ฉบับที่ 106 กระแสในประเทศ

ประมวลเหตุการณ์เดือนพฤศจิกายน 2552 22 พ.ย. 52โพลชี้ชัด! ผู้บริโภคไม่อยากดูโฆษณาแฝงนางอัญญาอร พานิชพึ่งรัถ ประธานเครือข่ายครอบครัวเฝ้าระวังและสร้างสรรค์สื่อ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เปิดเผยข้อมูลผลสำรวจ “ความคิดเห็นของประชาชนที่มีต่อโฆษณาแฝง” พบว่ากว่าร้อยละ 72 ไม่เห็นด้วยกับร่างแนวทางที่ สคบ. กำลังพิจารณาว่าการปรากฏให้เห็นของสินค้าในรายการโทรทัศน์ไม่ถือว่าเป็นการโฆษณาแฝง ทำให้มีโฆษณาแฝงเกิน 12.30 นาทีต่อชั่วโมงตามที่กฎหมายระบุไว้ จากการสำรวจส่วนใหญ่เห็นว่าโฆษณาแฝงในรายการโทรทัศน์รุกล้ำสิทธิของผู้บริโภค และคิดว่าควรมีการเปิดเผยข้อมูลรายได้จากโฆษณาแฝงและให้มีการตรวจสอบระบบการเสียภาษีให้กับรัฐให้ถูกต้อง นางอัญญาอร กล่าวว่า “ร่างฯ นี้ไม่ได้เป็นการแก้ปัญหา แต่กลับจะยิ่งทำให้โฆษณาแฝงมีความถูกต้องชอบธรรมตามกฎหมาย เพราะร่างแนวทางระบุให้การปรากฏของสินค้าในรายการโทรทัศน์ไม่ถือว่าเป็นการโฆษณา ซึ่งจะยิ่งทำให้มีโฆษณาแฝงในรายการทีวีเพิ่มมากขึ้น” 26 พ.ย. 52องค์กรผู้บริโภคจี้ ก.อุตสาหกรรมเลิกใช้ “แร่ใยหิน” เหตุเป็นสารก่อมะเร็งแผนงานคุ้มครองผู้บริโภคด้านสุขภาพ (คคส.) และมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค จัดเวทีปฏิบัติการองค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคการประชุมผู้แทนองค์กรผู้บริโภคทั่วประเทศ ครั้งที่ 2 เรื่อง “ให้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของแร่ใยหินเป็นสินค้าที่ควบคุมฉลาก” โดยมีผู้แทนองค์กรผู้บริโภคจากทั่วประเทศ เข้าร่วมแสดงความคิดเห็นและข้อเสนอ เพื่อส่งต่อไปยังกระทรวงอุตสาหกรรมเร่งดำเนินการควบคุมผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของแร่ใยหินหรือสารแอสเบสตอส ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญทำให้เกิดโรคมะเร็งปอด โดยพบได้ในผลิตภัณฑ์ใกล้ตัวไม่ว่าจะเป็นหลังคาบ้าน กระเบื้องปูพื้น ผ้าเบรก หรือแม้กระทั่งในเครื่องสำอาง องค์กรผู้บริโภคมีข้อเสนอ 10 ข้อยื่นต่อกระทรวงอุตสาหกรรมโดยมีประเด็นสำคัญคือ ให้กำหนดมาตรการยกเลิกการนำเข้าภายใน 3 เดือน และยกเลิกการผลิต การจำหน่ายสินค้าที่มีส่วนประกอบของแร่ใยหินที่สามารถใช้วัตถุดิบอื่นทดแทนได้ภายใน 1 ปี พร้อมทั้งยกเลิกภาษีวัตถุดิบที่ไม่เป็นอันตรายที่สามารถใช้ทดแทนแร่ใยหิน และควรมีการเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับอันตรายและชนิดของสินค้าที่มีส่วนประกอบของแร่ใยหิน 27 พ.ย. 52อย. ออกคำสั่ง! ห้ามใช้ยาแอสไพรินกับเด็กสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้มีคำสั่งให้ผู้ผลิตยาแอสไพรินแก้ไขทะเบียนตำรับยา ไม่ให้ใช้ แก้ปวด ลดไข้ ในเด็กและวัยรุ่นอายุต่ำกว่า 18 ปี เพราะอาจเป็นสาเหตุทำให้เกิดอาการรายย์ ซินโดรม (Reye’s syndrome) ซึ่งเป็นอาการเจ็บป่วยที่รุนแรงเนื่องจากตับถูกทำลาย ทำให้สมองบวม ชัก หมดสติ และอาจเสียชีวิตได้ ภญ.วีรวรรณ แตงแก้ว รองเลขาธิการ อย. เปิดเผยว่า มียาแอสไพรินที่ขึ้นทะเบียนโดยเป็นยาสำหรับเด็กเท่านั้น จำนวน 29 ตำรับ และตำรับที่มีข้อบ่งใช้ทั้งสำหรับเด็กและผู้ใหญ่ 55 ตำรับ ซึ่งผู้รับอนุญาตจะต้องมีหน้าที่แก้ไขฉลากและเอกสารกำกับยา โดยให้ตัดข้อความที่แสดงสรรพคุณที่ใช้สำหรับเด็กออกไป ซึ่งคำสั่งนี้มีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 18 ตุลาคม 2552 หากไม่ปฏิบัติตามประกาศจะถือว่ามีความผิดตามกฎหมาย 29 พ.ย 2552“นมหวาน” ทำร้ายเด็ก ทันตแพทย์หญิงจันทนา อึ้งชูศักดิ์ ผู้จัดการเครือข่ายเด็กไทยไม่กินหวาน ระบุว่ายังมีผู้ปกครองซื้อนมหวานให้เด็กบริโภคเป็นประจำถึงปีละ 9,924 พันตัน ผลเสียทางสุขภาพที่จะเกิดขึ้นทันทีจากการดื่มนมรสหวานโดยใช้ขวดนม คือเด็กจะฟันผุตั้งแต่ฟันน้ำนมยังขึ้นไม่เต็มปาก ส่งผลให้เด็กเคี้ยวอาหารไม่ละเอียด ปวดฟัน นอนหลับไม่สนิท การกินนมรสหวาน จะนำไปสู่พฤติกรรมติดหวานและทำให้เด็กอ้วน จึงมีโอกาสสูงที่จะเป็นเบาหวานในอนาคต “แม้เครือข่ายด้านสุขภาพร่วมกับ อย. ได้ออกประกาศกระทรวงสาธารณสุขที่ 286 ระบุไม่ให้มีการเติมน้ำตาลซูโครสลงในนมผงสูตรต่อเนื่องสำหรับเด็ก ตั้งแต่เดือนเมษายน 2549 ทำให้แนวโน้มการใช้นมรสหวานเลี้ยงเด็กทารกลดลงอย่างมาก ปีละประมาณ 1,000 ตัน แต่ประกาศดังกล่าวยังไม่ครอบคลุมถึงนมผงครบส่วนสำหรับเด็กอายุ 1 ปีขึ้นไป จึงทำให้ยังมีทั้งนมผงรสหวานและรสจืดวางขายในท้องตลาดอีกจำนวนมาก  ร้องนายก ให้ กฟผ. คืนเงินคนใช้ไฟฟ้ามูลนิธิเพื่อผู้บริโภค เครือข่ายอนุรักษ์วิถีเกษตรกรรม เครือข่ายติดตามผลกระทบจากโรงไฟฟ้าถ่านหิน ต.เขาหินซ้อน จ.ฉะเชิงเทรา และกลุ่มพลังงานทางเลือก ได้เดินทางมายื่นหนังสือถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการพลังงานแห่งชาติ เพื่อขอให้ยุติการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนพัฒนาชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้า และนำเงินที่เรียกเก็บโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายส่งคืนให้แก่ประชาชนผู้ใช้ไฟฟ้า เพราะการจัดตั้งกองทุนเพื่อเรียกเก็บเงินดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมายถือเป็นการเอาเปรียบประชาชน ทั้งนี้ กฟผ. ได้เรียกเก็บเงินเข้ากองทุนฯ ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2550 โดยเรียกเก็บเงินจากค่าไฟฟ้าตามสูตรการปรับอัตโนมัติ (ค่าเอฟที) ซึ่งเป็นการเรียกเก็บจากผู้ใช้ไฟฟ้าทั่วประเทศ เครือข่ายประชาชนยื่นข้อเรียกร้อง 3 ข้อ คือ 1.ให้ กฟผ. ยุติการเรียกเก็บเงินเข้ากองทุนฯ จากค่าเอฟทีโดยทันที 2.ให้นำเงินที่เรียกเก็บเข้ากองทุนฯ ไปแล้วทั้งหมดส่งคืนให้แก่ผู้ใช้ไฟฟ้าโดยเร็ว 3.ให้หามาตรการที่ชอบด้วยกฎหมายเพื่อการเรียกเก็บเงินสำหรับดำเนินการพัฒนาชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้าจากผู้ผลิตไฟฟ้าทั้งหมดโดยตรง ซึ่งหากไม่มีการดำเนินการตามที่ได้เรียกร้องจะถือเป็นการละเลยต่อหน้าที่ที่กฎหมายกำหนด กลุ่มองค์กรและเครือข่ายประชาชนก็จะนำเรื่องนี้ขึ้นสู่ศาลเพื่อดำเนินการต่อไป เร่ง คลัง – พลังงาน ทวงเงินชาติคืนจากปตท.เครือข่ายผู้บริโภคและเครือข่ายประชาชน ยื่นหนังสือถึง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและกระทรวงพลังงาน เพื่อขอให้บังคับบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) คืนทรัพย์สินส่วนที่เป็นสาธารณะสมบัติของแผ่นดินกลับคืนให้กับประเทศ หลังจากศาลพิพากษาให้ ปตท. ต้องทำการแบ่งแยกทรัพย์สินในส่วนที่เป็นสาธารณะสมบัติของแผ่นดิน สิทธิการใช้ที่ดินเพื่อวางระบบการขนส่งปิโตรเลียมทางท่อ รวมทั้งแยกอำนาจและสิทธิในส่วนที่เป็นอำนาจมหาชนของรัฐออกจากอำนาจและสิทธิของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ให้เสร็จสิ้นก่อนการแต่งตั้งคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานตามพระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ.2550 ซึ่งคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด มีมติมอบหมายให้กระทรวงพลังงานและกระทรวงการคลัง รับไปดำเนินการแบ่งแยกทรัพย์สินและสิทธิตามหลักการดังกล่าว โดยให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินเป็นผู้ตรวจสอบและรับรองความถูกต้อง แต่จากรายงานสรุปการดำเนินการตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด ลงวันที่ 25 ธันวาคม พ.ศ.2551 บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ได้โอนทรัพย์สินเพียงเฉพาะที่ดินเวนคืนมูลค่า 1.45 ล้านบาท สิทธิการใช้ที่ดินมูลค่า 1,125.11 ล้านบาท และระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติที่อยู่บนที่ดินเวนคืนและที่ดินรอนสิทธิเพียง 3 โครงการ (โครงการท่าบางปะกง-วังน้อย โครงการท่อจากชายแดนไทยและพม่า-ราชบุรี และโครงการท่าราชบุรี-วังน้อย) รวมเป็นมูลค่าทรัพย์สินที่แบ่งแยกกลับไปเป็นของรัฐทั้งสิ้นเพียง 16,176.22 ล้านบาท โดยไม่มีการตรวจสอบและรับรองความถูกต้องจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ขณะที่ตามรายงานของผู้สอบบัญชีต่อมูลค่าทรัพย์สินที่แบ่งแยกให้กระทรวงการคลัง ของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน รายงานว่า ทรัพย์สินที่จะต้องดำเนินการคืนให้กระทรวงการคลัง มีมูลค่าทางบัญชีสุทธิ ณ วันที่ 30 กันยายน พ.ศ.2544 จำนวน 52,393,498,180.37 ล้านบาท นอกจากนี้ จากการตรวจสอบทรัพย์สินโดยมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคและเครือข่ายประชาชน พบว่ายังมีทรัพย์สินอันเป็นอสังหาริมทรัพย์ที่ได้มาเพิ่มเติมหลังการแปลงสภาพการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย รวมมูลค่าทรัพย์สินที่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ต้องแบ่งแยกและคืนทรัพย์สินที่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินอีกจำนวนทั้งสิ้นไม่น้อยกว่า 205,891 ล้านบาทมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคและเครือข่ายจึงต้องการเรียกร้องให้กระทรวงการคลังและกระทรวงพลังงาน ให้ ปตท. คืนทรัพย์สินส่วนที่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินให้ครบถ้วนโดยเร็วที่สุด

