ฉบับที่ 238 Tap2Call ตัวช่วยรวบรวมเบอร์สำคัญให้คุณ

        มาถึงเดือนสุดท้ายของปี 2563 ท่ามกลางวิกฤตการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ทำให้การเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ ยังคงมีความยากลำบากกันพอสมควร เพราะต้องปฏิบัติตามมาตรการการป้องกันโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้การ์ดตก ซึ่งถือว่าเป็นหน้าที่สำหรับคนไทยของเราทุกคนที่จะทำเพื่อส่วนรวมให้กับประเทศไทย ดังนั้นการมีข้อมูลสำหรับติดต่อสื่อสารไว้ในมือจะช่วยทำให้สามารถตรวจสอบและติดต่อไปยังสถานที่ใดที่ต้องการได้ทุกที่ เพื่อลดการเดินทางไปด้วยตนเองโดยไม่จำเป็น        ฉบับนี้จึงมานำเสนอแอปพลิเคชั่นที่รวบรวมเบอร์โทรศัพท์ที่สำคัญไว้ภายในแอปพลิเคชั่นเดียวกัน ทำให้ลดขั้นตอนการค้นหาในกูเกิ้ลไปได้มากทีเดียว เพราะได้คัดเลือกเบอร์โทรศัพท์ที่ถูกต้องและได้อัพเดทเบอร์โทรศัพท์ตลอดเวลา ช่วยเพิ่มความสะดวกรวดเร็วในการค้นหาเบอร์โทรศัพท์ในช่วงเวลาสำคัญและเร่งด่วนได้พอตัว และเหมาะกับผู้สูงอายุอีกด้วย                แอปพลิเคชั่นนี้มีชื่อว่า Tap2Call สามารถดาวน์โหลดได้ทั้งระบบปฏิบัติการ iOS และระบบปฏิบัติการ Android ได้ฟรี เมื่อดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่น Tap2Call จะเข้าสู่ภายในแอปพลิเคชั่นได้โดยไม่ยุ่งยาก และเมนูที่ปรากฎหน้าแอปฯ สามารถเห็นได้ชัดเจน ตัวอักษรใหญ่ เหมาะกับผู้สูงอายุที่มีปัญหาเรื่องสายตาได้เป็นอย่างดี แถมแอปฯ ไม่มีความซับซ้อน มีสีสันสวยงามน่าใช้มากๆ โดยเบอร์โทรศัพท์ที่ได้รวบรวมไว้ ได้แก่ หมวดสั่งอาหาร หมวดธนาคาร/บัตรเครดิต หมวดโรงภาพยนตร์ หมวดการสื่อสาร หมวดสายการบิน หมวดแท๊กซี่ หมวดโรงพยาบาล หมวดแจ้งเหตุด่วน และหมวดสอบถามข้อมูลทั่วไป        หมวดสั่งอาหารจะรวบรวมเบอร์โทรศัพท์ของร้านอาหารยอดนิยม พร้อมเวลาเปิดให้บริการ หมวดธนาคาร/บัตรเครดิตจะรวบรวมเบอร์โทรศัพท์ของธนาคารทั้งหมดไว้ หมวดโรงภาพยนตร์จะรวบรวมเบอร์โทรศัพท์สาขาต่างๆ ของโรงภาพยนตร์ทุกเครือ หมวดการสื่อสารจะรวบรวมเบอร์โทรศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายโทรศัพท์และบริษัทที่ผลิตโทรศัพท์สมาร์ทโฟน หมวดสายการบิน หมวดแท๊กซี่ หมวดโรงพยาบาลจะรวบรวมเบอร์โทรศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับหมวดนั้นๆ         ส่วนหมวดแจ้งเหตุด่วนจะรวบรวมเบอร์โทรศัพท์ไว้อย่างหลากหลาย ได้แก่ ตำรวจทางหลวง กองปราบปราม รถพยาบาล ศูนย์คุ้มครองผู้โดยสารสาธารณะ ศูนย์จราจรอุบัติเหตุ จส.100 ศูนย์ดำรงธรรม ศูนย์นเรนทร ศูนย์ปรึกษาปัญหาชีวิต ศูนย์พิทักษ์สิทธิเด็กและครอบครัว ศูนย์รับแจ้งข่าวยาเสพติด  ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ สายด่วนกรมทางหลวง สายด่วนบัตรทอง สายด่วนผู้บริโภคกับ อย. สายด่วนร้องทุกข์ สคบ. เป็นต้น และหมวดสอบถามข้อมูลทั่วไปจะรวบรวมเบอร์โทรศัพท์ทั่วไปที่ไม่สามารถระบุในหมวดที่กล่าวมาทั้งหมดได้ เช่น บขส. ศาลาว่าการ ศูนย์ช่วยเหลือนักท่องเที่ยว สายด่วนกรมการจัดหางาน เรือด่วนเจ้าพระยา เป็นต้น        เมื่อค้นหาเบอร์โทรศัพท์ที่ต้องการติดต่อภายในแอปพลิเคชั่นเจอแล้ว ผู้ใช้แอปพลิเคชั่นสามารถกดโทรออกผ่านทางแอปพลิเคชั่นได้ทันที ตอบโจทย์ทุกความต้องการขนาดนี้ ลองดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่น Tap2Call ไว้บนสมาร์ทโฟนสักนิด รับรองว่าเบอร์สำคัญต่างๆ จะถูกรวบรวมมาไว้เพื่อให้คุณพร้อมโทรแน่นอน

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 236 ปลูกต้นไม้แถมสุขภาพดีกับ Plant Nanny

        ช่วงนี้สถานการณ์ร้อนผ่าว ร้อนแรงในหลายเรื่องพร้อมๆ กัน แต่ที่เครียดมากคงเป็นเรื่องเงินๆ ทองๆ ในฐานะอย่างเรา (ผู้เขียน) รับรองว่าเรื่องนี้เครียดสุดๆ เมื่อไม่นานมานี้ได้แอบเห็นแอปพลิเคชั่นสุดน่ารักน่าชังแว๊บๆ จึงได้ดาวน์โหลดมาลองเล่นดู ช่วยทำให้เพลินอารมณ์และคลายเครียดได้ดีเชียว แถมพ่วงด้วยประโยชน์ที่มีต่อสุขภาพร่างกายของเราด้วยนะจะบอกให้         มารู้จักแอปพลิเคชั่น Plant Nanny กัน แอปพลิเคชั่นนี้มีไว้ช่วยดูแลสุขภาพในรูปแบบเกมส์ปลูกต้นไม้ มีวิธีเล่นง่ายๆ คือ พยายามดูแลรดน้ำต้นไม้ให้โต และนำต้นไม้นั้นย้ายไปไว้ในสวนเพื่อจัดให้สวยงาม โดยปริมาณน้ำที่ใช้รดต้นไม้มาจากปริมาณน้ำที่ผู้เล่นดื่มในแต่ละวันนั่นเอง สามารถดาวน์โหลดฟรีได้ทั้งระบบปฏิบัติการ iOS และระบบปฏิบัติการ Android          มาเริ่มต้นเล่นเกมส์กันเลยดีกว่า หลังจากดาวน์โหลดมาเรียบร้อยแล้ว โปรแกรมจะให้เลือกหน่วยของปริมาณน้ำที่ต้องการระหว่างมิลลิลิตร (ml) กับออนซ์ (oz) ซึ่งบ้านเราส่วนใหญ่ใช้ในรูปแบบมิลลิลิตร (ml) และให้เลือกน้ำหนักของผู้เล่น พร้อมกิจกรรมประจำวันว่าอยู่ในระดับปกติหรือระดับตื่นตัวตลอดเวลา เมื่อกรอกข้อมูลครบถ้วนหมดแล้วโปรแกรมจะคำนวณว่าในแต่ละวันผู้เล่นจำเป็นต้องดื่มน้ำในปริมาณเท่าใด        ยังไม่จบเพียงนี้ เพราะผู้เล่นต้องเลือกขนาดแก้วที่ใช้ดื่มเป็นประจำ ไม่ว่าจะในรูปแบบแก้วสั้น แก้วยาว แก้วมัค ขวด กระติก ฯลฯ ซึ่งมีตัวเลขปริมาณน้ำกำกับอยู่ ต่อจากนั้นมาเริ่มปลูกต้นไม้กันได้เลย เมื่อผู้เล่นได้ดื่มน้ำตามปริมาณที่ตั้งไว้ในแอปพลิเคชั่น ให้กดค้างบริเวณปุ่มสัญลักษณ์วงกลมที่มีชนิดของแก้วน้ำที่เลือกไว้อยู่ตรงกลาง จนกระทั่งเกิดเส้นสีฟ้าโดยรอบวงกลมนั้น เมื่อรดน้ำต้นจนครบปริมาณน้ำที่เพียงพอ ต้นไม้ก็จะเติบโตขึ้นในทุกวันนั่นเอง         บริเวณหน้าแอปพลิเคชั่นจะมีปุ่มสัญลักษณ์ต่างๆ อยู่ ดังนี้ ปุ่มสัญลักษณ์หยดน้ำสีส้มตรงมุมบนซ้ายจะบอกการเติบโตของต้นไม้ ถัดมาเป็นปุ่มสัญลักษณ์กล้องถ่ายรูปสำหรับถ่ายภาพต้นไม้ของเรา ด้านบนขวาจะมีปุ่มสัญลักษณ์เครื่องหมายถูกสีฟ้าจะแสดงให้รู้ว่าวันนี้ผู้เล่นได้ดื่มน้ำไปในปริมาณเท่าใด นอกจากนี้ยังสามารถกดแถบหมวด History ด้านล่างเพิ่มเติมเพื่อให้รู้ประวัติการดื่มน้ำทั้งหมดได้ด้วย         ต่อมาเป็นปุ่มสัญลักษณ์ขีด 3 ขีด โดยภายในจะแบ่งเป็น 4 หมวด ได้แก่ ภาพรั้วจะไปยังหน้าสวนไว้สำหรับเก็บต้นไม้ที่เติบโตเต็มที่แล้ว ภาพร้านค้าจะให้เป็นแผงขายของให้เลือกซื้อตั้งแต่กระถางต้นไม้ ชนิดพันธุ์ต้นไม้ น้ำ ภาพพื้นหลัง เป็นต้น ภาพภูเขาจะเป็นที่เก็บภาพพื้นหลังที่ได้ซื้อไว้ และภาพประแจจะเป็นส่วนของการตั้งค่าภายในแอปพลิเคชั่นทั้งหมด         แอปพลิเคชั่น Plant Nanny นี้เป็นได้ทั้งเกมส์ทั้งสิ่งที่ช่วยกระตุ้นเตือนให้ผู้เล่นดื่มน้ำในปริมาณที่ควรได้รับในแต่วันให้เพียงพอ โดยการดื่มน้ำนั้นไม่ควรน้อยเกินไปและมากจนเกินไป ซึ่งถ้ามีการรดน้ำต้นไม้เกินปริมาณที่ควรได้รับในแต่ละวัน แอปพลิเคชั่นจะแจ้งเตือนให้ผู้เล่นได้รู้ตัวทันทีว่าให้ระมัดระวังที่จะดื่มน้ำมากจนเกินไป         เพลิดเพลินและสนุกสนานกับการเล่นเกมส์ แถมได้รับสุขภาพดี แบบนี้ดีจริงๆ นะคะ

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 235 ชำระภาษีรถประจำปีแบบ New Normal ผ่าน “DLT Vehicle Tax”

