ฉบับที่ 175 อ้างวัว อ้างควาย เพื่อขายของ

เมื่อกระแสรักสุขภาพกลับมาบูมอีกครั้ง  น้ำคลอโรฟิลล์ที่เลิกฮิตไปนาน  จึงกลับมาผงาดอีกครั้ง  คราวนี้เจาะตลาดคนรักสุขภาพ  เชียร์ให้พกเป็นขวดไว้ดื่มหลังออกกำลังกาย  มีทั้งชนิดผงละลายน้ำ  ชนิดเป็นของเหลวเข้มข้น  อ้างว่าเป็นคลอโรฟิลล์ บริสุทธิ์100% ให้ผู้ซื้อนำไปผสมกับน้ำ โดยใช้เพียง 1 มิลลิลิตรผสมกับน้ำ 1.5 ลิตร ดื่มก่อนเข้านอน และตอนตื่นนอนด้วยตัวเองขึ้นทะเบียนเป็นอาหาร ดันอยากจะโฆษณาจนตัวสั่นว่ารักษาโรคได้ แต่ก็เกรงว่าจะโดนจับ ก็เลยอ้อมๆ แอ้มๆ กระมิดกระเมี้ยนเลี่ยงว่า “คลอโรฟิลล์ไม่ใช่ยานะ ตัวเราเป็นสารอาหารที่ได้จากใบไม้” แล้วอ้างต่อไปว่า “คลอโรฟิลล์เป็นสารอาหารที่สมบูรณ์ที่สุด  ลองดูซิ ช้าง ม้า วัว ควาย สัตว์เหล่านี้กินหญ้ากับน้ำเท่านั้น ทำไมมันตัวใหญ่ แข็งแรงกล้ามเนื้อเป็นมัด เพราะหญ้าที่มันกิน คือคลอโรฟิลล์นั่นเอง” ที่เด็ดกว่านั้น ดันบอกอีกว่า “เคยเห็นหมาเห็นแมวกินหญ้าบ้างไหม เวลาหมาแมวมันป่วยมันถึงจะกินหญ้า เพื่อให้มันอาเจียนออกมา นั่นแหละ มันกินหญ้าเพื่อขับสารพิษออกมา และที่สำคัญ ในหญ้าก็มีคลอโรฟิลล์นั่นไง” ผมเห็นโฆษณาแบบนี้ก็ได้แต่อนาถใจ จะหลบเลี่ยงกฎหมาย แต่ดันใช้วิธี อ้างช้างม้าวัวควาย หมาๆ แมวๆไปเรื่อย ผมคิดว่าคงไม่มีใครหลงเชื่อ  ที่ไหนได้ มันดันเล่นแฝงอวดอ้างสรรพคุณต่ออีก คราวนี้มาเป็นชุด เช่น “คนเลือดจางเลือดน้อยไม่ต้องกลัว ดื่มคลอโรฟิลล์แล้วมันจะเปลี่ยนเป็นเม็ดเลือดได้ทันที ถ้าเวียนหัวเมื่อเริ่มดื่มใหม่ๆไม่ต้องตกใจ มันคืออาการที่คลอโรฟิลล์กำลังไปสร้างกระดูก ส่วนคนที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ เบาหวาน โรคไต เลือดข้น เนื่องจากมีสารเคมีจากยาของโรงพยาบาลที่ได้รับมานาน ให้ดื่มน้ำคลอโรฟิลล์ขจัดไขมัน ขจัดน้ำตาล ขับพิษสารเคมีออกจากร่างกาย” ยังไม่หมด ยังอ้างไปถึงผลการรักษา อัมพฤกษ์ อัมพาต เกาต์ ไทรอยด์ ไซนัส สะเก็ดเงิน ต้อเนื้อ ต้อลม ฯลฯ จนหลายคนหลงเชื่อ บางคนเอาไปให้ทารกดื่มแทนนมแม่อีกด้วยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาเคยออกมาเตือนประชาชนว่า อย่าตกเป็นเหยื่อหลงเชื่อคำโฆษณาเชิญชวนที่เกินจริงเหล่านี้เพราะยังไม่มีข้อมูลยืนยันว่าได้ผลจริง  เคยมีการวิจัยพบว่าการบริโภคคลอโรฟิลล์อาจจะทำให้เกิดอาการแพ้ มีผื่นคัน ลิ้นเปลี่ยนสีเป็นเหลืองหรือดำ และยังทำให้สีของปัสสาวะและอุจจาระเปลี่ยนเป็นสีเขียวได้ หากรับประทานมากเกินวันละ 450 มิลลิกรัม ก็อาจจะทำให้ไตทำงานหนักและส่งผลระยะยาวในอนาคตได้ หนำซ้ำกุมารแพทย์ยังออกมาเตือนสำทับอีกว่า “โดยเฉพาะเด็กอายุต่ำกว่า 4 ปี ที่อวัยวะภายในยังทำงานไม่เต็มที่ ห้ามกินเด็ดขาด เพราะอาจเป็นอันตรายจนถึงแก่ชีวิตได้”ผู้ประกอบการรายใดที่โฆษณาผลิตภัณฑ์เกินจริง โอ้อวดสรรพคุณ จะต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ใครพบเห็น รีบสะกิดเจ้าหน้าที่ดำเนินการเลยครับ อย่าปล่อยให้โฆษณาหลอกลวง ล้วงเงินจากกระเป๋าแถมเอาเราสุขภาพไปเสี่ยงอีกเลย

