ฉบับที่ 132 สามหนุ่มเนื้อทอง : บนกึ่งกลางระหว่าง “ทองแท้” กับ “ทองเทียม”

  นิทานพื้นบ้านที่ทุกคนคงรู้จักดีเรื่อง “สังข์ทอง” เคยเล่าเรื่องเอาไว้ว่า เบื้องลึกเบื้องหลังของร่างเจ้าเงาะที่รูปดำอัปลักษณ์ ข้างในนั้นคือ “เนื้อทอง” ผ่องพรรณ และจะมีก็แต่นางรจนาเท่านั้นที่มองเห็นทะลุทะลวงเข้าไปภายใน “เนื้อทอง” ที่ซ่อนรูปอยู่ จนต้องเสี่ยงพวงมาลัยไปเป็นเนื้อคู่ตุนาหงันกัน นิทานอย่างเรื่อง “สังข์ทอง” นั้น อันที่จริงก็คือ กุศโลบายของคนโบราณที่สอนว่า เวลาเราจะตัดสินใครคนใดนั้น จะดูแค่รูปลักษณ์ภายนอกอย่างเดียวคงไม่พอ แต่ต้องมองเข้าไปให้เห็นคุณค่าภายในว่าเป็น “เนื้อทองแบบแท้ ๆ” หรือเป็นแค่ “เนื้อทองชุบทองเทียม” กันแน่ เพราะฉะนั้น แม้แต่จะเป็นเรื่องของการเลือกคนรักหรือคู่ครอง บรรพสตรีทั้งหลายก็ควรที่จะเลือกคุณค่าที่อยู่ข้างใน มากกว่าจะสนใจดูแต่เพียงรูปกายภายนอกเท่านั้น ผิวเปลือกนอกกายคงจะไม่สำคัญเท่ากับแก่นแท้ ๆ ที่อยู่ภายในนักหรอก แต่ดูเหมือนว่า พอมาถึงยุคนี้สมัยนี้ พระสังข์ที่ถอดรูป “ดำแต่นอกในแผ้วผ่องเนื้อนพคุณ” นั้น ท่าทางจะหาได้แสนลำบากยากเย็นเสียแล้วล่ะ คงจะมีเหลือก็แต่บรรดาเนื้อทองนพคุณที่ไม่ได้สมบูรณ์แบบเต็มร้อยเท่าใดนัก ก็เหมือนกับบรรดาตัวละคร “สามหนุ่ม” ที่ถูกออกตัวไว้ตั้งแต่แรกว่าเป็นพวก “เนื้อทอง” ไม่ว่าจะเป็นคุณกริชชัย ผู้กองวัชระ หรือนายธีธัชนั้น ผู้ชมละครเรื่องนี้ก็คงสงสัยเหมือนกับผมว่า มีใครกันบ้างหนอที่จะเป็น “เนื้อทองแท้จริง ๆ” ให้นางรจนาได้เลือกเอาไว้เป็นคู่ครอง ??? เริ่มต้นก็จาก “เนื้อทองหมายเลขหนึ่ง” หรือคุณกริชชัย CEO หนุ่ม ผู้ที่แม้จะประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานในฐานะนักธุรกิจผู้บริหาร แต่ทว่า ในเรื่องความรักที่เขามีต่ออรุณศรีเลขานุการสาวนั้น เขากลับเป็นคนที่อินโนเซ้นต์และมึนๆ บื้อๆ ไร้เดียงสาในเรื่องของความรักเสียเหลือเกิน จนถึงขนาดที่ครั้งหนึ่งคุณโอบบุญพี่ชายของแอ๊วถึงกับพูดเหน็บแนมความสัมพันธ์ระหว่างน้องสาวของตนกับคุณกริชชัยว่า “เราน่ะ...หัดเป็นผู้หญิงฉลาดกับเค้าบ้างนะ มีผู้ชายหน้าตามึนๆ พูดจาตรงๆ มาให้เลือกถึงบ้านแบบนี้ ถ้ายังไงก็ลองให้โอกาสเขาบ้างให้โอกาสตัวเองบ้าง...” ส่วน “เนื้อทองหมายเลขสอง” หรือผู้กองวัชระ ที่แม้จะเป็นนายตำรวจผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ซึ่งเก่งกล้าสามารถในการปราบปรามผู้ร้าย แต่อีกด้านหนึ่ง ก็ช่างขลาดเขลาและ “ถนัดแต่จะหนี” ในการจัดการปัญหาส่วนตัว ชนิดที่ว่าต้องวิ่งหนีแบบหัวซุกหัวซุนไม่กล้าเผชิญหน้ากับคุณแหนมคู่หมั้นที่ตนบอกเลิก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อผู้กองวัชระได้พบรักใหม่กับเจ้าของผับสาวอย่างคุณฝ้ายด้วยแล้ว คุณผู้กองหนุ่มก็ยิ่งแสดงความขี้ขลาดวิ่งหนีหลบหน้าคุณแหนม จนปัญหาต่างๆ ขวั้นเกลียวมาขนาดที่คุณฝ้ายต้องเอ่ยกับแฟนหนุ่มของเธอว่า “ผู้หญิงอย่างฉันไม่ต้องการความเห็นใจ แต่ต้องการความมั่นใจ...