        กำลังเป็นที่นิยมอย่างมากในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ที่ต้องลดการเดินทางไม่ไปอยู่ในพื้นที่แออัด ต้องป้องกันตนเองโดยการลดการสัมผัสสิ่งต่างๆ แถมช่วงนี้ยังต้องช่วยกันรักษาการ์ดไม่ให้ตก เพื่อไม่ให้เชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) กลับมาแพร่ระบาดในประเทศไทยอีกครั้ง ดังนั้นไม่แปลกที่หน่วยงานต่างๆ ยังคงออกเทคโนโลยีมาสนับสนุนบริการในรูปแบบออนไลน์อย่างต่อเนื่อง         ล่าสุดกรมการขนส่งทางบกได้เพิ่มช่องทางการชำระภาษีรถประจำปีแบบ New Normal ผ่านแอปพลิเคชันชำระภาษีรถประจำปีที่มีชื่อว่า “DLT Vehicle Tax” และเปิดบริการตู้รับชำระภาษีรถประจำปีอัตโนมัติที่ชื่อ “Kiosk” เรียบร้อยแล้ว         การชำระภาษีรถด้วยตนเองง่ายๆ ผ่านแอปพลิเคชั่น DLT Vehicle Tax สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันได้ฟรีทั้งระบบปฏิบัติการ iOS และ Android ซึ่งในขั้นตอนแรกต้องลงทะเบียนชื่อ นามสกุล เมล เลขประจำตัวประชาชน เบอร์โทรศัพท์ โดยระบบจะส่งรหัส OTP ผ่านเมลที่ได้ลงทะเบียนไว้เพื่อให้เข้าไปตั้งรหัส PIN Code ของแอปฯ ต่อจากนั้นให้เลือกปุ่มชำระภาษีรถ จะปรากฎขั้นตอนการชำระภาษี 4 ขั้น ได้แก่ ขั้นที่ 1 เลือกรูปแบบชำระภาษี ขั้นที่ 2 เลือกประเภทรถ ขั้นที่ 3 บันทึกข้อมูลทะเบียนรถ และขั้นที่ 4 บันทึกข้อมูลประกันภัยรถ         ขั้นที่ 1 การเลือกรูปแบบชำระภาษีจะให้เลือกชำระภาษีรถตนเองหรือชำระภาษีแทนเจ้าของรถ โดยจะให้กรอกเลขประจำตัวประชาชนของเจ้าของรถนั้น ต่อจากนั้นแอปฯ จะไปขั้นที่ 2 ให้เลือกประเภทรถ 4 ประเภท ดังนี้ รถยนต์นั่งไม่เกิน 7 คน (รถเก๋ง), รถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกิน 7 คน (รถตู้), รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล (รถกระบะ) ที่มีอายุไม่เกิน 7 ปี และรถจักรยานยนต์มีอายุการใช้งานไม่เกิน 5 ปี ในกรณีที่เป็นรถที่มีอายุเกิน 7 ปีจะไม่สามารถใช้บริการผ่านแอปพลิเคชั่น DLT Vehicle Tax และตู้รับชำระภาษีรถประจำปีอัตโนมัติ (Kiosk) ได้         เมื่อไปถึงขั้นที่ 3 จะให้บันทึกข้อมูลทะเบียนรถและจังหวัดของรถ ขั้นสุดท้ายจะให้กรอกรายละเอียดของข้อมูลประกันภัยรถ เมื่อกรอกข้อมูลครบถ้วนแล้วแอปพลิเคชั่นจะให้ QR Code สำหรับนำไปชำระภาษีผ่านแอปพลิเคชั่นของธนาคารต่างๆ หลังจากชำระภาษีเรียบร้อยแล้ว ระบบจะแสดงเครื่องหมายการเสียภาษีรถชั่วคราวในระหว่างที่รอรับเครื่องหมายฉบับจริง โดยสามารถขอรับเครื่องหมายฉบับจริงได้ 2 วิธี คือ เลือกให้จัดส่งเอกสารทางไปรษณีย์ หรือรับเอกสารด้วยตนเองที่ตู้รับชำระภาษีรถประจำปีอัตโนมัติ (Kiosk) สำนักงานกรมการขนส่งทางบก         ทั้งนี้สามารถชำระภาษีรถประจำปีอัตโนมัติ (Kiosk) สำนักงานกรมการขนส่งทางบกได้ ซึ่งทำตามขั้นตอนเหมือนกับแอปพลิเคชั่น DLT Vehicle Tax แต่จะได้รับเครื่องหมายฉบับจริงทันที      ใครมีรถยนต์ที่ถึงเวลาต้องชำระภาษีประจำปีแล้ว แต่ไม่สะดวกที่จะเดินทางไปชำระภาษีประจำปีที่สำนักงานกรมการขนส่งทางบกด้วยตนเอง ลองดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน DLT Vehicle Tax มาใช้บริการกันดู กดชำระภาษีประจำปีผ่าน DLT Vehicle Tax แล้วทำแค่นั่งรอไปรษณีย์มาส่งถึงที่บ้าน ซึ่งเหมาะกับยุคสมัยเทคโนโลยีบริการออนไลน์จริงๆ

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 234 หยุดเบอร์โทรรบกวน ด้วยแอปพลิเคชั่น “กันกวน”

        ช่วงสภาวะที่ยังคงต้องมีมาตรการเฝ้าระวังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) อย่างต่อเนื่องแบบนี้ ส่งผลให้หลายองค์กรทำงาน “หาลูกค้า” ลำบากมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มที่จำเป็นต้องลงพื้นที่ตามแหล่งชุมชน ต้องเข้าถึงกลุ่มลูกค้าด้วยตนเอง อย่างกลุ่มที่ทำงานขายประกัน ขายบัตรเครดิต เป็นต้น ซึ่งมักจะต้องออกบูธเพื่อประชาสัมพันธ์ชักชวนลูกค้าแบบตัวต่อตัว        เมื่อไม่สามารถหาลูกค้าในรูปแบบเดิมได้ จึงต้องหันมาใช้รูปแบบการโทรศัพท์ถึงกลุ่มเป้าหมายแทน แต่บางครั้งการโทรศัพท์เพื่อขายสินค้าและบริการในลักษณะนี้ก็ไม่ได้เป็นที่พึงพอใจกับกลุ่มเป้าหมายเท่าใดนัก บางทีไม่ใช่แค่เพียงการขายประกัน ขายบัตรเครดิต ขายตรงเท่านั้น แต่บางกลุ่มก็มาในรูปแบบมิจฉาชีพที่ทำให้เกิดการเสียเงินผ่านค่าโทรศัพท์โดยไม่รู้ตัว  ซึ่งถือว่าเป็นการคุกคามความเป็นส่วนตัวของประชาชน แถมก่อให้เกิดความรำคาญกับการใช้ชีวิตประจำวันอีกด้วย         สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. ได้เห็นถึงปัญหาและพัฒนาแอปพลิเคชั่น “กันกวน” ขึ้นมาเพื่อให้ผู้ใช้โทรศัพท์สมาร์ทโฟนมีสิทธิ์ในการปิดกั้นการโฆษณาการขายสินค้าและบริการที่ไม่ต้องการเองได้ และเป็นฐานข้อมูลในการร่วมกันดูแล คอยแลกเปลี่ยนข้อมูลของกลุ่มธุรกิจที่ใช้โทรศัพท์มาขายสินค้าหรือบริการ โดยแอปพลิเคชั่น “กันกวน” สามารถดาวน์โหลดได้ฟรีทั้งระบบปฏิบัติการ Android และระบบปฏิบัติการ iOS         หลังจากเปิดแอปพลิเคชั่น “กันกวน” มาใช้ในครั้งแรก จะต้องกรอกเลขโทรศัพท์มือถือและหมายเลขบัตรประชาชนเพื่อให้ระบบตรวจสอบ และสร้างบัญชีด้วยการใส่ชื่อนามสกุล เมล เพื่อเข้าสู่แอปพลิเคชั่น โดยแอปพลิเคชั่นนี้จำเป็นต้องเปิดอนุญาตการใช้งานให้เข้าถึงเบอร์โทรศัพท์ด้วย เพื่อให้เข้าไปกลั่นกรองเบอร์ที่มีการขายสินค้าและบริการไม่ให้โทรศัพท์เข้ามากวนคุณได้         ภายในแอปพลิเคชั่นจะมีรายการปิดกั้นเบอร์โทรศัพท์ทั้งหมดที่ถูกส่งรายงานเข้ามาว่าเป็นเบอร์โทรศัพท์ที่มีการโฆษณาและการขาย ซึ่งปัจจุบันมีฐานข้อมูลกลางจำนวนทั้งสิ้น 494 หมายเลข โดยฐานข้อมูลนี้ทุกคนสามารถร่วมส่งข้อมูลที่เห็นว่าเบอร์โทรศัพท์ไหนเข้าข่ายรบกวนและเป็นการขายสินค้าและบริการได้ เพียงกดปุ่มสัญลักษณ์เครื่องหมายบวก แล้วกรอกรายละเอียดและเบอร์โทรศัพท์นั้นลงไป และเลือกกดแจ้งไปยังแอปฯ กันกวน เพื่อให้ กสทช. ดำเนินการจัดประเภทเป็นเบอร์รบกวน และนำข้อมูลเข้าสู่ฐานข้อมูลกลางเพื่อส่งข้อมูลเบอร์ดังกล่าวไปยังทุกคนที่ใช้แอปพลิเคชั่นนี้ หรือเลือกกดปิดกั้น เพื่อดำเนินการปิดกั้นเบอร์โทรศัพท์ที่โทรเข้ามาสำหรับสมาร์ทโฟนเครื่องนี้เท่านั้น         การเลือกกดแจ้งไปยังแอปพลิเคชั่นกันกวน จะถูกแบ่งการปิดกั้นเป็นกลุ่มต่างๆ ได้แก่ กลุ่มขายประกัน กลุ่มขายบัตรเครดิต กลุ่มทวงถามหนี้ กลุ่มขายเกมส์ออนไลน์ กลุ่มขายคอนเทนต์ออนไลน์ กลุ่มขายสื่อลามก กลุ่มโฆษณารบกวน เป็นต้น นอกจากนี้ผู้ใช้แอปพลิเคชั่นยังสามารถตั้งค่าเองเพื่อเลือกอนุญาตไม่ปิดกั้นเฉพาะบางเบอร์ได้ และตั้งค่าให้ปรับปรุงฐานข้อมูลแบบอัตโนมัติได้อีกด้วย         ใครมีปัญหาการโทรมากวนใจเพื่อขายสินค้าและบริการในช่วงนี้ ลองใช้แอปพลิเคชั่น “กันกวน” กันดูนะคะ เป็นตัวเลือกที่สามารถช่วยได้ในระดับหนึ่งทีเดียว

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 233 คัดแยกเห็ดมีพิษ ผ่านแอปพลิเคชั่น “คัดแยกเห็ดไทย”

        เห็ดมีรสชาติอร่อยและมีประโยชน์ต่อสุขภาพ เป็นอาหารที่ปราศจากไขมัน มีปริมาณน้ำตาลและเกลือค่อนข้างต่ำ มีโปรตีนสูง บางชนิดมีคุณสมบัติในการป้องกันโรค ช่วยทำให้เจริญอาหาร ลดไขมันในเส้นเลือด บำรุงตับ บำรุงกระเพาะ บำรุงลำไส้ เพิ่มภูมิคุ้มกันต้านทานโรค เป็นต้น คนไทยจึงมักนำเห็ดมาเป็นส่วนประกอบในการทำอาหาร แต่บางครั้งก็มีประชาชนได้รับอันตรายจากการรับประทานเห็ดเช่นกัน โดยที่ไม่รู้ว่าเห็ดเหล่านั้นมีพิษ ไม่สามารถรับประทานได้ ปัญหาเหล่านี้ที่เกิดขึ้นมาจากการขาดความรู้ ความเข้าใจ และการแยกแยะในการระบุชนิดของเห็ดที่รับประทานได้และเห็ดพิษ        กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ร่วมมือกับ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ได้เห็นความสำคัญในเรื่องนี้ ไม่อยากให้ประชาชนได้รับอันตรายจากการรับประทานเห็ดพิษ จึงได้พัฒนาแอปพลิเคชั่นที่มีชื่อว่า “คัดแยกเห็ดไทย” ขึ้น เพื่อเป็นช่องทางหนึ่งในการคัดกรองให้ผู้ใช้แอปพลิเคชั่นรู้จักเห็ดพิษและเห็ดที่รับประทานได้ โดยสามารถดาวน์โหลดในระบบปฏิบัติการ Android        ภายในแอปพลิเคชั่นมีข้อมูลเกี่ยวกับการคัดแยกชนิดเห็ด 8 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มเห็ดระโงกกินได้ กลุ่มเห็ดระงากพิษ กลุ่มเห็ดระโงกไส้เดือน กลุ่มเห็ดโคนกินได้ กลุ่มเห็ดผึ้งกินได้ กลุ่มเห็ดก่อและเห็ดน้ำหมากกินได้ กลุ่มเห็ดหมวกจีนและเห็ดคันร่มพิษ เห็ดหัวกรวดครีบเขียว         ขั้นตอนแรกหลังจากดาวน์โหลดต้องลงทะเบียนผู้ใช้งาน โดยให้ระบุชื่อนามสกุล หมายเลขบัตรประชาชน เบอร์มือถือ อายุ จังหวัด พร้อมกับกำหนดรหัสในการเข้าใช้งาน แอปพลิเคชั่นคัดแยกเห็ดไทยนี้ไม่มีเมนูซับซ้อน ใช้งานได้ง่าย มีการใช้ข้อมูลที่เป็นความรู้ในเรื่องของกลุ่มเห็ดชนิดต่างๆ แบ่งเป็นเห็ดมีพิษและเห็ดที่รับประทานได้ นอกจากนี้มีข้อมูลที่ให้ความรู้ในรูปแบบคู่มือชนิดเห็ดที่มีพิษ ที่ระบุข้อมูลเรื่องสารพิษ วิธีการแยกเห็ดมีพิษกับเห็ดที่ทานได้ วิธีการทดสอบเห็ดพิษที่ไม่ถูกต้อง ข้อแนะนำในการบริโภคเห็ด วิธีการเก็บและรักษาตัวอย่างเห็ดที่สงสัยว่ามีพิษ รวมถึงวิธีการปฐมพยาบาลเบื้องต้นและแนวทางการรักษา         ทั้งนี้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคามได้พัฒนาให้แอปพลิเคชั่นสามารถตรวจสอบชนิดของเห็ดว่ามีพิษหรือไม่ ได้ทันที ผ่านการใช้กล้องสมาร์ทโฟน เพียงกดเข้าเมนูที่เขียนว่า 24h Realtime สแกนเห็ด แอปพลิเคชั่นจะนำไปยังกล้องสมาร์ทโฟน เพื่อให้สแกนภาพหรือถ่ายภาพเห็ดที่ผู้ใช้มีความสงสัยว่าเป็นเห็ดชนิดทานได้หรือมีพิษ ซึ่งแอปพลิเคชั่นจะปรากฎผลทันทีใน 3 ลักษณะ ดังนี้ ถ้าภาพเห็ดไม่ชัดเจนจะปรากฎข้อความว่า N/A ระบุไม่ได้ ถ้าเป็นเห็ดที่สามารถรับประทานได้จะปรากฎข้อความชนิดเห็ดและสัญลักษณ์ภาพช้อนส้อมอยู่ในวงกลมสีเขียว และถ้าเป็นเห็ดมีพิษจะปรากฎข้อความชนิดเห็ดและสัญลักษณ์ภาพหัวกระโหลกอยู่ในวงกลมสีแดง         หลังจากนี้ไม่ต้องกังวลแล้วว่าเห็ดที่ซื้อมาจากตลาดหรือเห็ดที่เจอในป่า จะทำให้เกิดอันตรายจากการรับประทาน เพราะแอปพลิเคชั่น “คัดแยกเห็ดไทย” สามารถตอบโจทย์และเป็นประโยชน์ให้กับคนไทยในการแยกแยะเห็ดที่รับประทานได้กับเห็ดที่มีพิษได้มากจริงๆ

