ฉบับที่ 174 สแกนแผ่นเอกสารเป็นไฟล์ด้วยมือถือ

ตึกตึก ใจเต้นรัวๆ นั่งมองผ่านกระจกเห็นผู้คนเดินขวักไขว่  “บางพลัดขึ้นเลย” ได้ยินเสียงกระเป๋ารถเมล์ตะโกน จึงหันไปดู พร้อมกับถอนหายใจ  คิดในใจ เมื่อไรจะออกสักทีค้า  ฉันรีบบบบบ ผู้อ่านอย่าเพิ่งตกใจนะคะ ไม่ใช่นิยายที่ไหนค่ะ เป็นแค่เหตุการณ์หนึ่งที่ผู้เขียนประสบมาโดยตรง ในขณะที่รีบร้อนต้องการที่จะให้ถึงที่ทำงานอย่างรวดเร็วที่สุด เพราะงานเข้าค่ะ เรื่องมีอยู่ว่าก่อนหน้านั้นมีโทรศัพท์สายด่วนโทรมาให้ส่งเอกสารสำคัญภายในครึ่งชั่วโมงไปยังเมลหนึ่ง จะให้น้องที่อยู่ที่ทำงานส่งให้ก็ไม่ได้ เนื่องจากเอกสารอยู่ที่มือผู้เขียน ที่สำคัญปลายสายบอกว่าให้สแกนเอกสารเป็น pdf ด้วยนี่สิด้วยความตื่นเต้นที่มีอยู่นั้นก็ยังมีสติค่ะ แทนที่จะปล่อยเวลาให้เปล่าประโยชน์ จึงหยิบมือถือมาค้นหากูเกิ้ล เผื่อจะเจอแอพพลิเคชั่นดีๆ  และแล้วก็ได้เจอแอพพลิเคชั่นนี้ “CamScanner” ตอบโจทย์ที่ต้องการในเวลาเร่งด่วนกับการสแกนเอกสารเป็นไฟล์ pdfสิ่งแรกที่ทำคือรีบควานหาเอกสารที่ต้องการสแกนเป็นไฟล์ pdf ขึ้นมา รวม 5 แผ่น เปิดแอพพลิเคชั่นขึ้นมาจะปรากฏสัญลักษณ์กล้องถ่ายรูป หลังจากนั้นก็กดถ่ายรูปเอกสารแผ่นแรก เมื่อได้ภาพแรกแล้ว แอพพลิเคชั่นจะมีให้เลือกความขาวสว่าง ภาพขาวดำ ภาพสีเทา และเลือกเฉพาะส่วนที่ต้องการของภาพได้ นอกจากนี้ถ้าภาพถ่ายของเรากลับด้านอยู่ ก็สามารถหมุนภาพได้ตามต้องการ เมื่อตกแต่งภาพเรียบร้อย ให้กดเครื่องหมายถูกด้านล่างขวา ก็จะได้ภาพไฟล์ pdf หน้าที่ 1 ต่อจากนั้นให้กดสัญลักษณ์กล้องถ่ายรูปด้านล่างซ้าย เพื่อถ่ายเอกสารแผ่นต่อไป ภาพของแผ่นต่อไปก็จะมาต่อภาพแรกที่ได้ทำไว้ในไฟล์ pdf  จากนั้นทำเหมือนเดิมจนครบทั้ง 5 แผ่น และสามารถย้ายรูปแบบการเรียงแผ่นเอกสารได้ตามที่ต้องการนอกจากนี้ยังสามารถนำภาพที่มีอยู่เดิมภายในเครื่องมาทำเป็นไฟล์ pdf ได้เช่นกัน เพียงแค่กดสัญลักษณ์ที่เขียนว่า import แทนสัญลักษณ์กล้องถ่ายรูป  เมื่อทำเอกสารแต่ละไฟล์เรียบร้อยแล้ว ไฟล์ทั้งหมดจะปรากฏอยู่ในหน้าแรกของแอพพลิเคชั่น โดยสามารถจัดการไฟล์ด้วยตนเองว่าต้องการเรียงไฟล์อย่างไร สำหรับขั้นตอนการนำไฟล์ออกจากเครื่องมี 3 วิธีที่แนะนำ อย่างแรกใช้วิธีการอัพโหลดไฟล์ไปยัง Dropbox , Google Drive เป็นต้น  อย่างที่สอง สามารถเลือกปริ๊นเอกสารได้ทันที แต่ต้องใช้ AirPrint หรือเครื่องปริ๊นที่สามารถเชื่อมต่อด้วยระบบ wifi ได้ อย่างที่สาม ง่ายที่สุด คือ ส่งไฟล์ไปยังเมลที่ต้องการขอเพิ่มเติมอีกอย่างค่ะ แอพพลิเคชั่น “CamScanner” ยังสามารถส่งไฟล์ได้หลายสกุล เช่น ไฟล์สกุล doc , ไฟล์สกุล jpg , ไฟล์สกุล pdf  เป็นต้น โดยให้เลือกชนิดของไฟล์ที่ต้องการก่อนที่จะถึงขั้นตอนการส่งออกค่ะเท่านี้เอกสารในมือทั้ง 5 แผ่น ก็สามารถทำเป็นไฟล์ pdf เพื่อส่งต่อไปยังเมลได้ภายในครึ่งชั่วโมงทันเวลา      

