ฉบับที่ 118 เลเซอร์กับรอยเหี่ยวย่น

เลเซอร์กับรอยเหี่ยวย่น การลดริ้วรอยเหี่ยวย่นด้วยแสงเลเซอร์ เป็นนวัตกรรมทางการแพทย์โดยใช้พลังแสงเลเซอร์ในการลอกเซลล์ผิวหนังชั้นบนสุดที่มีปัญหาออกไป เพื่อต้องการเผยให้เห็นชั้นผิวใหม่ที่ขาวและสดใส ในขณะเดียวกันพลังแสงเลเซอร์สามารถให้ความร้อนแทรกลึกลงไปในผิวหนังชั้นล่างเพื่อกระตุ้นให้มีการสร้างคอลลาเจนใหม่ให้มากขึ้นทำให้ผิวหนังเต่งตึงภายหลังจากการรักษาด้วยแสงเลเซอร์ช่วงคลื่นที่แตกต่างกันของแสงเลเซอร์จะถูกดูดซับโดยเซลล์เป้าหมายต่างชนิดกันของผิวหนังช่วงคลื่นที่จำเพาะต่อเซลล์เป้าหมาย จึงไม่มีผลต่อเซลล์ข้างเคียงหรือมีน้อยมาก แสงเลเซอร์สามารถเผาให้น้ำร้อน เผาเม็ดสีของผิวหนังให้ไหม้และหลุดลอกออกไป ศัลยกรรมที่ใช้เลเซอร์ก็เช่นกัน สามารถใช้ลำแสงผ่าตัดเนื้อเยื่อได้ ดังนั้นแสงเลเซอร์จึงใช้ในการรักษาปัญหาผิวหนังมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งนับเป็นการทำเบบี้เฟซ ที่นิยมกันมากในปัจจุบันเลเซอร์ ที่นำมาใช้ในการรักษาโรคทางผิวหนังมีหลายชนิด   ชนิดที่นำมาใช้ในการลอกผิวหน้าลดริ้วรอยเหี่ยวย่นที่ไม่ลึกมากนัก เช่น คาร์บอนด์ไดออกไซด์เลเซอร์ (carbondioxide laser) เมื่อ แสงเลเซอร์กระทบเซลล์ผิวหนัง น้ำซึ่งอยู่ภายในเซลล์จะเป็นเป้าหมายที่รับพลังงานแสงไว้ และจะมีการเปลี่ยนแปลงพลังงานที่ได้รับเป็นความร้อน พลังงานที่เหมาะสมจะทำให้น้ำในเซลล์ระเหย และทำให้มีการหลุดลอกของเซลล์ออกไป โดยไม่มีผลต่อเซลล์ข้างเคียง หรือมีน้อยมาก     การใช้ เลเซอร์ ในการลอกผิวหน้า มีข้อดี "กว่า" การลอกหน้าโดยใช้วิธีอื่น คือ สามารถควบคุมความลึกของ การลอกผิว ได้ดี เนื่องจากมีการพัฒนาเครื่องเลเซอร์ ให้สามารถปล่อย พลังงานสูงๆ ในระยะเวลาสั้นๆ (Ultrapulse) และยังมีการใช้อุปกรณ์คอมพิวเตอร์และสแกนเนอร์ในการควบคุมการปล่อยลำแสงเลเซอร์ทำให้เซลล์ผิวหนังหลุดลอกเพียงชั้นตื้นๆ   นอกจากนี้ยังพบว่ามีการเปลี่ยนแปลงในชั้นหนังแท้ คือเนื้อเยื่อคอลลาเจนในชั้นหนังแท้เพิ่มปริมาณขึ้น และมีการเรียงตัวที่เป็นระเบียบมากขึ้น มีผลทำให้ผิวหนังเต่งตึงและกระชับการลอกผิวหน้าโดยใช้ แสงเลเซอร์ ใช้รักษาอะไรได้บ้าง   - รักษา ริ้วรอยย่น บนใบหน้า (wrinkle) -รักษาผิวหนังย่นบริเวณใต้ตา ช่วยให้กระชับขึ้น - ทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ลง ผิวใหม่ที่สร้างขึ้นมาทดแทน จะแน่นกระชับขึ้น สีผิวสม่ำเสมอ - ตบแต่ง แผลเป็น จากสิว  และ จากสาเหตุอื่น อาการข้างเคียงและภาวะแทรกซ้อนที่อาจพบได้   1. อาการร่วมทั่วไประยะแรกเริ่ม : ทันทีภายหลังจากการทำเลเซอร์ จะรู้สึกคล้ายแดดเผาอ่อนๆ ที่ผิวหนัง อาจมีอาการคัน แสบร้อนในระยะ 72 ชั่วโมงแรก แพทย์ผู้ทำการรักษามักจะแนะนำให้ปกป้องผิวหนังให้ชุ่มชื้นด้วยครีมบำรุงผิวหรือขี้ผึ้ง อย่างน้อย 10 วัน  2. อาการบวมบริเวณผิวหนังที่ทำการรักษา พบได้เป็นภาวะปกติประมาณ 2-3 เดือน   3. ผิวแดงบริเวณที่ทำการรักษา ซึ่งมักจะค่อยๆ จางหายไปในระยะเวลา 2-3 เดือน สามารถปกปิดได้ด้วยการทาครีมรองพื้นแต่งหน้าได้ 4. สีผิวคล้ำขึ้น (hyperpigmentation) พบได้บ่อยมากในคนที่มีสีผิวคล้ำอยู่แล้ว แต่ในคนที่สีผิวขาวบางรายก็พบว่ามีสีผิวคล้ำได้เช่นกัน โดยทั่วไปสีที่คล้ำขึ้นจะจางลงได้ อาจใช้เวลาหลายเดือน แต่แพทย์สามารถให้ยาทาบางชนิดเพื่อช่วยลดการทำงานของเม็ดสี การเลี่ยงแสงแดด และใช้ ครีมกันแดดในวันที่ต้องออกไปกลางแดด จะช่วยให้ปัญหาของสีผิวคล้ำลดลง  5. การกำเริบของเชื้อเริม บริเวณแผล พบได้ในรายที่มีประวัติเคยมีการติดเชื้อเริมมาก่อน ถ้าบริเวณแผลมีอาการแดง หรือเป็นแผลถลอก ควรรีบปรึกษาแพทย์ เพราะอาจเป็นอาการแสดงของการติดเชื้อเริมได้  6. การอักเสบของแผลจากเชื้อแบคทีเรีย หรือเชื้อรา ถ้าดูแลแผลถูกต้องจะพบปัญหานี้น้อยมาก แต่ถ้าเกิดขึ้น อาจทำให้มีแผลเป็นตามมาในภายหลัง  ถ้าพบว่าบริเวณแผลมีอาการแดง หรือคันผิดปกติ ควรรีบพบแพทย์  7. การเกิดแผลเป็น มักพบในรายที่มีการอักเสบติดเชื้อของแผล จากการดูแลแผลไม่ถูกต้อง หรือในรายที่ได้ยารับประทานในกลุ่มกรดวิตามินเอมาก่อน ภายในเวลา 1 ปีก่อนการรักษา หรือในผู้รับการรักษาบางรายที่เกิดแผลเป็น หรือคีลอยด์ได้ง่าย   เอกสารอ้างอิงwww.livestrong.com

สำหรับสมาชิก >
ฉลาดซื้อ เก็บแต้มแลกสินค้า250 Point