ฉบับที่ 101 หูฟัง เงียบ ไม่เหงา

ฉลาดซื้อฉบับนี้เอาใจผู้รักความสงบแต่ชื่นชมในเสียงต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นดนตรี กีฬา หรือภาพยนตร์ เราขอนำเสนอผลการทดสอบหูฟังทั้งแบบมีสายและไร้สายที่ทำการทดสอบไว้โดยองค์กรทดสอบระหว่างประเทศ International Consumer Research and Testing ที่เราเป็นสมาชิก โดยมีหูฟังทั้งหมด 37 รุ่น (บางรุ่นมีขายที่เมืองไทยด้วย) ที่ราคาตั้งแต่ 790 – 9,000 บาท จากผลทดสอบนี้ทำให้ (คนในกอง บก.) เกิดความหวังว่าถึงเราจะมีงบประมาณไม่เกินหนึ่งพันบาทก็ยังพอมีลุ้นได้หูฟังที่คุณภาพดีพอใช้ แต่คุณผู้อ่านฉลาดซื้อที่มีงบมากกว่านั้นจะลองซื้อหาหูฟังที่ให้คุณภาพเสียงระดับเทพต้องอิจฉามาใช้ก็ไม่ว่ากัน       ข้อสังเกตจากเครือข่ายนักวิชาการเพื่อผู้บริโภค หูฟังแบบไร้สายมีข้อเสียคือ กินไฟมาก และระยะในการรับสัญญาณไม่ไกล เมื่อเทียบกับหูฟังที่มีสาย จากผลการทดสอบเห็นได้ว่าหูฟังแบบไร้สายมีอัตราการกินไฟสูงมาก ในเรื่องของการกินไฟ ไม่ว่าจะใช้งานอยูใน Mode Standby ขณะชาร์จแบตเตอรี่ หรือ Mode การใช้งานจริง อัตราการกินไฟแทบจะไม่แตกต่างกันเลย เพราะฉะนั้นเพื่อเป็นการประหยัดไฟช่วยชาติและประหยัดเงินค่าไฟ เมื่อเลิกใช้งานควรดึงปลั๊กไฟของหูฟังออก ไม่ควรเสียบปลั๊กค้างไว้ตลอดเวลา ในยุคเศรษฐกิจอย่างนี้ เราอาจจะลองหันมาใช้หูฟังแบบมีสายบ้าง เพราะนอกจากจะได้เสียงที่มีคุณภาพดีแล้ว ยังสามารถประหยัดเงินในกระเป๋าได้อีกด้วย ถ้าดูตามผลการทดสอบนี้จะเห็นว่า คุณภาพเสียงของหูฟัง ยี่ห้อ beyerdynamic DTX 800 คุณภาพเสียงดีเลิศเหมือนกับ หูฟังของ Philips Cineos SHP 9000 และ หูฟังของ Sennheiser HD 555 แต่มีราคาถูกกว่าถึงเท่าตัว  นอกจากเรื่องของคุณภาพของเสียงที่ต้องคำนึงเป็นอันดับต้นๆ แล้ว ก่อนซื้อหูฟังเราควรทดสอบดูว่า เมื่อใส่หูฟังดังกล่าวแล้วสบายหูหรือไม่ หูฟังที่ดีไม่ควรกดทับใบหูจนเกินไป นอกจากนี้ สิ่งที่ควรระมัดระวัง คือ ไม่ควรใส่หูฟังเป็นเวลานานๆ เพราะการกดทับบริเวณใบหูนานๆ อาจทำให้เลือดไหลเวียนไม่สะดวก และใบหูเป็นอวัยวะที่ระบายความร้อนของร่างกาย อาจทำให้ความร้อนที่ใบหูระบายได้ไม่ดี ทำให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพ

สำหรับสมาชิก >
ฉลาดซื้อ เก็บแต้มแลกสินค้า300 Point

ฉบับที่ 100 หูฟังบลูทูธ 2009

กลับมาอีกครั้งกับผลทดสอบหูฟังบลูทูธ ประจำปีนี้ โดยองค์กรทดสอบ International Consumers Research and Testing (หรือ ICRT ที่วารสารฉลาดซื้อและวารสารเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคจากภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลกเป็นสมาชิก)   คราวนี้มีหูฟังมานำเสนอสมาชิกทั้งหมด 23 รุ่น (แบบธรรมดา 18 รุ่น และแบบที่เป็นหูฟังสเตอริโออีก 5 รุ่น) ฟังก์ชั่นพื้นฐานที่ทุกรุ่นมีเหมือนกันได้แก่การโทรออกด้วยเสียงและปรับความดังของเสียง ส่วนการเรียกซ้ำหมายเลขสุดท้ายที่โทรออกนั้นทุกรุ่นสามารถทำได้ ยกเว้นบลูเทรค metal และทุกรุ่นมีการแจ้งเตือนในรูปแบบของสัญญาณไฟหรือเสียงเมื่อแบตเตอรี่ใกล้หมด ยกเว้นจาบรา BT2050   เอาล่ะ หูฟังบลูทูธรุ่นไหนมีความโดดเด่น และมีลักษณะเฉพาะตัวอย่างไร ดูได้จากตารางข้างล่างนี้>> ดาวโหลด ตารางผลการทดสอบ ค่ะ

สำหรับสมาชิก >
ฉลาดซื้อ เก็บแต้มแลกสินค้า150 Point

ฉบับที่ 99 มือถือถ่ายรูป

วารสารฉลาดซื้อได้ลงผลทดสอบเรื่องโทรศัพท์มือถือไปหลายครั้งแล้ว ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์ธรรมดา หรือโทรศัพท์ที่ทำได้หลายๆ ฟังก์ชั่น (สมาร์ทโฟน) ยังค่ะ ยังไม่พอ…คราวนี้ขอนำเสนอโทรศัพท์เฉพาะรุ่นที่สามารถใช้ถ่ายรูปได้มาฝากกัน ข้อมูลมาจากนิตยสาร Choice ของออสเตรเลีย ที่ได้ทดสอบโทรศัพท์ไว้ทั้งหมด 21 รุ่น ซึ่งมีขายอยู่ในบ้านเราด้วยสนนราคาตั้งแต่ 7,900 – 22,400 บาท เป็นโทรศัพท์ที่สามารถถ่ายภาพได้ที่ความละเอียดตั้งแต่ 3.2 ไปจนถึง 8.1 พิกเซลเลยทีเดียว เรียกว่าถ้าเจอภาพเด็ดๆ ที่ไหนแล้วก็สามารถถ่ายเก็บไว้ได้ทันที เนื่องจากโทรศัพท์แต่ละรุ่นก็มีความโดดเด่นในแต่ละด้านแตกต่างกันไป เราจึงขอนำเสนอหัวข้อการทดสอบผ่านการใช้งานในฟังก์ชั่นต่างๆ (โทรศัพท์ ส่งข้อความ ถ่ายภาพ ฟังเพลง) รวมถึงแบตเตอรี่และ การเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ไว้ เพื่อให้ผู้อ่านฉลาดซื้อได้เลือกรุ่นที่ตรงกับการใช้งานและกระเป๋าเงินของตนเองมากที่สุด

สำหรับสมาชิก >
ฉลาดซื้อ เก็บแต้มแลกสินค้า150 Point

ฉบับที่ 98 โปรแกรมไหนให้ความมั่นใจคุณได้มากกว่า

กลับมาอีกครั้งกับผลทดสอบโปรแกรมรักษาความปลอดภัย และความเป็นส่วนตัว ให้กับผู้ใช้คอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ท จากองค์กรทดสอบสากล (ICRT) เจ้าเก่าที่เราเป็นสมาชิกอยู่ การทดสอบครั้งนี้มีโปรแกรม (เวอร์ชั่นปี 2009) ทั้งหมด 15 โปรแกรมด้วยกัน ที่มีราคาตั้งแต่ 1,300 ถึง 3,400 บาท ประเด็นทดสอบ1. ประสิทธิภาพในการป้องกันการถูกเจาะข้อมูล (Firewall)2. ประสิทธิภาพในการป้องกันไวรัสและสปายแวร์ 3. ความสะดวกในการลงโปรแกรม 4. ความสะดวกในการใช้งาน   ข้อสรุปจากการทดสอบ- เรายังไม่พบว่ามีโปรแกรมใดได้ 5 ดาว ในทุกๆหัวข้อที่ทดสอบ- ยกเว้นในเรื่องของ การป้องกันการถูกเจาะข้อมูลที่ที่ได้ 5 ดาว ไป 2 โปรแกรมคือ Gdata และ Bitdefender- 5 อันดับแรกของโปรแกรมที่ได้คะแนนสูงสุดได้แก่ Gdata Bitdefender Kaspersky Avira และ F-secure สำหรับคะแนนโดยละเอียดในแต่ละด้าน สามารถดูได้จากตารางต่อไปนี้ โปรแกรม เวอร์ชั่น คะแนนรวม ป้องกันการถูกเจาะข้อมูล (Firewall) การป้องกันไวรัสและสปายแวร์ ความสะดวกในการลงโปรแกรม ความสะดวกในการใช้งาน ราคา*   Gdata Internet Security 2009 4 5 4 4 4 1,600 Bitdefender Internet Security 2009 4 5 3 4 4 1,300 Kaspersky Internet Security 2009 4 4 3 4 4 2,200 Avira Premium Security Suite 4 4 3 3 4 1,800 F-secure Internet Security 2009 4 3 3 4 4 3,200 McAfee Internet Security Suite with Site Advisor 2009 3 4 3 4 4 2,900 Panda Internet Security 2009 3 4 3 4 4 3,200 Bullguard Internet Security 8.5 3 4 3 3 4 2,500 Symantec Norton Internet Security 2009 3 3 3 3 4 3,400 Checkpoint ZoneAlarm Internet Security Suite 2009 3 3 3 4 4 1,700 Trend micro Internet Security 2009 3 4 2 4 4 2,900 Agnitum Outpost Security Suite Pro 2009 3 5 2 4 4 2,700 Avg Technologies Security Suite 3 4 2 4 4 2,300 Steganos Internet Security 2009 3 4 2 4 4 1,700 CA Internet Security Suite Plus 2009 2 3 2 4 3 2,800 หมายเหตุ ราคาที่แจ้งนั้นเป็นราคาที่สำรวจจากเว็บไซต์ต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ ก่อนตัดสินใจซื้อ สมาชิกควรตรวจสอบราคาอีกครั้งหนึ่ง และอย่าลืมสอบถามผู้ขายด้วยว่าเราสามารถนำไปลงกับเครื่องคอมพิวเตอร์ได้กี่เครื่อง (บางเจ้าอาจให้ลงได้ถึง 5 เครื่อง)

สำหรับสมาชิก >
ฉลาดซื้อ เก็บแต้มแลกสินค้า150 Point


ฉบับที่ 187 ไปรษณีย์ไทยในยุคโซเชียลมีเดีย

ยุคสมัยนี้การใช้โซเชียลมีเดียถูกกลมกลืนและผสมผสานเป็นเนื้อเดียวกันกับการใช้ชีวิตประจำวันของคนในสังคมโดยไม่รู้ตัว ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงจากการอ่านข่าวบนหน้าหนังสือพิมพ์มาเป็นเว็บไซต์หนังสือพิมพ์ออนไลน์ เว็บไซต์รวมข้อมูลข่าวสารต่างๆ หรือต้องการค้นหาข้อมูลใดที่อยากทราบก็สามารถใช้โซเชียลมีเดียบนสมาร์ทโฟนได้ทันที โดยไม่ต้องเข้าห้องสมุดเหมือนสมัยก่อน ต้องยอมรับว่าเทคโนโลยีความทันสมัยทำให้การใช้ชีวิตในสังคมมีความสะดวกสบายรวดเร็วเป็นอย่างมาก หลายบริการที่เกิดขึ้นผ่านแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟน ทำให้ลดขั้นตอนและระยะเวลาในการดำเนินชีวิต อย่างองค์กรหนึ่งที่ได้ก่อตั้งมาเมื่อปีพุทธศักราช 2423 นั่นคือ  ไปรษณีย์ไทย ได้พยายามพัฒนาให้เข้ากับยุคสมัยในปัจจุบัน ทำให้ไปรษณีย์ไทย ได้มีบริการสั่งอาหารที่ขึ้นชื่อในแต่ละจังหวัดจากทั่วประเทศ เพื่อจัดส่งผ่านบริการไปรษณีย์ไทย โดยสามารถเข้าไปสั่งผ่านหน้าเว็บไซต์ http://thailandpostmart.com หรือสามารถสั่งผ่านแอพพลิเคชั่น Post e-Mart ได้เช่นกัน นอกจากนี้ยังมีสินค้าของไปรษณีย์ไทยเองด้วย และเมื่อพูดถึงไปรษณีย์ไทย ก็ต้องพูดถึงการบริการส่งจดหมาย และพัสดุต่างๆ  ซึ่งการบริการของไปรษณีย์ไทยมีอยู่หลายรูปแบบ ทั้งการส่งแบบธรรมดา ส่งแบบลงทะเบียน เป็นต้น ผู้อ่านที่เคยใช้บริการและอยู่ในวัย 30 ปีขึ้นไป น่าจะได้สัมผัสกับการบริการไปรษณีย์แบบดั้งเดิม ก็คือ ต้องคาดการณ์เองว่าจดหมายที่ส่งไปหาผู้รับปลายทางนั้นจะเดินทางถึงเมื่อไร แต่ในปัจจุบันไปรษณีย์ไทยได้พัฒนาจนทำให้ผู้ส่งสามารถเช็คจดหมายหรือพัสดุว่าอยู่ที่ไหนและส่งไปถึงผู้รับหรือยัง ช่องทางการตรวจสอบมีทั้งทางเว็บไซต์ http://track.thailandpost.co.th/tracking/default.aspx  และแอพพลิเคชั่น Track & Trace  ซึ่งจะทำให้ทราบว่าอยู่ในขั้นตอนใด   ภายในแอพพลิเคชั่น Track & Trace  จะมีหมวดต่างๆ ได้แก่ หมวดการคำนวณอัตราค่าส่ง ค้นหาสาขาไปรษณีย์ไทย หมวดสถิติการใช้แอพพลิเคชั่น หมวดตรวจสอบเร่งด่วน เพื่อค้นหาหมายเลขพัสดุหมวดรายการสิ่งของ ในหมวดนี้จะเป็นการบันทึกจดหมายหรือพัสดุไว้ เพื่อให้แอพพลิเคชั่นแจ้งเตือนเมื่อจดหมายหรือพัสดุดำเนินการอยู่ในขั้นตอนไหน โดยจะมีการดำเนินงานของไปรษณีย์ 4 ขั้น ซึ่งในแต่ละขั้นจะมีสัญลักษณ์ที่แตกต่างกันออกไป อย่างเช่นการแจ้งว่าอยู่ระหว่างทางนำส่ง กำลังนำจ่าย ถึงผู้รับปลายทาง หรือแม้กระทั่งแจ้งปัญหาที่เกิดขึ้นถ้าจดหมายหรือพัสดุไม่ถึงผู้รับปลายทาง  ทั้งนี้การตรวจสอบในกระบวนการดังกล่าว จะสามารถตรวจสอบได้เฉพาะจดหมายหรือพัสดุที่ลงทะเบียนเท่านั้นนะคะ โดยดูที่ใบเสร็จรับเงินจะมีหมายเลขการลงทะเบียนปรากฏไว้ ลองใช้บริการสักครั้งนะคะ เผื่อจะติดใจ...

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 186 บันทึกเบอร์โทรศัพท์ด้วยการถ่ายรูปนามบัตร

    ผู้เขียนจำได้ว่าในสมัยก่อนที่การใช้โทรศัพท์มือถือยังไม่เป็นที่นิยมแบบในปัจจุบัน สมุดจดเบอร์โทรศัพท์เป็นที่นิยมกันมากในสมัยนั้น ส่วนใหญ่มักจะนิยมซื้อสมุดจดเบอร์โทรศัพท์เล็กๆ พกติดตัวไว้เสมอ เมื่อต้องการติดต่อใครก็จะนำสมุดจดเบอร์โทรศัพท์ออกมาดูและหาตู้โทรศัพท์สาธารณะหยอดเหรียญหรือใช้บัตรโทรศัพท์เพื่อติดต่อกับคนปลายสาย  แต่เมื่อกาลเวลาและยุคสมัยเปลี่ยนไป เทคโนโลยีมีความก้าวหน้ากันมากขึ้น โทรศัพท์มือถือจึงถูกนำมาใช้แทนที่สมุดจดเบอร์โทรศัพท์ที่เคยมีมา และจากวิวัฒนาการที่พัฒนาอย่างต่อเนื่องของเทคโนโลยี ทำให้ปัจจุบันโทรศัพท์มือถือสามารถบันทึกเบอร์โทรศัพท์ได้มากทีเดียว ถ้าการบันทึกเบอร์โทรศัพท์ลงในโทรศัพท์มือถือมีจำนวนไม่มาก ผู้อ่านก็สามารถพิมพ์บันทึกได้อย่างไม่ลำบาก แต่ถ้าต้องการบันทึกเบอร์โทรศัพท์มากกว่า 10 เบอร์ ก็คงต้องใช้เวลาในการบันทึกมากทีเดียว แล้วถ้าไม่มีเวลาขนาดนั้น วันนี้ผู้เขียนขอแนะนำแอพพลิเคชั่นที่จะช่วยให้ง่ายในการบันทึกเบอร์โทรศัพท์ลงในเครื่อง โดยมีข้อแม้ว่าต้องมีนามบัตรที่มีรายละเอียดชื่อ เบอร์โทร เป็นต้นให้ผู้อ่านดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นที่ชื่อว่า CamCard เมื่อเปิดแอพพลิเคชั่นสามารถเริ่มต้นโดยการกดที่สัญลักษณ์กล้องถ่ายรูป จากนั้นให้ถ่ายรูปนามบัตรที่มีอยู่ หลังจากนั้นแอพพลิเคชั่นจะอ่านข้อมูลบนนามบัตรนั้น  ซึ่งจะแบ่งเป็นชื่อนามสกุล เบอร์โทรศัพท์ เบอร์โทรสาร เบอร์โทรศัพท์มือถือ ที่อยู่ เมล์ รวมถึงจะมีภาพแผนที่ของ google ระบุตำแหน่งของที่อยู่ด้วย จากนั้นให้กดบันทึก หรือทำการแก้ไขข้อมูลด้วยตนเองก่อนบันทึกก็ได้ ข้อมูลต่างๆ ภายในนามบัตรก็จะถูกบันทึกไว้ในแอพพลิเคชั่น พร้อมกับรูปถ่ายนามบัตรนั้นทันที นอกจากนี้ข้อมูลต่างๆ นั้นจะไปปรากฏอยู่ใน Contact รายชื่อในสมุดโทรศัพท์ในเครื่องในเวลาเดียวกัน  ในแอพพลิเคชั่นนี้จะสามารถเลือกวิธีการเรียงลำดับของนามบัตรที่ถูกถ่ายรูปไปได้ ทั้งเรียงโดยวันที่ที่ทำการบันทึก เรียงโดยรายชื่อ และเรียงโดยชื่อบริษัท เพื่อความสะดวกในการค้นหาภายหลังทั้งนี้ผู้เขียนขอแนะนำว่าแอพพลิเคชั่น CamCard จะมีประสิทธิภาพในการอ่านนามบัตรภาษาอังกฤษมากกว่าภาษาไทย แต่อย่างไรก็ตามก่อนการกดบันทึก ผู้อ่านก็สามารถแก้ไขรายละเอียดที่ไม่ถูกต้องให้ถูกต้องก่อนได้เช่นกันอย่างน้อยแอพพลิเคชั่น CamCard ก็ช่วยลดเวลาในการบันทึกเบอร์โทรศัพท์ทีละเบอร์ได้ และเหมาะที่สุดสำหรับผู้อ่านที่ต้องติดต่อลูกค้าเป็นจำนวนมาก

