่เป็นธรรม ผู้บริโภคสามารถฟ้องร้องได้++++++++++++++   26 มกราคม 2554ผู้บริโภคเสี่ยงน้ำมันทอดซ้ำเพราะน้ำมันปาล์มขึ้นราคาผลพวงจากวิกฤติราคาน้ำมันปาล์มที่แพงขึ้น กระทรวงสาธารณสุขมีความเป็นห่วงว่า บรรดาพ่อค้า-แม่ค้าอาจใช้วิธีประหยัดต้นทุนด้วยการใช้น้ำมันทอดอาหารซ้ำหลายๆ ครั้ง ซึ่งเป็นอันตรายกับผู้บริโภค เพราะอย่างที่ทราบกันดีว่าการนำน้ำมันมาทอดซ้ำ จะเป็นการก่อให้เกิดสารโพลาร์ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็ง  กระทรวงสาธารณสุขเคยสุ่มตรวจตัวอย่างน้ำมันที่ใช้ทอดอาหาร ในร้านขายอาหารในปี 2553 จำนวนทั้งหมด 4,397 ตัวอย่าง พบมีสารโพลาร์เกิน 294 ตัวอย่าง ในช่วงวันที่ 1-14 มกราคม 2554 ได้ตรวจน้ำมันทอดซ้ำในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล 494 ตัวอย่าง พบน้ำมันทอดซ้ำไม่ได้มาตรฐานร้อยละ 5.06  กระทรวงสาธารณสุขฝากถึงพ่อค้า-แม้ค้าว่า ไม่ควรน้ำมันทอดซ้ำเกิน 2 ครั้ง โดยหลังจากใช้ทอดครั้งแรกแล้ว จะต้องกรองกากทิ้งก่อน จึงจะสามารถนำน้ำมันมาใช้ทอดครั้งที่ 2 ได้ หากสุ่มตรวจแล้วพบมีสารโพลาร์เกินมาตรฐาน คือไม่เกินร้อยละ 25 ต่อน้ำหนักน้ำมันที่ใช้ ถือว่ามีความผิดฐานจำหน่ายอาหารไม่ได้มาตรฐาน มีสิทธิโดนโทษปรับไม่เกิน 50,000 บาท +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++   บรอดแบรนด์ 199 บาท เพื่อการเข้าถึงอินเตอร์เน็ตทีโอที ได้เปิดให้บริการอินเตอร์เน็ตราคาถูกใน 6 จังหวัด ด้วยระบบบรอดแบนด์ 2 เมกะบิต เพียง 199 บาทต่อเดือน ภายใต้โครงการ “ถนนไร้สาย” ของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือ ไอซีที ซึ่งเป็นโครงการนำร่องให้บริการอินเตอร์เน็ตผ่านเครือข่ายไร้สาย หรือ ไว-ไฟ (Wi-Fi) ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ ตามนโยบายบรอดแบนด์แห่งชาติ โดยเริ่มต้นไปแล้ว 6 จังหวัด ได้แก่ นครศรีธรรมราช, ตรัง, เพชรบูรณ์, เชียงใหม่, เชียงราย และ พิษณุโลก  โดย ทีโอที หวังว่าการให้บริการอินเตอร์เน็ตในราคานี้ จะช่วยให้การใช้งานอินเตอร์เน็ตภายในประเทศมีความแพร่หลายมากขึ้น เพราะปัจจุบันอินเตอร์เน็ตบรอดแบนด์ขั้นต่ำ 6 เมกะบิต อยู่ที่ 599 บาทต่อเดือน ซึ่งยังถือว่าค่อนข้างสูงเกินไปสำหรับลูกค้าที่มีรายได้น้อย การปรับลดราคาโดยใช้เงื่อนไขลดความเร็วของอินเตอร์เน็ตลง จึงน่าจะเป็นทางเลือกใหม่ให้กับผู้บริโภค โดยเฉพาะกลุ่มนักเรียน – นักศึกษา  แต่บริการนี้ก็ยังติดปัญหาเรื่องการให้บริการยังไม่ครอบคลุมในพื้นที่ห่างไกล ซึ่งถ้าจะทำให้เข้าถึงได้ทั่วประเทศต้องใช้เงินลงทุนสูง  แบบนี้คงต้องฝากความหวังเอาไว้กับ 3 จี ซึ่งหวังว่าบ้านเราจะมีโอกาสได้ใช้เร็วๆ นี้++++++++++++++++++++++++++++++++++++++   คัดค้านเครดิตบูโร เก็บประวัติการจ่ายค่าน้ำ – ค่าไฟมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคยื่นหนังสือคัดค้านการจัดเก็บประวัติการชำระค่าระบบสาธาณูปโภค ต่อบริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด(เครดิตบูโร) เพราะเห็นว่าไม่เป็นธรรมกับผู้บริโภค เรื่องการจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ ไม่น่าจะมีผลเกี่ยวข้องกับเรื่องขอสินเชื่อ พร้อมเสนอให้พิจารณาปรับปรุงแก้ไขกฎหมายที่อาจเป็นอุปสรรคต่อการเข้าถึงสินเชื่อของประชาชนโดยไม่เป็นธรรม  นายอิฐบูรณ์ อ้นวงษา หัวหน้าศูนย์พิทักษ์สิทธิผู้บริโภค กล่าวว่าการเข้ายื่นหนังสือครั้งนี้ต้องการให้ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด ทบทวนการนำประวัติการชำระค่าระบบสาธาณูปโภคมาเป็นเงื่อนไขในการของสินเชื่อ เพราะเรื่องการชำระ ค่าน้ำ ค่าไฟ และค่าโทรศัพท์ของผู้บริโภคไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องการทำธุรกรรมทางการเงิน แถมยังเป็นการซ้ำเติมประชาชน เพราะปัญหาเรื่องการขาดชำระค่าน้ำ ค่าไฟ เป็นเรื่องที่อาจเกิดได้จากหลายเหตุผล ทั้งจากความผิดพลาดด้านเอกสาร ที่อาจตกหล่นไม่ถึงมือผู้ใช้บริการ หรือการที่ชื่อของผู้ขอใช้กับผู้ใช้จริงไม่ได้เป็นคนเดียวกัน อย่างในกรณีของผู้ให้บริการหอพัก บ้านเช่า หรือการที่อาจถูกแอบอ้างชื่อโดยมิจฉาชีพไปจดทะเบียนของใช้บริการโทรศัพท์ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นโดยความไม่ตั้งใจ หากมีการนำไปบันทึกประวัติเสียในเครดิตบูโร ข้อมูลจะถูกเก็บไว้ถึง 3 ปี แม้เงินที่ค้างชำระจะเป็นเงินจำนวนไม่มากและผู้บริโภคจะได้ชำระเงินเรียบร้อยในภายหลังแล้วก็ตาม ซึ่งเป็นเรื่องที่ดูไม่สมเหตุสมผลหากกลายมาเป็นอุปสรรคในการขอสินเชื่อจากสถาบันการเงิน++++++++++++++++++++++  

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 120 ของไหว้ตรุษจีน

ทุกปีพอเลยปีใหม่แบบฝรั่งวันที่ 1 มกราคม หลายคนก็เริ่มคิดถึงวันปีใหม่แบบจีนที่อยู่ไม่ห่างไกลกันนัก เมื่อใกล้ตรุษจีนราคาข้าวของจะแพงขึ้นไปอีกนิดหน่อย เพราะความต้องการสูงเนื่องจากประชากรโลกสายพันธุ์มังกรนั้น มากมายเสียเหลือเกิน   ของไหว้เจ้ากับเทศกาลตรุษจีน เป็นสิ่งคู่กันมาตลอด ขาดไม่ได้สำหรับผู้สืบเชื้อสายจีน ที่จริง ตรุษ แปลว่า สิ้นปี เทศกาลตรุษจีนในที่นี้จึงหมายถึง เทศกาลที่มีขึ้นเพื่อฉลองการสิ้นสุดของปีเก่าและการเริ่มต้นของปีใหม่ ถือกันว่าเป็นการเฉลิมฉลองที่สามารถรอดพ้นจากเรื่องไม่ดีของปีเก่ามาพบปีใหม่ที่สุขสันต์ โอกาสดีแบบนี้เทพเจ้าทั้งหลายย่อมเสด็จลงมาเยี่ยมเยียนโลกมนุษย์ เมื่อมาแล้วหากไม่ไหว้บูชาสักการะ จะกลายเป็นว่าไม่นับถือกัน   การไหว้ตรุษจีนมีประวัติยาวนานกว่า 3,000 ปี เทพเจ้าที่ไหว้ก็มีกันหลายองค์ อย่างเทพเจ้าเตา ที่ถือว่าเป็นผู้มีคุณช่วยให้เรามีอาหารทำกินไม่อดอยาก และยังมีอีกหลายองค์ตามแต่ศรัทธาความเชื่อ และในเมื่อไหนๆ ก็ไหว้แล้ว ก็รวมการไหว้บรรพบุรุษไปด้วยเลย   ของไหว้ก็นิยมทั้งคาว หวาน ซึ่งแต่ละชนิดจะมีความหมาย ไม่ใช่เอาอะไรมาไหว้ก็ได้ เพราะเทพเจ้าท่านจะคอยตรวจสอบว่า มนุษย์เอาใจใส่มากแค่ไหน   อย่างไหว้เทพเจ้า ก็ควรมีเนื้อสามอย่าง ได้แก่ หมูสามชั้นต้ม ไก่ เป็ด (บางทีก็ปรับเปลี่ยนได้)  หมู หมายถึงความมั่งคั่ง เพราะหมูอ้วนแสดงว่ากินดีอยู่ดี บางทีก็ใช้หัวหมูเป็นสัญลักษณ์แห่งสมองและปัญญา ส่วน ไก่ หมายถึง การตรงเวลา ความรู้งาน ไก่มีหงอนสื่อถึงหมวกขุนนาง แสดงถึงความเจริญก้าวหน้า จะไหว้ด้วยอะไรอันนี้แต่ละบ้านคงสืบทอดธรรมเนียมปฏิบัติกันมา รวมทั้งกำลังทรัพย์ที่มีอย่างไรก็ตาม ของไหว้ถ้ามากไปก็แบ่งปันให้คนที่ไม่มีกินบ้างนะ บูชาเทพแล้วก็ดูแลเพื่อนมนุษย์ด้วยกันด้วย บุญจะได้ส่งเสริมให้สุขสันต์ตลอดปี