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 232 New Normal กับไทยชนะ & แอปพลิเคชั่นจองคิว

        หลังจากที่รัฐบาลประกาศผ่อนปรนช่วงกลางเดือนพฤษภาคม ทำให้ร้านค้าและผู้ประกอบการสามารถทยอยเปิดกิจการได้เป็นปกติ เพียงแต่ต้องปฏิบัติตามกฎและมาตรการต่างๆ ที่ภาครัฐประกาศออกมาอย่างเคร่งครัด เพื่อควบคุมและเฝ้าระวังไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ขึ้นอีก จึงทำให้เห็นว่ารัฐบาลและผู้ประกอบการต้องเพิ่มแนวทางที่สามารถตอบโจทย์มาตรการการเว้นระยะห่างทางสังคม หรือ Social distancing ภายในพื้นที่ร้านค้า ร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า ฯลฯ เพื่อลดความเสี่ยงการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในรูปแบบ New Normal        สิ่งแรกที่เห็นได้ชัดเจนจากมาตรการของรัฐ ที่ให้ร้านค้าและผู้ประกอบการต้องลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ www.ไทยชนะ.com เพื่อรับคิวอาร์โค้ดมาติดที่ร้าน ซึ่งจะช่วยเก็บข้อมูลผู้ใช้บริการและกำหนดจำนวนผู้เข้ารับบริการเพื่อลดความแออัดของผู้ใช้บริการในลักษณะการเช็คอินและเช็คเอาท์         โดยร้านค้าและผู้ประกอบการจะมีมาตรการเฝ้าระวังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) เพื่อคัดกรองคนและลดความแออัดของผู้ใช้บริการ อยู่ 2 รูปแบบ คือ การลงทะเบียนโดยการกรอกชื่อนามสกุลและเบอร์โทรลงในแผ่นกระดาษ และการลงทะเบียนผ่าน QR Code ไทยชนะ ดังนั้น New Normal สำหรับผู้ใช้บริการอย่างเรา ก็ต้องปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัดเช่นกัน          การลงทะเบียนผ่าน QR Code ไทยชนะ ให้สแกน QR Code ไทยชนะที่ร้านค้าและผู้ประกอบการได้จัดเตรียมไว้ผ่านกล้องโทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟน จะปรากฎให้เลือกเมนู “เช็คอินร้าน” และเมนู “เช็คเอาท์/ประเมินร้าน” ผู้ใช้บริการเพียงทำหน้าที่กดเช็คอินเมื่อเข้าร้าน และกดเช็คเอาท์พร้อมประเมินร้านเมื่อออกจากร้าน แต่สำหรับผู้ใช้บริการที่เพิ่งใช้สแกน QR Code ไทยชนะครั้งแรก จะต้องกดรับข้อตกลงและความยินยอม และกรอกหมายเลขโทรศัพท์ก่อนทำการเช็คอิน         ไม่เพียงแต่การลงทะเบียนผ่าน QR Code ไทยชนะเท่านั้นที่มีใช้อยู่ในขณะนี้ แต่ร้านค้าและผู้ประกอบการหลายแห่งได้มีแอปพลิเคชั่นและเว็บไซต์เพื่อใช้ลงทะเบียนในการเข้าใช้บริการโดยตรง วัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้ใช้บริการสามารถกดจองคิวในระบบก่อนที่จะมีการเข้าใช้บริการจริง เปรียบเสมือนเป็นการนัดหมายล่วงหน้า ซึ่งเป็นการช่วยลดความแออัดและจำกัดผู้ใช้บริการตามกฎและมาตรการต่างๆ ที่ภาครัฐประกาศออกมา        การใช้แอปพลิเคชั่นและเว็บไซต์ในการจองคิวเข้าใช้บริการต่างๆ เช่น การจองคิวทำบัตรประชาชน การจองคิวทำใบขับขี่ออนไลน์ การจองคิวทำพาสปอร์ต การจองคิวชมภาพยนตร์ การจองคิวเข้าบริการฟิตเนส การจองคิวทำฟัน การจองคิวขึ้นเขาคำชะโนด ฯลฯ รวมถึงการปรับเปลี่ยนวิถีการใช้ชีวิต New Normal ในรูปแบบใหม่ อย่างการเข้าคอร์สฟิตเนสออนไลน์ การเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ เป็นต้น         การปรับหาวิถีการดำรงชีวิตแบบใหม่ด้วยการใช้เทคโนโลยีมาใช้ให้เป็นประโยชน์ เพื่อให้ประชาชนในประเทศไทยปลอดภัยจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ควบคู่ไปกับความพยายามฟื้นฟูธุรกิจและผลักดันให้เศรษฐกิจของประเทศไทยเดินต่อไปข้างหน้าให้ได้ ทุกคนต้องช่วยกันนะคะ

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 231 โควิดตัวร้ายกับแอปพลิเคชันสั่งอาหาร

        เดือนที่ผ่านมาพวกเราต่างได้รับผลกระทบจากโรคโควิท 19 กันทุกคน รัฐบาลมีมาตรการล็อคดาวน์ มาตรการ Social Distancing และรณรงค์ให้อยู่บ้านหยุดเชื้อ เพื่อชาติ ร้านอาหารต่างๆ เปิดให้บริการเพียงแบบซื้อกลับบ้านเท่านั้น ทำให้บริการแอปพลิเคชันสั่งซื้ออาหารออนไลน์ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ทั้งGrab Food, Food Panda, Lalamove, Line Man เมื่อผู้บริโภคใช้บริการมากก็จะมีความผิดพลาดเกิดขึ้นได้ เรามาดูกันว่าผู้บริโภครายนี้เขาเกิดความผิดพลาดอย่างไร และเขาจัดการปัญหานี้อย่างไร         คุณภูผาต้องทำงานที่บ้าน (Work from Home) ไม่สะดวกออกไปซื้ออาหาร ทำเองก็ไม่สะดวก เขาจึงสั่งอาหารร้านชื่อดังแห่งหนึ่งผ่าน Grab food โดยมีเมนูข้าวหมกไก่ กล่องละ 45 บาท 1 กล่อง ข้าวมันไก่ทอด กล่องละ 45 บาท 1 กล่อง ข้าวหมกเนื้อ กล่องละ  50 บาท 2 กล่อง และสเต๊ะเนื้อ 1 ชุด 95 บาท ค่าอาหาร 285 บาท และค่าส่งอีก 25 บาท รวมเป็น 310 บาท พอกดสั่งอาหารแล้วก็แอบยิ้มดีใจนิดๆ ว่าแอปฯ ให้ส่วนลดเป็น reward ตั้ง 10 บาท โดยชำระเงินผ่านบัตรเครดิต         เมื่อ Grab นำอาหารมาส่ง ภูผาก็ออกมารับของอย่างมีความสุข แต่มาเกิดเรื่องจนได้ตอนจะรับประทาน เพราะพบว่า ขาดข้าวหมกเนื้อไป 1 กล่อง จึงแจ้งไปยังศูนย์ขอความช่วยเหลือในแอปพลิเคชันพร้อมเล่ารายละเอียดคร่าวๆ ว่า ได้อาหารไม่ครบขาดข้าวหมกเนื้อ 1 กล่อง ราคา 50 บาท และส่งรูปภาพไปด้วย หลังจากนั้นประมาณ 10 – 15 นาที ก็มีอีเมล์ตอบกลับมาว่า ขออภัยและบอกว่าจะคืนเงินให้เป็น reward (reward คือการสะสมคะแนน เพื่อใช้เป็นส่วนลดหรือแลกสิ่งของ) จำนวน 50 บาท และให้แบ่งใช้ 2 ครั้ง 40 บาท และ 20 บาท โดยสามารถใช้ได้ในครั้งถัดไป อย่างไรก็ตามมีการกำหนดอายุการใช้งานของ Reward ด้วย         คุณภูผารู้สึกไม่พอใจ เขารู้สึกว่า Grab เอาเปรียบเขา ทำไม Grab ไม่คืนเงินเข้าไปในวงเงินบัตรเครดิต หรือตัดบัตรเครดิตเพียงแค่ยอดที่เขาได้รับของมาคือ 260 บาท(หักข้าวหมกเนื้อออก) และการที่คืนเป็น Reward อาจจะฟังดูเป็นบุญคุณไปอีก “ไม่โอเค อ่ะ” ความผิดพลาดเกิดจากการส่งอาหารไม่ครบของพนักงาน (Rider) เอง สำหรับการกำหนดอายุการใช้งานของ Reward ก็ยิ่งไม่ควรทำหากจะเลือกเยียวยาด้วยวิธีนี้ คุณภูผาคิดว่า ความผิดไม่ได้เป็นของผู้บริโภค (อาจพลาดที่ไม่ได้ตรวจก่อนว่ารับสินค้าครบไหม) ดังนั้น Grab ควรติดต่อร้านให้นำของมาส่งเพิ่มตามที่ขาดไปยังจะดีกว่า หรือคืนเงิน หรือคิดเงินเขาในราคาเท่ากับของที่เขาได้รับจริง จะโอเคที่สุด  ดังนั้นเขาจึงได้ทำเป็นข้อแนะนำเสนอต่อ Grab Food ไป และมาปรึกษาศูนย์พิทักษ์สิทธิผู้บริโภคว่า ควรทำอะไรเพิ่มอีก แนวทางการแก้ไขปัญหา         ศูนย์พิทักษ์สิทธิแนะนำว่า มีวิธีจัดการปัญหาเบื้องต้น 2 วิธี ดังนี้         1. ใช้ช่องทางผ่านตัวผู้ให้บริการแอป คือ ติดต่อไปยัง Grab Food อีกครั้ง โดยผ่านช่องทางศูนย์ขอความช่วยเหลือในแอป หรือโทรศัพท์ติดต่อไปยัง Grab เพื่อปฏิเสธการคืนเป็น reward และแสดงความต้องการขอรับคืนเป็นเงินสดหรือเป็นเงินคืนให้บัตรเครดิตเท่านั้น         2. ใช้ช่องทางบัตรเครดิต คือ ติดต่อไปยังธนาคารเจ้าของบัตรเครดิตว่า สั่งซื้อสินค้าแล้วได้สินค้าไม่ครบถ้วน โดยอ้างประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญา เรื่อง ให้ธุรกิจบัตรเครดิตเป็นธุรกิจที่ควบคุมสัญญา พ.ศ. 2542 ข้อ 3 (8) (ข) ของสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค เพื่อให้ธนาคารคืนวงเงินเข้าบัตรเครดิต หรือให้ธนาคารเรียกเก็บเฉพาะส่วนที่ได้รับสินค้า ไม่เรียกเก็บส่วนที่ไม่ได้สินค้า         เมื่อรับคำแนะนำแล้ว ผู้ร้องได้ลองติดต่อไปยังตัวผู้ให้บริการผ่านช่องทางศูนย์ขอความช่วยเหลืออีกครั้งหนึ่ง โดยยืนยันว่าขอให้ Grab คืนวงเงินเข้าบัตรเครดิต เป็นจำนวนเงิน 50 บาท ปรากฎว่า คุณภูผาได้รับการแก้ไขปัญหาจากผู้ให้บริการด้วยการคืนวงเข้าบัตรเครดิตในวันรุ่งขึ้นทันที เขาจึงเสนอต่อ Grab เพิ่มว่า “ควรให้ลูกค้าเลือกใช้สิทธิว่าจะรับเป็น Refund, Reward, Re-Delivery ตั้งแต่แรกเลยจะจบแบบได้ใจลูกค้ามากกว่านี้”

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 231 มารู้จัก “ThaiFightCOVID” และ “Card2U”