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 185 เพิ่มพื้นที่ความจำในสมาร์ทโฟน

ผู้อ่านรู้สึกกันบ้างไหมคะ ทำไมสมาร์ทโฟนที่ใช้กันอยู่นั้น เมื่อซื้อมาใช้ในช่วงแรกๆ ความเร็วในการใช้เครื่องสูงมาก ลื่นปื๊ดสมกับเป็นเครื่องสมาร์ทโฟนที่เพิ่งแกะออกมาจากกล่อง สามารถเข้าโปรแกรมแอพพลิเคชั่นได้อย่างรวดเร็ว แต่เมื่อใช้ไปนานๆ ความรวดเร็วเหล่านั้นกลับลดน้อยลง จะเริ่มสัมผัสได้ถึงความรู้สึกช้าๆ หน่วงๆ ของเครื่องสมาร์ทโฟนไม่เหมือนเมื่อก่อน หลายคนอาจจะถามกลับว่า คุณมีรูปในเครื่องมากเกินไปหรือเปล่า มีข้อมูลที่เก็บในเครื่องมากหรือเปล่า ซึ่งแน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้ก็เป็นส่วนหนึ่ง แต่เชื่อได้เลยคะว่าหลายคนก็เคยลบรูปและข้อมูลต่างๆ ภายในเครื่องสมาร์ทโฟนนั้นแล้ว แต่ก็ยังคงมีอาการเช่นเดิม และความจุในเครื่องสมาร์ทโฟนก็ยังไม่ลดลง และเป็นไปตามที่คาดหมายเช่นเดิม เพราะอาการเหล่านั้นก็ยังอยู่ ในระบบปฏิบัติการ Android  ขอแนะนำให้ดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นล้างข้อมูลใน Play Store  อย่างเช่น แอพพลิเคชั่น ใช้เพื่อเคลียร์ข้อมูลบ้าง และลบแอพพลิเคชั่นที่ไม่ได้ใช้งานออก โดยให้เข้าไปลบแอพพลิเคชั่นในเมนูการตั้งค่า เพื่อให้แอพพลิเคชั่นนั้นถูกลบจากเครื่องสมาร์ทโฟนทั้งหมด ซึ่งผู้อ่านสามารถเข้าไปที่การตั้งค่า เลือกแอพพลิเคชั่น จากนั้นเลือกการจัดการแอพพลิเคชั่น และลบการติดตั้งแอพพลิเคชั่นนั้น     ขอเน้นย้ำว่าต้องเข้าไปลบในส่วนของเมนู เพราะการลบแค่หน้าจอ อาจลบไปแค่แอพพลิเคชั่น แต่ข้อมูลที่ฝังอยู่ในความจำเครื่องสมาร์ทโฟน อาจจะไม่ได้ถูกลบออกไปด้วย ส่วนระบบปฏิบัติการ iOS ก็แนะนำให้ลบแอพพลิเคชั่นที่ไม่ได้ใช้งานออกเช่นกัน แต่ที่อยากแนะนำเพิ่มเติมในระบบปฏิบัติการ iOS ก็คือ การลบแอพพลิเคชั่นที่ใช้งานประจำ และดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นนั้นใหม่ เนื่องจากการใช้แอพพลิเคชั่นนั้นเป็นเวลานานๆ ข้อมูลต่างๆ ที่ใช้จะถูกสะสมไว้ ซึ่งมีผลทำให้เพิ่มพื้นที่ความจำในเครื่องสมาร์ทโฟน  ดังนั้นการลบแอพพลิเคชั่นและดาวน์โหลดใหม่จะช่วยทำให้พื้นที่ในความจำเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่อีกครั้ง ขั้นตอนแรกให้ผู้อ่านเข้าไปดูรายละเอียดการใช้พื้นที่ในเครื่องสมาร์ทโฟน โดยเฉพาะในส่วนของการดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น ส่วนใหญ่จะอยู่ในเมนู setting หรือการตั้งค่า เลือก General หรือทั่วไป  จากนั้นเลือกการใช้งานเนื้อที่เก็บข้อมูล และเลือกจัดการเนื้อที่เก็บข้อมูลเมื่อเข้าไปในส่วนจัดการเนื้อที่เก็บข้อมูล จะทำให้เห็นพื้นที่ความจำในเครื่องทั้งหมด เพื่อให้ผู้อ่านรู้ว่าแอพพลิเคชั่นใดที่ใช้พื้นที่ในเครื่องมากที่สุด และสามารถลบแอพพลิเคชั่นในส่วนนี้ได้เลยก่อนที่จะลบแอพพลิเคชั่นและติดตั้งแอพพลิเคชั่นใหม่ ผู้อ่านต้องสำรวจและแน่ใจว่าในแอพพลิเคชั่นที่จะทำการดาวน์โหลดใหม่นั้น ไม่มีข้อมูลที่สำคัญเก็บไว้ เนื่องจากเมื่อทำการลบแอพพลิเคชั่นไปแล้ว ข้อมูลต่างๆ จะถูกลบไปด้วยทันที อย่างเช่น ข้อความใน Line  เป็นต้นขอเน้นย้ำว่าอย่าลืมดูข้อมูลภายในแอพพลิเคชั่นที่ต้องการจะลบให้แน่ใจก่อนที่ข้อมูลจะหายไปอย่างถาวร

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 184 ติดตามแจ้งเบาะแสเด็กหายผ่าน ThaiMissing

    ปัจจุบันมีบุคคลที่สูญหายเป็นจำนวนมาก โดยจะเห็นได้จากข่าวสารบนหน้าหนังสือพิมพ์หรือข่าวสารในโทรทัศน์ช่องต่างๆ ที่ประกาศตามหาบุคคลที่หายไป โดยเฉพาะกลุ่มที่เป็นเด็กและผู้สูงอายุ ทั้งนี้ได้มีองค์กรหนึ่งที่ให้ความช่วยเหลือและพยายามติดตามหาบุคคลที่สูญหายเหล่านั้น ซึ่งมักจะมุ่งติดตามเด็กเป็นส่วนใหญ่ มูลนิธิกระจกเงาเป็นองค์อันดับต้นๆ ที่จะมีคนนึกถึงและแจ้งเบาะแสเรื่องเด็กที่สูญหาย ด้วยสังคมปัจจุบันหันนิยมใช้โซเชียลมีเดียกันเป็นจำนวนมาก การขอความช่วยเหลือและแจ้งเบาะแสจึงนิยมใช้โซเชียลมีเดียเป็นตัวกลางในการติดตามเด็กที่สูญหาย แอพพลิเคชั่น ThaiMissing เป็นแอพพลิเคชั่นของมูลนิธิกระจกเงา ที่คำนึงถึงการใช้สื่อทางโซเชียลมีเดียเป็นตัวกลางและเป็นการเพิ่มช่องทางให้ประชาชนทั่วไปได้แจ้งเบาะแสต่างๆ และติดตามคนที่สูญหายโดยผ่านแอพพลิเคชั่นนี้การเริ่มต้นการใช้แอพพลิเคชั่น ThaiMissing จะสามารถเข้าใช้งานได้ 2 แบบ คือ แบบทั่วไปโดยไม่ทำการ log in และการเข้าใช้ระบบด้วยการ log in ผ่าน facebook การเข้าระบบผ่าน facebook จะช่วยให้สามารถใช้แอพพลิเคชั่นแจ้งเบาะแสได้ดีขึ้นและเป็นการยืนยันตัวตนของผู้แจ้งอีกด้วยภายในแอพพลิเคชั่นจะแบ่งออกเป็นหมวด ได้แก่ หมวดติดตามรายบุคคล จะเป็นข้อมูลต่างๆ ของบุคคลที่สูญหายว่ามีใคร และมีรายละเอียดอย่างไร นอกจากนี้ในหมวดนี้ยังมีปุ่มให้แจ้งเบาะแส สำหรับผู้ที่ทราบข้อมูลหรือพบเห็นบุคคลที่สูญหาย โดยการส่งเป็นข้อความหรือรูปภาพ และการแชร์สถานที่บริเวณที่พบเห็นบุคคลที่สูญหายได้ทันที หมวดข้อมูลเผยแพร่จะเป็นหมวดที่ให้ข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ ข้อควรรู้เกี่ยวกับบุคคลที่สูญหาย ส่วนอีกสองหมวด คือ หมวดติดตาม ซึ่งเป็นหมวดที่ผู้ใช้แอพพลิเคชั่นจะสามารถตั้งค่าแจ้งเตือนตนเองเมื่อมีบุคคลสูญหายภายในพื้นที่ที่ตนเองอาศัยอยู่ โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้สามารถช่วยสังเกตเมื่อได้พบเห็นบุคคลที่สูญหายไปและแจ้งเบาะแสได้ทันถ่วงที และหมวดสมาชิกในครอบครัว ซึ่งจะเป็นหมวดที่มีไว้สำหรับแจ้งบุคคลภายในครอบครัวตนเองหรือคนรู้จักสูญหายไป การมีแอพพลิเคชั่นนี้ในสมาร์ทโฟน จะเป็นการช่วยเหลือสังคมและครอบครัวผู้อื่นโดยไม่ยุ่งยาก  เมื่อพบเห็นบุคคลที่คาดว่าเป็นบุคคลที่ติดตามค้นหาอยู่ก็สามารถแจ้งเบาะแสและแชร์สถานที่ที่พบเห็นได้ทันทีผ่านแอพพลิเคชั่น เพียงแค่ใช้การสังเกต ติดตามข้อมูลผ่านแอพพลิเคชั่นนี้ก็ถือว่าเป็นการช่วยเหลือสังคมได้อีกทางหนึ่ง

