ฉบับที่ 123 เคลนเซอร์กับโทนเนอร์

  หลายคนอาจจะสับสนเรื่องเคลนเซอร์กับโทนเนอร์ ว่าเหมือนหรือต่างกันอย่างไร ยิ่งปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเคลนเซอร์กับโทนเนอร์ออกมาวางจำหน่ายมากมายยิ่งทำให้เกิดความสับสนไม่รู้จะเลือกใช้อะไรดี หรือจะไม่ใช้ได้ไหม เพราะเดี๋ยวจะกลายเป็นว่า “ตกยุค” ฉบับนี้จึงมีคำอธิบายเพื่อคลายข้อสงสัยค่ะ   ผิวสะอาดคือเรื่องสำคัญที่สุด การจะมีผิวพรรณสดใส ปราศจากความหมองคล้ำ ความมันหรือสิว ขั้นตอนในการทำความสะอาดผิวหน้าเป็นเรื่องสำคัญ การจะเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ให้เหมาะก็ต้องดูลักษณะผิวหน้าของตัวเองว่าอยู่ในประเภทใด ผิวแห้ง ผิวมัน ผิวผสม หรือผิวแพ้ง่าย ซึ่งฉลาดซื้อได้นำเสนอไปในฉบับก่อนหน้านี้   ในขั้นตอนการทำความสะอาดผิวหน้าโดยทั่วไปจะมีขั้นตอนสำคัญ 2 ขั้นตอนคือ   1.การทำความสะอาดผิวหน้า 2.การปรับสภาพผิวหน้าหลังทำความสะอาด   การทำความสะอาดผิวหน้า Cleanser หมายถึงการทำความสะอาด ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มที่ทำความสะอาดผิวหน้า หลายคนจึงเรียกให้ง่ายว่า เคลนเซอร์  ซึ่งโดยทั่วไปที่วางขายในท้องตลาดจะแบ่งออกเป็นสองกลุ่มคือ กลุ่มที่เป็นผลิตภัณฑ์ล้างหน้าแบบที่ต้องอาศัยน้ำ อาจมาในรูปของโฟมหรือเจล เพื่อการล้างหน้า กลุ่มนี้จะมีส่วนผสมของตัวชะล้างหรือ detergent เป็นส่วนประกอบหลัก  อีกกลุ่มหนึ่งจะเป็นผลิตภัณฑ์หรือเคลนเซอร์ที่ช่วยในการเช็ดคราบเครื่องสำอาง กลุ่มนี้จะไม่อาศัยน้ำในการทำความสะอาดแต่จะมีน้ำมันหรือส่วนผสมอื่นที่สามารถละลายเครื่องสำอางให้ออกไปได้ง่าย เพราะปกติส่วนผสมในเครื่องสำอางสำหรับการแต่งหน้าจะเป็นน้ำมันหรือสารเคมีที่ไม่ละลายน้ำ ดังนั้นจึงต้องใช้สารเคมีเฉพาะสำหรับการเช็ดคราบเครื่องสำอางออกไปก่อนจะล้างหน้าด้วยน้ำและผลิตภัณฑ์ล้างหน้าอีกครั้ง  ดังนั้นถ้าเห็นคำว่า Cleanser บนฉลากเครื่องสำอาง ให้พิจารณาดูว่าสำหรับขจัดคราบเครื่องสำอางเป็นหลัก หรือว่าเป็นพวกที่อาศัยน้ำเพื่อชำระล้างคราบฝุ่นละอองทั่วไป  ซึ่งก็ถือว่าเป็นผลิตภัณฑ์ล้างหน้าประเภทหนึ่งเช่นเดียวกับสบู่   การปรับสภาพผิวหลังทำความสะอาด เมื่อเช็ดเครื่องสำอางด้วยเคลนเซอร์และล้างหน้าตามปกติแล้ว คำแนะนำสำหรับการทำความสะอาดผิวหน้าในขั้นตอนถัดมาก็คือ การใช้โทนเนอร์ ซึ่งมาในรูปของโลชั่นหรือน้ำที่จะหยดลงบนสำลีเพื่อเช็ดผิวหน้าเป็นการกำจัดสิ่งสกปรกที่ยังอาจตกค้างอยู่หลังการล้างหน้า ในเวลาเดียวกันก็มีส่วนในการช่วยปรับสภาพผิวหน้าก่อนบำรุงผิวต่อไป   สมัยก่อนโทนเนอร์จะมีส่วนผสมของแอลกอฮอล์สูงมาก เพราะผลิตขึ้นเพื่อช่วยในการกำจัดสิ่งสกปรกและความมันให้หมดไป ดังนั้นโทนเนอร์สมัยก่อนจึงมีส่วนทำให้ผิวแห้งตึง แต่ปัจจุบันโทนเนอร์ถูกพัฒนามากขึ้น จุดเด่นไม่ใช่เพียงแค่เรื่องทำความสะอาดแต่ช่วยปรับสภาพผิวให้สมดุลชุ่มชื้น โทนเนอร์ในปัจจุบันจึงแบ่งออกเป็นสามกลุ่ม ได้แก่ 1.