        ฉบับนี้ยังคงมาย้ำเตือนให้ผู้อ่านทุกคนตระหนักถึงการป้องกันและเฝ้าระวังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) กันอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าตัวเลขการติดเชื้อและจำนวนผู้เสียชีวิตในประเทศไทยจะลดลงก็ตาม        ปัจจุบันหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนได้พัฒนาเทคโนโลยีต่างๆ ขึ้นมาเพื่อให้ข้อมูลในการเฝ้าระวังอย่างมากมาย อย่างสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้พัฒนาแพลตฟอร์มที่คอยเก็บข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) โดยใช้ชื่อว่า “ThaiFightCOVID” ซึ่งสามารถเข้าดูข้อมูลได้ที่ ThaiFightCOVID.depa.or.th ภายใน “ThaiFightCOVID” จะมีข้อมูลตัวเลขผู้ติดเชื้อที่ได้รับการยืนยันจากกระทรวงสาธารณสุข ข่าวสารที่รวบรวมจากประกาศรัฐบาล หน่วยงานภาครัฐ หน่วยงานที่ประกาศมาตรการการช่วยเหลือประชาชน รวมถึงประกาศจากสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และรวบรวมข่าวสารจากสถานการณ์ทั่วโลกที่เกิดขึ้นด้วย          ต่อจากนั้นไม่นาน ได้พัฒนาแอปพลิเคชัน “Card2U” ที่รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์ COVID-19 เพิ่มเติม ซึ่งสามารถดาวน์โหลดได้ทั้งระบบปฏิบัติการ Android และระบบปฏิบัติการ iOS เริ่มแรกผู้อ่านต้องลงทะเบียนโดยใช้ชื่อนามสกุล เบอร์โทรศัพท์ และสร้างรหัสผ่าน จากนั้นให้กดเพื่อรับการ์ด กรอกเพศและอายุเพื่อที่จะเข้าหน้าหลัก         หน้าหลักจะมีรูปการ์ดชื่อนามสกุลของผู้ใช้แอปพลิเคชัน และ QR Code ของการ์ดด้านข้าง ซึ่งด้านล่างจะมีหมวดต่างๆ ได้แก่ หมวดประกาศรัฐบาล หมวดไฮไลท์ข่าวประจำวัน หมวดประกาศหน่วยงานภาครัฐ หมวดตรวจสอบข่าวปลอม หมวดจำนวนผู้ติดเชื้อ หมวดพื้นที่เสี่ยง หมวดจดบันทึกการเดินทาง หมวดประเมินความเสี่ยง หมวดโรงพยาบาลที่รับตรวจโควิด หมวดโปรสู้โควิด หมวดรวมสายด่วน และหมวดไทยรู้สู้โควิด          หมวดประกาศรัฐบาล หมวดไฮไลท์ข่าวประจำวัน และหมวดประกาศหน่วยงานภาครัฐ จะเป็นการรวบรวมข้อมูลข่าวสารเหมือนกับ “ThaiFightCOVID” หมวดตรวจสอบข่าวปลอมจะเป็นข้อมูลข่าวสารจากศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมประเทศไทย หมวดไทยรู้สู้โควิดจะเป็นข้อมูลข่าวสารจากหน้าเฟซบุ๊กไทยรู้สู้โควิด แต่หมวดจำนวนผู้ติดเชื้อจะเพิ่มข้อมูลผู้ติดเชื้อที่ละเอียดขึ้น และมีข้อมูลโรงพยาบาลที่รับตรวจพร้อมราคา ส่วนหมวดโรงพยาบาลที่รับตรวจโควิดจะเป็นการแจ้งโรงพยาบาลที่ใกล้ผู้ใช้แอปพลิเคชัน โดยจะมีข้อมูลที่อยู่ เบอร์ติดต่อ และแผนที่สำหรับเดินทาง         ความแตกต่างจาก “ThaiFightCOVID” คือ หมวดพื้นที่เสี่ยงจะแจ้งพิกัดจุดเสี่ยงบนแผนที่ประเทศไทย หมวดจดบันทึกการเดินทาง เพื่อให้ผู้ใช้แอปพลิเคชันเก็บข้อมูลการเดินทางโดยใช้วิธีเช็คอิน หมวดประเมินความเสี่ยงเป็นการตอบคำถามแบบประเมินความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ COVID-19 หมวดโปรสู้โควิดที่รวบรวมร้านอาหารพร้อมโปรโมชันมานำเสนอให้ผู้ใช้แอปพลิเคชัน และหมวดรวมสายด่วน เพิ่มขึ้นมา         ไม่ว่าจะเป็น “ThaiFightCOVID” หรือแอปพลิเคชัน “Card2U” ก็เป็นเทคโนโลยีที่เป็นประโยชน์และถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อช่วยให้คนไทยได้ตระหนักและเฝ้าระวังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) อย่างใกล้ชิด ดังนั้นต้องขอบคุณทุกภาคส่วนที่ร่วมมือกันด้วยใจจริงๆ และอย่าลืมปฏิบัติตามหลักการเว้นระยะห่างทางสังคม (Social distancing) กันด้วยนะคะ

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 229 ตรวจสอบอาการเบื้องต้น COVID-19 กับแอปพลิเคชั่น “ใกล้มือหมอ”

        ตั้งแต่ต้นปี 2563 สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) เริ่มแพร่กระจายและขยายการติดเชื้อของประชาชนเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงเดือนมีนาคมนี้ มีตัวเลขผู้ติดเชื้อเกินร้อยทุกวัน ภาครัฐได้มีมาตรการการเฝ้าระวังอาการ การกักตัวเองในบ้าน ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีข้อมูลเพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) จากภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อหวังให้ประชาชนตระหนักและมีความรู้ความเข้าใจกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ที่เกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้         สิ่งหนึ่งที่ประชาชนสามารถเฝ้าระวังนั่นคือ การหลีกเลี่ยงไปสถานที่แออัด การล้างมือ การไม่ใช้มือสัมผัสหน้า จมูก ดวงตา การสวมใส่หน้ากากอนามัย เป็นต้น แต่ถ้ามีความจำเป็นต้องเดินทางก็ควรต้องศึกษาข้อมูลการแพร่ระบาดที่เกิดขึ้นอย่างใกล้ชิด เพื่อเฝ้าระวังและป้องกันโดยการเฝ้าสังเกตอาการตนเองและคนรอบข้างอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จึงได้ทำแอปพลิเคชั่นเพื่อเป็นสื่อในการประชาสัมพันธ์ให้ข้อมูลความรู้เกี่ยวกับอาการต่างๆ ที่อาจต้องสงสัยว่าเป็นการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) หรือเป็นอาการอื่นกันแน่         แอปพลิเคชั่นนี้มีชื่อว่า “ใกล้มือหมอ” สามารถดาวน์โหลดได้ฟรีทั้งระบบปฏิบัติการ Android และระบบปฏิบัติการ iOS โดยขั้นแรกให้เลือกระบบการใช้งานเป็นบุคคลทั่วไป และกรอกชื่อนามสกุล เบอร์โทรศัพท์ และ E-Mail เพื่อลงทะเบียนเข้าใช้งาน        จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ที่เกิดขึ้น ทำให้แอปพลิเคชั่นได้เพิ่มในส่วนของการติดตามเพื่อแจ้งข้อมูลจุดที่มีการติดเชื้อเกิดขึ้นให้ทราบว่าบริเวณใด โดยสามารถดูรายละเอียดได้ว่าผู้ติดเชื้อเป็นใคร และได้เพิ่มปุ่มในส่วนของการตรวจสอบอาการ COVID-19 เพื่อให้ผู้ใช้แอปพลิเคชั่นสามารถตรวจสอบอาการเบื้องต้นได้ด้วย         ขั้นตอนการตรวจสอบอาการ COVID-19 จะเป็นการให้ตอบคำถามตามอาการที่เกิดขึ้นจริง เช่น มีไข้สูงเกิน 38 องศา ไอแห้ง อ่อนเพลีย หายใจลำบาก หอบเหนื่อยผิดปกติหรือไม่ เป็นต้น เพื่อแอปพลิเคชั่นจะคำการวิเคราะห์ว่ามีแนวโน้มที่จะติดเชื้อหรือไม่ ถ้ามีแนวโน้มที่จะติดเชื้อจะมีปุ่มให้กดเพื่อดูข้อมูล เบอร์ติดต่อ ระยะทาง แผนที่ เพื่อให้ผู้ใช้แอปพลิเคชั่นสามารถติดต่อโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้ได้เร็วที่สุด          สำหรับอาการอื่นๆ ในแอปพลิเคชั่นนี้ได้รวบรวมหมวดการค้นหาอาการ การค้นหาข้อมูลโรคต่างๆ โดยการแบ่งลักษณะอาการป่วยออกตามอวัยวะภายในร่างกาย ตามประเภทโรคที่เกี่ยวข้อง และตามลักษณะอาการของโรค เพื่อให้ง่ายต่อการค้นหา เมื่อค้นหาได้แล้วจะเจอข้อมูลที่บอกลักษณะอาการที่เกิดขึ้นนั้นอย่างละเอียด มีวิธีการรักษา พร้อมทั้งวิดีโอแนะนำเพื่อให้เข้าใจมากขึ้น         ที่สำคัญแอปพลิเคชั่นใกล้มือหมอจะมีข้อความเตือนทุกขั้นตอนว่า การซื้อยามารับประทานเองโดยไม่ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรนั้น อาจก่อนให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพ เช่น การแพ้ยา การดื้อยา หรือแม้กระทั่งเสียชีวิต         ดังนั้นเมื่อมีอาการใด ไม่ว่าจะเป็นไข้หวัดธรรมดา ปวดหัวตัวร้อน หรือสงสัยว่าจะติดเชื้อ COVID-19 อย่าซื้อยามารับประทานเองกันนะคะ ให้ใช้แอปพลิเคชั่นนี้เป็นตัวช่วยในการตรวจสอบอาการเบื้องต้น อย่างน้อยก็ช่วยลดความวิตกกังวลภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อ COVID-19 พุ่งสูงขึ้นตลอดเวลา         มาดูแลสุขภาพให้แข็งแรง และลดการไปในสถานที่แออัดกันนะคะ

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 228 เปิด Moovit มั่นใจไม่ออกนอกเส้นทาง

        แม้ว่าจะใช้ชีวิตอยู่ในกรุงเทพมหานครมานานมากแค่ไหน แต่ก็ใช่ว่าจะรู้เส้นทางทั่วทั้งหมด และเมื่อถึงคราวจำเป็นต้องเดินทางไปในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย ก็ถึงเวลาคิดหนักถึงหนักมาก ต้องศึกษาเส้นทางการเดินทางอยู่นานเป็นวัน เพราะบางเส้นทางถ้าเลยจุดหมายเมื่อไรก็ต้องหาทางกลับตัวอีกยาว บางคนอาจกำลังคิดว่าทำไมไม่ขึ้นแท็กซี่ไปเลย บอกตรงๆ ก็อยากจะขึ้นแท็กซี่อยู่นะ แต่ในฐานะมนุษย์เงินเดือนที่ต้องบริหารเงินแบบเดือนชนเดือนอย่างเรา คงไม่มีเงินมากพอที่จะขึ้นแท็กซี่ได้ตลอด ยิ่งระยะทางไกลยิ่งดูดเงินในกระเป๋าอย่างหนัก ดังนั้นจึงต้องหันมาพึ่งรถโดยสารสาธารณะซึ่งเป็นทางออกที่ดีที่สุดกับเงินในกระเป๋า         ล่าสุดผู้เขียนต้องเดินทางไปอาคารหนึ่งที่อยู่บนถนนวิภาวดีรังสิต ไม่มีบีทีเอส ไม่มีรถไฟใต้ดิน มีแต่รถโดยสารสาธารณะหรือรถเมล์เป็นตัวเลือกที่เหมาะกับเงินในกระเป๋า แล้วขึ้นรถเมล์สายอะไรล่ะ ลงป้ายไหนล่ะ แบบนี้ต้องพึ่งพากูเกิ้ล ค้นหาไปเรื่อยๆ จนได้ไปเจอกับแอปพลิเคชันหนึ่งที่มาตอบโจทย์คำถามทุกสิ่งอย่างได้เป็นอย่างดี นั่นคือ แอปพลิเคชันที่มีชื่อว่า Moovit         แอปพลิเคชัน Moovit ใช้งานได้ง่ายมากไม่ซับซ้อน มีรายละเอียดอยู่ 3 หมวด ได้แก่ หมวด Directions หมวด Stations และหมวด Lines        หมวด Directions เป็นหมวดที่ใช้สำหรับพิมพ์สถานที่ที่ต้องการเดินทางไปเพื่อทำการค้นหาเส้นทาง โดยพิมพ์และกดค้นหา แอปพลิเคชันจะแสดงเส้นทางจากจุดที่ผู้ใช้แอปพลิเคชันอยู่ไปจนถึงจุดหมายที่ต้องการเดินทางไปถึง ซึ่งจะมีเส้นทางให้เลือกหลายเส้นทางพร้อมแจ้งเวลาในการเดินทาง ระยะทาง วิธีการเดินทางของแต่ละเส้นทางไว้ให้ตัดสินใจด้วย เมื่อเลือกเส้นทางได้แล้วสามารถกดเข้าไปดูแผนที่และข้อมูลรายละเอียดการเดินทางในแต่ละช่วงได้         ยกตัวอย่างเช่น จากจุดที่ยืนอยู่ให้เริ่มเดินไปประมาณ 500 เมตรจะเจอรถไฟใต้ดิน ขึ้นรถไฟใต้ดินไปลงสถานีลาดพร้าว ขึ้นรถเมล์สาย 92 โดยในการขึ้นรถเมล์นั้นจะมีรายละเอียดจำแนกจำนวนป้ายรถเมล์และชื่อป้ายรถเมล์ที่ต้องผ่านให้ด้วย หรือเพื่อเพิ่มความมั่นใจสามารถกดปุ่ม Navigate เพื่อให้รู้ว่าขณะนี้ผู้ใช้แอปพลิเคชันถึงจุดใดแล้วด้วยก็ได้        หมวด Stations เป็นหมวดที่ค้นหาป้ายรถเมล์ สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส รถไฟใต้ดิน แอร์พอร์ตลิงค์ เรือคลองแสนแสบ บริเวณใกล้จุดที่ค้นหา โดยแอปพลิเคชั่นจะบอกสายรถเมล์ที่ผ่านป้ายรถเมล์นั้นด้วย และถ้ามีสายรถเมล์ที่ต้องการเดินทางก็สามารถกดเข้าไปดูเส้นทางพร้อมข้อมูลรายละเอียดการเดินทางได้ทันที         สุดท้ายหมวด Lines เป็นหมวดที่ใช้ในการค้นหาป้ายรถเมล์ สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส รถไฟใต้ดิน แอร์พอร์ตลิงค์ เรือคลองแสนแสบทั้งหมดที่มีอยู่ แต่หมวดนี้จะมีความพิเศษเพิ่มสำหรับการค้นหารถเมล์ นั่นคือจะมีรูปป้ายรถเมล์ขึ้นบนแผนที่ซึ่งจะช่วยให้รู้เส้นทางชัดเจนยิ่งขึ้น         นอกจากนี้ยังมีแผนที่เส้นทางการเดินทางบีทีเอส รถไฟใต้ดิน แอร์พอร์ตลิงค์ และเส้นทางเดินคลองแสนแสบแบบออฟไลน์ให้ดาวน์โหลดเก็บไว้ในแอปพลิเคชั่นกรณีที่สมาร์ทโฟนไม่สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้อีกด้วย โดยขณะนี้แอปพลิเคชัน Moovit นี้สามารถใช้ได้ที่กรุงเทพมหานครและในเชียงใหม่เท่านั้น         การเดินทางด้วยรถเมล์ของผู้เขียนในครั้งนี้ แอปพลิเคชัน Moovit ช่วยได้ดีจริงๆ 