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 183 เท่าทันแคลอรี่กับ Scannerd Plus

อากาศร้อนอบอ้าวต่อเนื่องแบบนี้ หลายคนคงดับกระหายคลายร้อนด้วยเครื่องดื่มเย็นๆ โดยเฉพาะน้ำอัดลม น่าจะเป็นเครื่องดื่มชนิดหนึ่งที่จะเลือกหยิบมาบริโภค  ไม่ใช่เพียงแต่แค่น้ำอัดลมเท่านั้น แต่เครื่องดื่มจำพวกที่ให้น้ำตาลเป็นหลักหลายประเภทมักจะถูกเลือกหยิบมาช่วยคลายร้อนด้วยเช่นกัน  ผู้เขียนก็ดื่มน้ำบ่อยมาก แต่ไม่ค่อยเน้นดื่มน้ำเปล่า รอบโต๊ะทำงานจะมีแต่น้ำที่มีรสหวานทั้งนั้น  ดื่มน้ำหวานๆ แล้วชื่นใจดีจริงๆ สุดท้ายผลที่ตามมาก็คือร่างกายบริโภคน้ำตาลมากเกินไป แถมมาด้วยแคลอรี่มาพุ่งกระฉูด น้ำหนักมีตัวเลขที่ปรับขึ้นอย่างรวดเร็วจะทำอย่างไรดีล่ะคะ!!   ปรับการบริโภคด่วนค่ะ...แต่การลดการบริโภคน้ำหวานๆ ช่างยากเหลือเกิน ดังนั้นผู้เขียนจึงต้องหาเครื่องมือมาช่วยในการควบคุมปริมาณน้ำตาลและแคลอรี่ที่จะบริโภคในแต่ละวัน นั่นคือ แอพพลิเคชั่น Scannerd Plus ภายในแอพพลิเคชั่น Scannerd Plus จะมีข้อมูลเครื่องดื่มต่างๆ ที่สามารถบอกปริมาณแคลอรี่  ปริมาณน้ำตาล ปริมาณโซเดียม และปริมาณไขมัน โดยเพียงนำสินค้ามาสแกนด้วยแอพพลิเคชั่น ข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับสินค้านั้นจะขึ้นมาปรากฏ ในแต่ละวันจะบริโภคกี่ชนิดก็ได้ เพียงแค่สแกนและเก็บเป็นข้อมูลไว้  แอพพลิเคชั่นจะคำนวณปริมาณแคลอรี่  ปริมาณน้ำตาล ปริมาณโซเดียม และปริมาณไขมันที่ได้บริโภคไปแล้ว พร้อมทั้งบอกปริมาณที่ผู้บริโภคควรได้รับต่อวันไว้ เช่น ปริมาณแคลอรี่ไม่ควรเกิน 2,000 แคลอรี่ต่อวัน ปริมาณน้ำตาลไม่ควรเกิน 6 ช้อนชาต่อวัน  ปริมาณโซเดียมไม่ควรเกิน 1 ช้อนชาต่อวัน และปริมาณไขมันไม่ควรเกิน 13 ช้อนชาต่อวัน ในส่วนของแคลอรี่ ถ้ามีการบริโภคในปริมาณที่มากกว่า 2,000 แคลอรี่ต่อวัน แอพพลิเคชั่นจะแนะนำการเผาผลาญส่วนเกิน โดยคิดปริมาณที่ต้องเผาผลาญเป็นนาที ซึ่งมีวิธีการเผาผลาญ 3 รูปแบบ ได้แก่ การวิ่ง การเดิน และการขี่จักรยาน นอกจากการคำนวณในแต่ละวันแล้ว แอพพลิเคชั่น Scannerd Plus ยังเก็บสถิติโดยรวมได้  ทั้งในเรื่องการบอกสถิติการดื่มในแต่ละวัน แต่ละเดือน แต่ละปี  ดื่มอะไรมากที่สุด   ครั้งล่าสุดดื่มอะไร จากการตรวจวัดโดยใช้แอพพลิเคชั่น  ทำให้ผู้เขียนได้ทราบตัวเลขปริมาณน้ำตาลที่มากเกินไป  จึงต้องขอกลับมาดูแลตัวเองด้วยการควบคุมการบริโภคเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสักนิด อากาศร้อนอบอ้าวแบบนี้ ขอแนะนำว่าบริโภคน้ำเปล่าดีที่สุดค่ะ

สำหรับสมาชิก >
ฉลาดซื้อ เก็บแต้มแลกสินค้า300 Point

ฉบับที่ 182 สบายอารมณ์กับแอพพลิเคชั่น JOOX

อากาศร้อนๆ แบบนี้ เดินทางไปไหนมาไหนก็ทำให้รู้สึกหงุดหงิดได้ง่าย แถมต้องมาเจอบรรยากาศรถติดหรือต้องนั่งรถเป็นเวลานานๆ ท่ามกลางอากาศอบอ้าว ฉบับนี้ผู้เขียนจึงขอแนะนำแอพพลิเคชั่นเย็นๆ คลายความร้อนและความหงุดหงิดได้บ้างสักเล็กน้อย   แอพพลิเคชั่น JOOX เป็นแอพพลิเคชั่นที่รวมบทเพลงทั้งไทยสากล ลูกทุ่ง เพลงสากล โดยสามารถดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นได้ที่ www.joox.co.th  ทั้งระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ และระบบปฏิบัติการ iOS   เมื่อดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นลงในสมาร์ทโฟนเรียบร้อยแล้ว เริ่มด้วยการลงทะเบียน ซึ่งอาจจะลงทะเบียนโดยใช้การเชื่อมต่อกับ facebook ของตนเองหรือลงทะเบียนใหม่ก็ได้ โดยภายในแอพพลิเคชั่นจะถูกแบ่งออกเป็น 3 หน้า ได้แก่ หน้าหลักที่จะช่วยบอกรายละเอียดเพลงโปรดและเพลงที่เล่นล่าสุดว่ามีอะไรบ้าง  หน้าเนื้อหาเพลงที่ถูกจัดเรียงเป็นหมวดหมู่เพื่อให้สะดวกและง่ายต่อการใช้งาน และหน้าที่รวบรวมเพลงโดยแบ่งเป็นประเภทของเพลง   ในหน้าเนื้อหาเพลงจัดเป็นประเภทตามหมวดหมู่ที่แตกต่างกันออกไป ได้แก่ การเลือกเพลงจากชื่อศิลปิน การเลือกเพลงจากเพลย์ลิสต์ อย่างเช่น เพลงป็อป เพลงลูกทุ่ง เพลงเพื่อชีวิต เพลงอินดี้ เพลงอะคูสติก เพลงรัก เพลงร็อค เป็นต้น การเลือกเพลงจากความต้องการดูมิวสิควีดิโอในเพลงนั้น แต่ถ้าเลือกเพลงโดยไม่ผ่านหมวดดูมิวสิควีดิโอ จะสามารถสังเกตว่าเพลงนั้นมีมิวสิควีดิโอหรือไม่ ให้ดูสัญลักษณ์ MV ด้านหลังชื่อเพลง   ทั้งนี้แอพพลิเคชั่นยังมีการรวบรวมชาร์ตเพลงฮิต มีทั้งเพลงไทย เพลงสากล เพลงจีน เพลงลูกทุ่ง เพื่อให้ติดตามและได้รู้ว่าเพลงใดในช่วงนี้ฮิตติดชาร์ตอยู่บ้าง แม้กระทั่งเพลงออกใหม่ก็สามารถฟังได้ที่แอพพลิเคชั่นนี้เช่นกัน   ความพิเศษของแอพพลิเคชั่นนี้คือ จะสามารถดาวน์โหลดเพลงที่ชื่นชอบมาไว้ที่เครื่องสมาร์ทโฟนได้แทบทุกเพลง ยกเว้นเพลงที่มีสัญลักษณ์ VIP ปรากฏอยู่หลังชื่อเพลง จะไม่สามารถดาวน์โหลดได้ ซึ่งการดาวน์โหลดเพลงจะช่วยทำให้ช่วงที่ไม่มีอินเตอร์เน็ตสามารถฟังเพลงที่ดาวน์โหลดได้ไม่ติดขัด   บอกได้เลยว่าแอพพลิเคชั่น JOOX ช่วยให้สบายอารมณ์ในการเดินทาง หรือยามว่างได้อย่างมาก จริงๆ นะคะ  