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 120 คิดจะรัก...ต้องระวังอย่าสำลักยา

  “ กวาวเครือขาว  บำรุงสมอง  บำรุงประสาท   กวาวเครือแดง บำรุงสมรรถภาพทางเพศท่านชาย ” ข้อความที่น่าสนใจนี้ ไม่ใช่คำพูดของผมนะครับ  แต่เป็นเสียงประกาศจากดีเจท่านหนึ่ง ผ่านทางวิทยุชุมชนแห่งหนึ่งทางภาคอีสาน  ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความน่าเชื่อถือของดีเจ หรือสรรพคุณที่ระบุอย่างนั้น จึงทำให้คุณตา และคุณยายวัยหกสิบกว่า คู่หนึ่ง ถึงกับใจอ่อนยอมโทรศัพท์เข้าไปในรายการเพื่อขอสั่งซื้อยาดังกล่าว  หลังจากนั้น ไม่นานเกินรอ  ยาทั้ง 2 ชนิดก็ถูกส่งมาทางไปรษณีย์ สู่มือของผู้สูงวัยทั้งสอง  เอาละ ! นับแต่นี้ คุณตา คุณยายคู่นี้ คงจะได้บำรุงสมอง  บำรุงประสาท   บำรุงสมรรถภาพทางเพศกันสมอุรา  แต่....หลังจากเริ่มประทานยาไปประมาณ 2 เดือน โรงพยาบาล  ก็ได้มีโอกาสต้อนรับคุณยาย ด้วยอาการ เลือดออกทางช่องคลอด เป็นปริมาณมาก  ทั้งๆ ที่คุณยายท่านหมดประจำเดือนไปแล้วเมื่อ 29 ปีที่แล้ว หรือท่านจะย้อนยุคกลัวมาเป็นสาวรุ่น ?  ภญ.ติ๊ก เภสัชกรสาวสวย ของโรงพยาบาลนี้ เล่าให้ผมฟังเพิ่มเติมว่า  คุณยาย ท่านรับประทานยา " กวาวเครือขาว "  ครั้งละ 1 แคปซูล  ก่อนอาหาร  เช้า  เย็น ติดต่อกัน นานถึง 50  วัน  เมื่อยาหมด ท่านก็เลยรับประทาน  " กวาวเครือแดง "  ต่อ โดยรับประทาน วันละ 1  แคปซูล  ก่อนอาหาร เช้า  เย็น   เช่นเดียวกัน  แต่พอรับประทาน กวาวเครือแดง ได้เพียง 2 วัน เท่านั้น ก็เริ่มมีเลือดออกทางช่องคลอดเป็นปริมาณมาก แถมไหลออกไม่หยุดติดต่อกันมาแล้ว 14  วัน  คิดได้ว่า คงไม่ใช่อาการย้อนยุคกลับมาสาวแน่นอน จึงรีบมาโรงพยาบาล หลังจากคุณหมอตรวจภายใน  พบการหนาตัวผิดปกติของผนังมดลูก   จึงได้ให้พักรักษาตัวเป็นผู้ป่วยใน  เพื่อทำการรักษาต่อ เภสัชกร ติ๊ก  ตรวจสอบ ผลิตภัณฑ์กวาวเครือ  ที่คุณยายท่านรับประทาน ได้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ทั้ง ยากวาวเครือขาวและยากวาวเครือแดง   ต่างก็ขึ้นทะเบียนตำรับยา เป็น ยาสามัญประจำบ้านแผนโบราณ และมีเลขทะเบียนยาถูกต้อง   (กวาวเครือนั้นมีสาร  Phytoestrogen  ซึ่งมีโครงสร้างคล้าย เอสโตรเจน ซึ่งเป็นฮอร์โมนในเพศหญิง  ทำให้ผู้บริโภคเกิดผลข้างเคียงที่ตามมา    ขนาดรับประทานของกวาวเครือขาว  ไม่ควรเกิน 1-2 มิลลิกรัม/กิโลกรัม/วัน   หรือประมาณวันละ  50 - 100  มิลลิกรัม   ซึ่งปัจจุบัน อย.กำหนดขนาดรับประทานของกวาวเครือขาวไม่เกิน  100 มิลลิกรัม / วัน) ในโอกาสเทศกาลแห่งความรักที่บานฉ่ำ กระชุ่มกระชวย เรื่องราวของคุณยาย คงจะเป็นอุทาหรณ์สอนใจ  ในการบริโภคยา เพราะยามีทั้งคุณและโทษ ผู้บริโภคต้องระมัดระวังก่อนเลือกบริโภคยา  โดยต้องศึกษาข้อมูลให้ดีก่อน แม้ว่ายานั้นจะขึ้นทะเบียนเป็นยาสามัญประจำบ้านแผนโบราณแล้วก็ตาม (ขอขอบคุณ ภญ.สุภาวดี   เปล่งชัย  รพ.เสลภูมิ ผู้ให้ข้อมูลเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคในครั้งนี้)