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 227 ยามฉุกเฉิน คิดไรไม่ออกเรียกป่อเต็กตึ๊ง

        ป่อเต็กตึ๊ง เชื่อว่าคำนี้ไม่มีใครไม่เคยไม่ได้ยิน เมื่อนึกถึงป่อเต็กตึ๊งจะนึกถึงภาพการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อนและส่วนใหญ่จะเห็นได้ตามท้องถนน โดยเฉพาะการให้ความช่วยเหลือผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากการเกิดอุบัติเหตุ ไม่ว่าอุบัติเหตุนั้นจะเล็กหรือใหญ่ ทีมป่อเต็กตึ๊งไม่เคยชักช้า เร่งรีบขับรถพร้อมเปิดสัญญาณไซเรนมาถึงที่เกิดเหตุอย่างรวดเร็ว         ด้วยการเกิดอุบัติเหตุและความต้องการการช่วยเหลืออยู่บ่อยครั้งของประชาชน ป่อเต็กตึ๊งจึงเล็งเห็นถึงความสำคัญและเข้าใจถึงสถานการณ์เร่งด่วนที่เกิดขึ้นกับทุกคน จึงได้พัฒนาแอปพลิเคชันเพื่อมารองรับการเข้าถึงพิกัดจุดเกิดเหตุได้โดยง่าย โดยผู้แจ้งเหตุไม่ต้องมาคอยอธิบายเส้นทาง เพราะบางครั้งผู้แจ้งเหตุไม่สามารถอธิบายเส้นทางได้ชัดเจนหรืออาจไม่รู้จักสถานที่ที่เกิดเหตุนั้น         แอปพลิเคชันนี้มีชื่อว่า “ป่อเต็กตึ๊ง 1418” เป็นแอปพลิเคชันที่ไม่มีความซับซ้อน ใช้งานได้ง่าย สามารถดาวน์โหลดได้ทั้งระบบปฏิบัติการ iOS และระบบปฏิบัติการ Android          เมื่อเปิดแอปพลิเคชันจะปรากฎทั้งหมด 5 หมวด ได้แก่ หมวดข่าวสารเป็นหมวดที่แจ้งข่าวสารและกิจกรรมของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง หมวดสาระน่ารู้เป็นหมวดที่รวบรวมข้อมูลที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับการเกิดอุบัติเหตุ การป้องกันอุบัติเหตุ วิธีแก้ไขและการปฏิบัติตนด้านต่างๆ หมวดอุบัติเหตุเป็นหมวดรายงานอุบัติเหตุและแสดงจุดที่เกิดเหตุต่างๆ หมวดติดต่อเราเป็นหมวดที่ใช้ติดต่อสายด่วนป่อเต็กตึ๊งเบอร์ 1418 โดยผู้แจ้งเหตุสามารถกดโทรได้ทันที          หมวดสุดท้ายจะอยู่ตรงกลางแอปพลิเคชันเป็นปุ่มวงกลมสีแดงมีตัวอักษรเขียนว่า SOS แจ้งเหตุ ใช้งานเมื่อเกิดเหตุต่างๆ ที่ต้องการความช่วยเหลือจากป่อเต็กตึ๊ง โดยแอปพลิเคชันป่อเต็กตึ๊งจะแบ่งความต้องการความช่วยเหลือออกเป็น 4 รูปแบบ ได้แก่ สัญลักษณ์การเจ็บป่วย สัญลักษณ์อุบัติเหตุ สัญลักษณ์อาคารและสถานที่ และสัญลักษณ์อื่นๆ        สัญลักษณ์การเจ็บป่วย ใช้ได้ทั้งคนใกล้ชิดเจ็บป่วย คนไม่รู้จักเจ็บป่วย ตนเองเจ็บป่วย หรือโรคประจำตัวกำเริบ สัญลักษณ์อุบัติเหตุ จะเป็นอุบัติเหตุแบบใดก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นรถโดนชน รถคนอื่นชนกัน หรือคนโดนรถชน สัญลักษณ์อาคารและสถานที่ เป็นเหตุการณ์ที่เกี่ยวกับอาคารสถานที่ เช่น เกิดเหตุการณ์ไฟไหม้ ดินถล่ม เป็นต้น และสัญลักษณ์อื่นๆ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่ครอบคลุมทุกสิ่งทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นการเรียกให้ไปจับสัตว์มีพิษ หมาติดรั้วไม่สามารถนำออกมาได้ ปีนต้นไม้เพื่อไปนำแมวลงมา เป็นต้น        เมื่อเลือกรูปแบบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้แล้ว ขั้นตอนต่อไปให้เขียนรายละเอียดของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เช่น ไฟไหม้รุนแรงมากเป็นอาคารสำนักงาน 10 ชั้น รถชนกันจำนวน 5 คันและได้รับความเสียหายอย่างมาก ผู้เจ็บป่วยมีอาการหายใจไม่ออก มีอาการชักเกร็ง เป็นต้น จากนั้นให้กรอกเบอร์โทรศัพท์เพื่อให้ทางป่อเต็กตึ๊งสามารถติดต่อกลับได้ และอาจแนบรูปภาพสถานที่เกิดเหตุได้สูงสุด 3 ภาพ          หลังจากกรอกข้อมูลเสร็จให้กดปุ่มแจ้งเหตุ ทางป่อเต็กตึ๊งจะทราบพิกัดสถานที่ที่เกิดเหตุอัตโนมัติ โดยเจ้าหน้าที่จะติดต่อกลับมาและส่งรถป่อเต็กตึ๊งเดินทางมาที่จุดเกิดเหตุ ซึ่งแอปพลิเคชันจะแจ้งเส้นทางการเดินทางของรถป่อเต็กตึ๊งที่กำลังเดินทางมายังจุดเกิดเหตุแบบเรียลไทม์อีกด้วย และสุดท้ายแอปพลิเคชั่นจะแจ้งผลสรุปเมื่อภารกิจเสร็จสิ้นลง          ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันป่อเต็กตึ๊งติดสมาร์ทโฟนกันเถอะ เพราะเมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินบางครั้งสติอาจจะไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ทำให้ทำอะไรไม่ถูก เพียงแค่เปิดแอปพลิเคชันและกดปุ่ม SOS แจ้งเหตุ ก็สามารถแจ้งเหตุด่วนเหตุร้ายได้อย่างรวดเร็ว ยามฉุกเฉินแอปพลิเคชันป่อเต็กตึ๊งจะช่วยได้มากทีเดียว

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 226 สั่งซื้อชุดเครื่องนอนผ่านแอปแล้วผิดหวัง

        ตลาดออนไลน์นั้น ง่าย สะดวก แต่ก็ต้องรอบคอบเพราะไม่ได้เห็นสินค้าจริงหรือจับต้องก่อนจะตัดสินใจซื้อ อีกทั้งผู้ค้าที่หลอกลวงก็มีจำนวนมาก ความไม่พอใจที่เกิดจากการได้รับสินค้าที่ไม่ตรงปกหรือไม่ใช่อย่างที่ตั้งความหวังจึงมีสูง แล้วเราจะสามารถรับมือกับเรื่องนี้ได้อย่างไร        คุณชไมพร อยากได้ชุดเครื่องนอนใหม่ จึงเปิดแอปพลิเคชันร้านค้าออนไลน์ในมือถือ จนพบชุดเครื่องนอนจากร้านค้าแห่งหนึ่งที่สวยถูกใจ เป็นชุดประกอบด้วย ผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน และผ้าห่มในราคา 570 บาท บวกค่าจัดส่ง 80 บาท รวมเป็นเงินทั้งหมด 650 บาท คุณชไมพรได้เลือกชำระค่าสินค้าแบบเก็บเงินปลายทาง หรือ COD (Cash on Delivery) เพราะต้องการความมั่นใจว่า จะได้รับสินค้าอย่างแน่นอนก่อนจ่ายเงิน โดยข้อมูลบนแอปฯ แจ้งว่าจะจัดส่งสินค้าให้ภายใน 3 วัน คุณชไมพรจึงทำการสั่งซื้อ และรอการยืนยันจากทางร้าน         เวลาผ่านไป 5 วัน คุณชไมพรยังไม่มีวี่แววยืนยันการจัดส่งสินค้าจากทางร้านค้าดังกล่าว คุณชไมพรจึงได้เข้าไปทำการยกเลิกคำสั่งซื้อในแอปพลิเคชัน เพราะขาดความมั่นใจและได้หาซื้อชุดเครื่องนอนใหม่จากร้านค้าอื่นแทน         แต่เมื่อผ่านไปอีกสามวัน คุณชไมพรได้รับการติดต่อจากพนักงานของร้านค้าที่ได้ยกเลิกคำสั่งซื้อไปแล้วว่า ได้จัดส่งชุดเครื่องนอนให้คุณชไมพรเรียบร้อยแล้ว คุณชไมพร จึงตอบกลับไปว่า ตนได้สั่งซื้อชุดเครื่องนอนจากที่อื่นไปแล้ว พนักงานคนดังกล่าวก็แจ้งกลับว่า “ไม่สามารถยกเลิกได้ เพราะได้จัดส่งสินค้าไปให้แล้วค่ะ” แม้ว่าคุณชไมพรจะเสนอว่าจะจัดส่งสินค้ากลับไปให้ทางไปรษณีย์ โดยรับผิดชอบค่าส่งให้ แต่พนักงานก็ยังคงยืนยันว่าไม่รับคืนสินค้า         คุณชไมพรไม่ทราบว่าจะต้องดำเนินการต่ออย่างไร จึงขอคำปรึกษากับ ศูนย์คุ้มครองสิทธิผู้บริโภคจังหวัดลำพูน เพื่อขอความช่วยเหลือ แนวทางการแก้ไขปัญหา        ศูนย์คุ้มครองสิทธิผู้บริโภคจังหวัดลำพูน ได้ติดต่อไปยังร้านค้าดังกล่าวและปรึกษาเรื่องการคืนสินค้าของคุณชไมพร ซึ่งเป็นสิทธิผู้บริโภคที่กระทำได้ ซึ่งทางผู้จัดการร้านกล่าวขอโทษ ที่พนักงานของตนปฏิบัติไม่ถูกต้อง จึงดำเนินการเรียกคืนสินค้าที่คุณชไมพรได้ยกเลิกการสั่งซื้อ ทั้งนี้ผู้บริโภคไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ อีกทั้งทางร้านได้ฝากขอโทษคุณชไมพรด้วยที่สร้างความกังวลใจให้และจะอบรมพนักงานของตนต่อไป          คำแนะนำสำหรับผู้บริโภค         กรณีซื้อสินค้าออนไลน์แล้วไม่ได้รับสินค้าภายในระยะเวลาที่ตกลงกันไว้  ถือว่าทางร้านค้าได้ทำผิดเงื่อนไข ผู้บริโภคมีสิทธิขอยกเลิกคำสั่งซื้อได้ โดยทำการแจ้งยกเลิกในระบบเว็บไซต์ห้างออนไลน์ และไม่ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายจากการจัดส่งสินค้าที่ได้แจ้งยกเลิกไว้แล้ว         ทั้งนี้ ตาม พ.ร.บ. ขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ. 2545 ได้กำหนดหลักประกันความพึงพอใจ ไม่ว่าสินค้าจะชำรุดหรือไม่ หากผู้รับสินค้าเกิดความไม่พอใจ ก็สามารถคืนได้ภายใน 7 วัน (มาตรา 33) และผู้ขายต้องคืนเงินให้กับผู้ซื้อภายใน 15 วัน (มาตรา 36)         นอกจากนี้ การที่ผู้บริโภคเลือกซื้อสินค้าจากร้านค้าออนไลน์ ที่จดทะเบียนถูกต้องกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ และคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคในการประกอบธุรกิจขายตรงและการตลาดแบบตรงเป็นการเพิ่มความมั่นใจว่าผู้บริโภคจะได้รับสินค้า และปลอดภัยจากการถูกหลอกถูกโกงมากขึ้น         หากผู้บริโภคต้องคำปรึกษาหรือร้องเรียนเกี่ยวกับการถูกละเมิดสิทธิผู้บริโภค ในพื้นที่ภาคเหนือท่านสามารถติดต่อที่ ศูนย์คุ้มครองสิทธิผู้บริโภคจังหวัดลำพูน เลขที่ 9 ถนนรถแก้ว ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน 51000 หรือ ติดต่อผ่านเฟสบุ๊คwww.facebook.com/consumerslamphun/

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 226 ช่วยต่อชีวิตให้ผู้อื่นผ่านแอปพลิเคชันบริจาคอวัยวะ