สำหรับสมาชิก >
ฉลาดซื้อ เก็บแต้มแลกสินค้า300 Point

ฉบับที่ 181 สบายใจกับการเดินทางรอบอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ

เคยไหมคะ ยืนอยู่ที่ป้ายรถเมล์ แต่ไม่รู้ต้องขึ้นสายไหน...โดยเฉพาะวงเวียนอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ผู้เขียนเป็นเด็กต่างจังหวัดค่ะ ไม่ได้เติบโตในกรุงเทพมหานคร เมืองฟ้าอมรที่ใครๆ ก็ต้องต่างทยอยเข้ามาอยู่อาศัยและหางานทำ จึงไม่แปลกที่จะมีอาการสับสนกับการใช้รถโดยสารสาธารณะกลางใจเมืองขนาดนี้ แถมวงเวียนอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิเป็นจุดศูนย์กลางของถนนสี่สาย ยิ่งถ้าไม่รู้ว่าแต่ละเส้นทางไปที่ใดบ้าง บอกได้คำเดียวคะว่า “งง” ล่าสุดได้มีผู้จัดทำแผนที่การใช้รถโดยสาร ทั้งรถเมล์และรถตู้บริเวณรอบอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ โดยวงเวียนอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิจะแบ่งออกเป็น 4 ฝั่ง หรือ 4 เกาะ ได้แก่ เกาะดินแดง เกาะพญาไท เกาะราชวิถี และเกาะพหลโยธิน ซึ่งเรียกชื่อตามสายถนนนั่นเอง ถ้าต้องมีการอธิบายถึงป้ายรถเมล์หรือรถตู้ที่ต้องรอขึ้น โดยไม่ชี้ฝั่งหรือเกาะให้ชัดเจน ให้กับคนที่เดินทางมาผ่านวงเวียนอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิครั้งแรก (บางคนผ่านบ่อยครั้งยังไม่รู้เลย) กว่าจะเข้าใจตรงกันคงต้องใช้ความพยายามมากหน่อย  แค่พูดชื่อ 4 เกาะ ก็งงกันแล้ว แต่ถ้าอาศัยแผนที่ฉบับนี้จะสามารถช่วยได้อย่างมาก ผู้จัดทำแผนที่การใช้รถโดยสาร ทั้งรถเมล์และรถตู้บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมินี้ มีชื่อว่า “easymap” โดยสามารถดาวน์โหลดภาพแผนที่ได้ที่ www.easymap.in.th มาไว้ที่สมาร์ทโฟนได้ เพื่อความสะดวกในการใช้งาน ต้องบอกก่อนนะคะว่าผู้เขียนไม่ได้แนะนำเพื่อต้องการให้ไปทำธุรกิจหรือซ้อสินค้าใดๆ เพียงแต่ต้องการนำข้อมูลในส่วนที่มีประโยชน์แก่การเดินทางของประชาชนมาให้ทราบกันเท่านั้น ทั้งนี้ผู้เขียนขออธิบายประโยชน์ที่จะได้รับจากภาพแผนที่นี้ คือ ถ้าเป็นภาพแผนที่รถเมล์บริเวณ 4 เกาะรอบอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ แผนที่จะบอกรายละเอียดถึงป้ายรถเมล์ที่สามารถรอขึ้นรถ โดยบอกสายรถเมล์จากจุดเริ่มต้นไปยังจุดหมายปลายทาง ซึ่งใช้สีต่างๆ เพื่อบอกเส้นทางดังกล่าว  ส่วนภาพแผนที่รถตู้ จะบอกจุดขึ้นรถรอบบริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เพื่อบอกว่าจุดไหนมีบริการรถตู้ไปที่ใดบ้าง หลังจากที่ผู้เขียนบ่นมาแสนนานที่ต้องสับสนกับการขึ้นรถเมล์บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ภาพแผนที่ที่ถูกจัดทำขึ้นมานี้ช่วยให้ความสับสนของผู้เขียนลดน้อยลงแล้วค่ะ และด้วยภาพแผนที่ที่มีอยู่นี้เลยต้องขอทำตัวเป็นพลเมืองดีกันสักหน่อย เพราะมีโอกาสได้แนะนำเส้นทางบริเวณรอบอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ให้กับผู้คนที่ต้องผ่านอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิตลอด บอกตรงๆ ค่ะ เข้าใจความรู้สึกสับสนนั้นได้ดีจริงๆ

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 180 สะดวกสบายกับแอพพลิเคชั่นค่าน้ำค่าไฟ

สาธารณูปโภคของหน่วยงานรัฐเป็นสิ่งที่จำเป็นในการดำรงชีวิตประจำวัน เมื่อตื่นขึ้นมาทุกคนต้องอาบน้ำ แปรงฟัน เปิดเครื่องทำน้ำร้อน เป่าผม ฯลฯ ดังนั้นจะเห็นได้ว่าทุกย่างก้าวของการดำรงชีวิตนั้น เราทุกคนต้องใช้น้ำและไฟในการดำเนินชีวิต น้ำและไฟเป็นสิ่งที่จำเป็นมาก เมื่อมีเหตุขัดข้องเกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นน้ำประปาไม่ไหล ไฟไม่ติด หรือเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวกับเรื่องน้ำและไฟ ก็จะสร้างความลำบากให้กับผู้บริโภคเป็นอย่างมาก   ฉบับนี้ผู้เขียนจึงขอกล่าวถึงแอพพลิเคชั่นของการไฟฟ้านครหลวง และแอพพลิเคชั่นการประปานครหลวง ที่ได้ผลิตออกมาเพื่อช่วยให้ผู้บริโภคมีความสะดวกสบายมากขึ้น และช่วยเพิ่มช่องทางที่มีความรวดเร็วในการขอความช่วยเหลือไปยังหน่วยงานได้อย่างทันถ่วงที แอพพลิเคชั่นของการไฟฟ้านครหลวง มีชื่อว่า “Smart Life”  ส่วนแอพพลิเคชั่นการประปานครหลวง มีชื่อว่า “MWA on Moblie” เมื่อดาวน์โหลดทั้งสองแอพพลิเคชั่นนี้มาไว้บนสมาร์ทโฟนเรียบร้อยแล้ว แอพพลิเคชั่นจะให้ผู้ใช้ลงทะเบียน โดยกรอกหมายเลขโทรศัพท์และหมายเลขบัตรประชาชน ซึ่งเป็นขั้นตอนในการเข้าใช้แอพพลิเคชั่นในหมวดต่างๆ หลังจากนั้นผู้ใช้ต้องกรอกรหัสเฉพาะ ดังนี้ แอพพลิเคชั่นของการไฟฟ้านครหลวง จะให้กรอกเลขบัญชีแสดงสัญญาและรหัสเครื่องวัดฯ บ้านของผู้ใช้ ส่วนแอพพลิเคชั่นการประปานครหลวง จะให้กรอรกเลขสาขา เขต และเลขทะเบียนผู้ใช้น้ำ เมื่อกรอกเลขรหัสเฉพาะเสร็จสิ้น ข้อมูลต่างๆ ของผู้ใช้จะปรากฏขึ้น คุณสมบัติของแอพพลิเคชั่น “Smart Life”  จะมีหมวดค่าไฟฟ้า ประวัติการใช้ไฟ สถานที่ชำระเงินที่ใกล้บริเวณที่ผู้ใช้ยืนอยู่ แผนที่แสดงจุดให้บริการ นอกจากนี้ยังมีหมวดของข่าวสารที่จะแจ้งข้อมูลความเคลื่อนไหวที่เกี่ยวกับการไฟฟ้านครหลวง หมวดประกาศดับไฟเพื่อให้ผู้ใช้สามารถเข้าไปตรวจสอบได้ว่าบริเวณใดบ้างที่จะไม่สามารถใช้ไฟได้ และหมวดที่สำคัญที่สุดคือ หมวดรับแจ้งไฟฟ้าขัดข้อง เมื่อมีเหตุไฟฟ้าขัดข้องผู้ใช้สามารถกดแจ้งผ่านแอพพลิเคชั่นนี้ได้ทันที สำหรับคุณสมบัติของแอพพลิเคชั่น “MWA on Moblie” จะมีหมวดแอพพลิเคชั่นคล้ายคลึงกับ “Smart Life”  ได้แก่ หมวดข้อมูลผู้ใช้น้ำ ค่าน้ำ สถิติการใช้น้ำในแต่ละเดือน แจ้งข่าวสารพื้นที่ที่น้ำไม่ไหล สาขาหน่วยงานที่สามารถติดต่อได้สะดวกที่สุด รวมถึงมีหมวดการแจ้งปัญหาน้ำไม่ไหล ท่อรั่ว ท่อแตก ฯลฯ ได้อีกด้วย โดยทั้งแอพพลิเคชั่นทั้งสองนั้น สามารถเปลี่ยนจากแอพพลิเคชั่นมาเป็นใบแจ้งค่าน้ำค่าไฟได้ด้วย เพราะภายในแอพพลิเคชั่นได้สร้างบาร์โค้ด (Barcode) เพื่อเพิ่มความสะดวกโดยการกดสัญลักษณ์เครื่องหมายบาร์โค้ด (Barcode) แล้วนำสมาร์ทโฟนนั้นยื่นให้กับผู้บริการเคาน์เตอร์เซอร์วิสเพื่อชำระเงินได้ทันที เพียงมีแอพพลิเคชั่นภายในสมาร์ทโฟน ก็ช่วยเพิ่มช่องทางในการติดต่อกับการไฟฟ้านครหลวงและการประปานครหลวง และยังช่วยลดความกังวลในช่วงเวลาที่เกิดเหตุการณ์น้ำไม่ไหล ท่อรั่ว ท่อแตก ไฟดับ หม้อแปลงระเบิด ฯลฯ ได้บ้าง