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 106 แฟนคลับเกาหลีแห่ร้อง กลัวทรูจัดคอนเสิร์ต “ห่วย”

“Super Junior the 2nd Asia Tour - Super Show2การแสดงสุดพิเศษ โดยบอยแบนด์สุดฮอท จากประเทศเกาหลี นำเสนอความันส์แบบเต็มรูปแบบกับทัวร์คอนเสิร์ตครั้งที่สองของวง Super Junior ทรู มิวสิค ได้นำพวกเขากลับมาพบแฟนๆ แบบเต็มรูปแบบอีกครั้ง แบบเต็มอิ่มถึง 2 รอบ”นี่เป็นส่วนหนึ่งของข้อความในการโฆษณาการแสดงคอนเสิร์ต Super Show2 ของ ทรูมิวสิค ทรูไลฟ์ โดยระบุถึงช่องทางการจำหน่ายตั๋วเข้าชมคอนเสิร์ตซึ่งจะเปิดการแสดง 2 รอบในเย็นวันเสาร์และอาทิตย์ที่ 28-29 พฤศจิกายน 2552 แต่กลับไม่ระบุสถานที่ว่าจะเปิดการแสดงที่ไหน เพียงแค่โฆษณาว่าจะมีการแถลงข่าวในเย็นวันศุกร์ที่ 27 พฤศจิกายน 2552 และระบุสถานที่ว่าเป็นที่ห้างชื่อดังย่านสยามอย่างชัดเจน ทำให้สมาชิกและแฟนคลับดาราเกาหลีพยายามสอบถามกันให้วุ่น แต่ก็ยังไม่มีรายละเอียดชี้แจงที่ชัดเจน มีเพียงข้อความที่แจ้งว่า“สำหรับรายละเอียดอื่นๆ จะทยอยแจ้งให้ทราบหลังจากที่ได้สรุปเรียบร้อยแล้ว รวมถึงในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ”ทำให้เกิดเสียงบ่นกันขรม และมีการร้องเรียนมาที่มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคเพื่อขอความช่วยเหลือด้วย อย่างแฟนคลับท่านหนึ่งได้ร้องเรียนมาว่าจากเวบไซต์ที่โพสให้ด้านบน ข้อความโฆษณาคอนเสิร์ตนี้มีการแก้ไขเป็นระยะๆ เมื่อมีผู้บริโภคคอมเมนต์ตอบ (แต่ตอนนี้ก็ได้ปิดรับคอมเมนต์ไปแล้ว) มันหมายความว่า “ทางบริษัททรูฯ ไม่ต้องการความคิดเห็นของทางแฟนคลับเหรอคะ?” รายละเอียดที่ให้ไว้ก็ไม่ได้ชัดเจน 100% (ผังที่นั่ง สถานที่จัดคอนเสิร์ต ฯลฯ) “บอกตามตรงว่า ไม่อยากให้ทางทรูจัดคอนเสิร์ตเกาหลีเลยเพราะที่ผ่านมา (สองครั้งสองครา) จัดงานได้แย่มาก ครั้งแรกเป็นงานคอนเสิร์ตปิดถนนที่ RCA เมื่อสองสามปีก่อนถนนแคบมาก (เคยไปกันใช่มั้ยคะ) แต่แจกบัตรเด็กเป็นพันคน กับมินิคอนเสิร์ตที่พากันมาโชว์แค่สองสามเพลงวันนั้นเด็กเหยียบกัน เป็นลมกันเป็นร้อยนะคะ ไร้ความรับผิดชอบมากๆ เวทีก็เล็กนิดเดียว (แต่ Super Junior มีกัน 13 คน) แค่คนเบียดกัน เวทีก็แทบพังแล้วค่ะ”ครั้งต่อมาเป็นคอนเสิร์ต Super Junior Super Show เมื่อกลางปีก่อนเรียกได้ว่าทางบริษัทไม่มีความพร้อมในด้านใดเลย“ปกติแล้วจะจัดคอนเสิร์ตหรืออะไรก็ตามควรแจ้งหรือประชาสัมพันธ์รายละเอียดอย่างน้อย 3 เดือน ถูกมั้ยคะ แต่บริษัททรูฯ แจ้งภายใน 1 เดือนครึ่งค่ะ แล้วรายละเอียดทุกอย่างของงานก็ไม่ชัดเจนเลย จนกระทั่ง 2-3 วันก่อนเปิดขายบัตรจึงค่อยออกมาบอกรายละเอียดที่(เกือบจะ)ชัดเจนให้ผู้บริโภคอย่างเราๆ ได้รับทราบซึ่งถ้าหากว่าไม่มีผู้บริโภค (หรือแฟนคลับ SJ) คอยโพสคอมเมนต์ต่อว่า ทางบริษัททรูฯ ก็คงไม่ออกมาแจ้งรายละเอียดอย่างจริงจังและชัดเจนเท่าที่ควร…”นอกจากข้อร้องเรียนนี้แล้วเมื่อเปิดเข้าไปในเว็บไซต์ของทรูไลฟ์ ทรูมิวสิคเองก็พบว่ามีผู้เขียนความเห็นในทำนองต่อว่าเรื่องการไม่บอกรายละเอียดของทรูหลายกระทู้ความเห็น สำหรับการดำเนินการของมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคนั้น เมื่อได้มีผู้ร้องเรียนเข้ามา มูลนิธิได้ทำหนังสือด่วนแจ้งถึงผู้บริหารของทรูเพื่อให้ดำเนินการตรวจสอบและแก้ไขปัญหาต่อไป เพราะหากทรูจัดการคอนเสิร์ตไม่เป็นไปตามที่โฆษณา หรือเกิดอุบัติเหตุจนมีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตเกิดขึ้น บรรดาผู้ที่ซื้อตั๋วเข้าชมคอนเสิร์ตสามารถใช้สิทธิฟ้องเป็นคดีผู้บริโภคเรียกค่าเสียหายได้ทันทีครับ