        เมื่อไม่นานมานี้มีโอกาสได้ไปเดินงานกาชาด ทำให้ได้เห็นซุ้มรับบริจาคอวัยวะของศูนย์รับบริจาคอวัยวะสภากาชาดไทย ซึ่งถือว่าเป็นซุ้มที่เดินเข้าไปแล้วจะทำให้รู้สึกว่าได้ทำบุญช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ฉบับนี้จึงอยากเชิญชวนผู้อ่านมาบริจาคอวัยวะกันเพื่อช่วยต่อชีวิตให้ผู้อื่น         อย่างแรกขออธิบายว่าการบริจาคอวัยวะนั้นทำเพื่ออะไร การบริจาคอวัยวะเป็นการปลูกถ่ายอวัยวะหรือเนื้อเยื่อของผู้ที่เสียชีวิตไปแล้ว เพื่อนำอวัยวะเหล่านั้นมาปลูกถ่ายให้กับผู้ป่วยที่ต้องการ ซึ่งเมื่อเดือนตุลาคม 2562 มีจำนวนผู้รอปลูกถ่ายอวัยวะอยู่ที่ 6,176 คน และมีผู้ที่ได้รับการปลูกถ่ายแล้วจำนวน 577 คนเท่านั้น         การบริจาคอวัยวะภายในร่างกายจะสามารถบริจาคได้ 4 ส่วน ได้แก่ ปอด ตับ หัวใจ ไต นอกจากนี้ยังมีเนื้อเยื่อที่สามารถปลูกถ่ายได้ เช่น ลิ้นหัวใจ หลอดเลือด ผิวหนัง กระดูก เส้นเอ็น กระจกตา โดยการที่จะนำอวัยวะไปปลูกถ่ายให้ผู้ป่วยได้นั้นจะต้องได้รับความยินยอมจากผู้เสียชีวิตแล้วว่ามีความประสงค์จะบริจาคอวัยวะส่วนใด และเบื้องต้นต้องเป็นผู้เสียชีวิตจากสมองตายเท่านั้น         ทั้งนี้การบริจาคอวัยวะไม่เหมือนกับการอุทิศร่างกายให้เป็นอาจารย์ใหญ่ เพราะการบริจาคอวัยวะนั้นจะผ่าตัดแค่อวัยวะที่ทำเรื่องประสงค์บริจาคไปปลูกถ่ายให้ผู้ป่วยเท่านั้น โดยหลังการผ่าตัดแพทย์จะทำการตกแต่งร่างกายให้เหมือนเดิมเพื่อมอบร่างกายผู้เสียชีวิตให้กับญาติสามารถนำไปประกอบพิธีตามศาสนาต่อไปได้         หลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่าการบริจาคอวัยวะไม่ได้มีความยุ่งยากเหมือนเดิมอีกแล้ว เพราะปัจจุบันศูนย์รับบริจาคอวัยวะสภากาชาดไทยได้จัดทำแอปพลิเคชันที่มีชื่อว่า “บริจาคอวัยวะ” ไว้ให้ผู้ที่ประสงค์จะบริจาคอวัยวะสามารถแจ้งความจำนงค์ขอบริจาคอวัยวะง่ายๆ ผ่านแอปพลิเคชันนี้ได้อีกช่องทางหนึ่ง          แอปพลิเคชันใช้งานได้ง่าย ขั้นแรกต้องสมัครเป็นสมาชิกในระบบโดยให้กรอกเมลและรหัสผ่านเพื่อเข้าสู่เมนูบริจาคอวัยวะ แอปพลิเคชันจะปรากฎขั้นตอนขึ้นมา 4 ขั้นตอน ได้แก่ ขั้นตอนแจ้งคุณสมบัติผู้บริจาค ขั้นตอนกรอกข้อมูล ขั้นตอนยืนยันข้อมูล และขั้นตอนลงทะเบียนเสร็จสิ้น         ขั้นตอนแจ้งคุณสมบัติผู้บริจาคจะแจ้งรายละเอียดว่าผู้บริจาคต้องมีอายุไม่เกิน 65 ปี ปราศจากโรคติดเชื้อ โรคมะเร็ง ไม่เป็นโรคเรื้อรัง เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคไต โรคความดันโลหิตสูง โรคตับ ไม่ติดสุรา และปราศจากเชื้อที่ถ่ายทอดทางการปลูกถ่ายอวัยวะ เช่น ไวรัสตับอักเสบบี ไวรัสเอดส์ ฯลฯ ต่อจากนั้นไปที่ขั้นตอนกรอกข้อมูลผู้บริจาค ได้แก่ เลขบัตรประจำตัวประชาชน ชื่อนามสกุล เพศ วันเดือนปีเกิด หมู่เลือด เบอร์มือถือ เมล อาชีพ ที่อยู่สำหรับจัดส่งบัตรประจำตัวผู้บริจาค อวัยวะที่ต้องการบริจาค ข้อมูลญาติที่สามารถติดต่อได้กรณีฉุกเฉิน ต่อจากนั้นกดบันทึกชั่วคราวและไปสู่ขั้นตอนยืนยันข้อมูล         หลังจากนั้นศูนย์รับบริจาคอวัยวะสภากาชาดไทยจะดำเนินการส่งบัตรประจำตัวผู้บริจาคตามที่อยู่ที่แจ้งไว้ในแอปพลิเคชัน และแอปพลิเคชันนี้ยังมีข้อมูลช่องทางการบริจาคเงินผ่านธนาคารต่างๆ ข้อมูลที่ให้ความรู้เกี่ยวกับการบริจาคอวัยวะ ข่าวกิจกรรมต่างๆ เรื่องราวแห่งความดีซึ่งเป็นการแสดงความรู้สึกของผู้บริจาคและผู้ที่ได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะเรียบร้อยแล้ว         สำหรับผู้อ่านที่อยากได้รายละเอียดเพิ่มเติมเรื่องการบริจาคอวัยวะ สามารถติดต่อศูนย์รับบริจาคอวัยวะสภากาชาดไทยได้ที่เบอร์ 1666         มาร่วมบริจาคอวัยวะให้ผู้ป่วยที่ยังรอคอยด้วยความหวัง เพื่อเป็นสะพานบุญช่วยเหลือในการต่อชีวิตให้พวกเขาได้ใช้ชีวิตอยู่บนโลกได้ต่อไปกันนะคะ

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 225 เรียนรู้ภาษาอังกฤษแบบเค้ก..เค้ก

        ฉบับนี้ขอมาแบ่งปัน Cake กับผู้อ่านกันสักหน่อย Cake ในที่นี้ไม่ใช่ขนมหวานทั่วไป แต่เป็นการแบ่งปันการฝึกฟังและพูดภาษาอังกฤษกับแอปพลิเคชันที่มีชื่อว่า “Cake”         ไม่มีใครปฏิเสธได้ว่าภาษาอังกฤษได้เข้ามามีความสำคัญอย่างมากในชีวิตประจำวัน เพราะภาษาอังกฤษเป็นภาษากลางที่ใช้สื่อสารและเป็นที่ยอมรับกันทั่วโลก นอกจากนี้ยังมีความจำเป็นต่อการติดต่อธุรกิจให้ประสบความสำเร็จอีกด้วย ดังนั้นการฝึกฟังและฝึกพูดภาษาอังกฤษจึงมีความสำคัญกับการใช้สื่อสารในยุคปัจจุบันเป็นอย่างมากทีเดียว         ผู้เขียนจึงเห็นว่าแอปพลิเคชันที่มีชื่อว่า “Cake” น่าจะสามารถตอบโจทย์ในเรื่องนี้ได้ดี โดยสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Cake ได้ฟรี ทั้งระบบปฏิบัติการ android และระบบปฏิบัติการ iOS         หลังจากดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Cake มาแล้วให้ลงชื่อเข้าใช้ผ่านเฟซบุ๊คหรือผ่าน google mail อย่างใดอย่างหนึ่ง และภายในแอปพลิเคชันจะแบ่งหมวดออกเป็นหมวด Home หมวด Search หมวด Speak หมวด Library และหมวด Profile         ในหมวด Home จะเป็นหน้าที่รวบรวมคลิปวิดีโอที่มาจากหนัง การ์ตูน และอื่นๆ มา โดยสามารถเลือกรูปแบบคลิปวิดีโอที่ต้องการฟัง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องขำขัน การให้กำลังใจ โรแมนติก เรื่องเกี่ยวกับการใช้โทรศัพท์ หรือต้องการฝึกคำศัพท์ การฝึกรูปประโยค ซึ่งเป็นคลิปวิดีโอสั้นๆ เมื่อเปิดคลิปวิดีโอนั้นขึ้นมาแล้ว จะปรากฎภาพวิดีโอและข้อความภาษาอังกฤษด้านล่าง ซึ่งจะแบ่งประโยคไม่ยาวมากนักประมาณ 10-15 ประโยค เพื่อให้สามารถฝึกฟังและฝึกพูดตามได้ การฝึกพูดของหมวดนี้จะเป็นการฝึกพูดตามข้อความที่พูดในคลิปวิดีโอนั้นๆ         สำหรับในหมวด Speak จะเป็นหมวดที่ให้ผู้ใช้แอปพลิเคชันเลือกระดับการฝึกพูดตั้งแต่ระดับพื้นฐานไปจนถึงระดับสูง มีบทเรียนให้เลือกหลากหลาย โดยจะเป็นการฝึกโต้ตอบในรูปแบบบทสนทนาสลับกันไปมา เพื่อทำให้สามารถฝึกการออกเสียงได้อย่างถูกต้อง แต่ถ้าไม่แน่ใจว่าต้องออกเสียงอย่างไร ก็สามารถกดฟังตัวอย่างการพูดประโยคดังกล่าวได้         ส่วนหมวด Search จะใช้ค้นหาคลิปวิดีโอเพิ่มเติม หมวด Library เป็นหมวดที่รวบรวมคลิปวิดีโอที่เคยเข้าดูและที่ bookmarks ไว้ สุดท้ายหมวด Profile จะเป็นหมวดจัดการและตั้งค่าต่างๆ ภายในแอปพลิเคชัน         นอกจากนี้แอปพลิเคชันนี้ยังมีความพิเศษอยู่อย่างหนึ่งก็คือ จะมีโน้ตเล็กๆ ที่มีสัญลักษณ์เหมือนรูปไฟอยู่บริเวณด้านล่างขวามือ ซึ่งมีคุณสมบัติในการเก็บสถิติการใช้แอปพลิเคชันที่ใช้ฝึกฟังและฝึกพูดภาษาอังกฤษ โดยบันทึกในรูปแบบของเวลาที่ใช้ในการเรียนรู้ทั้งหมด ทั้งนี้สามารถตั้งค่าเวลาที่ต้องการฝึกต่อวันได้อีกด้วย เพื่อให้ทราบว่าในแต่ละวันสามารถฝึกพูดและฝึกฟังภาษาอังกฤษเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้หรือไม่         ดาวน์โหลดเรียบร้อยแล้ว งั้นมาเริ่มฝึกฟังและฝึกพูดภาษาอังกฤษกันเลยดีกว่า เริ่ม!!!

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 224 ทำอย่างไร... เมื่อเผลอโอนเงินไปผิดบัญชี

