ฉบับที่ 268 กินปิ้งย่างร้านดัง จนท้องเสีย

        คุณน้ำผึ้ง ผู้ชื่นชอบในการกินปิ้งย่างเป็นชีวิตจิตใจ  เธอได้มาร้องเรียนกับทางมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคว่าเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เธอกับแฟนได้เดินทางไปที่ห้างสรรพสินค้าย่านรัชดา เพื่อรับประทานปิ้งย่างร้านดังที่มีหลายสาขาทั่วประเทศ โดยเมื่อวันที่เกิดเหตุเธอเล่าว่า เมื่อถึงร้านดังกล่าวเธอและแฟนก็ได้สั่งอาหารทันทีเป็นเนื้อชุดใหญ่หม่าล่าและเนื้อธรรมดา อย่างละ 1 ถาดใหญ่ และน้ำมะนาวอัญชัญ 2 แก้ว พอได้อาหารมาเธอกับแฟนก็ได้กินกันอย่างเอร็ดอร่อย และตบท้ายด้วยอาหารหวานไอศกรีมอีก 2 ถ้วย พอกินเสร็จก็เช็คบิลเรียบร้อยในราคา 1,600 บาท อิ่มหนำสำราญ         แต่เรื่องเกิดหลังจากที่กลับบ้านมาประมาณ 4 ทุ่มกว่าๆ ทั้งเธอและแฟนมีอาการท้องเสียอย่างรุนแรงแต่ตัวเธอกับแฟนยังชะล่าใจคิดว่ายังไงเดี๋ยวก็คงจะหาย จึงไม่ได้ไปหาหมอ จนวันต่อมาแฟนคุณน้ำผึ้งมีอาการดีขึ้น แต่เธอสิ ทำไมยังไม่หายอีก สุดท้ายจึงได้ตัดสินใจไปหาหมอ ซึ่งจากการตรวจของแพทย์แจ้งว่า อาการของเธอเกิดจากอาหารเป็นพิษ “คุณไปกินอะไรมา”         คุณน้ำผึ้งจึงคิดว่ายังไงก็น่าจะมาจากอาหารปิ้งย่างที่กินเข้าไป จึงรีบติดต่อเพจเฟซบุ๊กของทางร้าน เพื่อถามหาความรับผิดชอบ ซึ่งทางร้านแสดงออกโดยมีการเสนอให้เป็น Gift Voucher ชดเชยเป็นจำนวน 2,000 บาท โดยต้องไปรับประทานอาหารที่ร้านเท่านั้น แต่เธอไม่อยากไปกินร้านดังกล่าวแล้ว (ไม่ไหวนะ)  เพราะหวาดระแวงและเข็ดจากอาหารร้านดังกล่าว จึงปฏิเสธไปโดยทางร้านก็ได้มีการเสนอต่อว่าทางร้านสามารถรับผิดชอบได้แค่ 300 บาทเท่านั้น ทางคุณน้ำผึ้งจึงได้ติดต่อมาที่ทางมูลนิธิฯ เพื่อให้ช่วยเหลือกรณีดังกล่าว โดยผู้ร้องต้องการเรียกค่ารักษาพยาบาลจากทางร้าน แนวทางการแก้ไขปัญหา เบื้องต้นทางมูลนิธิฯ  ได้ให้คำแนะนำกับผู้ร้อง ดังนี้        1. ให้ผู้ร้องไปแจ้งความที่สถานีตำรวจในพื้นที่ ลงบันทึกประจำวันเป็นหลักฐาน เพื่อยืนยันว่าผู้ร้องไม่ได้กลั่นแกล้งร้านค้าแต่อย่างใด        2. รวบรวมค่าเสียหายทั้งหมด และทำจดหมายส่งถึงทางร้านอาหารเพื่อให้รับผิดชอบเยียวยาค่าเสียหายโดยจดหมายให้ส่งแบบไปรษณีย์ตอบรับเท่านั้น เพื่อใช้เป็นหลักฐานต่อไป พร้อมสำเนาถึงมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค        3. ในกรณีส่งจดหมายไปแล้วเลยกำหนดที่ระบุ ทางมูลนิธิฯ ยินดีจะทำการไกล่เกลี่ยให้ระหว่างผู้ร้องกับคู่กรณี        4. หากไกล่เกลี่ยแล้วยังไม่สามารถตกลงกันได้ ผู้ร้องสามารถใช้สิทธิฟ้องเป็นคดีผู้บริโภค โดยไม่เสียเงินค่าธรรมเนียมขึ้นศาลแต่อย่างใด         ทั้งนี้ จากการติดตามของเจ้าหน้าที่ของมูลนิธิฯ  ทางผู้ร้องแจ้งว่า หลังจากส่งจดหมายขอให้ชดเชยค่ารักษาพยาบาลทั้งหมดจำนวน 770 บาท ทางบริษัทได้ติดต่อผู้ร้องและแจ้งว่าจะนำเข้าปรึกษากับผู้บริหารก่อน  ซึ่งต่อมาทางบริษัทได้ตกลงที่จะให้เงินค่าชดเชยเป็นค่ารักษาพยาบาลจำนวนเต็มเป็นเงิน 770 บาท  เป็นอันว่าจบไปด้วยดีทั้ง 2 ฝ่าย เนื่องจากทางผู้ร้องเองก็พอใจที่จะรับค่าชดเชยรักษาพยาบาลเพียงเท่านั้น

อ่านเพิ่มเติม >