ฉบับที่ 101 เจ้าพ่อศัลยกรรม

ทุกคนมีสิทธิ ชนิษฎา วิริยะประสาท - สัมภาษณ์สุมาลี พะสิม- เรียบเรียง / ถ่ายภาพ   เกิดปัญหาลุกขึ้นมาครับ อย่าเงียบการลุกขึ้นมาใช้สิทธิในฐานะที่เขาเป็นผู้บริโภคคนหนึ่งนั้น เขาให้ความเห็นว่าถ้าหากเกิดเรื่องแล้วเขาเงียบ ทุกอย่างคงจะจบแบบเจ็บปวด แต่การลุกขึ้นมาเรียกร้องสิทธิของเขาก็ใช่ว่าเขาเป็นคนก้าวร้าว เพราะเขาเองก็ไม่ใช่คนผิด เพียงแต่ว่าถ้าหากมีการพูดคุย ตกลงกันทั้ง 2 ฝ่ายได้ เรื่องก็สามารถจะจบลงด้วยดีได้ เรื่องนี้หากเกิดกับคนทั่วไปที่ไปทำศัลยกรรมแล้วโชคร้ายเกิดมีความผิดพลาดขึ้นมา อย่านิ่งเงียบควรออกมาใช้สิทธิเรียกร้องแบบเดียวกับที่วรวิทย์ทำ “คือเราก็สงสารหมอนะ ผมพูดเป็นกลางๆ ทั่วๆ ไปนะ เพราะหมอเองก็คงไม่อยากให้เกิดเรื่องขึ้น คงไม่มีหมอคนไหนที่อยากให้เกิดขึ้น เพราะหมอก็คงทำตามระบบที่เขาวางไว้ พอเกิดเรื่องขึ้นหมอกับคนไข้ก็ต้องคุยกัน ว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร” สวย – หล่อ แบบเสี่ยงๆด้วยความที่วรวิทย์คลุกคลีในวงการ ”ศัลยกรรม” มานาน ทั้งประสบการณ์ตรง ทั้งจากการรับรู้จากเพื่อนๆ และด้วยความที่เขามีเพื่อนที่ประกอบธุรกิจเหล่านี้ด้วย เขาจึงสามารถบอกได้อย่างเต็มปากว่า การที่จะสวย หล่อ ด้วยมีดด้วยเข็มนั้น นอกจากจะแพงแล้วยังต้องยอมรับเรื่องความเสี่ยงด้วยเช่นกัน “เดี๋ยวนี้มีพวกหลอกนะ คือบอกว่าฉีดสารนี้ แต่กลับไปฉีดสารอีกอย่างหนึ่งให้คนไข้แทน แบบนี้ผมไม่ชอบมากๆ เพราะเพื่อนรุ่นน้องเคยพบมา อย่างบอกว่าจะฉีดคลอลาเจน แต่กลับไปฉีดซิลิโคนเหลวให้แทน อ้าว…คือพวกเราน่ะ คนทั่วไปน่ะ ไม่รู้หรอกว่าไอ้สารที่อยู่ในหลอดตอนฉีดคืออะไร เขาเข้าไปเตรียมเครื่องมือด้านหลังแล้วค่อยออกมาหาเรา เพราะฉะนั้นก็ต้องระวังพวกหลอกให้มากๆ ” นอกจากเรื่องหลอกแล้ว เรื่อง “ยาปลอม” ก็มีเยอะโดยเขายกตัวอย่างโบท็อกซ์ขึ้นมาเป็นตัวอย่างว่ามีการนำเข้ามาจากหลายประเทศทั้งจากเวียดนาม จากจีน ซึ่งวรวิทย์บอกว่า “ปลอมทั้งนั้น แล้วยังแพงอีก” “การฉีดโบท็อกซ์ต่ำสุดก็หลักหมื่นขึ้น ซึ่งราคาก็แตกต่างกันไปตามเกรดของผลิตภัณฑ์ คือก็ต้องเสี่ยงเอาอีกนั่นแหละ ที่ถามว่าควรจะมีหน่วยงานหรือมาตรการอะไรที่จะออกมาควบคุมให้ผู้บริโภคปลอดภัย ตามความเห็นผมนะ ผมว่ายาก อย่างกระทรวงสาธารณสุขที่ดูแลอยู่ ผมว่ามันหละหลวม คลินิกเถื่อนเพียบ บางแห่งเปิดในคอนโดก็มี แล้วคนฉีดก็ไม่ได้เป็นหมอ แค่เป็นพยาบาลก็ฉีดได้แล้วเพียงแค่รู้ตัวยาแค่นั้นก็ฉีดได้แล้ว ผมว่าทางที่ดีที่สุดก็อยู่ที่ตัวของคนทำเองหรือผู้บริโภคนั่นแหละ ที่จะต้องหาความรู้ก่อนที่จะทำศัลยกรรมเพราะว่าถึงแม้จะเจอหมอดีก็ตามนะครับ แต่ว่าการทำศัลยกรรมมีความเสี่ยง 50 : 50 ครับ ต้องคิดให้ดีก่อนจะตัดสินใจทำ เพราะบางทีเราก็ไปโทษหมอไม่ได้ เพราะสภาพร่างกายของคนเรามันก็ต่างกัน อย่างรุ่นน้อง 2 คนไปทำจมูก อีกคนออกสวย อีกคนออกมาดูไม่ดี ผมเลยอยากบอกไว้เลยนะว่า ถ้าใครที่อ่านหนังสือเล่มนี้แล้วกำลังคิดที่จะทำศัลยกรรมอยู่ ให้ทำใจไว้ได้เลยว่าคุณต้องเสี่ยง 50 : 50 ต้องเตรียมใจพร้อมกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น ถ้าดีก็ดีใจ ถ้ามันออกมาไม่ดีก็ต้องทำใจ” ควรทำบุญก่อนทำศัลยกรรมวรวิทย์จะพูดติดตลกเสมอ เวลามีคนโทรมาหาเขาว่าควรจะทำอย่างไรบ้างก่อนจะทำศัลยกรรมอะไรสักอย่าง ซึ่งคนทั่วไปก็จะแนะนำว่าให้เลือกคลินิกที่ไว้ใจได้ หมอที่มีชื่อเสียง แต่สำหรับเขาแล้ว เขาไม่ได้แนะนำอะไรมากนักก็แค่ “ทำบุญไว้เยอะๆ” “อาจจะไปนั่งวิปัสสนาสัก 10 วันแล้วค่อยกลับมาทำก็ได้ คือมันขึ้นอยู่กับดวงจริงๆ คือมีดอยู่ในมือหมอ ขึ้นอยู่กับว่าเขาจะวาดหน้าคุณเป็นรูปอะไร การทำศัลยกรรมในความหมายของผมก็คือการที่หมอใช้มีดในมือวาดหน้าเราขึ้นมาใหม่น่ะ ไม่ต้องไปทำหรอกศัลยกรรมเกาหลีอะไรนั่นน่ะ จริงๆ คนไทยหน้าตาธรรมชาติสวยมากกว่าไม่สวย ส่วนคนเกาหลี 10 คน ทำศัลยกรรมกันหมดเพราะมันสวยไม่พอในความคิดของพวกเขา แต่ช่วงเด็กวัยรุ่นพ่อแม่เขายังไม่ให้ทำนะ ส่วนเรียนจบแล้วเป็นอีกเรื่องว่าจะทำหรือเปล่า ให้คิดเองแล้วกัน ซึ่งถ้าวัยรุ่นบ้านเราอยากจะทำก็อาจจะใช้แนวคิดข้อนี้ก็ได้ แต่ก็อย่างที่บอกต้องทำใจยอมรับสิ่งที่ตามมาให้ได้และฝากถึงคนที่ทำตา ทำมาแล้วห้ามแก้เลยนะ ถ้าไปแก้แล้วจะพัง และบางคนธรรมชาติก็ดูดีอยู่แล้วอย่าไปหาเรื่องเลย” ประสบการณ์ขาวสั่งได้นอกจากเรื่องศัลยกรรม เรื่องผิวขาวสั่งได้ก็เป็นอีกประสบการณ์ของ วรวิทย์ เพราะเขาเองก็เคยฉีดสารกลูตาไธโอนเช่นกัน “คือต้องทำความเข้าใจก่อนนะ ที่ผมรู้มาก็คือว่า กลูตาไธโอน เขาจะฉีดให้คนที่เป็นมะเร็งตับ คือสารตัวนี้มันจะไปดีท็อกซ์ตับ ขับสารพิษออกมาแล้วทำให้ตับเราทำงานได้ดีขึ้นแล้วพอตับทำงานดีขึ้น ร่างกายของเราก็ดีขึ้นแล้วผลที่ส่งออกมาก็คือทำให้ผิวดูผ่องขึ้นเพราะสุขภาพดีขึ้น แต่อย่าไปฉีดเยอะมันจะให้เป็นมะเร็งผิวหนัง แล้วถ้าฉีดมากเกินไปอีกก็จะส่งผลต่อตาทำให้ตาเราสู้แสงไม่ได้ และมันก็ขาวไม่นานครับ ต้องฉีดซ้ำ ผมว่าอย่าไปทำเลยครับ “อันตราย” ฝากถึงคนที่ต้องการทำศัลยกรรมในฐานะ เจ้าพ่อศัลยกรรม วรวิทย์ฝากถึงคนที่ต้องการทำศัลยกรรมว่า “ความคิดของผมนะ คนที่อยากทำศัลยกรรม ควรไตร่ตรองให้รอบคอบ คิดให้ดี ให้ตกว่า เป็นสิ่งที่เราต้องการทำจริงๆ จำเป็นจริงๆ ไม่ใช่ตามกระแส และต้องทำใจล่วงหน้าด้วยนะ ว่ามันมีความเสี่ยงอย่างที่บอกไปคือ ห้าสิบ ห้าสิบ อีกอย่างมันก็เป็นบริการที่แพง ถ้าคิดรอบคอบแล้วว่าอยากทำ ยอมรับผลที่เกิดขึ้นได้ ก็อย่าไปเห็นกับของถูก ของถูกส่วนมากจะเถื่อน บริการแบบที่ดีๆ มีราคาค่าใช้จ่ายสูงครับ หากไม่มีเงินก็ค่อยๆ เก็บเงิน และถ้าจะทำจริงๆ ล่ะก็ทำที่โรงพยาบาลจะดีกว่ามันแพงก็จริง แต่ถ้าเสียหายขึ้นมาทีมหมอพยาบาลอะไรก็พร้อมกว่า แล้วในการเจรจาเราก็น่าจะได้รับการชดเชยเยียวยามากกว่าคลินิก”   ฉลาดซื้อฉบับนี้มีโอกาสไปจับเข่าคุยกับ คุณวรวิทย์ แก้วเพ็ชร์ หรือใครหลายๆ คนรู้จักเขาในนาม “นายลอย” จากละครดัง “แรมพิศวาส” ซึ่งปรากฏเป็นข่าวดังขึ้นมา เมื่อเขาประสบปัญหาจากการเข้ารับบริการทางการแพทย์ในคลินิกที่เกี่ยวกับความงามแห่งหนึ่ง วันนี้คดีจบลงแล้ว แต่ที่เราอยากนำเสนอคือ มุมมองของการทำศัลยกรรมจากคนในวงการบันเทิงว่า สำหรับพวกเขาแล้วมันมีจำเป็นแค่ไหน และอะไรคือ ความเสี่ยง ที่เขาได้เผชิญมา ลองสัมผัสมุมมองของเขาในฐานะคนในวงการบันเทิงด้วยกันนะคะ เจ้าพ่อศัลยกรรม“ตั้งแต่เกิดเรื่องมา เวลาใครจะไปทำอะไรก็มักจะโทรมาปรึกษาผมก่อน เลยกลายเป็น ‘เจ้าพ่อศัลยกรรม’ ไปเลย ความจริงผมเคยฉีด (โบท็อกซ์) มาก่อนหน้านี้แล้วไม่ใช่เพิ่งมาฉีด แต่พอย้ายสถานที่ปุ๊บก็….นะ” วรวิทย์กลายเป็นเจ้าพ่อศัลยกรรมโดยไม่ตั้งใจ ซึ่งเขาเองก็ได้ให้คำปรึกษาเพื่อนๆ อย่างดีนั่นเพราะเขาเองก็สนใจในเรื่องนี้เป็นการส่วนตัว ว่างก็หาหนังสือมาอ่าน ที่สำคัญเขาเองก็เป็นคนรักสุขภาพและผ่านการทำศัลยกรรมมาหลายครั้งแล้วเช่นกัน

สำหรับสมาชิก >
ฉลาดซื้อ เก็บแต้มแลกสินค้า250 Point