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 120 ไม่มีให้ซื้อตามโฆษณา ก็ต้องฟ้องสิจ้ะ

วันที่ 30 ธันวาคม 2553 ได้มีโอกาสหยิบหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ขึ้นมาอ่าน และได้เห็นการโฆษณาของห้างโลตัส เป็นภาพสีคู่ 2 หน้า และแสดงภาพสินค้าราคาขายอย่างชัดเจน มีทั้งสินค้าลดราคา ซื้อ 1 แถม 1 ตั้งแต่วันที่ 30 ธ.ค. 2553 ถึง 2 มกราคม 2554 พร้อมคำบรรยายว่าซื้อแล้วจะได้สิทธิคูณ แต้ม 3 เท่าในคลับการ์ด และมีข้อความตัวเล็กๆ ด้านล่างของกรอบโฆษณา ถึงข้อจำกัดการซื้อ เช่น กรณีสินค้าขาดตลาด จำหน่ายหมดก่อนกำหนดหรือปฏิบัติตามคำสั่งราชการ โดยไม่มีการระบุว่าสินค้ามีจำนวนจำกัดเมื่ออ่านข้อมูลครบถ้วน ผู้เขียนได้ชวนพี่สาวและหลานๆ เดินทางไปที่ห้างโลตัสสมุทรสงคราม เวลาประมาณ 10.40 น. เพื่อไปซื้อสินค้าตามโฆษณา ไปถึงชั้นวางของปรากฏว่าไม่มีของตามที่โฆษณาวางอยู่ ผู้เขียนจึงไปสอบถามเจ้าหน้าที่ ได้คำตอบว่า ของหมดแล้ว(ฮ้า....นี่เพิ่งวันแรกแต่เช้าหมดแล้วเหรอ..) เอ้า...หมดก็หมด ผู้เขียนเตรียมกลับบ้าน หันมาเจอพี่สาวและหลานๆ เห็นซื้อของกันมาเต็มมือก็เลยถามว่าอ้าว...ของที่ตั้งใจมาซื้อไม่มีแล้วซื้ออะไรกันมา ก็ได้คำตอบว่าไหนๆ ก็เสียเวลามาแล้ว ก็ซื้อๆไปเถอะ (อ้าว...อีกครั้ง)ผู้เขียนเริ่มรู้สึกว่าการโฆษณาของเขาได้ผล เพราะเมื่อผู้บริโภคเห็นโฆษณาก็อยากจะมาที่ห้าง มาแล้วไม่เจอของที่ตั้งใจซื้อ ก็ต้องซื้อสินค้าอื่นๆ เพื่อไม่ให้เสียเวลา ซึ่งตรงนี้หรือเปล่า คือเป้าของการโฆษณา แต่คิดอีกที เออ..สินค้าเขาคงหมดจริงๆจนถึงวันที่ 1 มกราคม 2554 หลังเสร็จภารกิจส่วนตัวประจำวันผู้เขียนได้เดินทางไป ที่ห้างโลตัสอีกครั้ง ก่อนเที่ยง ปรากฏว่าก็ไม่มีสินค้าอีก เอาละอันนี้เริ่มชัด(อะไรว่ะ....มากี่ทีก็ไม่มีของ..) ผู้เขียนจึงไปแจ้งเจ้าหน้าที่ว่าต้องการคุยกับผู้จัดการ รอสักพักผู้จัดการ(หรือเปล่าไม่รู้) ก็มาคุยและแจ้งว่าสินค้าหมดแล้วจริงๆ ผู้เขียนจึงได้นำหนังสือพิมพ์ที่โฆษณาของห้างไปแสดงและชี้ให้เห็นว่า ไม่มีข้อความไหนบอกว่า สินค้ามีจำนวนจำกัด และไม่ได้บอกว่าต้องมาซื้อสินค้าเวลาไหนจึงจะซื้อสินค้าตามที่โฆษณาได้ เป็นการให้ข้อมูลไม่ครบถ้วนผิดกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค ขณะที่มีการเจรจาก็มีผู้บริโภครายอื่นๆ มายืนฟังด้วย(ที่น่าเศร้าใจที่สุดคือ..มีผู้บริโภคบางคนพูดว่า...ของมันหมดแล้วมาโวยทำไม หมดก็ซื้ออย่างอื่นซิ..กลายเป็นว่าคนใช้สิทธิเป็นคนผิดอีก..แส้นนนน....ดี...จริงผู้บริโภคไทย) ผู้จัดการบอกว่าขอเบอร์โทรไว้แล้วกันหากสินค้ามาและจะโทรบอก อันนี้ล่ะ..