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 179 TK Library อ่านหนังสือออนไลน์

ฉบับนี้ผู้เขียนอยากแนะนำแหล่งความรู้ใหม่เพื่อส่งเสริมการอ่านโดยไม่ต้องเดินทางไปยังห้องสมุด และไม่ต้องเสียเงินซื้อหนังสือ แต่ผู้อ่านสามารถยืมหนังสือที่ตนเองสนใจมาอ่านได้ในรูปแบบออนไลน์บนสมาร์ทโฟน ซึ่งทำให้ไม่ต้องเสียเวลา เสียค่าใช้จ่าย และยังได้รับความรู้จากการอ่าน แอพพลิเคชั่นนี้มีชื่อว่า “TK  Library” เป็นแอพพลิเคชั่นที่ถูกก่อตั้งโดยสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้  (องค์การมหาชน) ในสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี  มีชื่อเต็มๆ ว่า สำนักงานอุทยานการเรียนรู้ หรือเรียกว่า TK park  มีวัตถุประสงค์ในการก่อตั้งขึ้นเพื่อตอบสนองภารกิจหลักด้านการรณรงค์ส่งเสริมให้เยาวชน และประชาชนมีอุปนิสัยรักการอ่าน และการเรียนรู้ เพื่อสร้างสรรค์สังคมไทยให้เป็นสังคมแห่งการเรียนรู้  ปัจจุบันทาง TK park ได้พัฒนาแอพพลิเคชั่นขึ้นมาเพื่อตอบรับเทคโนโลยีบนโซเชียลมีเดีย   ผู้เข้าใช้บริการผ่านแอพพลิเคชั่น “TK  Library” สามารถเลือกและยืมหนังสือ ,นิตยสาร หรือหนังสือเสียง ได้ผ่านแอพพลิเคชั่น โดยการแบ่งเป็นหมวดหมู่ภายในแอพพลิเคชั่น ได้แก่ หมวดรายการยืม หมวดประวัติการยืม หมวดรายการจอง  หมวดหนังสือ  หมวดนิตยสาร  หมวดหนังสือเสียง ขั้นตอนแรกผู้ใช้บริการต้องลงทะเบียนโดยใช้ชื่อนามสกุลจริง พร้อมเลขบัตรประจำตัวประชาชน หลังจากนั้นผู้ใช้บริการสามารถเข้าไปเลือกหนังสือที่ต้องการจะยืมได้ โดยขั้นตอนการใช้บริการมี 3 รูปแบบ คือ เลือกทดลองอ่านในบางส่วนของเนื้อหาในเล่ม  เลือกอ่านออนไลน์ที่สามารถอ่านเนื้อหาในเล่มได้ทั้งหมดแบบชั่วคราว เมื่อปิดไฟล์แล้วเล่มหนังสือจะไม่ไปปรากฏในหมวดรายการยืม และการเลือกยืม โดยผู้ใช้บริการจะได้ไฟล์หนังสือมาอยู่ในหมวดรายการยืมเป็นเวลา 7 วันและสามารถเข้าไปอ่านเมื่อใดก็ได้ ในกรณีที่หนังสือเล่มที่ต้องการนั้นมีผู้ใช้บริการคนอื่นยืมไปแล้ว แอพพลิเคชั่นจะขึ้นคำว่า “จอง” แทนคำว่า “ยืม” เพื่อให้ผู้ใช้บริการสามารถจองคิวในการยืมหนังสือเล่มนั้น โดยแอพพลิเคชั่นจะระบุวันที่จะถึงคิวที่จะยืมหนังสือไว้ด้วย เมื่อถึงคิวของตน แอพพลิเคชั่นจะแจ้งเตือนอีกครั้ง ซึ่งหนังสือที่จองไว้จะถูกเก็บไว้ในหมวดรายการจอง และผู้ใช้บริการสามารถยกเลิกการจองได้ภายในหมวดนี้ ทั้งนี้การยืมหนังสือของแอพพลิเคชั่น “TK  Library” มีการจำกัดจำนวนการยืมหนังสือในแต่ละครั้งด้วย เพื่อเป็นการแบ่งปันหนังสือไปยังผู้ใช้บริการคนอื่นๆ ดังนั้นถ้าผู้ใช้บริการต้องการยืมหนังสือเล่มอื่น ก็ต้องคืนหนังสือที่ถูกยืมมาก่อนหน้านี้ โดยให้เข้าไปยังหมวดรายการยืมและเลือกหนังสือเล่มที่ต้องการคืน หลักจากนั้นให้กดเลือกคืนหนังสือ แอพพลิเคชั่น “TK  Library” นี้นับว่ามีประโยชน์ที่ช่วยส่งเสริมการอ่านให้กับประชาชน โดยไม่ต้องเดินทางไปยังห้องสมุด และเปลี่ยนจากการพกเล่มหนังสือมาเป็นไฟล์หนังสือที่อยู่บนสมาร์ทโฟน แทน ซึ่งถือว่าเป็นการส่งเสริมการอ่านให้กับประชาชนในยุคสมัยเทคโนโลยีโซเชียลมีเดีย ที่ลดความนิยมการอ่านหนังสือในรูปแบบกระดาษได้อีกทางหนึ่ง

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 178 ไม่ตกเทรนด์กับ Line TV

วันหยุดยาวแบบนี้ ใครบ้างคะที่ไม่อยากออกจากบ้านไปไหน ผู้เขียนขอยกมือขึ้นคนแรกเลยค่ะ ไม่ใช่ว่าไม่อยากไปเที่ยวนะคะ แต่ขอเก็บไว้ไปตอนปีใหม่ทีเดียวดีกว่า แต่ เอ๋!! แล้วจะทำไรดีนะ งั้นผู้เขียนขอแนะนำแอพพลิเคชั่นสำหรับผู้อ่านที่ชื่นชอบดูซีรีย์ (series) เบื้องต้นขออธิบายคำว่า ซีรีย์ (series) กันก่อนนะคะ ซีรีย์ (series) หมายถึง ชุด ซึ่งในที่นี้จะพูดถึงละครชุด รายการชุด การ์ตูนชุด นั่นคือละคร รายการ หรือการ์ตูนที่มีจำนวนหลายตอนนั่นเอง อย่างเช่น เรื่องรักนะเป็ดโง่ เรื่องเป็นต่อ การ์ตูนโคนัน เป็นต้น แอพพลิเคชั่นดังกล่าวก็คือ Line TV ซึ่งเป็นแอพพลิเคชั่นของ Line โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อตอบสนองผู้ชมที่ต้องการดู ไม่ว่าจะเป็นซีรี่ย์ไทย ซี่รี่ย์เกาหลี หรือชมละครโทรทัศน์ พร้อมรายการวาไรตี้ มิวสิควิดีโอ การ์ตูน และรายการพิเศษ ภายในแอพพลิเคชั่น Line TV ได้รวมเรื่องที่ไม่สามารถดูได้ที่อื่นมาลงไว้ให้ที่นี่ รีบหยิบสมาร์ทโฟนและเตรียมอินเตอร์เน็ตไว้ให้พร้อม ดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น Line TV กันเลยค่ะ หรือผู้อ่านคนใดไม่สะดวกดูในสมาร์ทโฟนก็สามารถดูในรูปแบบเว็บไซต์ในคอมพิวเตอร์ได้เช่นกัน โดยรูปแบบเว็บไซต์ ใช้ชื่อว่า https://tv.line.me ซึ่งทั้งสองรูปแบบจะมีหน้าตาคล้ายคลึงกันที่มีลักษณะใช้งานได้ง่าย ไม่ซับซ้อน จึงทำให้ผู้ใช้ไม่เกิดความสับสน   การใช้บริการ Line TV เพียงมีชื่อบัญชี Line เท่านั้นก็สามารถเชื่อมต่อ log in ได้ทันที ภายในโปรแกรมจะแบ่งเป็นหมวดที่ช่วยแยกประเภทของรายการโทรทัศน์ที่จะดู ผู้อ่านสามารถเลือกดูผลงานที่แบ่งไว้ตามหมวด ทั้งหมวดละคร หมวดบันเทิง และหมวดเพลง หรือสามารถเลือกดูในหมวดแนะนำ ซึ่งจะนำรายการที่น่าสนใจและมีผู้ชมเป็นจำนวนมาก มาแนะนำให้เลือกชม เมื่อผู้อ่านได้เลือกชมรายการใดใน Line TV รายการเหล่านั้นก็จะถูกจัดเก็บเป็นประวัติการชม นอกจากนี้ถ้าผู้อ่านมีหลายรายการที่อยากดู แต่ยังไม่มีเวลาเพียงพอที่จะดูได้ในขณะนั้น ผู้อ่านสามารถจัดเก็บรายการต่างๆ ไว้ในหมวดดูภายหลังได้ Line TV ยังเอาใจแฟนคลับละคร รายการ วาไรตี้ หรือซีรีย์ใดๆ โดยผู้ใช้แอพพลิเคชั่นสามารถสมัครเป็นแฟนคลับแชนแนลที่ชอบ ซึ่งจะทำให้แฟนคลับทราบถึงความเคลื่อนไหวของละคร รายการ วาไรตี้ หรือซีรีย์นั้นๆ ได้ตลอดเวลา หยุดยาวนี้ไม่เหงาแน่นอน

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 177 “ON WIFI” บนรถเมล์ ขสมก.