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 106 บทเรียนของพวกหากินกับหนี้เสีย

“ผมสงสัยว่าคดีหนี้ของผมจะขาดอายุความไปแล้ว อยากให้มูลนิธิฯ ช่วยดูให้หน่อยครับ”บ่ายแก่ ๆ ของวันที่ 6 ตุลาคม 2552 คุณเสน่ห์ เดินเข้ามาที่มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคพร้อมสำเนาคำฟ้องคดีผู้บริโภค ที่คุณเสน่ห์ตกเป็นจำเลยฐานผิดสัญญากู้ยืมเงินที่เอามาจากบริษัท อีซี่บาย จำกัด(มหาชน)และถูกเรียกให้ชำระหนี้เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 82,000 กว่าบาท แต่ชื่อโจทก์ที่ยื่นฟ้องกลับเป็นชื่อบริษัท เจเอ็มที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด ที่ซื้อหนี้เสียมาจากบริษัทอีซี่บาย“ศาลนัดผมเพื่อเจรจาไกล่เกลี่ยครั้งแรกเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2552 ตอนแรกผมตั้งใจว่าจะแถลงด้วยวาจาว่าคดีของผมนั้นโจทก์ฟ้องขาดอายุความแล้ว แต่เจ้าหน้าที่ของศาลแนะนำให้ผมเขียนคำให้การเป็นลายลักษณ์อักษรจะดีกว่า ผมจึงได้ขอให้ศาลเลื่อนพิจารณาไปอีกสักนัดเพื่อติดต่อหาทนายช่วยเขียนคำให้การเพราะผมไม่รู้ว่าจะเขียนอย่างไร ศาลจึงได้นัดพิจารณาคดีอีกครั้งเป็นวันที่ 15 ตุลาคม 2552 ซึ่งครั้งนี้ผมจะต้องมีคำให้การของจำเลยไปยื่นต่อศาลครับ ไม่อย่างนั้นผมถูกพิพากษาให้ต้องชำระหนี้ก้อนนี้แน่”“ถามหน่อยเถอะครับ...ว่าทำไมคุณถึงไม่ชำระหนี้เขาต่อและทำไมคิดว่าคดีนั้นขาดอายุความไปแล้ว?” เจ้าหน้าที่รับเรื่องร้องเรียนถาม “ผมกู้เงิน 1 แสนบาทจากอีซี่บายมาเมื่อปี 2544 ผมก็ชำระหนี้เรื่อยมาตลอดร่วม 2 ปี เป็นเงินร่วมแสนกว่าบาทแต่หนี้ในบัญชีมันไม่หมดสักที ดอกเบี้ยมันแพงมาก ตอนนั้นก็ลำบากมากเลยต้องหยุดจ่ายหนี้ไป จำได้ว่าผมจ่ายหนี้ครั้งสุดท้ายเมื่อประมาณเดือนพฤษภาคม 2546 แต่ในคำฟ้องแจ้งว่าผมไม่ชำระหนี้เงินกู้มาตั้งแต่งวดวันที่ 2 มิถุนายน 2546 เขามาฟ้องผมวันที่ 8 มิถุนายน 2552 นี่เอง ก่อนหน้านี้ผมได้เคยโทรมาปรึกษากับทางมูลนิธิฯ แล้วทราบว่า สัญญาสินเชื่อส่วนบุคคลอายุความที่จะฟ้องร้องบังคับคดีกันได้ต้องทำกันภายใน 5 ปีใช่ไหมครับ”“ใช่ครับต้องฟ้องร้องกันภายใน 5 ปี นับแต่วันที่ผิดนัดชำระหนี้ตามสัญญา แต่ต้องขอดูรายละเอียดในคำฟ้องก่อนนะครับว่าจะช่วยเหลือได้อย่างไร”แนวทางแก้ไขปัญหาเมื่อพิจารณาในรายละเอียดคำฟ้องพบข้อมูลที่น่าสนใจมากสำหรับผู้ที่เป็นลูกค้าหรือลูกหนี้อีซี่บายดังนี้ครับ1. เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2551 บริษัท อีซี่บาย จำกัด(มหาชน) ได้ดำเนินการขายบัญชีหนี้เสียในกลุ่มสินเชื่อเงินสดให้กับบริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด โดยมีจำนวนบัญชีลูกหนี้รวมกันทั้งสิ้น 17,170 ราย มูลหนี้รวมกันทั้งสิ้น 471 ล้านบาทเศษ โดยคิดค่าตอบแทนที่บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็สฯ จ่ายเพื่อซื้อหนี้เสียจากอีซี่บายก้อนนี้เป็นเงินเพียง 20 ล้านบาทเศษเท่านั้น หรือคิดเป็นเพียงร้อยละ 4.25 ของมูลหนี้ทั้งหมด2. ผลจากการซื้อขายหนี้เสียดังกล่าวทำให้บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็สฯ ได้มาซึ่งทรัพย์สินและสิทธิเรียกร้องเกี่ยวกับหนี้ทั้งหมดตลอดจนการรับชำระหนี้แทนอีซี่บาย พูดง่ายๆ คือจ่ายเพียงแค่ร้อยละ 4.25 แต่ได้สิทธิเรียกร้องจากลูกหนี้เต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ แถมดอกเบี้ยอีกต่างหาก3. อัตราดอกเบี้ยที่อีซี่บายทำกับผู้บริโภครายนี้ซึ่งทำในช่วงปี 2544 นั้น จะคิดเป็นค่าธรรมเนียมการใช้วงเงินในอัตราร้อยละ 2.0 บาทต่อเดือนหรือร้อยละ 24 บาทต่อปี และยังคิดดอกเบี้ยอีกในอัตราร้อยละ 0.50 บาทต่อเดือนหรือร้อยละ 6 ต่อปีอีก จึงเท่ากับว่าผู้บริโภคต้องจ่ายดอกเบี้ยร้อยละ 30 บาทต่อปี ซึ่งในขณะนั้นธนาคารแห่งประเทศไทยยังไม่ได้เข้าไปกำกับการเรียกเก็บดอกเบี้ยของสถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคารทั้งหลาย การเรียกเก็บดอกเบี้ยในอัตราดังกล่าวจึงเป็นการเรียกเก็บดอกเบี้ยที่ผิดกฎหมาย4. สัญญากู้ยืมเงินที่เรียกว่าประเภทสินเชื่อส่วนบุคคลนั้น มีข้อตกลงว่าผู้บริโภคจะใช้เงินต้นพร้อมดอกเบี้ยคืนให้กับเจ้าหนี้โดยผ่อนชำระเป็นรายเดือนเป็นงวดๆ ดังนั้น การฟ้องเรียกร้องให้ลูกหนี้ชำระดอกเบี้ยพร้อมเงินต้นตามสัญญากู้ยืมเงิน จึงถือได้ว่าเป็นการเรียกเอาดอกเบี้ยพร้อมต้นเงินเพื่อผ่อนต้นทุนคืนเป็นงวด ๆ ซึ่งมีกำหนดอายุความไว้ 5 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 193/32(2) ในคำฟ้องระบุว่าฝ่ายผู้บริโภคไม่ชำระหนี้เงินกู้มาตั้งแต่งวดวันที่ 2 มิถุนายน 2546 สิทธิเรียกร้องของฝ่ายเจ้าหนี้จึงเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2546 แต่โจทก์มาฟ้องวันที่ 8 มิถุนายน 2552 เกินกว่า 5 ปีแล้ว ฟ้องโจทก์จึงขาดอายุความครับ คือต้องฟ้องก่อนวันที่ 3 มิถุนายน 2551 เท่านั้นเมื่อข้อเท็จจริงปรากฏชัดตามที่กล่าวมาเจ้าหน้าที่ศูนย์พิทักษ์สิทธิฯ ของมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค โดยคำแนะนำของหัวหน้าศูนย์ทนายความอาสาจึงได้ช่วยเหลือผู้บริโภคโดยการร่างคำให้การจำเลยเพื่อให้ผู้บริโภคเป็นผู้ไปยื่นต่อศาลในวันนัด โดยได้ให้การใน 2 ประเด็นหลักคือ เรื่องการเรียกเก็บดอกเบี้ยที่ผิดกฎหมายและเรื่องคดีขาดอายุความ ซึ่งท้ายสุดศาลได้พิพากษายกฟ้องโจทก์เป็นที่เรียบร้อย ทำให้ผู้บริโภครายนี้พอที่จะลืมตาอ้าปากได้บ้างเนื่องจากอีซี่บายมีการขายหนี้เสียออกไปร่วมสองหมื่นราย และอาจมีหลายรายที่เจ้าหนี้เสียสิทธิในการเรียกร้องแล้วเนื่องจากขาดอายุความ แต่หากลูกหนี้ไม่ได้ยื่นคำให้การสู้คดีอย่างถูกต้อง ศาลจะพิพากษาให้ลูกหนี้ต้องชำระหนี้ต่อไป ดังนั้นหากใครมีข้อสงสัยในประเด็นนี้รีบติดต่อมาที่มูลนิธิฯ โดยทันที