ที่ผู้เขียนรับไม่ได้ พอใครโวยก็ให้สินค้าใครไม่โวยก็หลอกลวงกันเรื่อยๆไป โดยเฉพาะบริษัทต่างชาติที่เข้ามากอบโกยรายได้จากผู้บริโภคไทย ด้วยการใช้เทคนิคทางการตลาด นำสินค้าชิ้น 2 ชิ้น มาโฆษณาเป็นเหยื่อล่อ หลอกลวงให้หลงเชื่อ เพื่อให้ผู้บริโภคเข้าไปที่ห้างของตนนั้น เป็นเทคนิคการตลาดที่ขาดจริยธรรมอย่างสิ้นเชิง(จริงๆ) ผู้เขียนได้โทรไปที่สายด่วนผู้บริโภค มีเสียงอัตโนมัติตอบกลับมาว่า ผู้ให้บริการติดบริการรายอื่นอยู่โปรดรอสักครู่ จนสายถูกตัด แต่ก็พยายามโทรอีกหลายครั้งใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมง ก็ไม่สามารถติดต่อได้ เลยต้องโทรหาท่านเลขา สคบ.ท่านก็รับเรื่องแล้วบอกว่าจะดูแลให้ แต่เมื่อคิดอีกทีไปแจ้งความไว้เพื่อเป็นหลักฐานในการดำเนินคดี ก็คงดีก็เลยไปแจ้งความไว้ที่โรงพักเพื่อที่จะได้ดำเนินการฟ้อง พรบ.วิธีพิจารณาความผู้บริโภค เพื่อสร้างบรรทัดฐานต่อไป และในวันเดียวกันก็มีผู้บริโภครายอื่นโทรมาร้องเรียนว่าถูกหลอกเช่นกัน โดยดูทีวีมีการโฆษณาว่ามีกล้องโซนี่ ซื้อ 1แถม 1 ไปซื้อจริงๆไม่มีสินค้าเช่นกัน จึงแนะนำให้ไปแจ้งความไว้อีกคดี กลายเป็นว่าผู้บริโภคได้ร่วมกันให้ของขวัญปีใหม่กับห้างโลตัสไปแล้วโดยไม่ตั้งใจ ที่เขียนเรื่องนี้เพราะผู้เขียนมั่นใจว่าหลายห้างใช้เทคนิคนี้เช่นกัน ไม่อยากจะฝากหน่วยงานแล้วเพราะฝากไปก็เหนื่อยเปล่า ผู้บริโภคอย่างเราๆต้องร่วมมือกันเมื่อเจอเหตุช่วยกันแจ้งความ เพื่อผลักดันให้ธุรกิจเหล่านี้มีจริยธรรมในการประกอบธุรกิจ พลังของเราจะเป็นพลังที่ขับเคลื่อนสังคมไปสู่การลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความเป็นธรรมในสังคมได้จริง

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 120 รายงานปัญหาผู้บริโภค ปี 2553 และจับตาภัยผู้บริโภคปี 2554 ตอนที่ 2

1. ปัญหาด้านสื่อและโทรคมนาคม• เอสเอ็มเอสกวนใจ และอินเตอร์เน็ตสุดอืดปัญหากลุ่มนี้ อันดับหนึ่งเป็นปัญหาของการใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ราวร้อยละ 48 และอันดับสองคือ ปัญหาการใช้บริการอินเตอร์เน็ตร้อยละ 33 ในกลุ่มปัญหาโทรศัพท์เคลื่อนที่นั้น เรื่องที่มีการร้องเรียนเข้ามามากที่สุดคือ ปัญหาเอสเอ็มเอสกวนใจ หรือสมัครเข้าใช้บริการโดยไม่ได้ตั้งใจและถูกหักเงินค่าใช้บริการ ซึ่งเรื่องนี้จะเชื่อมโยงกับปัญหาการคิดค่าบริการผิดพลาดด้วย เนื่องจากถูกหักเงินโดยไม่ทราบเหตุผลส่วนปัญหาอินเตอร์เน็ตนั้น จะมีสองเรื่องใหญ่ที่ผู้บริโภคร้องเรียนคือ ปัญหาเน็ตช้า ไม่เร็วอย่างที่โฆษณา และปัญหาซื้อสินค้าผ่านเน็ต ถูกหลอกให้โอนเงินแต่ไม่ได้สินค้า แนวทางแก้ไข• กรณีมีเอสเอ็มเอสขยะเข้ามากวนใจตลอดเวลา ผู้บริโภคสามารถทำข้อตกลงกับผู้ให้บริการมือถือได้ว่าโทรศัพท์มือถือเบอร์ใดที่ไม่ต้องการรับเอสเอ็มเอสขยะได้ และหากยังมีเข้ามาอีกก็สามารถเรียกค่าเสียหายกับผู้ให้บริการได้ เพราะถือว่าได้ทำสัญญาตกลงกันแล้ว• กรณีสมัครเอสเอ็มเอส โดยไม่ตั้งใจ เมื่อทราบว่าเกิดปัญหานี้ขึ้นให้ผู้บริโภคติดต่อกับผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือโดยทันที เพื่อแจ้งยกเลิกการใช้บริการรับข้อความเอสเอ็มเอสและมิให้เรียกเก็บเงิน หรือหากมีการหักเงินเรียกเก็บไปแล้ว ก็ให้ผู้ให้บริการมือถือคืนเงินโดยทันที เพราะถือว่าเป็นการใช้บริการที่ผู้บริโภคไม่ได้ตั้งใจสมัคร• ปัญหาเน็ตช้า