วันนี้ขอเอาใจผู้ใช้สมาร์ทโฟนขึ้นรถโดยสารสาธารณะขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ(ขสมก.)กันสักหน่อยนะคะ เนื่องจากทางรถโดยสารสาธารณะได้มีบริการอินเตอร์เน็ตในรูปแบบไวไฟ (WIFI) ให้กับผู้ใช้บริการมาเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้ว แต่หลายคนอาจจะยังไม่รู้มากนัก วันนี้ผู้เขียนจึงขอนำข้อมูลในเรื่องนี้มาฝากกันค่ะ ทางองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ หรือ ขสมก. กำลังทยอยติดตั้งอินเตอร์เน็ตในรูปแบบไวไฟ (WIFI) ในรถเมล์สายต่างๆ เพื่อให้บริการฟรีกับผู้ที่ใช้บริการ โดยตั้งเป้าการติดตั้งไวไฟ (WIFI) ไว้ที่ 1,500 คัน ภายใน ปี 2559 ผู้อ่านที่ใช้บริการรถเมล์เป็นประจำ ลองสังเกตภายในรถจะมีประกาศประชาสัมพันธ์และวิธีปฏิบัติในการเข้าถึงไวไฟ (WIFI) แปะไว้ด้านหลังเก้าอี้นั่งของผู้โดยสาร หรือบริเวณที่ให้ติดป้ายประชาสัมพันธ์ อย่างเช่น ป้ายที่ห้อยอยู่ตรงราวจับ เป็นต้น ซึ่งเป็นข้อดีสำหรับผู้ที่ใช้บริการรถเมล์ แต่ไม่เคยเข้าถึงไวไฟ (WIFI) ก็สามารถทำตามขั้นตอนที่แนะนำไว้ได้เลย ในการใช้บริการไวไฟ (WIFI) ครั้งแรก เมื่อเลือกใช้ไวไฟ (WIFI) ที่ชื่อว่า “ON WIFI” เรียบร้อยแล้ว ผู้อ่านจะต้องลงทะเบียนโดยกรอกข้อมูล ดังนี้ เบอร์โทรศัพท์มือถือ วันเกิด เพศ หลังจากนั้นระบบจะส่งรหัสผ่านในการเข้าใช้บริการอินเตอร์เน็ต มาทางข้อความ SMS ตามเบอร์โทรศัพท์มือถือที่ได้กรอกไว้ในตอนแรก เพื่อเป็นการยืนยันการลงทะเบียนและนำรหัสผ่านนั้นมาใช้ในการ log in ได้ทันที การลงทะเบียนใช้งานจะทำแค่ครั้งเดียวเท่านั้น หลังจากนั้นเมื่อขึ้นรถเมล์ครั้งต่อไป ก็สามารถใช้รหัสผ่านเดิมนี้ได้เลย ข้อจำกัดของการใช้ไวไฟ (WIFI) บนรถโดยสารสาธารณะของ ขสมก. คือ ในการเข้าเล่นอินเตอร์เน็ตในแต่ละครั้งจะมีเวลาให้ 15 นาที เมื่อหมดเวลาแล้ว ระบบจะตัดการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต แต่ถ้าผู้ใช้บริการต้องการเล่นอินเตอร์เน็ตต่อ ก็สามารถ log in เข้าระบบได้ใหม่เรื่อยๆ แต่ขอย้ำนะคะว่า ไวไฟ (WIFI) นี้จะมีให้บริการในรถโดยสารสาธารณะขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ หรือ ขสมก. เท่านั้น      

อ่านเพิ่มเติม >


ฉบับที่ 175 Periscope ถ่ายทอดสดด้วยตนเอง

ฉบับนี้ขอเอาใจคนรักการถ่ายวิดีโอแบบออนไลน์กันสักหน่อย โดยการถ่ายวิดีโอที่ว่านี้ คือการถ่ายวิดีโอโดยใช้สมาร์ทโฟนที่มีกันอยู่แล้วนั่นเอง แอพพลิเคชั่นนี้ถูกพัฒนาโดยกลุ่มเดียวกับ twitter มีชื่อเรียกว่า Periscope ผู้ที่ใช้สมาร์ทโฟนทั้งระบบปฏิบัติการ Android และ iOS สามารถดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น Periscope มาใช้กันได้แบบไม่เสียค่าใช้จ่าย คุณสมบัติของแอพพลิเคชั่นนี้จะเน้นไว้สำหรับผู้ที่ชอบถ่ายวิดีโอแบบสดๆ และต้องการเผยแพร่ให้กับผู้อื่นได้เห็นภาพเหตุการณ์เหล่านั้นด้วย สำหรับแอพพลิเคชั่น Periscope ผู้ใช้สามารถลงทะเบียนผ่านชื่อ twitter ที่มีอยู่เดิม หรือจะลงทะเบียนใหม่ด้วยเบอร์โทรศัพท์มือถือก็ได้ เมื่อเข้าแอพพลิเคชั่นได้แล้ว เริ่มแรกแอพพลิเคชั่นจะเชื่อมต่อข้อมูลกับ twitter ที่คุณมีอยู่เดิม เพื่อให้คุณเลือกติดตามบุคคลต่างๆ ที่ใช้แอพพลิเคชั่น Periscope ตามที่คุณสนใจ โดยในแอพพลิเคชั่นนี้จะปรากฏบัญชีบุคคลต่างๆ ที่ใช้แอพพลิเคชั่น Periscope นี้ทั่วโลกจากนั้นถึงเวลาที่คุณต้องการถ่ายเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่งๆ แบบสดๆ เพื่อออนไลน์ไปยังบุคคลที่ใช้แอพพลิเคชั่น Periscope นี้  เริ่มต้นให้คุณเข้าไปที่รูปสัญลักษณ์กล้อง หลังจากนั้นจะให้คุณพิมพ์ชื่อเรื่องในช่องที่เขียนว่า What are you seeing now? และกดปุ่ม start broadcast เพียงเท่านี้การรายงานสดของคุณก็จะเริ่มต้นทันที ในระหว่างการถ่ายทอดสดนั้น ผู้ติดตามชมจะสามารถส่งข้อความแสดงความคิดเห็นต่างๆ รวมถึงการกดส่งหัวใจ เพื่อเป็นสัญลักษณ์ให้รู้ว่ามีผู้ที่ชื่นชอบมากแค่ไหน ได้ตลอดเวลาที่มีการถ่ายทอดสดเหตุการณ์นั้นๆ   ซึ่งจะทำให้คุณรู้ว่าผู้ชมของคุณรู้สึกอย่างรับภาพที่คุณกำลังถ่ายทอดออกไป แต่ถ้าคุณไม่ต้องการให้มีการส่งข้อความแสดงความคิดเห็นก็สามารถตั้งค่าก่อนที่จะเริ่มถ่ายเหตุการณ์ได้เช่นกันเมื่อดำเนินการ start broadcast จนกระทั่งเสร็จสิ้นการถ่ายวิดีโอแล้ว คุณก็กดปุ่ม Stop Broadcast เท่านี้ก็ถือว่าสิ้นสุดการถ่ายทอดสดดังกล่าวกรณีที่คุณต้องการส่งภาพเหตุการณ์ให้แค่คนใดคนหนึ่ง คุณก็สามารถเลือกปุ่มตั้งความเป็นส่วนตัวก่อน และเลือกผู้ที่ต้องการแจ้งเตือนให้มาชมภาพของคุณได้ นอกจากนี้ผู้ติดตามสามารถย้อนดูภาพวิดีโอเหตุการณ์เก่าๆ ได้อีกด้วยแอพพลิเคชั่น Periscope ถือว่าเป็นแอพพลิเคชั่นที่ยังใหม่ และยังไม่เป็นที่นิยมในประเทศไทยมากนัก แต่ในต่างประเทศถือว่าได้รับความนิยมกันพอสมควร

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 174 สแกนแผ่นเอกสารเป็นไฟล์ด้วยมือถือ