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 106 แก้หนี้นอกระบบ ต้องพบตำรวจดีที่สุด

คุณพรมีอาชีพค้าขาย โดยปกติของคนที่ประกอบอาชีพนี้ซึ่งมีกิจการไม่ใหญ่โตอะไรนักจะไปขอกู้เงินเพื่อลงทุนจากสถาบันการเงินต่างๆ นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย จึงเป็นธรรมดาที่ต้องมีการพึ่งพาเจ้าหนี้นอกระบบบ้าง ทั้งๆ ที่รู้ว่าดอกมันโหดแสนโหด แต่เพื่อความอยู่รอดก็ต้องยอมคุณพรไปทำสัญญาเงินกู้กับคนรู้จักกัน และก็เป็นปกติของพวกปล่อยกู้ที่จะอ้างว่าผู้หนุนหลังเป็นคนมีสีหรือผู้มีอิทธิพลลักษณะใดลักษณะหนึ่ง สำหรับเจ้าหนี้รายนี้อ้างว่ามีสามีเป็นตำรวจทางหลวง คุณพรตกลงทำยอดกู้ 30,000 บาท ถูกหักเป็นค่าดำเนินการ 18,000 บาท ได้รับเงินจริง 12,000 บาท ทางผู้ให้กู้ให้ทำสัญญาเงินกู้ดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี แต่ผู้กู้ต้องจ่ายเงินคืนรายวันๆ ละ 180 บาท โดยคุณพรได้ชำระมากว่า 7 เดือนแล้ว แต่หลักฐานทั้งหมดอยู่กับเจ้าหนี้ต่อมาคุณพรได้ติดต่อกับเจ้าหนี้บอกว่าจะขอคืนเงินต้น 20,000 บาทได้ไหมแล้วปิดบัญชีกัน แต่ทางเจ้าหนี้ไม่ยอมบอกต้องชำระเต็ม 30,000 บาทตามสัญญา ถ้าหากยังไม่ชำระเงินต้นคืนก็ต้องจ่ายดอกรายวันไปจนกว่าจะมีเงินต้น 3 หมื่นบาทมาคืนให้เจ้าหนี้“เมื่อครู่นี้เองค่ะน้อง พี่ได้รับโทรศัพท์จากเจ้าหนี้รายนี้ เขาบอกว่าจะส่งตำรวจมาเก็บเงินให้เตรียมไว้ ถ้าไม่เคลียร์ต้องมีเรื่องแน่นอน ตอนนี้พี่กับสามีพี่ไม่กล้าอยู่ที่บ้านแต่ห่วงแม่ที่เฝ้าบ้านอยู่ จะทำอย่างไรดีน้อง” คุณพรโทรศัพท์เข้ามาปรึกษากับเจ้าหน้าที่ของมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค แนวทางแก้ไขปัญหาปัญหาหนี้นอกระบบเป็นปัญหาที่คาบเกี่ยวกับความผิดทางอาญาทั้งเรื่องการเรียกเก็บดอกเบี้ยที่ผิดกฎหมายและการข่มขู่ กรรโชก สิ่งที่ควรทำโดยทันทีคือ การไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในท้องที่ที่เกิดเหตุครั้งแรกที่คุณพรได้รับคำแนะนำ ก็คิดเหมือนกับลูกหนี้นอกระบบโดยทั่วไปว่าเจ้าหนี้มีคนมีสีเข้ามาเกี่ยวข้องไปแจ้งความกับตำรวจจะได้เรื่องได้ประโยชน์อะไร แต่ท้ายสุดได้ลองทำตามคำแนะนำไปแจ้งความที่สถานีตำรวจนครบาลพญาไท กลับพบสิ่งที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อนเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจร้อยเวรให้บริการด้วยความประทับใจ ทั้งรับแจ้งความและช่วยสืบเสาะหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวเจ้าหนี้นอกระบบรายนี้ด้วย ซ้ำยังให้นามบัตรและเบอร์มือถือส่วนตัวให้อีก พร้อมกับแจ้งกับคุณพรว่า ให้ติดต่อได้ทันทีหากเจ้าหนี้ส่งคนไปคุกคามท้ายที่สุดเจ้าหนี้รายนี้เมื่อรู้ว่าจะต้องเจอตำรวจตัวจริงเข้า ก็ยอมที่ยุติเรื่องตกลงเรียกเก็บหนี้ตามที่ตกลงกันไว้แต่แรกเท่านั้น ไม่มีการเรียกเก็บดอกเบี้ยรายวันอีกต่อไป เพราะรู้ว่าเป็นการกระทำผิดกฎหมายและอาจติดคุกได้ถ้าหากเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินคดีจริง ๆ  

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 106 ช่วยทำให้คนไม่คิดก่อหนี้ด้วยนะรัฐบาล

