ฉบับที่ 157 คนไทยไร้พุงกับสง่า ดามาพงษ์

ที่มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค มีคนไทยมีพุงเยอะรวมทั้งกองบรรณาธิการฉลาดซื้อด้วย เกิดอยากจะเป็นคนไทยไร้พุงบ้าง จึงไปรบกวนสัมภาษณ์ อาจารย์สง่า ดามาพงษ์  ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการ  /ที่ปรึกษาสมาคมโภชนาการแห่งประเทศไทย/กรรมการเครือข่ายคนไทยไร้พุง ซึ่งถ้าเห็นรูปร่างหน้าตาท่านแล้วจะดูไม่ออกเลยว่าอาจารย์อายุเลยวัยเกษียณมาหลายปีแล้ว “ กินเกิน ( อาหาร) เพลินไม่ขยับ (ออกกำลัง ) บังคับสติตัวเองไม่ได้ ( อารมณ์ ) ” ฉลาดซื้อ : ช่วงนี้คนสนใจดูแลสุขภาพมากขึ้น อย่างห้องพันทิปก็มีห้องรักสวยรักงาม มีคนโพสต์ว่าลดความอ้วนสำเร็จ ใช้วิธีกินอาหารคลีน ใช้การออกกำลังกายคาร์ดิโอ แต่บางคนก็มาแบบจำกัดแคลอรี่ อย่างดาราท่านหนึ่ง เขาแนะนำว่าเขากินวันละ 500 แคลลอรี่ ซึ่งบางคนเขาก็เชื่อ แต่บางคนที่เขาคิดว่ามันไม่เป็นจริงนะ ถ้ากินแค่ 500 แคลอรี่มันจะเกิดผลกระทบ แต่ก็มีคนเชื่อเยอะเพราะเป็นวิธีที่ง่าย กินน้อยลงแต่ไม่ได้ดูว่าเรากินอะไรบ้าง อ.สง่า : จะมีอยู่ 3 ประเด็นนะ อันที่ 1 หลักการลดน้ำหนักที่ถูกวิธี อันที่ 2 การลดน้ำหนักให้อยู่ในวิถีชีวิตคนเมือง คนที่เร่งรีบ อันที่ 3 ต้องยกตัวอย่างให้เห็นว่าวิถีชีวิตของคนแบบนี้ถ้าจะลดน้ำหนักจะลดอย่างไร  พูดถึงประเด็นแรกจนถึงประเด็นสุดท้าย  ไม่จำเป็นต้องเป็นคนเมืองหรือใครก็แล้วแต่ที่อ้วนแล้วต้องการลดน้ำหนักนั้นมันมีหลักการอยู่ว่า ข้อที่ 1 การลดน้ำหนักต้องไปหาต้นเหตุแห่งความอ้วนให้เจอแล้วไปแก้ไขที่ต้นเหตุ ข้อที่ 2 เมื่อหาเหตุได้แล้วการลดน้ำหนักจะต้องถาวรและยั่งยืน  ไม่กลับไปอ้วนใหม่ ไม่ใช่ลดน้ำหนักแค่ชั่วครั้งชั่วคราว   ข้อที่ 3 การลดน้ำหนักนั้นต้องอยู่ในวิถีชีวิตของทุกคน ไม่ใช่หักดิบไปลดน้ำหนักแบบที่แปลกๆ อดอาหาร กินข้าวน้อยลง ไปกินอะไรที่มันไม่อยู่ในวิถีชีวิต กินพวกกาแฟลดน้ำหนัก อาหารเสริม ถ้าลดน้ำหนักต้องอยู่ในวิถีชีวิต ข้อที่ 4 การลดน้ำหนักต้องค่อยเป็นค่อยไป อย่าลดมากจนเกินไปมันจะกลับมาโยโย่ใหม่ การลดน้ำหนักมันต้องทำให้พฤติกรรมคุณเปลี่ยน จากเมื่อก่อนเคยกินอาหารหวานมัน