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 173 ระบบปฏิบัติการบนสมาร์ทโฟน

ปัจจุบันโทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟนมีให้เลือกหลากหลาย และมีหลายขนาดให้เลือกตามกำลังทรัพย์ของผู้ซื้อ จนผู้ซื้อต้องมีการเปรียบเทียบคุณสมบัติของสมาร์ทโฟนของแต่ละยี่ห้อ ว่าคุณสมบัติอันไหนตรงตามความต้องการของตนมากกว่ากันแม้บริษัทที่มีสินค้าประเภทสมาร์ทโฟนจะมีหลายยี่ห้อให้เลือก และมีหลายรุ่นให้เลือกสรร  อีกทั้งยังพยายามดึงดูดความสนใจผู้ซื้อตั้งแต่การออกแบบรูปร่างของโทรศัพท์ให้มีความทันสมัยมากขึ้น การแข่งขันกันในเรื่องความบางเบาและความแข็งแรงของเครื่อง  แต่จะเห็นได้ว่าเทคโนโลยีของระบบการทำงานของสมาร์ทโฟนนั้นจะมีเพียงแค่ 2 ระบบเท่านั้น นั่นคือ ระบบปฏิบัติการ Android และ ระบบปฏิบัติการ iOSขอพูดถึงข้อดีของระบบปฏิบัติการ Android และ ระบบปฏิบัติการ iOS ว่ามีความแตกต่างกันอย่างไร ระบบปฏิบัติการ Android  มีความสามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ภายนอกได้ง่าย ไม่ว่าจะเสียบสาย USB กับคอมพิวเตอร์เครื่องไหนก็ตาม ก็รองรับได้หมด  อีกทั้งยังมีคุณสมบัติในการเปิดแอพพลิเคชั่นหลายๆ อันได้พร้อมกันโดยไม่มีปัญหาใด  นอกจากนี้สามารถปรับเปลี่ยนโฮมสกรีนได้หลากหลาย โดยปรับหน้าจอได้ตามใจเจ้าของเครื่อง ทำให้รู้สึกเสมือนว่ามีโทรศัพท์ใหม่ตลอดเวลา ละง่ายต่อการเคลื่อนย้ายไอคอนแอพพลิเคชั่นภายในสมาร์ทโฟน  ที่สำคัญเหมาะสำหรับคนที่ชอบใช้ Line เป็นอย่างมาก เพราะมีคีย์บอร์ดให้เลือกหลายรูปแบบ ระบบปฏิบัติการ iOS  ระบบจะมีความซับซ้อนน้อย แต่เมื่อเริ่มใช้ระบบปฏิบัติ iOS จะต้องลงชื่อบัญชีก่อน  หลังจากนั้นจะสามารถใช้บริการได้ทั้งหมด ระบบปฏิบัตินี้มีจุดเด่นในเรื่องการให้บริการจากระบบส่วนกลาง อย่างเช่น iCloud  iTunes เป็นต้น โดยถือว่ามีความเป็นหนึ่งเดียวในการให้บริการที่เป็นระบบ ส่วนเรื่องการใช้งานบนสมาร์ทโฟนนั้น เมื่อเปิดแอพพลิเคชั่นในระบบนี้จะมีความลื่นไหล แม้ว่าจะมีการลงแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟนมากแค่ไหนก็ตาม ก็ยังช่วยประหยัดพลังงานและสามารถใช้งานได้โดยไม่หน่วงหรือช้า  นอกจากนี้ยังมีแอพพลิเคชั่นที่ช่วยสร้างความบันเทิงให้กับผู้ใช้ให้เลือกจากระบบส่วนกลางได้มากมาย ล่าสุดระบบปฏิบัติการทั้ง 2 ระบบ ได้พยายามแข่งขันโดยการพัฒนาซอฟแวร์อยู่ตลอดเวลา ปัจจุบันระบบปฏิบัติการ  Android  อยู่ที่เวอร์ชั่น Android 5.x  ส่วนระบบปฏิบัติการ iOS  อยู่ที่เวอร์ชั่น iOS 8.x  การเลือกใช้สมาร์ทโฟนสักเครื่องหนึ่ง ต้องขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ใช้ รวมถึงระบบที่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ให้ได้มากที่สุด ด้วยเทคโนโลยีที่ได้มีการปรับเปลี่ยนให้มีความทันสมัยอยู่ตลอดเวลา ทำให้เกิดการแข่งขันกันในตลาดธุรกิจสมาร์ทโฟน  ซึ่งถือว่าเป็นผลดีกับผู้บริโภคอย่างเรา แต่ผู้บริโภคก็ต้องใส่ใจเพื่อศึกษาถึงคุณสมบัติและเท่าทันกับเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นด้วยเช่นกัน  