หลายคนคงเคยใช้มือถือโอนเงินผ่านแอปพลิเคชันของธนาคารต่างๆ โดยเฉพาะระบบพร้อมเพย์ ที่ใช้เพียงหมายเลขโทรศัพท์มือถือ ก็สามารถโอนเงินเข้าบัญชีผู้รับได้แล้ว นับว่าสะดวกรวดเร็วกว่าการโอนเงินที่ตู้เอทีเอ็ม หรือ หน้าเคาน์เตอร์ธนาคาร นอกจากไม่เสียเวลารอคิว ยังฟรีค่าธรรมเนียมการโอนอีกด้วย ขอเพียงมีมือถือและอินเทอร์เน็ตเท่านั้น แต่ทว่าความผิดพลาดในการโอนเงินผ่านแอปฯ ด้วยการกรอกเลขหมายโทรศัพท์ หรือ เลขบัญชีก็สามารถเกิดขึ้นได้ อย่างเช่นกรณีนี้ ที่ศูนย์สิทธิผู้บริโภคจังหวัดกำแพงเพชรได้รับร้องเรียนมา        คุณอรวรรณ ได้นำเงินสดจำนวนหนึ่งฝากเข้าบัญชี ธนาคาร A เพื่อที่จะใช้โทรศัพท์มือถือโอนเงินผ่านแอปฯ ไปยังอีกบัญชีหนึ่งซึ่งเป็นของธนาคาร B ขณะที่ใช้แอปฯ โอนเงิน จำนวน 25,500 บาท ด้วยความเร่งรีบ จึงไม่ได้ตรวจทาน ก่อนกดยืนยัน ทำให้เงินจำนวนดังกล่าวถูกโอนเข้าบัญชีคนอื่น เพราะกรอกเลขบัญชีธนาคารสองตัวสุดท้ายผิดไป        เมื่อคุณอรวรรณทราบว่า ตนได้โอนเงินผิดบัญชี ก็รีบเดินทางไปธนาคาร A เพื่อขอความช่วยเหลือทันที เมื่อไปถึงพนักงานธนาคารได้แนะนำให้คุณอรวรรณเดินทางไปยังธนาคาร B เพื่อติดต่อขอข้อมูลเจ้าของบัญชีปลายทางที่โอนผิดไป        เมื่อคุณอรวรรณ เดินทางไปถึงยังธนาคาร B ก็ได้รับแจ้งจากพนักงานของธนาคารว่า ทางธนาคารไม่สามารถให้ข้อมูลลูกค้ากับบุคคลอื่นได้ แต่จะช่วยติดต่อกับเจ้าของบัญชีให้ ขอให้คุณอรวรรณใจเย็นๆ แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถติดต่อได้ จึงต้องส่งเรื่องกลับให้ทางธนาคาร A ดำเนินการตามกระบวนการ        ผ่านไป 60 วัน คุณอรวรรณ ได้รับการติดต่อจากธนาคาร A ว่า ไม่สามารถติดต่อเจ้าของบัญชีได้ ทางธนาคารให้เพียงชื่อที่อยู่และเลขบัตรประจำตัวประชาชนเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการ โดยอีก 45 วันต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกหมายจับในคดียักยอกทรัพย์        ผ่านไปหลายเดือน คุณอรวรรณคิดว่าคงไม่ได้เงินคืนเสียแล้ว จนวันหนึ่งได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าจับตัวผู้ต้องหาได้แล้ว และต่อมาศาลได้นัดไกล่เกลี่ย โดยผู้ต้องหาขอให้ญาติเป็นผู้ผ่อนชำระเงินจำนวนดังกล่าวคืน เดือนละ 500 บาท        อย่างไรก็ตาม หลังการเจรจาไกล่เกลี่ย คุณอรวรรณ ก็ยังไม่มีวี่แววได้รับเงินคืนอีก จึงได้ติดต่อไปยังทนายความของผู้ต้องหาอีกครั้งเพื่อขอความช่วยเหลือ จนผ่านไปอีกกว่าครึ่งปี ญาติผู้ต้องหาจึงนำเงินจำนวนดังกล่าวมาคืนให้ทั้งหมด        นับเป็นเวลาหลายเดือน กว่าที่คุณอรวรรณจะได้เงินทั้งหมดคืน จากความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยในการทำธุรกรรมทางการเงินผ่านมือถือ ดังนั้นเมื่อผู้บริโภคจะใช้บริการโอนเงินผ่านมือถือ ก็ขอให้ตรวจสอบชื่อเจ้าของบัญชีให้แน่ใจเสียก่อน ที่จะกดยืนยันการโอนเงิน เพราะการสละเวลาในการตรวจสอบเพียงเล็กน้อย ย่อมดีกว่าเวลาที่อาจเสียไปอีกมาก เพื่อแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดตามมา ซึ่งกรณีแบบนี้ เกิดขึ้นเป็นจำนวนไม่น้อย        ทั้งนี้ หากผู้บริโภค เจอเหตุการณ์ที่คล้ายกัน ก็ขอให้รีบดำเนินการตามขั้นตอน ต่อไปนี้ แนวทางการแก้ไขปัญหา        1.   หากทราบว่าโอนเงินผิด ให้รีบติดต่อเจ้าของบัญชีปลายทางให้โอนเงินคืน (หากสามารถติดต่อได้)        2.   หากติดต่อเจ้าของบัญชีปลายทางไม่ได้ หรือ ถูกปฏิเสธที่จะโอนเงินคืน ให้รีบโทรแจ้งคอลเซ็นเตอร์ของธนาคารที่ใช้บริการ แจ้งรายละเอียดต่างๆ เช่น วัน เวลา และจำนวนเงินที่โอนผิด ให้ทางธนาคารช่วยอายัดเงินจำนวนดังกล่าวไว้        3.   รีบเดินทางไปยังสถานีตำรวจที่ใกล้ที่สุด เพื่อแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน        4.   รอเจ้าหน้าที่ตำรวจ และทางธนาคารดำเนินการตามขั้นตอน        นอกจากนี้ หากท่านบังเอิญได้รับเงินโอนเข้าบัญชีแบบไม่ทราบที่มา ก็ไม่ควรนำเงินจำนวนนั้นไปใช้ โดยเฉพาะหากเป็นเงินที่เจ้าของโอนผิดเข้ามา เพราะท่านอาจโดนฟ้องในคดียักยอกทรัพย์ได้ หรืออาจเป็นแผนของมิจฉาชีพที่หลอกให้ท่านโอนเงินหรือหลอกถามข้อมูลความลับทางบัญชี เช่น เลขที่บัญชี เลขบัตรเดบิต เลขบัตรเครดิต หรือรหัสผ่าน หากท่านได้รับเงินโอนเข้าบัญชีโดยที่ไม่ทราบที่มา ก็ขอให้ลองติดต่อไปยังคอลเซ็นเตอร์ของธนาคารเพื่อสอบถามข้อมูล ว่าเงินจำนวนดังกล่าวมาจากไหน        หากผู้บริโภคต้องการขอคำแนะนำหรือร้องเรียน กับ ศูนย์คุ้มครองสิทธิผู้บริโภค จังหวัดกำแพงเพชร สามารถติดต่อได้ที่ เฟสบุ๊คแฟนเพจ https://www.facebook.com/consumerthai.kp/

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 223 กำลังเช็กเอ้าต์ ทำไมจะกลายเป็นเช็กอิน

        การเข้าใช้บริการแอปพลิเคชันทั้งหลาย เราควรมีความระมัดระวัง อย่ามือลั่น โดยเฉพาะหากต้องมีการจ่ายเงินเพราะหากมันไม่ใช่ กว่าที่จะทำเรื่องขอเงินกลับมันจะใช้เวลานานทำให้เดือดเนื้อร้อนใจ  แต่บางทีเราไม่ได้ประมาทแต่อย่างใด เพียงแค่เลื่อนดูรายการบางอย่างกลับกลายเป็นเงินหายไปไม่เสียอย่างนั้น แล้วจะทำอย่างไรดี         ขอนำเรื่องของคุณพรทวี ซึ่งกำลังมีความสุขอยู่ดีๆ กับการเที่ยวพักผ่อนในช่วงวันที่ 13 และ 14 พฤษภาคมที่ผ่านมา และขณะกำลังเช็กเอาต์ออกจากโรงแรม A ในวันที่ 14 คุณพรทวีได้เข้าไปดูรายการในแอปพลิเคชันของ agoda โดยกดดูราคาห้องพักที่โรงแรม A ขณะที่กดดูรายละเอียดของห้องพักหน้าถัดไป กลับกลายเป็นการยืนยันการจองห้องพักของโรงแรม A ในวันที่ 14 พฤษภาคม พร้อมกับยืนยันการชำระเงินโดยตัดบัตรเครดิตของคุณพรทวีจำนวน 2,476 บาท แบบรวดเร็ว โดยที่คุณพรทวีไม่ได้กดทำรายการจองห้องพักใดๆ เลย         ด้วยความตกใจจึงแจ้งให้พนักงานโรงแรมทราบทันที แต่ทางโรงแรมบอกว่า ไม่สามารถยกเลิกได้ คุณพรทวีต้องติดต่อกับ agoda โดยตรง พอคุณพรทวีติดต่อไปที่ agoda แจ้งเรื่องผิดพลาดที่เกิดขึ้น ทางพนักงานของ agoda ได้ระบุว่ารับเรื่องร้องเรียนไว้แล้วและจะยกเลิกรายการจองดังกล่าวให้ พร้อมคืนเงินเข้าระบบบัตรเครดิต         “ตอนนั้นก็คิดว่า เรื่องคงเคลียร์แล้ว แต่ต่อมาได้ใบแจ้งหนี้จากบัตรเครดิตว่า ค้างชำระและต้องชำระเงินภายในวันที่ 1 กรกฎาคม พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 18.7 ไม่เข้าใจเลยว่า ทำไม agoda จึงไม่ทำเรื่องของตนให้เรียบร้อย ทั้งที่แจ้งให้ดำเนินการแก้ไขทันทีที่เกิดเรื่องแล้ว”         จึงขอคำปรึกษามาที่มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค แนวทางการแก้ไขปัญหา         การติดต่อกับ agoda ซึ่งเป็นเจ้าของแอปพลิเคชันและแอปฯ มีการทำรายการผิดพลาดเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว สิ่งที่คุณพรทวีควรทำเพิ่มคือ การติดต่อกับคอลเซนเตอร์ของบัตรเครดิตเพื่อแจ้งเรื่องดังกล่าว และปฏิเสธการจ่ายเงินที่ตนเองไม่ได้ใช้บริการคือ การจองห้องพักของวันที่ 14 พฤษภาคม เพื่อให้ทางบัตรเครดิตกับ บ.agoda ได้ประสานงานเรื่องการคืนเงินกันให้เรียบร้อย ไม่สร้างภาระให้กับผู้บริโภค เรื่องนี้อยู่ระหว่างเจรจาให้ทาง agoda ดูแลแก้ไขปัญหาให้กับคุณพรทวี   ศูนย์พิทักษ์สิทธิผู้บริโภคเห็นว่าน่าจะเป็นอุทาหรณ์ให้ผู้บริโภคท่านอื่นจึงนำมาเสนอไว้

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 223 รู้จักใช้เงินให้เป็นกับ Money Manager

     หลายคนอาจคิดว่าการออมเงินเป็นเรื่องที่ยากลำบากสำหรับมนุษย์เงินเดือนอย่างเรา ซึ่งมันก็จริงตามนั้น แต่อยากให้มองเห็นถึงความสำคัญของการออมเงิน เพราะเงินที่ออมนั้นจะสามารถนำมาใช้ได้ในกรณีฉุกเฉินที่เกิดการเจ็บป่วยเกิดอุบัติเหตุ หรือเป็นเงินเก็บเพื่อซื้อบ้าน ซื้อรถ หรือเพื่อใช้จ่ายในวัยเกษียณ วัยที่ไม่สามารถทำงานได้ โดยเฉพาะวัยที่เริ่มทำงานที่ยังไม่มีภาระควรออมเงินบางส่วนไว้สำหรับอนาคต แนะนำว่าควรนำรายได้หักลบจากเงินออม ส่วนเงินที่เหลือก็ค่อยไว้ใช้จ่าย        แต่เชื่อได้เลยว่าคนส่วนใหญ่มักใช้จ่ายเกินเงินที่ควรใช้และต้องมาเอาเงินในส่วนที่ออมไว้ไปใช้จ่ายเพิ่มเติม ผู้อ่านได้มีโอกาสไปอ่านหนังสือเล่มหนึ่งได้ให้ข้อคิดไว้ว่า แค่ขจัดความอยาก ความไม่จำเป็นออกไป เมื่อเกิดความอยากสิ่งที่ตามมาคือการหาเหตุผลในการใช้จ่าย แต่บางครั้งเหตุผลดังกล่าวอาจเป็นแค่ข้ออ้างในความอยากได้เท่านั้น ดังนั้นจึงควรพิจารณาให้ดีว่าสิ่งที่ต้องใช้จ่ายนั้นเป็นแค่ความอยากหรือเป็นความจำเป็น ก่อนที่เงินในกระเป๋าจะหมดเกลี้ยงไปอย่างไม่รู้ตัว         วิธีที่ดีที่สุดนั่นคือการทำบันทึกรายรับรายจ่ายการใช้จ่ายเงินของตนเองในแต่ละวัน เพื่อควบคุมค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นไม่ให้เกินตัว นอกจากนี้ควรวางแผนค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เช่น ตั้งงบประมาณรายจ่ายค่าอาหารต่อเดือนไว้ประมาณ 3,000 บาท เป็นต้น         การทำบันทึกรายรับรายจ่ายอาจจะใช้วิธีการจดบันทึกลงสมุด หรืออาจจะบันทึกผ่านแอปพลิเคชันก็ได้เช่นกัน ฉบับนี้ขอแนะนำแอปพลิเคชัน Money Manager         ภายในแอปพลิเคชันจะแบ่งเป็น 4 หมวด ได้แก่ หมวดรายรับรายจ่าย, หมวด Stats, หมวด Accounts และหมวด settings โดยสามารถใช้งานได้ง่ายและสะดวกรวดเร็ว เพียงแค่เข้าไปที่หมวดรายรับรายจ่ายเป็นหลัก เพื่อที่จะเพิ่มข้อมูลจากการเลือกว่าเป็นรายรับหรือรายจ่ายเท่าใด หลังจากนั้นให้เลือกรูปแบบการใช้เงิน เช่น เงินสด บัตรเครดิต เป็นต้น เลือกหมวดค่าใช้จ่ายของสินค้า ระบุตัวเลขที่ใช้จ่าย และกดบันทึก         ทั้งนี้ผู้ใช้แอปพลิเคชันสามารถเลือกดูรูปแบบการสรุปการใช้จ่ายเงินเป็นรายเดือน รายสัปดาห์ หรือถ้าต้องการใช้แอปพลิเคชันช่วยสรุปเปอร์เซ็นต์การใช้จ่ายในแต่ละเดือนออกมาเป็นสถิติรูปวงกลมก็ให้ไปดูได้ที่หมวด Stats หรือถ้าต้องการใช้แอปพลิเคชันช่วยแบ่งตามรูปแบบการใช้จ่ายว่าการใช้จ่ายเงินสดใช้เงินไปทั้งหมดเท่าใดและใช้ผ่านบัตรเครดิตไปจำนวนเท่าใดก็สามารถดูได้เช่นกัน         ประโยชน์ของการใช้แอปพลิชัน Money Manager นี้จะช่วยสรุปค่าใช้จ่ายเพื่อทำให้รู้ว่าในแต่ละช่วงสัปดาห์ได้ใช้จ่ายไปในเรื่องใดมากที่สุด และพิจารณาว่าสามารถลดค่าใช้จ่ายในส่วนนั้นได้หรือไม่ ซึ่งเป็นการบริหารการใช้เงินและควบคุมการใช้จ่ายไม่ให้เกินตัวได้ทางหนึ่ง         อย่าลืมท่องเอาไว้ว่า “เงินจะไม่หมด ถ้ารู้จักใช้เงินให้เป็น”

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 222 แนะนำเส้นทางท่องเที่ยวกับแอปพลิเคชัน Thailand Tourism Map