กินข้าวเยอะกินผักน้อย ต้องเปลี่ยนนิสัยการกินของคุณให้ได้ เมื่อก่อนขี้เกียจออกกำลังกาย คราวนี้คุณกลายเป็นคนออกกำลังกายอยู่ในวิถีชีวิต บางคนที่ลดน้ำหนักได้ 17 กิโลกรัมแล้ว  แต่พฤติกรรมเหล่านี้ยังไม่อยู่ในวิถีชีวิตจะกลับมาอ้วนใหม่หมดเลย เพราะฉะนั้นเป้าหมายในการลดน้ำหนัก คือ พฤติกรรม 3 อ. (อาหาร , ออกกำลังกาย , อารมณ์ ) ย้อนไปดูที่ต้นเหตุแห่งความอ้วน ก็คือ กินเกิน ( อาหาร) เพลินไม่ขยับ (ออกกำลัง ) บังคับสติตัวเองไม่ได้ ( อารมณ์ ) ไขมันในช่องท้องจึงเกิน  สาธารณสุขจากเมื่อ 5 ปีที่แล้วจนถึงปัจจุบันก็ยังยึดหลัก 3 อ. ในการลดน้ำหนักอยู่ เพราะมันเป็นต้นเหตุแห่งการทำให้อ้วน พอเราคุมอาหารได้ ออกกำลังกายได้ คุมอารมณ์ได้ แน่นอนลดได้ 100 % แต่ทุกวันนี้คนคิดว่าการลดน้ำหนักต้องหาทางลัด ไปกินยา แล้วอดอาหาร การลดน้ำหนักผิดๆ ที่เห็นชัดตอนนี้ มี 4 เรื่อง คือ กินยา อาหารเสริม อันนี้จัดเป็นประเภทที่ 1 ประเภทที่ 2 การอดอาหารมื้อใดมื้อหนึ่ง หรือ 2 มื้อ ประเภทที่ 3 ที่เจอมากๆ เลยก็คือ กาแฟลดน้ำหนักซึ่งขอเอามากล่าวในข้อนี้ เพราะยาลดน้ำหนัก หรืออาหารเสริมมันเป็นการลดน้ำหนักที่จะต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ เพราะยาบางอย่างมันมีผลข้างเคียง ยาลดน้ำหนักที่กินเข้าไปมันมีกลไกทำให้ประสาทส่วนกลางไม่ทำงาน ทำให้ไม่เกิดความหิว พอไม่หิวก็ไม่กิน ไม่กินก็เลยผอม ทีนี้พอกินยาทุกวันๆ การทำงานประสาทส่วนกลางก็เพี้ยนไป เบลอ ปวดหัว ไม่มีแรง หัวใจเต้นเร็ว หน้ามืด เป็นลม ในที่สุดเสียชีวิต เยอะมาก นี่คือผลข้างเคียงที่เกิดขึ้น แล้วพอหยุดกินประสาทส่วนกลางทำงานใหม่มากกว่าเดิม หิวมากกว่าเดิม กินมากกว่าเดิม อ้วนมากกว่าเดิม โยโย่เอ็ฟเฟ็กต์ แล้วน้ำหนักที่มันขึ้นมาหลังจากเลิกกินยามันเป็นไขมัน ลดยากมาก พอเกิดโยโย่แล้วร่างกายต้องใช้เวลานานมากในการปรับตัวที่จะกลับมาลดอีกรอบหนึ่ง พูดถึงกาแฟ ลำพังตัวกาแฟเองกล่าวอ้างว่าลดน้ำหนักได้นั้น ส่วนมาก อย.