เฟชรเชนเนอร์ เป็นโทนเนอร์ที่ไม่มีแอลกอฮอล์  จะอ่อนโยนและดีสำหรับผิวแห้งมักมีส่วนผสมที่ช่วยสร้างความชุ่มชื้นให้ผิวเป็นสำคัญ 2. แคลิฟายอิ้งโลชั่นโทนเนอร์โทนเนอร์ที่มีความเข้มข้น(แอลกอฮอล์)ปานกลาง จะช่วยขจัดความมันและสิ่งสกปรก รวมทั้งช่วยสร้างความชุ่มชื้นให้ผิว เหมาะสำหรับผิวธรรมดาถึงผิวผสม  3. แอสตรินเจนท์เป็นโทนเนอร์ชนิดเข้มข้น  จะมีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ค่อนข้างสูง จึงเหมาะสำหรับคนผิวมัน  เนื่องจากสามารถเช็ดคราบมันและเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดออกได้ดี  และยังช่วยลดความมันบนผิวหน้าอีกด้วย   ถ้าถามว่าผิวหน้าจำเป็นต้องใช้โทนเนอร์หรือไม่ สำหรับบางคนอาจจำเป็นโดยเฉพาะสาวๆ ที่แต่งหน้า การใช้โทนเนอร์จะช่วยให้ผิวหน้าสะอาดยิ่งขึ้นและช่วยปรับสภาพผิว แต่สำหรับคนที่ไม่ได้แต่งหน้าและไม่ใช่คนผิวมันมาก ไม่จำเป็นต้องใช้ก็ได้   และสำหรับสาวๆ ที่อยากได้โทนเนอร์แบบธรรมชาติปราศจากสารเคมี เรามีสูตรโทนเนอร์ธรรมชาติมาฝากด้วยค่ะ  สร้างความชุ่มชื้นให้ผิวแบบธรรมชาติ โลชั่นน้ำผลไม้   ใช้น้ำแตงกวา มะเขือเทศ มะนาว และแตงโม อย่างละ 1 ช้อนชา ผสมให้เข้ากัน ใช้สำลีแต้มส่วนผสมเช็ดเบาๆ ให้ทั่วใบหน้า น้ำผลไม้ผสมสูตรนี้จะช่วย สมานผิวและกระชับรูขุมขนเหมือนกับการใช้แอสตรินเจนท์และโทนเนอร์ มอยส์เจอไรเซอร์น้ำผึ้ง  น้ำผึ้ง เป็นสารให้ความชุ่มชื้นจากธรรมชาติ ที่ช่วยให้ผิวเรียบเนียน วิธีการใช้มอยส์เจอไรเซอร์ตัวนี้ไม่ยาก ใช้น้ำผึ้งประมาณ 1 ช้อนชา อุ่นด้วยไฟอ่อน ๆ ประมาณ ครึ่งนาที จากนั้นทิ้งไว้ให้เย็นแล้วทาให้ทั่วใบหน้า ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาทีจึงเช็ดออกด้วยสำลีแล้วล้างหน้าด้วยน้ำอุ่น คุณจะรู้สึกว่าผิวหน้านุ่มเนียนขึ้น วิธีนี้ช่วยกำจัดสิวหัวดำและจุลินทรีย์ที่หมักหมมอยู่ตามขุมขนได้หมดจด ช่วยให้เลือดลมเดินดีขึ้นด้วย โลชั่นน้ำนมผสมเปลือกกล้วยหอม   ล้างเปลือกกล้วยหอมสุก 1 ผลให้สะอาดแล้วหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ เติมน้ำนมสดลงไปประมาณครึ่งถ้วย บดให้ละเอียดเข้ากัน ใช้แทนโลชั่นสำหรับผิวแห้งหรือเกรียมแดด ทั้งยังช่วยขจัดฝุ่นละอองที่คั่งค้างอยู่ตามผิวหน้าด้วย โลชั่นน้ำนมเปลือกกล้วยนี้สามารถใส่ขวดเข้าตู้เย็นเก็บไว้ได้นานอีกด้วย

สำหรับสมาชิก >
ฉลาดซื้อ เก็บแต้มแลกสินค้า250 Point