คงต้องยอมรับกันว่าปัจจุบันเรื่องหนี้ๆ โดยเฉพาะหนี้ที่ไม่ใช่หนี้ในระบบสถาบันการเงิน หรือที่เรียกกันติดปากว่า “หนี้นอกระบบ” นั้น มีการกระพือโหมข่าวนี้กันมากในสื่อสารมวลชนต่างๆ อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะข่าวทีวีและหนังสือพิมพ์ มีการนำเสนอให้เห็นถึงการคิดดอกเบี้ยกันแบบบ้าระห่ำชนิดว่าบ้านนี้เมืองนี้มันไม่มีขื่อมีแปกันเลยทีเดียว รวมถึงวิธีการทวงหนี้แบบมหาโหด ทั้งชกต่อยเตะตี และสุดท้ายของความรุนแรงคือ ถึงกับฆ่าแกงกัน จนทำให้รัฐบาลก้นร้อนนั่งไม่ติดต้องหาวิธีด้วยการหยิบยกปัญหาหนี้นอกระบบ ขึ้นมาเป็นปัญหาระดับชาติ โดยกระทรวงการคลังแอ่นอกมารับเป็นเจ้าภาพในการแก้ไขปัญหาการออกมาตรการมาช่วยเหลือลูกหนี้นอกระบบ ให้พ้นทุกข์พ้นร้อนจากวังวนดอกเบี้ยมหาโหดนั้นคือ ให้สถาบันการเงินในระบบเข้ามาช่วยเหลือ โดยให้ลูกหนี้นอกระบบสามารถกู้เงินไปใช้หนี้ได้และมาเป็นหนี้สถาบันการเงินแทนในราคาดอกเบี้ยที่เป็นธรรมและระยะเวลาการผ่อนชำระก็ยืดเวลาให้ยาวขึ้น เรียกว่ามาตรการครั้งนี้ น่าจะสามารถช่วยให้ลูกหนี้หลุดพ้นจากขอบเหวแห่งความทุกข์ร้อนของกระบวนการหนี้นอกระบบได้ เรียกง่ายๆ ว่า หลุดพ้นจากขุมนรกกันเลยทีเดียวก็ว่าได้ผู้เขียนเห็นมาตรการนี้แล้วก็รู้สึกโล่งอกโล่งใจและชื่นใจแทนลูกหนี้เหล่านั้น และนึกขอบคุณรัฐบาลที่ให้ความสำคัญกับประชาชนทุกระดับแบบได้ใจกันไปเต็มๆ กันเลยล่ะ (นี่ชมนะ ชมจริงๆ) แต่มีอยู่วันหนึ่งผู้เขียนได้มีโอกาสเข้าไปสระผมที่ร้านแห่งหนึ่งแถวสมุทรสงคราม พอดีในร้านนั้นมีคนนั่งพูดคุยกันอยู่เรื่องหนี้นอกระบบและการช่วยเหลือของรัฐ ก็เลยนั่งฟังเขาคุยกันจับใจความได้ว่า ดีจังเลยที่รัฐบาลช่วยเหลือในครั้งนี้ธนาคารออมสินก็ดี๊ดีๆให้เรากู้ง่ายมากแค่เรารวมกลุ่มกันไป 3 คน และค้ำประกันกันเองก็กู้ได้แล้ว งวดแรกเขาให้กู้คนละสองหมื่น หากเรามีประวัติดีเขาจะเพิ่มให้เป็นคนละห้าหมื่น แต่ในกลุ่มเราต้องส่งตรงเวลานะอย่าให้เสียประวัติ ไม่อย่างนั้นเขาจะไม่เพิ่มวงเงินให้ ตอนนี้เอาไปใช้หนี้นอกระบบได้แล้วโล่งไปเลยดีจัง ผู้เขียนก็เลยถามเขาว่าทำไมถึงต้องกู้นอกระบบล่ะ เขาบอกว่าก็ตอนแรกลงทุนค้าขายมันไม่มีเงินทุนก็เลยต้องกู้เขา ก็คิดว่าจะส่งทันแต่มันขายของไม่ดีการส่งเลยเป็นไปด้วยความยากลำบาก ผู้เขียนก็พยักหน้าแบบเข้าอกเข้าใจกันแหละ สักพักเขาก็เปลี่ยนเรื่องคุยตอนแรกผู้เขียนก็ไม่ตั้งใจฟังแต่มาสะดุดตรงที่ เสียงเจ้าของร้านคุยว่า แหม..เมื่อคืนดวงไม่ดีเสียป๊อกเด้งไปสามพัน เดี๋ยวคืนนี้แก้ตัวใหม่ เสียงอีกคน(ที่คุยเรื่องเป็นหนี้นอกระบบ)ก็ตอบมาว่าฉันก็ดวงไม่ดีงวดนี้ตาม 41 ไป 2,000 บาท ไม่กระทบเลย งวดหน้าเอาใหม่ ผู้เขียนฟังแล้วอึ้งทึ่งไปเลย...อะไรเนี่ย เมื่อกี้ยังคุยเรื่องความทุกข์ของการเป็นหนี้อยู่เลย แป๊บเดียวคุยเรื่องการพนันกันและ โอ้ย..ยังงี้เขาจะหลุดพ้นวังวนของการเป็นหนี้ได้อย่างไร หากลูกหนี้เหล่านั้นยังไม่มีวินัยในการใช้จ่ายเงินสุดท้ายก็คงหนีไม่พ้นการกลับไปเป็นหนี้นอกระบบอีกจนได้ ดังนั้นหากรัฐบาลจะช่วยเขาคงไม่ใช่แค่หาแหล่งเงินกู้ให้ใหม่เหมือนที่ทำอยู่ แต่คงต้องมีการฝึกอบรมวินัยการบริหารจัดการเงินรวมถึงวิธีคิดให้เขาด้วย ไม่อย่างนั้นการช่วยเหลือของรัฐคงเป็นได้แค่ไฟไหม้ฟาง สุดท้ายเขาเหล่านั้นก็ต้องกลับไปเป็นลูกหนี้นอกระบบอีกเหมือนเดิม หากจะช่วยเขาจริงคงต้องคิดมากกว่านี้นะ รัด-ทะ-บาน