ไปไล่จับเจอสารไซบูทามีน สารตัวนี้เป็นสารที่ใช้ในการแพทย์ ซึ่งก่อนที่คุณจะใส่ลงไปในอาหารใดๆ นั้น คุณต้องขออนุญาต อย. ก่อน เพราะมันเป็นสารอันตราย พอใส่ในกาแฟ หรืออาหารลดน้ำหนัก มันจะทำให้คนเกิดความหิวน้อยลง ถ้ากินสารพวกนี้นานๆ เข้า มันก็เหมือนกับที่อธิบายเรื่องยาลดน้ำหนัก พอหยุดกินกาแฟก็กลับมาอ้วนใหม่ โยโย่ก็ตามมา ยาลดน้ำหนักกับกาแฟกลไกคล้ายกัน ตัวกาแฟจริงๆ แล้วมีคาเฟอีน ตัวคาเฟอีนช่วยลดน้ำหนักได้แต่ต้องกินกาแฟในปริมาณที่เยอะมากถึงจะลดน้ำหนักได้ด้วยคาเฟอีน วันหนึ่งต้องกินหลายสิบแก้ว ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ คนก็เลยแอบเอาสารสารไซบูทามีน ใส่เข้าไป อย. ก็ไล่จับ เจอเยอะไปหมดเลย เพราะฉะนั้นอย่าไปเชื่อว่ากาแฟลดน้ำหนักได้ ยกเว้นกาแฟที่ใส่สารลดน้ำหนักเข้าไป มันจึงลดได้แต่อันตราย ข้อสุดท้ายที่นิยมมากคือ อดอาหาร การอดอาหารเพื่อลดน้ำหนักมื้อใดมื้อหนึ่งนั้นเป็นวิธีที่ไม่ถูกต้อง การลดที่ถูกต้องคือ ต้องกินอาหารให้ครบทั้ง 3 มื้อ จะไม่ทำอะไรที่เพี้ยนไปจากวิถีชีวิต   ฉลาดซื้อ : บางคนทานอาหารไม่ครบ 3 มื้อ เช่น งดมื้อเช้าหรือมื้อเย็น  อาหารแต่ละมื้อมีความสำคัญอย่างไรคะ อ.สง่า : คนที่ไม่กินมื้อเช้ามักจะอ้วนด้วย 3 เหตุผล ข้อ 1 พลังงานที่สะสมไว้ตั้งแต่ตอนเย็นจนถึง 10 โมงหมด พอหมดก็โหย ตาลาย แล้วหากาแฟ ขนมหวานมากิน มันคือน้ำหวาน แป้ง น้ำตาล ที่เราเติมเข้าไปให้ร่างกายตอน 10 โมง – 11 โมง แต่ถ้าคุณกินข้าวราดแกงหรือก๋วยเตี๋ยว โจ๊ก ข้าวต้มตอน 7 โมง – 8 โมง ก่อนเข้าทำงาน คุณจะไม่หิวเลยตอน 10 โมง เพราะฉะนั้นคนที่ไม่กินมื้อเช้าจะไปกินจุบจิบเลยทำให้อ้วน ข้อที่ 2 ไม่กินมื้อเช้าแล้วกินชดเชยตอนมื้อเที่ยงและมื้อเย็น โดยเฉพาะมื้อเย็น กินแล้วนอนพลังงานไม่ได้ใช้เลยทำให้อ้วน ข้อสุดท้าย คนที่ไม่กินมื้อเช้าระบบการเผาผลาญในร่างกายจะลดลง 30 % เพราะฉะนั้นการอดมื้อเช้าไม่ใช่การลดน้ำหนักที่ถูกต้องลดได้ช่วงระหว่างคุณอด แต่คุณจะกลับมาโยโย่ใหม่ การลดน้ำหนักคือ ลดอาหารที่มีพลังงานสูง กินให้น้อยลง แล้วควบคุมปริมาณ และชนิดอาหาร ชนิดอาหารที่ต้องควบคุมคืออาหารประเภททอด ผัด อาหารที่มีไขมันสูง มีน้ำตาลมาก แป้งเยอะ เพราะฉะนั้นเราต้องควบคุม กินให้น้อยลง โปรตีนให้กินเท่าเดิม แต่ต้องเป็นเนื้อสัตว์ไม่ติดมัน และถั่วเมล็ดแห้ง ผัก ผลไม้ต้องกินมากขึ้น