ที่ผ่านมาคุณวิ่งหนีจนปัญหาทับถมมากเกินกว่าจะแก้ไขด้วยการบอกเลิกเพียงคำเดียว...” และก็มาถึง “เนื้อทองคนสุดท้าย” อย่างนายธีธัช หนุ่มเจ้าชู้หาตัวจับยาก ที่วันๆ ไม่ได้ทำงานทำการอันใด เพราะมีมรดกเก่าเอาไว้ใช้อย่างล้นเหลือ เพราะฉะนั้น ด้วยรูปที่หล่อพ่อที่รวยและมรดกที่ล้นฟ้าเช่นนี้ ธีธัชจึงไม่ใช่คนที่จะแคร์ความรู้สึกของผู้หญิงคนใด รวมถึงคุณกรผู้หญิงที่แม้จะดีแสนดีและเข้าใจชีวิตแบบไม่ได้ยากเย็นนัก ก็ยังไม่สามารถจะรั้งชายเจ้าชู้อย่างธีธัชได้ จนกระทั่งเสือต้องมาสิ้นลาย เมื่อเจอกับสัตวแพทย์สาวอย่างลำเภา ที่ผิดแผกแตกต่างจากคนอื่นๆ และมองผู้ชายกะล่อนเจ้าชู้แบบธีธัชไม่ต่างจากสัตว์เลี้ยงที่เธอรักษาโรคนั่นแหละ ก็เลยทำให้ “นายหมาใหญ่” อย่างธีธัชถูกปราบเสียจนสิ้นฤทธิ์ เพราะฉะนั้น ถึงจะเป็น “สามหนุ่มเนื้อทอง” แต่ก็มีคำถามตามมาว่า ทุกวันนี้ผู้ชายที่เป็น “เนื้อทองแท้” แบบไร้ซึ่งการปนเปื้อนจะมีอยู่จริงหรือ ??? เพราะถึงจะ “เนื้อทอง” แต่ก็ปนเปื้อนความมึนๆ เซ่อๆ ไร้เดียงสา ความขลาดเขลาถนัดแต่หนีปัญหา หรือความกะล่อนแบบเจ้าชู้ไปวันๆ ผู้ชายแบบทองแท้ปราศจากตำหนิจึงอาจเป็นเพียงภาพที่ดำรงอยู่ในอุดมคติเท่านั้น ในด้านหนึ่ง ละครก็ได้ชี้ให้เห็นว่า สังคมมนุษย์เรานั้นมีตัวเลือกผู้ชายตั้งแต่เลวได้สุดขั้วแบบปรานต์ ที่แม้จะหล่อขั้นเทพแต่ข้างในก็เป็นซาตานผู้ไม่เคยให้ความรักกับผู้หญิงคนใดอย่างจริงจัง และหวังปอกลอกผู้หญิงทุกคนที่เข้ามาในชีวิตของเขา “หนุ่มเนื้อทองชุบ” แบบนี้อาจมีหาได้ตามท้องตลาดทั่วไป แต่อีกด้านหนึ่ง สำหรับผู้ชายดีๆ นั้น ละครกลับบอกเราว่าที่ดีแบบเลอเลิศจริงๆ คงไม่มีอีกแล้วในยุคนี้ หากจะมีหลงเหลืออยู่ ก็เป็นผู้ชายดีๆ แบบมีตำหนิอยู่บ้าง หรือไม่ได้เลิศเลอเพอร์เฟ็คเป็น ideal type ตัวละครกลมๆ แบบที่มีดีบ้างปนเปื้อนมุมที่แย่ๆ อยู่บ้างเช่นนี้ อาจเป็นตัวเลือกที่ถูกต้องมากกว่าจะวิ่งไปหาแต่บรรดา “เทพบุตรเนื้อทองแท้ ๆ” ที่ไม่เคยมีอยู่จริง “แม้แผ่นดินสิ้นชายที่หมายเชย อย่ามีคู่เสียเลยจะดีกว่า” อาจจะเป็นวลีที่ใช้ได้กับผู้หญิงในยุคหนึ่งสมัยหนึ่ง แต่พอมาถึงยุคนี้สมัยนี้ ผู้หญิงที่จะตามหา “หนุ่มเนื้อทอง” คงต้องยึดสโลแกนที่ว่า “nobody’s perfect” หรือไม่มีใครในสากลพิภพหรอกที่สมบูรณ์แบบร้อยเปอร์เซ็นต์ หากคุณผู้หญิงจะรอให้เจอเจ้าเงาะถอดรูปแล้วข้างในเป็นเนื้อทองผุดผ่องอำพัน ก็คงจะหาไม่ได้อีกต่อไปแล้ว ผู้ชายดีๆ แต่โง่ๆ เซ่อๆ หรืออาจจะขี้ขลาดและเจ้าชู้ไปบ้าง ก็คงเป็นออพชั่นที่พอเหมาะพอเจาะกับสังคมในยุคสมัยที่เปลี่ยนไป ก็คงจะเป็นแบบที่เสียงก้องในใจของน้องลำเภาที่เธอให้คำตอบกับตัวเองเอาไว้ว่า “ผู้ชายที่ดีในโลกนี้มีอยู่สองแบบ คนแรกนั้นยังไม่เกิด ส่วนอีกคนหนึ่งได้ตายไปแล้ว…” คำตอบในใจของลำเภา ก็คงจะเป็นคำตอบเดียวกับที่อยู่ในใจทั้งคุณแอ๊ว คุณฝ้าย และคุณผู้หญิงยุคนี้อีกหลายๆ คนว่า ถ้าคิดจะเลือกครองคู่กับชายสักคน คงต้องบอกกับตัวเองว่า “I love you just the way you are” เท่านั้นแหละ

อ่านเพิ่มเติม >