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 106 รับปีใหม่แบบฟักทอง

รับปีใหม่ฉบับนี้ ขอเสนอขนมจากฟักทอง…ค่ะ ไม่ใช่เค้กและไม่ใช่เค้กฟักทอง แต่เป็นขนมฟักทองพื้นบ้านของเรานี่แหละ ที่เอามาตกแต่งหน้าตาเสียใหม่ให้อินเทรนด์   ฟักทองหรือบักอึ ในภาษาถิ่นอีสาน คืออาหารชั้นดีที่นิยมกินทั้งในและนอกประเทศ นอกจากที่จะถูกนางซินเอาไปทำเป็นรถตอนไปเต้นรำก่อนเที่ยงคืนกับเจ้าชาย และเด็กๆ ในยุโรปอเมริกาเอามาทำหน้ากากผีสัญลักษณ์วันปล่อยผี ฮาโลวีน ในสิ้นเดือนตุลาคม ฟักทองเนื้อมันๆ สีเหลืองอร่ามตายังช่วยบำรุงสายตา รักษาอาการตาฝ้าฟาง รวมทั้งอาการตาบอดกลางคืนด้วย เพราะว่ามีเบต้าแคโรทีนกับวิตามินเอสูงมาก เมล็ดฟักทองที่นิยมนำมาขบเคี้ยวเพลินๆ นั้น มีผลการวิจัยว่าป้องกันการเกิดนิ่วเพราะเมล็ดฟักทองมีสารฟอสฟอรัสสูง ช่วยยับยั้งการเกิดผลึกนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ อีกทั้งยังช่วยการเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง ช่วยในกระบวนการย่อยสลายอาหารในกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อประสาท รักษาสมดุลของกรด-เบสในร่างกาย ถ้าร่างกายขาดเจ้าสารตัวนี้แล้ว กระดูกจะเปราะแตกง่าย อ่อนเพลียง่าย ในเมล็ดฟักทองยังมีธาตุสังกะสีสูง ซึ่งแร่ธาตุนี้ช่วยป้องกันรักษาโรคเกี่ยวกับต่อมลูกหมากโต และช่วยในการเจริญเติบโตของร่างกายให้เป็นปกติ รวมถึงพัฒนาอวัยวะสืบพันธุ์ให้ทำหน้าที่อย่างเหมาะสม และช่วยปรับระดับฮอร์โมนเพศชายที่ขับออกจากลูกอัณฑะให้อยู่ในระดับปกติ ป้องกันการผิดปกติของต่อมลูกหมาก อันเป็นสาเหตุหนึ่งของการเป็นหมันและเป็นมะเร็ง ส่วนน้ำมันในเมล็ดฟักทองเป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัว เป็นน้ำมันคุณภาพดีที่ช่วยลดการอุดตันไขมันในเส้นเลือดได้ คำแนะนำของผู้รู้บอกว่าให้รับประทานเนื้อฟักทองทุกวัน วันละ 2 ชิ้นนอกจากจะช่วยป้องกันโรคริดสีดวงและโรคผนังลำไส้โป่งพอง เพราะฟักทองมีใยอาหารสูง กินฟักทองแบบง่ายและอร่อยที่สุดคือ เอาไปนึ่งให้สุกกินเป็นผักจิ้มน้ำพริก หรือกินเป็นขนมของว่าง ซึ่งใครชอบหวานก็จิ้มน้ำตาล หรือพิถีพิถันมากอีกหน่อยก็ขูดมะพร้าวทึนทึกคลุกเกลือคลุกน้ำตาลโรยหน้าเวลาจะกิน ฟักทองยังคู่กับครัวไทยด้วย เพราะปลูกง่าย ลูกแก่จัดเก็บเป็นลูกไว้ได้นานเป็นเดือน เราจึงมีเมนูฟักทองมากมาย ตั้งแต่แกงคั่ว แกงเผ็ด แกงกะทิ ผัดฟักทองใบโหระพากับกระเทียมเจียวหอมๆ ทั้งแบบใส่ไข่ และไม่ใส่ไข่ รวมไปถึงเสนอหน้าอยู่ในแกงเลียง และอีกสารพันเมนู ขนมฟักทองคราวนี้ได้ทดลองทำขนมฟักทองแทนเค้กดู โดยดัดแปลงสูตรมาจากการทำขนมกล้วยอีกที ซึ่งแม้ขั้นตอนการทำจะกล้วยๆ แต่มีรายละเอียดที่ต้องใส่ใจกันพอสมควร เครื่องปรุง ฟักทอง 1 กก. , หัวกะทิ ? ถ้วย , แป้งข้าวเจ้า 1/3 – ? ถ้วย , เกลือ 1 ช้อนชา , มะพร้าวทึนทึกขูดเป็นเส้น 1 ลูก น้ำตาล 1/3 ถ้วย (ถ้าไม่ชอบไม่ต้องใส่) วิธีทำ 1. เริ่มที่นึ่งฟักทองให้พอสุกแล้วยกลง จากนั้นเอาฟักทองมายีในภาชนะอบเค้กให้เป็นเนื้อละเอียด 2. เตรียมหัวกะทิกับน้ำกะทิไว้สัก 4 – 5 ช้อน เพื่อไว้ใช้โรยตกแต่งหน้า เอาส่วนที่เหลือละลายเกลือและน้ำตาล 2. เติมน้ำกะทิที่เตรียมไว้ลงไปภาชนะ คนให้เข้ากัน ค่อยๆ เติมแป้งข้าวเจ้าลงไป คนให้เข้ากันดี คอยสังเกตดูเนื้อไม่ควรเละหรือแข็งเกินไป 4.เกลี่ยเนื้อฟักทองรวมเครื่องให้เรียบเสมอหน้า จากนั้นใช่กะทิที่เหลือ 4 – 5 ช้อน มาผสมกับเกลือนิดหน่อย และแป้งข้าวเจ้า 1 ช้อนโต๊ะ คนให้เข้ากันดีแล้วราดหน้าเนื้อฟักทอง ตกแต่งด้วยชิ้นฟักทองหั่นเส้นให้สวยงาม แล้วเอาไปนึ่งประมาณ 25 – 30 นาที สังเกตว่าจะสุกหรือยังให้ลองใช้ส้อมจิ้มตรงกลางดูว่าไม่มีเนื้อแฉะๆ ติดอยู่ จานเด็ดนี้ ได้แป้งมันเป็นตัวช่วยจับก้อนเนื้อฟักทอง หากมากเกินไปเนื้อขนมจะแข็ง แต่ถ้าน้อยไปก็จะเละนิ่ม ขอให้ท่านผู้อ่านอิ่มฟักทองในรูปแบบที่แต่ละท่านชอบก็แล้วกัน ส่วนอิฉันเห็นว่า แค่มีตำลึง ฟักทอง มะรุม และผักอีกสารพัดบานตะไทไว้ใกล้ตัว ยังไงๆ ก็ไม่ต้องพึ่งอาหารเสริมหรือแม้กระทั่งข้าวสีทองจีเอ็มโอที่คุยเขื่องคำโม้ว่าจะรักษาโรคตา(ไม่)ได้จริง

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 106 ค่าปรับ ดอกเบี้ย กรณีชำระค่าเช่าซื้อล่าช้า

เกิดมาเป็นผู้บริโภคจนๆ จนขนาดจะซื้อรถยนต์ก็ไม่มีเงินสดเพียงพอ ต้องใช้บริการบริษัทไฟแนนซ์ ครั้นถึงเวลาชำระค่าเช่าซื้อเกิดมีปัญหาค่าเทอมลูกบ้าง ค่าน้ำ ค่าไฟบ้าง ทำให้ส่งค่าเช่าซื้อไม่ตรงวันตามที่ระบุไว้ในสัญญา เมื่อส่งค่าเช่าซื้อไม่ตรงตามงวดในสัญญาเช่าซื้อของบริษัทไฟแนนซ์ทุกบริษัท มักจะระบุค่าปรับกรณีชำระหนี้ค่าเช่าซื้อล่าช้าไว้ด้วย ผู้เช่าซื้อบางคนส่งไม่ตรงตามงวดเลยตั้งแต่เริ่มเช่าซื้อจนกระทั่งส่งค่างวดหมด พอไปปิดบัญชีเพื่อโอนทะเบียนรถยนต์เจอค่าปรับดอกเบี้ยล่าช้าเป็นหมื่นก็มี เรามาดูผลทางกฎหมายของการชำระค่าเช่าซื้อไม่ตรงงวดกันนะครับ ในทางปฏิบัติ ถ้าผู้ให้เช่าซื้อไม่ถือเอากำหนดเวลาในการชำระค่าเช่าซื้อเป็นสาระสำคัญ เช่น เมื่อผู้เช่าซื้อไม่ชำระค่าเช่าซื้อตรงตามงวด ผู้ให้เช่าซื้อก็มิได้บอกเลิกสัญญาคงยอมรับค่าเช่าซื้อที่ชำระเกินกำหนดเวลาเรื่อยมา ดังนี้ผู้ให้เช่าซื้อจะมาบอกเลิกสัญญาในภายหลังโดยอ้างว่า ผู้เช่าซื้อไม่ชำระค่าเช่าซื้อ 2 คราวติดกันไม่ได้ กรณีเช่นนี้หากผู้ให้เช่าซื้อจะบอกเลิกสัญญาจะต้องปฏิบัติตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 389 โดยต้องบอกกล่าวให้ผู้เช่าซื้อชำระค่าเช่าซื้อภายในกำหนดเวลาอันสมควรก่อน ถ้าผู้เช่าซื้อไม่ชำระจึงจะบอกเลิกสัญญาได้ ตามนัยคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7406/2547 , 2677/2547 , 4772/2540 , 5794/2539 , 4211/2539 , 1030/2536 เป็นต้น  ส่วนเรื่องค่าปรับหรือค่าเสียหายจากการชำระล่าช้า มีคำพิพากษาศาลฎีกาวินิจฉัยไว้ ดังนี้ “ คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2677/2547 โจทก์(ผู้เช่าซื้อ) ชำระหนี้ล่าช้าไม่ตรงตามกำหนดเวลาที่กำหนดแต่จำเลย(ผู้ให้เช่าซื้อ) ก็ยินยอมรับค่าเช่าซื้อตลอดมาโดยมิได้เรียกร้องค่าปรับหรือค่าเสียหายจากการชำระล่าช้า จนถือได้ว่าคู่สัญญามิได้ถือเอากำหนดเวลาชำระค่าเช่าซื้อเป็นสาระสำคัญ การที่โจทก์ชำระหนี้ล่าช้าไม่ตรงตามกำหนดเวลาดังกล่าว จึงไม่ถือว่าโจทก์ผิดนัดชำระหนี้ จำเลยไม่มีสิทธิจะคิดค่าปรับในกรณีชำระหนี้ล่าช้าจากโจทก์ได้ “ “ คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3969/2529 สัญญาเช่าซื้อรถยนต์กำหนดให้โจทก์ผ่อนชำระค่าเช่าซื้อให้จำเลยรวม 20 งวด เป็นรายเดือนทุกเดือน ถ้าหากผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าซื้อตามกำหนด จะต้องเสียดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี แต่ตามข้อเท็จจริงปรากฏว่า ในการชำระค่าเช่าซื้อให้แก่จำเลย โจทก์เป็นฝ่ายผิดนัดทุกงวด แต่จำเลยก็ไม่เคยใช้สิทธิเรียกร้องให้โจทก์ชำระหนี้และดอกเบี้ยที่ค้างเลย แสดงว่าการชำระหนี้รายนี้ฝ่ายจำเลยมิได้เจตนาถือเอากำหนดเวลาชำระหนี้ตามสัญญาโดยเคร่งครัด ซึ่งเท่ากับเป็นการสละเงื่อนเวลาอยู่ในตัว ดังนั้นเมื่อโจทก์ชำระค่าเช่าซื้อครบถ้วนแล้ว จำเลยจะมาขอคิดดอกเบี้ยเป็นการเพิ่มภาระให้โจทก์ภายหลังไม่ได้ จำเลยจึงต้องโอนรถยนต์ตามสัญญาเช่าซื้อให้โจทก์ โดยโจทก์ไม่ต้องรับผิดเรื่องดอกเบี้ยต่อไป “ เขียนบทความจบแล้ว ผู้เขียนนึกถึงสุภาษิตคำพังเพยโบราณที่ว่า ช้าเป็นการ นานเป็นคุณ ขึ้นมาทันทีเลย