แต่สิ่งที่ต้องกินลดลง คือคาร์โบไฮเดรต กินแป้งให้น้อยลง คนที่ลดน้ำหนักต้อง Low Carb ( Low-carbohydrate ) แต่ต้องกินเพราะมันให้พลังงาน ไม่กินไม่ได้ คุณจะไปเอาพลังงานจากโปรตีนที่เป็นเนื้อสัตว์ไม่ได้ เอาพลังงานจากผักมันไม่พอ เมื่อก่อนเคยกินข้าวเย็น 3 ทัพพี ค่อยๆ ลดเหลือ 2 จาก 2 เหลือทัพพีครึ่ง ค่อยๆ ลดจนเหลือทัพพีเดียว ผู้หญิงมื้อเย็นกินทัพพีเดียวก็พอ เน้นกินผัก   ฉลาดซื้อ : โครงการคนไทยไร้พุงตอนนี้เป็นอย่างไรบ้างคะ อ.สง่า : ตอนนี้โครงการฯ กำลังจะทำให้องค์กรต่าง ๆ มาร่วมลดน้ำหนัก ลดอ้วน ลดพุง คำว่าองค์กรคือ หน่วยงานราชการ บริษัท ห้างร้าน  โรงเรียน คือให้มีการลดน้ำหนักผ่านองค์กร  เป็นโครงการร่วมกับ สสส. การลดน้ำหนักผ่านองค์กร คือ ให้คนในองค์กรมาปฎิบัติตามหลัก 3 อ. คือ....อาหาร ออกกำลังกาย อารมณ์ “ กินเกิน ( อาหาร) เพลินไม่ขยับ (ออกกำลัง ) บังคับสติตัวเองไม่ได้ ( อารมณ์ ) ” โดยเราจะไปให้ความรู้เรื่องการลดน้ำหนัก  นอกจากเราจะไปให้ความรู้เรื่องการลดน้ำหนักแล้ว  เราจะไปช่วยในการปรับพฤติกรรม  หรือเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม เช่น ให้โรงอาหารมีเมนูลดน้ำหนัก  เราไปอบรมแม่ครัว  และที่สำคัญอีกอย่างคือ เราพยายามให้ทุกองค์กรเปลี่ยนการจัดเบรก  หรือ อาหารว่างเวลาประชุม  ให้เป็น  เฮลท์ตี้ เบรก  เป็นเบรกที่ดีต่อสุขภาพ  เช่น   เรามีผลไม้  พวกขนมหวานต้องพยายามให้มีน้อยมาก ๆ  แล้วก็ใช้น้ำเป่าแทนน้ำหวาน  อะไรอย่างนี้เป็นต้น   และนี่เป็นสิ่งที่เราทำร่วมกับ  สสส.  อยู่ในขณะนี้    นอกจากนี้  โครงการคนไทยไร้พุง กำลังออกมารณรงค์กับสื่อแนวกว้าง คือ ให้คนทั่วประเทศออกมาตื่นตัวกันอีกครั้ง  โดยการทำรายการผ่านทางช่อง ไทยพีบีเอส  ช่อง 9 และช่อง 11  เป็นรายการเรียลลิตี้  ชื่อ องค์กรซ่อนอ้วน 2  จะเริ่มออนแอร์ประมาณเดือนเมษายนนี้ จนกระทั่งถึงสิ้นปีเลย ส่วนองค์กรใดที่มีความสนใจโปรเจ็กนี้สามารถติดต่อสอบถาม ขอข้อมูลได้ที่ กรมอนามัย   กระทรวงสาธารณสุข , สสส.หรือ ที่เครือข่ายคนไทยไร้พุง   http://www.raipoong.com   //

สำหรับสมาชิก >
ฉลาดซื้อ เก็บแต้มแลกสินค้า250 Point