ผู้บริโภคควรเข้าไปในเว็บไซต์ที่มีบริการตรวจสอบความเร็วเน็ต และปริ้นท์ข้อมูลไว้เป็นหลักฐาน หากความเร็วเน็ตที่ใช้ได้ไม่ถึง 80% จากความเร็วที่โฆษณา ผู้บริโภคสามารถเรียกร้องให้ผู้ให้บริการแก้ไขปัญหาให้มีความเร็วตามที่โฆษณาได้และยังขอลดหย่อนค่าบริการได้ หรือปฏิเสธการจ่ายค่าบริการได้ หากไม่สามารถใช้บริการอินเตอร์เน็ตได้ในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งที่มีหลักฐานชัดเจน• ส่วนการซื้อสินค้าผ่านเน็ตนั้น ทราบว่าในขณะนี้รัฐบาลกำลังดำเนินการกับปัญหานี้ โดยพยายามให้มีการเรียกเก็บภาษีการซื้อขายสินค้าผ่านเน็ต ซึ่งจะช่วยให้ผู้บริโภครู้ตัวตนผู้ขายสินค้าได้ชัดเจนมากขึ้น   2. ปัญหาด้านอสังหาริมทรัพย์ คนร้องคอนโดแซงหน้าปัญหาบ้านจัดสรร ในปี 2553 ปัญหาของผู้อยู่อาศัยในอาคารชุดหรือคอนโดมิเนียมเบียดแซงหน้าปัญหาของหมู่บ้านจัดสรรไปแบบเฉียดฉิว โดยกลุ่มปัญหาอสังหาริมทรัพย์ การร้องรียนเรื่องคอนโดคิดเป็นร้อยละ 40 และปัญหาหมู่บ้านจัดสรรอยู่ที่ร้อยละ 37 ปัญหาคอนโด ส่วนใหญ่เป็นเรื่องผิดสัญญาจะซื้อจะขายของผู้ประกอบธุรกิจ คือ สร้างไม่เสร็จ สร้างล่าช้า สร้างไม่ได้มาตรฐาน แต่ผู้บริโภคที่ไม่รู้เหลี่ยมกฎหมายมักตกเป็นฝ่ายถูกฟ้องร้องเหตุไม่ยอมรับโอนกรรมสิทธิ์ตามสัญญา ในขณะที่หมู่บ้านจัดสรรจะมีปัญหาในการจะซื้อจะขายบ้านและที่ดิน โดยที่ผู้บริโภคต้องจ่ายเงินจอง เงินดาวน์ไปก่อน ในระหว่างที่รอคำตอบขอสินเชื่อกับสถาบันการเงิน แต่เมื่อทราบผลว่าสินเชื่อไม่อนุมัติ ทำให้ผู้บริโภคต้องสูญเงินจองเงินดาวน์ไปเป็นจำนวนมาก แนวทางแก้ไข• กรณีคอนโดมีปัญหาในการก่อสร้าง สร้างไม่เสร็จ สร้างล่าช้า สร้างไม่ได้มาตรฐาน เมื่อผู้บริโภคทราบเหตุปัญหาในขั้นตอนไหน ลักษณะใด ให้ทำหนังสือทักท้วงให้ผู้ประกอบธุรกิจแก้ไขหรือให้ก่อสร้างให้เป็นไปตามที่ตกลงไว้ในสัญญาโดยทันที อย่าใช้วิธีโทรศัพท์ติดตามเพียงอย่างเดียว และไม่ให้จ่ายเงินค่างวดจนกว่าปัญหาที่ทักท้วงไปนั้นจะได้รับการแก้ไขลุล่วงเรียบร้อย หากผู้ประกอบธุรกิจไม่ดำเนินการแก้ไขให้เป็นไปตามสัญญา ผู้บริโภคมีสิทธิ์บอกเลิกสัญญา และเรียกค่าเสียหายได้ • กรณีซื้อบ้านจัดสรร ที่ต้องขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินแล้วยังไม่รู้ผลอนุมัติ เพื่อป้องกันไม่ให้สูญเงินจองเงินดาวน์ไปแบบกินเปล่า ก่อนที่จะลงนามในสัญญาจองและสัญญาจะซื้อจะขาย ผู้บริโภคควรขอให้ผู้ประกอบธุรกิจระบุไว้ในสัญญาเลยว่า หากกู้ไม่ผ่านผู้ประกอบธุรกิจยินดีจะคืนเงินจอง เงินดาวน์ทั้งหมด หรือในสัดส่วนเท่าไหร่ก็ว่าไปตามที่จะตกลงกัน หากผู้ประกอบธุรกิจหรือพนักงานขายไม่ยินยอม ให้เดินออกมาได้เลย ไม่ต้องสนใจกับโครงการนั้นอีกต่อไป   3. ปัญหาด้านบริการสุขภาพและสาธารณสุข• ฟิตเนส...