        ช่วงนี้วันหยุดติดต่อกันยาว 3 วันบ้าง 4 วันบ้าง หรือจะแค่วันหยุดเสาร์อาทิตย์บางคนก็พร้อมที่จะไปท่องเที่ยวในสถานที่ท่องเที่ยวไม่ไกลมากนัก ซึ่งบางครั้งก็มีการวางแผนการเดินทาง สถานที่พัก ร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยวไว้ล่วงหน้าเป็นอย่างดี แต่ก็มีหลายๆ คนเช่นกันที่ไม่สามารถวางแผนได้ล่วงหน้า        การเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวหนึ่งแบบฉุกละหุกย่อมทำให้เกิดความกังวลใจในการใช้เส้นทางสำหรับการเดินทาง ยิ่งเป็นเส้นทางที่ไม่คุ้นเคยแล้วยิ่งเกร็งกันไปใหญ่ เมื่อไม่นานมานี้ผู้เขียนได้สัมผัสความรู้สึกเกร็งแบบมาแล้ว ด้วยเวลาที่เร่งรัดและเป็นผู้นำการเดินทางคนเดียวในครอบครัว ดังนั้นจึงต้องเริ่มหาที่พึ่งโดยด่วน         สุดท้ายได้มาเจอแอปพลิเคชันที่มีชื่อว่า Thailand Tourism Map เป็นแอปพลิเคชันของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย แค่ชื่อก็ใช่เลย เหมาะกับการเดินทางท่องเที่ยวทั่วประเทศไทยจริงๆ        ขั้นตอนแรกของแอปพลิเคชันจะให้เลือกภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษ เมื่อต้องการที่จะเดินทางไปสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใดมีอยู่ 2 วิธี คืออย่างแรกให้พิมพ์คำที่ต้องการค้นหาลงในช่องค้นหาได้ทันทีและจะปรากฏเส้นทางสถานที่นั้นๆ อย่างที่สองให้กดสัญลักษณ์เลี้ยวขวาที่อยู่มุมขวาล่างของหน้าแอปพลิเคชันและกดค้นหาจากตำแหน่งที่ผู้ใช้แอปพลิเคชันอยู่ ในส่วนนี้จะสามารถเลือกเส้นทางแบบเดินทางโดยรถยนต์หรือเดินทางโดยรถสาธารณะได้ โดยการเดินทางในรูปแบบการใช้รถโดยสารสาธารณะจะบอกเป็นขั้นตอน เช่น ให้ขึ้นรถบีทีเอสไปต่อรถไฟ เป็นต้น         ความแตกต่างของการใช้แอปพลิเคชันนี้ก็คือ จะมีชื่อสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ในประเทศไทยไว้ให้ค้นหามากมาย เพียงแค่พิมพ์ตัวอักษรที่เกี่ยวข้องกับสถานที่ท่องเที่ยวเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีข้อมูลการแนะนำเส้นทางของสถานที่ท่องเที่ยวโดยแบ่งออกเป็นภาค จังหวัด และเส้นทางท่องเที่ยวแต่ละจังหวัดที่ใกล้เคียงกัน โดยได้แนะนำไว้เป็นเส้นทางการเดินทางก่อนหลัง เช่น เส้นทางท่องเที่ยว 3 วัน 2 คืน เกาะช้าง-ตราด-พัทยา, เส้นทางท่องเที่ยว 2 วัน 1 คืน ภูเก็ต-พังงา, เส้นทางท่องที่ยว 4 วัน 3 คืน ลำปาง-ลำพูน-เชียงใหม่ เป็นต้น         ไม่เพียงเท่านี้ แอปพลิเคชัน Thailand Tourism Map ยังมีหมวดไฮไลท์ ที่สามารถคัดเลือกสถานที่ท่องเที่ยวตามสภาพมลภาวะทางอากาศ หรือเลือกสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นเมืองรองของภาคใด ซึ่งในหมวดนี้ถือว่าเป็นไฮไลท์ของแอปพลิเคชันนี้ที่ช่วยคัดกรองสถานที่ท่องเที่ยวตามที่ผู้ใช้ต้องการได้ เช่น ถ้าต้องการสภาพมลภาวะทางอากาศระดับดีมากให้เลือกไปที่ AQI 0-25 ดีมาก จะปรากฏตำแหน่งต่างๆ บนแผนที่ ซึ่งสามารถเลือกดูได้ว่าเป็นสถานที่ใดบ้าง        แต่ถ้ารู้สึกไม่ทันใจกับการค้นหาในแอปพลิเคชัน Thailand Tourism Map การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยยังมีบริการโทรสายด่วนออนไลน์ได้ที่หมายเลข 1672 อีกด้วย        บอกเลยว่าการเดินทางครั้งต่อไปก็คงแค่กดดูข้อมูลการแนะนำเส้นทางของสถานที่ท่องเที่ยว แล้วตัดสินใจว่าจะค้าง 3 วัน 2 คืน หรือจะค้าง 2 วัน 1 คืน แค่นั้นก็เพียงพอแล้วล่ะ

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 221 จองคิวออนไลน์กับกรมการขนส่งทางบก

        ยุค 2019 ต้องยอมรับเลยว่าอินเทอร์เน็ตและเทคโนโลยีมีผลกับการใช้ชีวิตประจำวันอย่างมาก ไม่ว่าจะหันไปทางไหนก็จะเห็นแอปพลิเคชันที่เข้ามาตอบโจทย์แทบทุกเรื่อง        กรมการขนส่งทางบกก็เป็นหนึ่งในนั้นที่ได้นำเทคโนโลยีเข้ามาใช้เพื่อตอบโจทย์การแก้ปัญหาเกี่ยวกับการรอคิวนานสำหรับผู้มาใช้บริการที่กรมการขนส่งทางบก โดยได้จัดทำแอปพลิเคชันที่มีชื่อว่า DLT Smart Queue ซึ่งสามารถรองรับสมาร์ทโฟนได้ทั้งระบบปฏิบัติการ iOS และระบบปฏิบัติการ Android         แอปพลิเคชั่น DLT Smart Queue ถูกจัดทำขึ้นเพื่อใช้สำหรับจองคิวเพื่อเข้ารับการอบรมและเรื่องอื่นๆ ได้ล่วงหน้า โดยต้องลงทะเบียนจองล่วงหน้าก่อน 1 วันที่จะเข้าใช้บริการกับกรมการขนส่งทางบก         ขั้นตอนภายในแอปพลิเคชันลำดับแรกต้องลงทะเบียนโดยการกรอกเลขบัตรประจำตัวประชาชน คำนำหน้าชื่อ ชื่อและนามสกุล เบอร์โทรศัพท์ เมล และตั้งรหัสผ่าน เมื่อลงทะเบียนเรียบร้อยให้กรอกรายละเอียดเพื่อเข้าสู่ระบบ         หลังจากนั้นแอปพลิเคชันจะปรากฏปุ่มจองคิว (Book a Queue) เมื่อกดปุ่มจะปรากฎข้อความแจ้งเตือนซึ่งเป็นข้อกำหนดในการใช้บริการ โดยให้ผู้ใช้บริการที่จองคิวผ่านแอปพลิเคชันต้องมาก่อนเวลาที่ทำการนัดหมายอย่างน้อย 20 นาที และเตรียมเอกสารให้เรียบร้อย พร้อมทั้งยื่นหน้าจอสมาร์ทโฟนที่ได้ทำการนัดหมายไว้แก่เจ้าหน้าที่         ขั้นตอนต่อไปผู้ใช้บริการจะต้องเลือกจังหวัดที่ต้องการเข้ารับบริการ และเลือกสาขาของสำนักงานขนส่งในพื้นที่ที่สะดวก ถัดไปจะเป็นการเลือกประเภทงานที่ต้องการเข้ารับบริการ ซึ่งในแต่ละสาขาจะมีประเภทงานแตกต่างกันไป         โดยประเภทงานที่ต้องการเข้ารับบริการมีตั้งแต่ประเภทขอรับใบอนุญาตครั้งแรก ประเภทการต่ออายุใบอนุญาตจาก 2 ปีเป็น 5 ปี ประเภทการต่ออายุใบอนุญาตจาก 5 ปีเป็น 5 ปี ประเภทการชำระภาษี ประเภทการขอใบอนุญาตขับรถระหว่างประเทศ ประเภทการออกใบแทนใบคู่มือจดทะเบียนรถหรือเครื่องหมายแสดงการเสียภาษี ประเภทการออกเล่มทะเบียน ประเภทการขอออกแผ่นป้ายทะเบียน ประเภทการย้ายรถออก  ประเภทการแก้ไขรายการ เป็นต้น         เมื่อเลือกประเภทงานที่ต้องการเข้ารับบริการได้แล้ว แอปพลิเคชันจะแจ้งเตือนรายละเอียดเกี่ยวกับเอกสารที่ต้องเตรียมมาประกอบ ต่อจากนั้นต้องเลือกวันเวลาที่สะดวกในการทำการนัดหมาย ซึ่งในแต่ละประเภทงานที่ต้องการเข้ารับบริการจะกำหนดจำนวนสูงสุดและจำนวนที่จองคิวที่สามารถจองคิวผ่านแอปพลิเคชันได้         นอกจากการจองคิวผ่านแอปพลิเคชัน DLT Smart Queue แล้ว ยังสามารถจองคิวผ่านทางเว็บไซต์ https://gecc.dlt.go.th ได้เช่นกัน        ใครมีความจำเป็นต้องใช้บริการกับกรมการขนส่งทางบก ลองใช้แอปพลิเคชัน DLT Smart Queue ซึ่งสามารถช่วยลดระยะเวลาในการรอคิวมากเลยทีเดียว        ทีนี้ก็หมดปัญหาเรื่องการรอคิวยาวแล้วล่ะ

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 219 ย้อนความทรงจำในอดีตผ่าน Timehop

เชื่อว่าหลายคนมีความทรงจำในอดีตที่น่าประทับใจน่าจดจำหลายอย่าง และมีคนจำนวนไม่น้อยที่อยากจะย้อนวันเวลากลับไปในช่วงเวลาที่มีความสุขเหล่านั้น แม้ว่าอยากให้ช่วงเวลานั้นอยู่นานแค่ไหนแต่ช่วงเวลาแห่งความสุขมักผ่านไปอย่างรวดเร็วเสมอ เรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นก็จะกลายเป็นแค่ความทรงจำที่ดีและเก็บไว้ในใจไปตลอด ผู้เขียนเป็นคนหนึ่งที่อยากจะย้อนวันวานเพื่อระลึกถึงความทรงจำดีๆ ที่ผ่านมาในอดีต ให้มาปรากฎเป็นภาพอีกครั้ง        บางครั้งความทรงจำในอดีตก็สามารถช่วยเยียวยาจิตใจ เป็นแรงผลักดัน เป็นเรื่องตลกขำขัน ให้ดำเนินชีวิตได้ในปัจจุบัน ฉบับนี้จึงขอย้อนความทรงจำในอดีตกลับมาอีกครั้ง และไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีความทรงจำเหล่านั้นก็สามารถกลับมาได้ทุกวันอย่างแน่นอน เพียงแค่ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Timehop ลงบนสมาร์ทโฟนได้ทั้งระบบปฏิบัติการ Android และระบบปฏิบัติการ iOS         แอปพลิเคชันจะให้เลือกการเข้าใช้ 3 รูปแบบ คือ การใช้ผ่าน facebook การเข้าใช้ผ่านเบอร์โทรศัพท์ หรือการเข้าใช้ผ่านการสมัครเข้าใช้งานโดยตรง หลังจากนั้นแอปพลิเคชันจะให้ทำการเชื่อมต่อแอปพลิเคชันโซเชียลมีเดียอื่นๆ ตามขั้นตอน ทั้งการเชื่อมต่อ facebook, twitter, Instagram, swarm, dropbox photos, google photos และเชื่อมต่ออัลบั้มรูป camera roll ในสมาร์ทโฟนได้อีกด้วย         โดยการเชื่อมต่อแอปพลิเคชันโซเชียลมีเดียอื่น สามารถเลือกได้ตามความต้องการของผู้ใช้แอปพลิเคชันและสามารถปิดเปิดการเชื่อมต่อได้ภายหลัง เมื่อทำตามขั้นตอนเรียบร้อยแล้ว แอปพลิเคชัน Timehop จะเชื่อมต่อเรื่องราวและความทรงจำที่เคยเกิดขึ้นทั้งหมด         การทำงานของแอปพลิเคชัน Timehop จะแจ้งเตือนทุกวันว่าในวันนี้เมื่อปีก่อนหรือหลายปีก่อน ผู้ใช้แอปพลิเคชันเคยโพสต์เรื่องราวอะไรไว้บ้างในอดีต ซึ่งภายในแอปพลิเคชันจะปรากฎเรื่องราวที่เคยโพสต์ไว้ทั้งหมดของแอปพลิเคชันโซเชียลมีเดียที่ได้เชื่อมต่อไว้ทั้งหมด        Timehop ถือว่าเป็นแอปพลิเคชันที่สามารถสร้างสีสันและย้อนความทรงจำให้รำลึกถึงอดีตต่างๆ ที่ผู้ใช้แอปพลิเคชันได้เคยโพสต์ไว้ในแต่ละแอปพลิเคชัน ซึ่งน่าจะเป็นสิ่งที่ดีที่ภาพและเรื่องราวความทรงจำต่างๆ ในอดีตได้กลับมาให้ผู้ใช้แอปพลิเคชันได้เห็น ประกอบกับทำให้ได้ระลึกถึงความสุข ความปลาบปลื้ม ความตลก ฯลฯ ที่เคยเกิดขึ้นในวันนั้นเมื่อหลายปีก่อน เพื่อนำมาเปรียบเทียบว่าในปีนี้มีความแตกต่างกันมากน้อยเพียงใด         ลองดาวน์โหลดกันมาลองเล่นกันดูนะคะ

อ่านเพิ่มเติม >