ฉบับที่ 100 อานันท์ ปันยารชุน อยู่ให้ได้ในโลกที่มีแต่คนเอาเปรียบ

ถอดความจากปาฐกถา ในงานเปิดบ้านใหม่ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค วันอาทิตย์ที่ 26 เมษายน 2552สวัสดีทุกท่านเพื่อนสนิทมิตรสหายในกระบวนการให้ความคุ้มครองดูแลสิทธิของผู้บริโภคนะครับ ผมเองไม่ใช่เป็นนักเคลื่อนไหวหรือเป็นคนที่มีความรู้อะไรพิเศษเกี่ยวกับเรื่องของสิทธิผู้บริโภค แต่มันมาจากจุดหนึ่งในใจซึ่งมีมาตั้งแต่เด็กแล้ว ก็คือว่าในโลกที่เราอยู่นั้นก็คงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีคนเอาเปรียบ การเอาเปรียบผู้อื่นมีเหตุผล เจตนาหรือเปล่า แต่คนที่ถูกเอาเปรียบคือคนที่ควรได้รับการดูแลเป็นพิเศษ เพื่อให้มีความแข็งแกร่งในวิชาชีพ แข็งแกร่งในทางรายได้ แข็งแกร่งในทางมีสายสัมพันธ์ที่ดีกับคนภายนอก ผู้ถูกเอาเปรียบในตอนนี้นั้นก็สามารถจะต่อสู้ด้วยตัวเองได้ ในสังคมไทยยังมีผู้ที่ถูกเอารัดเอาเปรียบอยู่มากและยังอยู่ในสภาพที่ ถ้าไม่มีคนอื่นเข้ามาช่วยคงจะไม่สามารถรักษาสิทธินั้นได้จากความรู้สึกอันนี้มันก็เลยทำให้เกิดความรู้สึกลึกลงไปว่ากระบวนการของการมีองค์กรที่ไม่หาผลกำไร เป็นองค์กรที่ไม่ได้อยู่ในเครือข่ายของรัฐนั้นมีความจำเป็นสำหรับคนไทยมากกว่าประเทศอื่นๆ แล้วเครือข่ายเหล่านี้ก็จะเรียกว่าอยู่ในวงการของประชาสังคม ผมก็ดีใจที่มีความตื่นตัวในเรื่องของการรักษาสิทธิของผู้บริโภค แต่ผมว่าอนาคตยังไปอีกไกลเพราะว่าเราต้องเริ่มต้นจากจุดแรกซึ่งลำบาก เราต้องเริ่มต้นจากจุดที่เรียกว่าต้องให้ประชาชนส่วนใหญ่หรือให้ผู้บริโภคส่วนใหญ่ต่างรู้และสำนึกในสิทธิของตน เรายังไปไม่ถึงก้าวที่สอง เราเป็นเพียงแต่การพยายามให้คนเข้าใจ ให้คนรู้ว่าสิทธิของผู้บริโภคนั้นคืออะไรและก็เราจะดูแลรักษามันยังไง เพราะฉะนั้นในขั้นต้นนี้การทำงานก็ค่อนข้างจะไปในหลายกระแสหลายทิศทาง แต่อย่างหนึ่งที่ผมอยากให้มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคทำหน้าที่ก็คือว่า ไปในเรื่องใหญ่ๆ ในเรื่องของทิศทางที่ไม่ใช่เป็นเพียงแต่คุ้มครองผู้ถูกรังแกอยู่ในคอนโดก็ดี หรือผู้ถูกรังแกทางด้านอาหารก็ดี ทางด้านเกษตรก็ดี แต่อยากจะให้เห็นว่ามันจะเป็นกระบวนการสุดท้ายที่ไม่ต้องอาศัยองค์กรนี้เป็นผู้ปกป้องให้ แต่เราปกป้องกันเองโดยที่องค์กรนี้จะทำหน้าที่ข้างเคียงไปกับสภาโดยตรงเลย เพราะว่าทั้งหมดนี้ขั้นสุดท้ายก็อยู่ที่ว่าปัญหาของการเอารัดเอาเปรียบนั้นมันเกิดจากช่องโหว่ของกฎหมายด้วย แล้วถ้าเผื่อนักการเมืองเขาไม่ดูแลเรื่องนี้ให้เรา มันก็มีความจำเป็นที่เราจะต้องเข้าไปใกล้ชิดกับสาขาในหน่วยงานคุ้มครองของนิติบัญญัติที่จะให้มีการปรับปรุงแก้ไขพระราชบัญญัติต่างๆ ที่ไม่ให้ความเป็นธรรม ที่สร้างความอยุติธรรมกับสังคมไทยในเรื่องของผู้บริโภค หรืออาจจะมีการแนะนำเสนอให้มีการออกกฎหมายออกพระราชบัญญัติใหม่ๆ ขึ้นมาเพื่อเสริมสร้างให้กระบวนการของการดูแลสิทธิของผู้บริโภคนั้นมีความมั่นคงและมีความยั่งยืนมากขึ้น …อันนี้ผมว่ายังไปอีกไกล แต่เราทำเป็นจุดๆ ไป ที่ทำมาผมก็ว่าเป็นประโยชน์มาก แต่ในใจผมยังว่ามันยังคงสะเปะสะปะไป ถ้าเกิดเราคิดทำทุกอย่างมันคงจะลำบาก แต่ถ้าเผื่อเราไม่ปลุกจิตสำนึกไม่ปลุกให้คนไทยด้วยกันตื่นขึ้นมาว่า เรื่องการดูแลสิทธิของผู้ที่ซื้อบ้านจัดสรร ถ้าให้มูลนิธิฯ ท่านดูแล ท่านก็เหนื่อย