สัญญาชั่วฟ้าดินสลาย ในช่วงเดือนกันยายน ปี 2553 มีหนังไทยเรื่องหนึ่งเข้าฉาย คือเรื่อง ชั่วฟ้าดินสลาย เป็นเรื่องราวโศกนาฏกรรมความรักสุดหน่วงระหว่างอาสะใภ้กับหลานชายของสามี แบบ “ความรักชั่วนิรันดร์ การลงทัณฑ์ชั่วชีวิต” ดูไปแล้วเอามาเทียบกับการเป็นสมาชิกบริการฟิตเนสช่างเหมือนกันได้แบบไม่ผิดเพี้ยน ต่างกันนิดเดียวคือฟิตเนสจะออกแนว “สมาชิกชั่วนิรันดร์ การลงทัณฑ์ชั่วชีวิต” เป็นสมาชิกไปแล้ว เลิกไม่ได้ ต้องจ่ายเงินไปเรื่อยๆ ลูกเดียว นอกจากฟิตเนสแล้ว จากการร้องเรียนยังพบว่าบรรดาศูนย์สุขภาพและความงามจำพวกสปามีการใช้สัญญาชั่วนิรันดร์ลักษณะนี้กับผู้บริโภคเช่นกัน นับเป็นภัยผู้บริโภคอีกเรื่องหนึ่งที่น่าจับตาในปี 2554ปัญหาสัญญาสัญญาไม่เป็นธรรมของบริการฟิตเนส เป็นปัญหายอดฮิตที่มีการร้องเรียนในกลุ่มปัญหาด้านบริการสุขภาพและสาธารณสุข โดยมีมากถึงร้อยละ 45 แนวทางแก้ไข• ผู้บริโภคควรตั้งสติก่อนคิดทำสัญญา• หากหลงเข้าทำสัญญาไปแล้ว ถ้าเป็นการจ่ายเงินผ่านบัตรเครดิต หากไม่ประสงค์จะใช้บริการต้องรีบทำหนังสือบอกเลิกสัญญาโดยเร็วที่สุด ด้วยเหตุผลที่ผู้ประกอบธุรกิจโฆษณาเป็นเท็จ เกินจริง หรือผิดสัญญาในข้อสำคัญ แล้วให้ส่งสำเนาหนังสือบอกเลิกสัญญาไปที่บริษัทบัตรเครดิตเพื่อให้ระงับการเรียกเก็บเงินโดยทันที• หากผู้ประกอบธุรกิจฟิตเนสผิดสัญญาในเงื่อนไขสำคัญ นอกจากจะสามารถบอกเลิกสัญญาได้แล้ว ผู้บริโภคยังมีสิทธิเรียกค่าเสียหายหรือเรียกร้องค่าสมาชิกคืนได้ แต่หากเจรจาไม่สำเร็จอาจต้องใช้การฟ้องเป็นคดีผู้บริโภคในท้ายที่สุด4. ปัญหาด้านอาหาร ยา เครื่องสำอางจับตา...อาหารไม่ปลออดภัยปัญหาด้านอาหารเท่าที่มีการร้องเรียนกับมูลนิธิฯ มีสองลักษณะใหญ่คือ อาหารไม่ปลอดภัย และการโฆษณาเป็นเท็จหรือเกินจริง  โดยอาหารไม่ปลอดภัยนั้นมักเกิดในลักษณะของอาหารไม่บริสุทธิ์ โดยมีสาเหตุใหญ่ๆ คือ มีสิ่งที่น่าจะเป็นอันตรายแก่สุขภาพเจือปนอยู่ และเกิดปัญหาในกระบวนการผลิต การบรรจุหรือการเก็บรักษา ที่ไม่ถูกสุขลักษณะ กรณีที่เคยนำมาลงในฉลาดซื้อ เช่น พบตัวมอดในนมผงสำหรับเด็กเล็ก นมบูดเสียก่อนกำหนดส่วนด้านการโฆษณาที่เป็นเท็จหรือสงสัยว่าเป็นเท็จนั้น มักพบในผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีการโฆษณาตามสื่อทีวีดาวเทียมหรือสื่อวิทยุชุมชนต่างๆ แนวทางแก้ไขใน 7 กลุ่มปัญหา ปัญหาด้านอาหาร ยา เครื่องสำอางนับเป็นกลุ่มปัญหาที่มีการร้องเรียนเข้ามาที่มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคเป็นจำนวนน้อยที่สุด ทั้งนี้ด้วยปัจจัยหลายอย่าง เช่น การมีหน่วยงานที่รับผิดชอบดูแลอย่างชัดเจน ความเสียหายไม่ชัดเจน หรือเสียหายไม่มาก หรือพบปัญหาบ่อยมากจนเป็นเรื่องชินชา อย่างไรก็ดีปัญหากลุ่มนี้นับเป็นปัญหาที่ใกล้ตัวผู้บริโภคมากที่สุดกว่ากลุ่มใด จึงจำเป็นที่มูลนิธิฯ จะต้องดำเนินการรณรงค์ให้ผู้บริโภคได้ใช้สิทธิให้มากยิ่งขึ้น  

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 120 ทำไมเรา(โง่) จ่ายอยู่กลุ่มเดียว

เดือนที่ผ่านมาคงได้รับรู้ปัญหาของระบบประกันสังคมกันอยู่ไม่มากก็น้อย เพราะผู้ประกันตนถือเป็นกลุ่มเดียว(9.4 ล้านคน) ที่ต้องจ่ายสมทบค่ารักษาพยาบาลให้กับตนเอง จ่ายเงินแล้วสิทธิประโยชน์ยังน้อยกว่ากลุ่มอื่น ๆ ไม่จะเป็นสวัสดิการข้าราชการ หรือระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า(บัตรทอง) ในกรณีผู้ป่วยเรื้อรัง กว่าจะได้ใช้สิทธิผู้ประกันตน ก็ต้องผ่านการพิสูจน์จากสำนักงานว่า