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 170 ลูกอมคลอโรฟีลแบบนี้ คุณย่าอย่ามายิ้ม

ร้านขายผลิตภัณฑ์สุขภาพ มักจะเป็นแหล่งที่ผู้ผลิตบางรายนำผลิตภัณฑ์สุขภาพที่โอ้อวดสรรพคุณเกินจริง มาแอบแฝงวางปะปน เพื่อจำหน่ายแก่ผู้บริโภคที่ตื่นตัวในการดูแลสุขภาพ ดังเช่น ลูกอมที่หุ้มด้วยพลาสติกสีเขียว ที่ผมได้รับแจ้งข้อมูลจากเครือข่ายเภสัชกรที่ทำงานด้านคุ้มครองผู้บริโภคกลุ่มหนึ่ง หากเป็นลูกอมธรรมดาคงไม่เท่าไหร่ แต่ลูกอมชนิดนี้ที่แสดงฉลากว่า “ลูกอมสมุนไพรย่ายิ้ม” ดันโฆษณาชัดเจนว่า “ล้างพิษ ปรับสมดุล” มีเครื่องหมาย อย. โชว์อีกด้วย แถมมีข้อความ “ทาน ศีล ภาวนา” เติมเพิ่มมาจนดูน่าเลื่อมใสมากขึ้นไปอีก ผมไม่ทราบว่าย่ายิ้มเป็นชื่อคุณย่าของใคร หรือผู้ผลิตจะบอกใบ้เป็นความนัยว่าลูกอมสมุนไพรชนิดนี้มันมหัศจรรย์พันลึก สามารถล้างพิษ ปรับสมดุล ขนาดคุณย่ายังลุกขึ้นมายิ้มหรือเปล่า แต่ที่เป็นเรื่องราวให้ต้องมาเล่าเพื่อเฝ้าระวังกัน ก็เพราะลูกอมชนิดนี้แสดงฉลากแบบมีพิรุธ เพราะฉลากไม่ถูกต้อง คือไม่มีส่วนประกอบตามแบบที่กฎหมายกำหนด บอกแต่เพียงว่ามีส่วนประกอบของสมุนไพรชนิดต่างๆ รวมทั้งมีคลอโรฟีลด้วย เล่นเอางง เพราะเจ้าคลอโรฟีลมันไม่ใช่สมุนไพร ทำไมจู่ๆ มันโผล่มาอยู่ในกลุ่มสมุนไพรแบบผิดพวกอย่างนี้ และที่ต้องรีบมาเตือนเพราะ ฉลากลูกอม ห่อละ 35 บาทนี้ ยังโอ้อวดสรรพคุณเกินจริง ด้วยการแสดงข้อความ “ล้างพิษ ปรับสมดุล สุขภาพดี อารมณ์ดี ผิวพรรณดี” วิธีรับประทานก็หลากหลายแบบ อมหรือเคี้ยวอย่างน้อยวันละห้าเม็ด แต่ถ้าไม่อยากอมก็ให้นำลูกอมสิบเม็ดใส่ในน้ำร้อนหนึ่งแก้ว คนให้ละลายแล้วดื่ม หรือ ใส่ในน้ำผลไม้ปั่น หนึ่งลิตรต่อลูกอมห้าเม็ด เพื่อสุขภาพและเพิ่มรสชาติ จากข้อมูลที่น้องๆ เภสัชกรเขาช่วยสืบค้นมาให้ ลูกอมเหล่านี้เท่าที่ทราบ เป็นลูกอมขิงธรรมดาๆ แต่จะมีผู้รับจากผู้ผลิตมาขายต่อ ทำฉลากกันเอง โดยเอาเลข อย.เดิมมาเติมข้อความให้เกี่ยวข้องกับสุขภาพ มีขายตามร้านที่ขายผลิตภัณฑ์สินค้าสุขภาพ หรือร้านชีวจิตหลายแห่ง เท่าที่ทราบ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาก็เคยออกมาเตือนผู้บริโภคมิให้หลงเชื่อ ส่วนรายนี้ทราบว่า เภสัชกรจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ได้ลงไปจัดการเรียบร้อยแล้ว อุตส่าห์เข้ามาหาผลิตภัณฑ์สุขภาพในร้านสุขภาพแล้ว ยังมาเจอผลิตภัณฑ์โอ้อวดสรรพคุณเกินจริงอีก ยังไงก็ฝากผู้อ่านช่วยกันเป็นหูเป็นตา และช่วยกันเตือนผู้บริโภคท่านอื่นๆ ด้วยนะครับ คุณย่าจะได้ยิ้มแบบถูกกฎหมายเสียที

อ่านเพิ่มเติม >