ตึกตึก ใจเต้นรัวๆ นั่งมองผ่านกระจกเห็นผู้คนเดินขวักไขว่  “บางพลัดขึ้นเลย” ได้ยินเสียงกระเป๋ารถเมล์ตะโกน จึงหันไปดู พร้อมกับถอนหายใจ  คิดในใจ เมื่อไรจะออกสักทีค้า  ฉันรีบบบบบ ผู้อ่านอย่าเพิ่งตกใจนะคะ ไม่ใช่นิยายที่ไหนค่ะ เป็นแค่เหตุการณ์หนึ่งที่ผู้เขียนประสบมาโดยตรง ในขณะที่รีบร้อนต้องการที่จะให้ถึงที่ทำงานอย่างรวดเร็วที่สุด เพราะงานเข้าค่ะ เรื่องมีอยู่ว่าก่อนหน้านั้นมีโทรศัพท์สายด่วนโทรมาให้ส่งเอกสารสำคัญภายในครึ่งชั่วโมงไปยังเมลหนึ่ง จะให้น้องที่อยู่ที่ทำงานส่งให้ก็ไม่ได้ เนื่องจากเอกสารอยู่ที่มือผู้เขียน ที่สำคัญปลายสายบอกว่าให้สแกนเอกสารเป็น pdf ด้วยนี่สิด้วยความตื่นเต้นที่มีอยู่นั้นก็ยังมีสติค่ะ แทนที่จะปล่อยเวลาให้เปล่าประโยชน์ จึงหยิบมือถือมาค้นหากูเกิ้ล เผื่อจะเจอแอพพลิเคชั่นดีๆ  และแล้วก็ได้เจอแอพพลิเคชั่นนี้ “CamScanner” ตอบโจทย์ที่ต้องการในเวลาเร่งด่วนกับการสแกนเอกสารเป็นไฟล์ pdfสิ่งแรกที่ทำคือรีบควานหาเอกสารที่ต้องการสแกนเป็นไฟล์ pdf ขึ้นมา รวม 5 แผ่น เปิดแอพพลิเคชั่นขึ้นมาจะปรากฏสัญลักษณ์กล้องถ่ายรูป หลังจากนั้นก็กดถ่ายรูปเอกสารแผ่นแรก เมื่อได้ภาพแรกแล้ว แอพพลิเคชั่นจะมีให้เลือกความขาวสว่าง ภาพขาวดำ ภาพสีเทา และเลือกเฉพาะส่วนที่ต้องการของภาพได้ นอกจากนี้ถ้าภาพถ่ายของเรากลับด้านอยู่ ก็สามารถหมุนภาพได้ตามต้องการ เมื่อตกแต่งภาพเรียบร้อย ให้กดเครื่องหมายถูกด้านล่างขวา ก็จะได้ภาพไฟล์ pdf หน้าที่ 1 ต่อจากนั้นให้กดสัญลักษณ์กล้องถ่ายรูปด้านล่างซ้าย เพื่อถ่ายเอกสารแผ่นต่อไป ภาพของแผ่นต่อไปก็จะมาต่อภาพแรกที่ได้ทำไว้ในไฟล์ pdf  จากนั้นทำเหมือนเดิมจนครบทั้ง 5 แผ่น และสามารถย้ายรูปแบบการเรียงแผ่นเอกสารได้ตามที่ต้องการนอกจากนี้ยังสามารถนำภาพที่มีอยู่เดิมภายในเครื่องมาทำเป็นไฟล์ pdf ได้เช่นกัน เพียงแค่กดสัญลักษณ์ที่เขียนว่า import แทนสัญลักษณ์กล้องถ่ายรูป  เมื่อทำเอกสารแต่ละไฟล์เรียบร้อยแล้ว ไฟล์ทั้งหมดจะปรากฏอยู่ในหน้าแรกของแอพพลิเคชั่น โดยสามารถจัดการไฟล์ด้วยตนเองว่าต้องการเรียงไฟล์อย่างไร สำหรับขั้นตอนการนำไฟล์ออกจากเครื่องมี 3 วิธีที่แนะนำ อย่างแรกใช้วิธีการอัพโหลดไฟล์ไปยัง Dropbox , Google Drive เป็นต้น  อย่างที่สอง สามารถเลือกปริ๊นเอกสารได้ทันที แต่ต้องใช้ AirPrint หรือเครื่องปริ๊นที่สามารถเชื่อมต่อด้วยระบบ wifi ได้ อย่างที่สาม ง่ายที่สุด คือ ส่งไฟล์ไปยังเมลที่ต้องการขอเพิ่มเติมอีกอย่างค่ะ แอพพลิเคชั่น “CamScanner” ยังสามารถส่งไฟล์ได้หลายสกุล เช่น ไฟล์สกุล doc , ไฟล์สกุล jpg , ไฟล์สกุล pdf  เป็นต้น โดยให้เลือกชนิดของไฟล์ที่ต้องการก่อนที่จะถึงขั้นตอนการส่งออกค่ะเท่านี้เอกสารในมือทั้ง 5 แผ่น ก็สามารถทำเป็นไฟล์ pdf เพื่อส่งต่อไปยังเมลได้ภายในครึ่งชั่วโมงทันเวลา      

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 173 ระบบปฏิบัติการบนสมาร์ทโฟน

ปัจจุบันโทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟนมีให้เลือกหลากหลาย และมีหลายขนาดให้เลือกตามกำลังทรัพย์ของผู้ซื้อ จนผู้ซื้อต้องมีการเปรียบเทียบคุณสมบัติของสมาร์ทโฟนของแต่ละยี่ห้อ ว่าคุณสมบัติอันไหนตรงตามความต้องการของตนมากกว่ากันแม้บริษัทที่มีสินค้าประเภทสมาร์ทโฟนจะมีหลายยี่ห้อให้เลือก และมีหลายรุ่นให้เลือกสรร  อีกทั้งยังพยายามดึงดูดความสนใจผู้ซื้อตั้งแต่การออกแบบรูปร่างของโทรศัพท์ให้มีความทันสมัยมากขึ้น การแข่งขันกันในเรื่องความบางเบาและความแข็งแรงของเครื่อง  แต่จะเห็นได้ว่าเทคโนโลยีของระบบการทำงานของสมาร์ทโฟนนั้นจะมีเพียงแค่ 2 ระบบเท่านั้น นั่นคือ ระบบปฏิบัติการ Android และ ระบบปฏิบัติการ iOSขอพูดถึงข้อดีของระบบปฏิบัติการ Android และ ระบบปฏิบัติการ iOS ว่ามีความแตกต่างกันอย่างไร ระบบปฏิบัติการ Android  มีความสามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ภายนอกได้ง่าย ไม่ว่าจะเสียบสาย USB กับคอมพิวเตอร์เครื่องไหนก็ตาม ก็รองรับได้หมด  อีกทั้งยังมีคุณสมบัติในการเปิดแอพพลิเคชั่นหลายๆ อันได้พร้อมกันโดยไม่มีปัญหาใด  นอกจากนี้สามารถปรับเปลี่ยนโฮมสกรีนได้หลากหลาย โดยปรับหน้าจอได้ตามใจเจ้าของเครื่อง ทำให้รู้สึกเสมือนว่ามีโทรศัพท์ใหม่ตลอดเวลา ละง่ายต่อการเคลื่อนย้ายไอคอนแอพพลิเคชั่นภายในสมาร์ทโฟน  ที่สำคัญเหมาะสำหรับคนที่ชอบใช้ Line เป็นอย่างมาก เพราะมีคีย์บอร์ดให้เลือกหลายรูปแบบ ระบบปฏิบัติการ iOS  ระบบจะมีความซับซ้อนน้อย แต่เมื่อเริ่มใช้ระบบปฏิบัติ iOS จะต้องลงชื่อบัญชีก่อน  หลังจากนั้นจะสามารถใช้บริการได้ทั้งหมด ระบบปฏิบัตินี้มีจุดเด่นในเรื่องการให้บริการจากระบบส่วนกลาง อย่างเช่น iCloud  iTunes เป็นต้น โดยถือว่ามีความเป็นหนึ่งเดียวในการให้บริการที่เป็นระบบ ส่วนเรื่องการใช้งานบนสมาร์ทโฟนนั้น เมื่อเปิดแอพพลิเคชั่นในระบบนี้จะมีความลื่นไหล แม้ว่าจะมีการลงแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟนมากแค่ไหนก็ตาม ก็ยังช่วยประหยัดพลังงานและสามารถใช้งานได้โดยไม่หน่วงหรือช้า  นอกจากนี้ยังมีแอพพลิเคชั่นที่ช่วยสร้างความบันเทิงให้กับผู้ใช้ให้เลือกจากระบบส่วนกลางได้มากมาย ล่าสุดระบบปฏิบัติการทั้ง 2 ระบบ ได้พยายามแข่งขันโดยการพัฒนาซอฟแวร์อยู่ตลอดเวลา ปัจจุบันระบบปฏิบัติการ  Android  อยู่ที่เวอร์ชั่น Android 5.x  ส่วนระบบปฏิบัติการ iOS  อยู่ที่เวอร์ชั่น iOS 8.x  การเลือกใช้สมาร์ทโฟนสักเครื่องหนึ่ง ต้องขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ใช้ รวมถึงระบบที่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ให้ได้มากที่สุด ด้วยเทคโนโลยีที่ได้มีการปรับเปลี่ยนให้มีความทันสมัยอยู่ตลอดเวลา ทำให้เกิดการแข่งขันกันในตลาดธุรกิจสมาร์ทโฟน  ซึ่งถือว่าเป็นผลดีกับผู้บริโภคอย่างเรา แต่ผู้บริโภคก็ต้องใส่ใจเพื่อศึกษาถึงคุณสมบัติและเท่าทันกับเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นด้วยเช่นกัน  

อ่านเพิ่มเติม >