เป็นผู้ประกันตนหรือไม่ ทั้งๆ ที่ บางคนจ่ายเงินมาไม่น้อยกว่า 4 ปี ก่อนเก็บเงินก็ไม่เคยถูกถามว่าเป็นผู้ประกันตนหรือไม่ หรือหากจะคลอดบุตรได้ก็ต้องจ่ายสมทบเงินมาไม่น้อยกว่า 7 เดือน ทำให้ผู้หญิงวัยทำงานจำนวนมากไม่สามารถไปฝากท้องได้เพราะไม่มีเงินจ่ายและไม่สามารถใช้สิทธิใด ๆ ได้ สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้สะท้อนระบบประกันสังคมว่าไม่ได้มองว่าเรื่องสุขภาพเป็นสิทธิพื้นฐานของประชาชน แต่เป็นสิ่งที่จะต้องจ่ายก่อนถึงจะได้สิทธินั้น ทั้งที่รัฐธรรมนูญก็กำหนดไว้ชัดเจนว่า บุคคลย่อมมีสิทธิเสมอกันในการรับบริการทางสาธารณสุขที่เหมาะสมและได้มาตรฐานต้องยอมรับว่าเมื่อปี 2533 กฎหมายประกันสังคมก้าวหน้ามากในสังคมไทย แต่หากพิจารณาในปัจจุบันที่เรามีกฎหมายหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เมื่อปี 2545 ครอบคลุมคนไทยทั้งประเทศ ทำให้ผู้ประกันตนเป็นกลุ่มเดียวที่ต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาล เงินประมาณ 15,000 ล้านบาท ที่จ่ายสมทบทั้งลูกจ้างและนายจ้าง หากนำไปจ่ายเพิ่มสิทธิประโยชน์ชราภาพ หรือเป็นเงินออมของผู้ประกันก็น่าจะทำให้ผู้ประกันตนเมื่อสูงวัยพอจะมีคุณภาพชีวิตได้บ้าง ที่สำคัญทุกคนที่เป็นคนไทยมีความเท่าเทียมในการได้รับสวัสดิการขึ้นพื้นฐานจากประเทศ นอกจากนี้ยังเพิ่มประสิทธิภาพระบบหลักประกันสุขภาพ (60 ล้านคน) ให้สิทธิประโยชน์ของทุกคนเหมือนกัน และสร้างความเข้มแข็งของระบบประกันสังคมในระยะยาว ช่วยกันลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความเป็นธรรมด้วยของจริง ร่วมกันผลักดันเรื่องนี้ให้เป็นจริง ด้วยการสมัครเป็นสมาชิกชมรมพิทักษ์สิทธิผู้ประกันตน และร่วมกิจกรรมได้ที่ Facebook ชมรมพิทักษ์สิทธิผู้ประกันตน

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 119 เค้ก (cake)

เค้ก (cake) ขนมอบประจำเทศกาลสำคัญ ทั้งปีใหม่ วันเกิด งานแต่งงาน เค้กกำเนิดมาในยุคเดียวกับขนมปังตั้งแต่อียิปต์โบราณ เดิมแยกความแตกต่างของเค้กกับขนมปังด้วยรูปร่างและรสชาติ   เค้ก ออกรสหวานเด่นชัด ซึ่งส่วนใหญ่จะได้จากน้ำผึ้ง ภายหลังความแตกต่างยิ่งเด่นชัดขึ้นมาก เมื่อขนมปังจัดอยู่ในกลุ่มอาหารหลัก ส่วนเค้กจัดอยู่ในกลุ่มขนมหวาน   เค้กยุคแรกจะทำโดยใช้เตาหินร้อนๆ และใช้ยีสต์เพื่อการขึ้นฟู มาเลิกใช้ยีสต์เอาเมื่อศตวรรษที่ 18 เมื่อมีคนคิดค้นเบกกิ้งโซดาได้ในปี ค.ศ. 1840 และยังมีผงฟูที่เกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1860 ส่วนการเปลี่ยนจากเตาหินมาเป็นเตาไฟฟ้าหรือเตาแก๊สนั้น เริ่มในศตวรรษที่ 19 ประมาณปี ค.ศ. 1900  ว่ากันว่าโลกนี้มีสูตรการทำเค้กเป็นล้านๆ สูตร บางสูตรตำรับก็ถ่ายทอดสืบต่อกันมา  นานนับศตวรรษ แต่ก็ล้วนทำจากส่วนผสมหลัก 4 อย่าง คือ แป้ง น้ำตาล ไข่ และไขมัน   เห็นส่วนผสมก็น่าจะดูออกว่า เค้กเป็นขนมที่ให้พลังงานสูง เค้ก 1 ชิ้นเล็ก(35 กรัม) ให้พลังงานถึง 140 กิโลแคลอรี่ ยิ่งถ้ากินร่วมกับน้ำหวาน น้ำอัดลมปริมาณแคลอรี่ยิ่งกระฉูด ดังนั้นก็เตือนกันไว้ อร่อยได้ แต่อย่ามากมายนะคะ

อ่านเพิ่มเติม >