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 106 วิธีใช้ไวท์เทนนิ่งครีมให้ได้ผล

ไวท์เทนนิ่งครีม เป็นเครื่องสำอางที่มีองค์ประกอบของสารสำคัญที่ออกฤทธิ์ยับยั้งการสร้างเม็ดสีให้กับผิวหนัง วัตถุประสงค์ของผลิตภัณฑ์คือ ช่วยบำรุงผิวหน้าให้ผิวหน้าขาวกระจ่างใส เมื่อทาครีมเป็นประจำในระยะเวลายาวนาน จะสามารถช่วยให้หน้าใสและค่อยๆ ขาวขึ้นได้ แต่คงไม่ใช่จะขาวขึ้นได้ทันทีภายใน 7 วันหรือ 14 วันเป็นแน่ การที่ไม่อาจขาวขึ้นทันทีทันใดได้นั้น เนื่องจากผิวหนังคนเราธรรมชาติได้สร้างให้มีความหนาและมีหลายชั้น เพื่อป้องกันสิ่งแปลกปลอมแทรกซึมเข้าสู่ผิวหนังได้ง่ายๆ ดังนั้นการที่สารช่วยให้หน้าขาวหรือสารบำรุงผิวอื่นๆ จะแทรกซึมเข้าสู่ผิวหนังจะทำได้ทีละเล็กน้อยเท่านั้นและต้องค่อยเป็นค่อยไป ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางจึงถูกจัดอยู่ในประเภทปลอดภัยต่อผู้บริโภค เพราะหากใช้แล้วได้ผลอย่างรวดเร็ว น่าจะเข้าข่ายครีมฟอกหน้าซึ่งอาจมีสารอันตรายต้องห้ามอยู่ก็เป็นได้ การใช้ไวท์เทนนิ่งครีมให้ได้ผลไวท์เทนนิ่งครีม ประกอบไปด้วยสารสำคัญที่ช่วยยับยั้งการสร้างเม็ดสีให้ผิวหน้า และส่วนใหญ่มักจะประกอบไปด้วย สารให้ความชุ่มชื้นผิว สารช่วยหล่อลื่นผิว และสารอาหารอื่นๆ ที่มีประโยชน์ต่อผิวหน้า ดังนั้นผู้ที่ใช้เป็นประจำมักจะเห็นผิวหน้าที่สดใสและเต่งตึงขึ้นด้วย แต่การที่ผิวหน้าจะขาวกระจ่างใสขึ้นอย่างเห็นผลนั้น จำเป็นต้องมีวิธีดูแลอย่างถูกวิธี โดยต้องมีปัจจัยอื่นร่วมด้วย จึงจะประสบความสำเร็จ ดังนี้ 1.เลือกซื้อไวท์เทนนิ่งครีมที่มีองค์ประกอบของสารช่วยยับยั้งการสร้างเม็ดสีให้ผิวหนัง เช่น โคจิกแอซิด (Kojic acid) ลิโคไรซ์ (Licorice) อาร์บูติน (Arbutin) เมลาไวท์ (Melawhite) วิตามินซี (Ascorbic acid) รวมทั้งสารสกัดจากสมุนไพรและกรดผลไม้อีกหลายๆ ชนิด 2.ควรทาครีมกันแดดที่ผิวหน้าร่วมด้วยทุกครั้งก่อนออกจากบ้านหากต้องไปโดนแสงแดดจังๆ เพราะรังสียูวีจากแสงอาทิตย์จะกระตุ้นการสร้างเม็ดสีให้ผิวหนัง 3.ควรมีเวลาพักผ่อนให้มากเพียงพอ อย่างน้อยมีเวลานอน 7 ถึง 8 ชั่วโมงขึ้นไปต่อวัน จะสังเกตได้ว่า หากวันไหนเรามีเวลานอนยาวๆ เต็มอิ่ม จะรู้สึกสดชื่น อารมณ์ดี ใบหน้าสดใส ในทางตรงกันข้าม หากวันไหนมีเวลานอนน้อย ผิวหน้าจะดูหมองคล้ำโดยอัตโนมัติ แม้ว่าจะพยายามพอกด้วยครีมบำรุงผิวหรือเครื่องสำอางใดๆ ก็ตาม เนื่องจากการที่กล้ามเนื้อส่วนต่างๆ ของร่างกายเราได้ผ่อนคลายจากความเครียดของหน้าที่การงานในแต่ละวัน ทำให้ระบบไหลเวียนของเลือดไปทั่วร่างกายเป็นไปด้วยดี จากสถิติพบว่าผู้ที่มีเวลานอนหลับยาวๆ ในแต่ละวันอย่างสม่ำเสมอเป็นประจำ นอกจากจะเป็นปัจจัยให้ผิวหน้ากระจ่างใสและอ่อนวัยแล้วยังจะเป็นผู้ที่มีอายุยืนยาวอีกด้วย 4.ควรออกกำลังกายให้สม่ำเสมออย่างน้อยอาทิตย์ละ 3 ถึง 5 วัน ครั้งละ 30 ถึง 45 นาที จะช่วยให้เลือดได้สูบฉีดไหลเวียนไปทั่วร่างกายช่วยให้ทุกเซลล์ได้รับออกซิเจนอย่างทั่วถึง นับเป็นปัจจัยสำคัญยิ่งที่จะช่วยให้ผิวพรรณสดใส เต่งตึงและกระชับ 5.ควรเลือกรับประทานอาหารที่มีเส้นใยร่วมด้วย เช่น ผักใบเขียว และผลไม้ เป็นประจำ เพื่อช่วยให้ร่างกายได้ขับถ่ายของเสียได้ง่าย เป็นส่วนสำคัญในการเสริมให้ผิวพรรณสดใส ยาเม็ดและยาฉีดกลูตาไทโอน ช่วยให้หน้าขาวใส ได้อย่างไรสารกลูตาไทโอน นับเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูงเมื่อเปรียบเทียบกับวิตามินซีและวิตามินอี นอกจากนี้ยังมีฤทธิ์ยับยั้งการสร้างเม็ดสีของผิวหนัง ซึ่งเป็นอาการผลข้างเคียงของสารกลูตาไทโอน จึงมีการนำสารกลูตาไทโอนมาเป็นสารช่วยให้ผิวขาว โดยการทำให้อยู่ในรูปของยาเม็ดและยาฉีด ยาเม็ดกลูตาไทโอนมีข้อบกพร่องตรงที่เมื่อรับประทานไปแล้วสารดังกล่าวไม่สามารถถูกดูดซึมจากกระเพาะอาหารได้ เนื่องจากจะถูกย่อยสลายในกระเพาะอาหารและถูกขับออกทางลำไส้ ดังนั้นผู้บริโภคไม่ควรไปหลงเชื่อข้อมูลที่ขายยาเม็ดกลูตาไทโอนทางอินเตอร์เน็ต ดังนั้นการใช้ประโยชน์ทางการแพทย์เพื่อให้ผิวขาวจึงมักจะเป็นยาฉีด แต่อย่างไรก็ตามจะให้ผลเพียงชั่วคราวเท่านั้น เนื่องจากผลที่ทำให้ผิวขาวนั้นเป็นอาการข้างเคียงของยากลูตาไทโอน เมื่อยาหมดฤทธิ์ อาการข้างเคียงที่ทำให้ผิวขาวก็จะหมดไปไม่ถาวร