เพราะบ้านจัดสรรไม่รู้มีกี่พันแห่งในเมืองไทย เราคงจะไปดูทุกอันไม่ได้ แต่เราควรไปดูที่ต้นตอว่ากฎหมายปัจจุบันมันให้ความคุ้มครองและดูแลสิทธิของผู้เช่าผู้ซื้อบ้านจัดสรรหรือเปล่า แล้วแต่ละบ้านจัดสรรผู้บริโภคก็ดูแลกันเอง ตามข้อความของกฎหมายที่ถูกต้อง สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ผมคิดอยู่ในใจ ฝันอยู่ในใจแล้วก็เริ่มคุยบ้าง แต่ก็คงอยู่ไม่ทันที่จะเห็นสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นในชีวิตผม ก็ต้องขอฝากไว้กับท่านทั้งหลาย ผู้ที่อยู่ในมูลนิธิฯ ก็คงเป็นผู้จุดประกาย ท่านผู้มีเกียรติทั้งหลายท่านก็มีความเป็นธรรมอยู่ในใจแล้วท่านก็พยายามที่จะผลักดันในสิ่งที่ถูกต้อง แต่สุดท้ายเราหวังพึ่งใครไม่ได้หรอกครับ ต้องพึ่งตัวเอง ในการพึ่งตัวเองนั้นก็ต้องพูดมากขึ้น เขียนมากขึ้น อ่านมากขึ้นและก็ต้องให้ประเด็นเรื่องของการสร้างวัฒนธรรมใหม่ ผมไม่อยากจะใช้คำว่าการเมืองใหม่เพราะว่าปัจจุบันใช้คำว่าการเมืองใหม่ค่อนข้างจะบ่อยครั้ง ซึ่งบางครั้งก็มีการถามว่าอะไรคือการเมืองใหม่ แต่ผมว่าวัฒนธรรมใหม่ของเมืองไทยที่เราอยากจะสร้างก็คือวัฒนธรรมของการเรียนรู้ของการแสวงหาความถูกต้องของการดูแลสิทธิ ไม่ใช่ดูแลผลประโยชน์นะ ผมขอให้เข้าใจคำนี้ด้วย ที่ทำมาทั้งหมดนี่มันไม่ใช่ผลประโยชน์นะ แต่ถ้าคุณจะดูแลสิทธิให้ถูกต้อง แล้วสิทธินั้นก่อประโยชน์ให้กับเรา อันนั้นผมเรียกว่าเป็นผลพลอยได้ แต่จุดเริ่มต้นไม่ใช่หาผลประโยชน์ส่วนตัว แต่เพื่อสิทธิ ผมมาวันนี้ผมก็ดีใจได้เห็นบ้านใหม่ ผมไม่รู้ว่าเคยมีบ้านเก่าหรือเปล่า ได้เห็นบ้านใหม่ถึงแม้ไม่ได้อยู่ติดถนนก็มาตรงนี้ก็โชคดีนะ กันฝุ่น กันแดด กันเสียงด้วย ก็ตกแต่งซะดีเชียว ก็ยินดีนะ ขอให้เป็นบ้านใหม่ที่มีความสุขกายสบายใจ เป็นบ้านใหม่ที่สามารถทำประโยชน์ให้กับหลักการที่พวกเรายึดถือไว้ ขอให้ช่วยส่งเสริมให้สิทธิของคนไทยในเรื่องต่างๆ โดยเฉพาะในเรื่องของการบริโภค มันเป็นสิทธิที่มันฝังอยู่ในจิตใจไม่ใช่แต่ในพวกเราเท่านั้น แต่ในระบบการเมือง ในระบบยุติธรรม ในระบบบริหารต่างๆ ทั้งหมด ผมขอขอบคุณทุกท่านที่ช่วยทำให้กระบวนการนี้สำเร็จด้วยดี …ระหว่างที่นั่งฟังวิดีโอเทป (นานาทัศนะของบุคคลต่างๆ ต่อการคุ้มครองผู้บริโภคที่ได้ถ่ายทอดไปเมื่อฉบับที่แล้ว) ผมนึกอะไรบางอย่างซึ่งเป็นสิ่งที่ผมคิดมานานและเป็นหลักการที่ผมใช้ในการทำงานส่งเสริมกระบวนการ องค์กร ภายใต้ของภาคประชาสังคมนะครับคือในสังคมทุกสังคมมีความขัดแย้งหรือความเห็นที่ไม่ตรงกันเป็นของธรรมดา แต่สิ่งที่สำคัญคือว่าถ้าเกิดสังคมไหนที่มีสติพอ แล้วก็มีทางออกเพียงพอ ทางออกนี้สำคัญมาก ความขัดแย้งก็ดี ความเห็นที่แตกต่างกันก็ดี มันจะไม่เกิดไปจนถึงขั้นที่ต้องแตกหัก ทุกๆ ประเทศในประวัติศาสตร์มันต้องผ่านมาทั้งนั้น มันพูดง่ายแต่บางทีทำลำบาก เพราะฉะนั้นทุกๆ ชาติถ้าไปดูประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะประวัติศาสตร์ของการพัฒนาสังคมมานั้น มันมีการถึงขั้นแตกหักมาตลอดเวลา เพราะฉะนั้นคงหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ในขณะเดียวกันในสังคมไหนที่มีสติมากขึ้น มีความรู้และมีการเข้าถึงข้อมูลก็ดี มีการเข้าถึงความยุติธรรมก็ดี โอกาสที่จะถึงขั้นแตกหักก็จะน้อยลงไปขอบคุณครับ...  

สำหรับสมาชิก >
ฉลาดซื้อ เก็บแต้มแลกสินค้า250 Point