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 106 ทำไมถึงทำกับอาตมาได้

ในชนบทชาวบ้านยังคงให้ความเคารพและศรัทธาในวัดเสมอ ดังนั้นหากไม่มีระบบตรวจสอบเฝ้าระวังที่ดี วัดอาจจะกลายเป็นแหล่งที่ผู้ไม่หวังดีอาศัยเพื่อหลอกลวงผู้บริโภคก็ได้ เมื่อไม่นานมานี้ มีบริษัทหนึ่งมาเร่ขายเครื่องแช่เท้าในเขตอำเภอเสนาและพื้นที่ใกล้เคียง ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ต่อมาบริษัทนี้คงจะชะล่าใจที่หลอกคนได้เรื่อยๆ จึงนำเครื่องแช่เท้าไปเปิดให้บริการที่วัดโรงหลวงจนเป็นข่าวโด่งดังขนาดออกโทรทัศน์ช่อง 3 ทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดจึงส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบ พบว่า เครื่องมือนี้ประกอบไปด้วยอ่างสี่เหลี่ยมสำหรับใส่น้ำแช่เท้าและต่อสายไปยังเครื่องที่มีสายไฟฟ้าต่ออีกทอดหนึ่ง เมื่อเอาเท้าแช่ลงไปและเปิดให้เครื่องทำงาน น้ำจะเปลี่ยนเป็นสีต่างๆ เช่น เหลือง น้ำตาลแดง ดำ เขียว ตามแต่โรคที่ผู้ให้บริการอ้างว่าผู้บริโภคเป็น เหตุที่วัดนี้โด่งดังขึ้นมา เพราะพระที่วัดเคยไปใช้บริการแช่เท้ามาก่อนและคงประทับทั้งใจและทั้งเท้า ต่อมาเมื่อมีคนเอามาถวายที่วัด 2 เครื่อง จึงมีการเปิดบริการแก่ชาวบ้าน จนชาวบ้านหลั่งไหลมามากมาย จะด้วยเห็นว่าบริการนี้เริ่มติดตลาดหรือด้วยจิตอันเป็นกุศล แต่ที่แน่ๆ พระท่านได้สั่งซื้อเครื่องเพิ่มอีกเป็น 5 เครื่อง เพื่อพร้อมรับมือ ไม่ใช่ซิ! รับเท้า ให้บริการ จนดังระเบิดเถิดเทิง ผู้คนหลั่งไหลมากันใหญ่ ภก.สันติ พนักงานเจ้าหน้าที่ประจำกลุ่มงานคุ้มครองผู้บริโภคสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพระนครศรีอยุธยาที่ได้ไปตรวจสอบและอธิบายให้ทั้งพระทั้งโยมทราบว่า การที่น้ำเปลี่ยนสีนั้นเกิดจากปฏิกิริยาทางเคมี โดยไฟฟ้าจะทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนอนุมูลของไอออน (ion) ในน้ำทำให้เกิดสารประกอบทางเคมีที่เราเรียกกันว่า สารประกอบเชิงซ้อน และการที่มีสีต่างๆ นั้น ก็ขึ้นอยู่กับว่ามันไปจับตัวกับสารอะไร เช่น เหล็ก สนิมเหล็ก แมงกานิส จึงทำให้มันมีสีแตกต่างกันไป (ไม่ได้เกิดจากการขับพิษออกจากร่างกายแต่อย่างใดนะครับพระคุณท่าน) งานนี้เรียกว่ากว่าจะรู้ตัวก็ถูกหลอกกันถ้วนหน้าแบบไม่เลือกปฏิบัติ ทั้งญาติโยมและหลวงพ่อเลยนะครับ เหตุการณ์ทำนองนี้ในอดีตเคยเกิดที่จังหวัดปทุมธานี ครั้งนั้นมีคนไปถวายเครื่องเขย่าขาแก่พระ และต่อมาพระท่านก็เปิดธรรมเทศนาให้ญาติโยมซื้อเครื่องเขย่าขาให้บิดา มารดา เพื่อเป็นบุญกุศล (และคงเป็นกำไรของผู้ขายด้วย) กันเอิกเกริก สมาชิกท่านใดไปวัดบ่อยๆ แล้วเจอผลิตภัณฑ์หรือบริการอะไรแปลกๆ อย่าหลงเชื่อง่ายๆ นะครับ รีบแจ้งสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดตรวจสอบโดยด่วนนะครับ อย่างนี้ซิได้บุญของจริง...สาธุ

อ่านเพิ่มเติม >

กระต่ายตื่นตัว ช่วงฉลาดซื้อ

รายการ กระต่ายตื่นตัว ช่วงฉลาดซื้อฉลาดซื้อ ร่วมกับมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคค่ะ จัดทำรายการ กระต่ายตื่นตัว เพื่อเสนอเรื่องราวข้อมูลให้กับผู้บริโภค แต่ด้วยงบประมาณที่จำกัด จึงต้องเว้วรรคการจัดทำไว้ชั่วคราวก่อน แต่การให้ข้อมูลผู้บริโภคยังมีทางอยู่ ฉลาดซื้อจึงนำส่วนรายการช่วงฉลาดซื้อ ที่เกี่ยวกับการทดสอบผลิตภัณฑ์ ต่างๆ ที่เคยตีพิมพ์ใน นิตยสารฉลาดซื้อ มา Online ให้ชมกันอีกครั้งค่ะ ในรูปแบบของ "รายการกระต่ายตื่นตัว" ฉลาดซื้อ : พริกป่น แซ่บไป เสี่ยงไป  {youtubejw}zObsiG4pxeI{/youtubejw} (( ยังมีเรื่องอื่นๆ อีกเยอะค่ะ คลิกที่นี่ค่ะ ))     ฉลาดซื้อ : ทดสอบถั่ว{youtubejw}46tkRI17ehA{/youtubejw} ฉลาดซื้อ : รางปลั๊กไฟ นอนใจได้ไงจ๊ะ{youtubejw}4hE--Z3OJsM{/youtubejw}ฉลาดซื้อ : หรือซีเรียล จะต้องซีเรียส{youtubejw}NFbC1yFK1gI{/youtubejw} ฉลาดซื้อ : สุดยอดกระติกน้ำ {youtubejw}aImbD4LuY9U{/youtubejw} ฉลาดซื้อ : ผักแบบไหน คนไทยต้องกิน {youtubejw}7o5cUhgUBMU{/youtubejw} ฉลาดซื้อ : ทดสอบชานม{youtubejw}GdzLbo1iLM{/youtubejw} ฉลาดซื้อ : ฉลาดซื้อAWARD {youtubejw}zqVjWcjLA-4{/youtubejw} ฉลาดซื้อ : บัตรเครดิต คิดให้ดี... {youtubejw}EMf8cOxHjLc{/youtubejw} ฉลาดซื้อ : ข้าวพันธุ์พื้นบ้าน ! {youtubejw}55Q9F12egyc{/youtubejw} ฉลาดซื้อ : สุดยอดหม้อหุงข้าว ว้าว {youtubejw}mGuR6vjEUhs{/youtubejw} ฉลาดซื้อ : ทดสอบแหนม {youtubejw}tjsnZ0_ZINc{/youtubejw} ฉลาดซื้อ : รปภ.เจ้าไหน ป้องกันคอมได้ {youtubejw}mL3PqG7tJr0{/youtubejw} ฉลาดซื้อ : ทิชชู่ อู้หู ยาวยุ่ยๆ {youtubejw}wZ4L18dKg8I{/youtubejw} ฉลาดซื้อ : น้ำพริกนรก ตกที ตกนาน {youtubejw}8vfrPZTteCA{/youtubejw} ฉลาดซื้อ : หมูยอ...หมูทนนาน {youtubejw}5fr_Vjg2cJE{/youtubejw} ฉลาดซื้อ : เป็นซอส ก็อย่าคิดว่ารอดนะ {youtubejw}AIXA9T06Yx4{/youtubejw} ฉลาดซื้อ : ปลาเส้น กินเล่นๆ เป็นไรไป {youtubejw}NTCFwkn_E3U{/youtubejw} ฉลาดซื้อ : น้ำส้มจ๋า vitamin-c อยู่ไหน? {youtubejw}fZQ4vnLFR30{/youtubejw} ฉลาดซื้อ : นมไฮแคลเซียม {youtubejw}Gn9WpU1LZEs{/youtubejw} ฉลาดซื้อ : ไปรษณีย์ไทยไวหรือช้า {youtubejw}SOCVP656S5Y{/youtubejw} ฉลาดซื้อ : CD-R DVD-R เจ้าไหนเยี่ยมที่สุด {youtubejw}6y6iKKNAj-o{/youtubejw} ฉลาดซื้อ : ทดสอบน้ำมัน {youtubejw}Gm73_7eswQc{/youtubejw}

อ่านเพิ่มเติม >