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 172 ส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือกับ Police i lert u

เหตุฉุกเฉินมักจะไม่บอกสัญญาณเตือนล่วงหน้า ดังนั้น สติ คือสิ่งที่ควรมีที่สุดในทุกสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เมื่อมีสติ สิ่งต่อไปคือต้องมีผู้ช่วยที่จะคอยช่วยเหลือชีวิตและทรัพย์สินของเราด้วย ก่อนหน้านี้เมื่อเกิดเหตุด่วน ทุกคนจะต้องนึกถึงหมายเลขโทรศัพท์ 191 โดยมีความหวังให้ตำรวจเดินทางมาช่วยเหลือได้อย่างรวดเร็วและทันเหตุการณ์ ล่าสุดได้มีแอพพลิเคชั่นที่ถูกพัฒนาโดยกองบัญชาการตำรวจนครบาลทำออกมาเพื่อตอบสนองกับเทคโนโลยีในปัจจุบัน ซึ่งเป็นการเพิ่มช่องทางการขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเหนือจากหมายเลขโทรศัพท์ 191แอพพลิเคชั่นนี้มีชื่อว่า Police i lert u แอพพลิเคชั่นนี้สามารถดาวน์โหลดมาใช้งานได้ทั้งในระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ และระบบปฏิบัติการ ios หลังจากที่ได้ดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นมาไว้บนสมาร์ทโฟนแล้ว ขั้นตอนแรกคุณจะต้องคลิก sign up เพื่อสมัครและกรอกรายละเอียดสำคัญ อาทิเช่น ชื่อนามสกุล เบอร์โทรศัพท์ สำหรับให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดต่อกลับมายังเจ้าของสมาร์ทโฟนเมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน ในแอพพลิเคชั่น Police i lert u คุณสามารถ sign in และ log out ออกจากแอพพลิเคชั่นได้ตลอดภายในแอพพลิเคชั่นจะสามารถส่งข้อความแบบ chat กับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่บริเวณเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น  อีกส่วนหนึ่งจะเป็นเรื่องของการแก้ไขข้อมูลส่วนตัว ทั้งเรื่องรูปภาพ พาสเวิร์ด หมวดที่สำคัญอีก 2 หมวดสำหรับแอพพลิเคชั่นนี้ อย่างแรก คือ หมวด i lert เป็นหมวดที่มีไว้สำหรับส่งสัญญาณเพื่อแจ้งเหตุด่วนเหตุร้ายที่เกิดขึ้นจากแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟน โดยเมื่อเข้าหมวดนี้ แอพพลิเคชั่นจะค้นหาตำแหน่งสมาร์ทโฟนว่าอยู่ตรงไหน จะเห็นว่ามีพิกัดเป็นตัวเลขลองจิจูดและละติจูด ด้านล่างคุณสามารถเขียนข้อความเพื่อแจ้งรายละเอียดของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ พร้อมทั้งสามารถแนบรูปถ่ายสถานที่เกิดเหตุ ต่อจากนั้นให้กดปุ่มสัญลักษณ์สัญญาณบริเวณด้านบนขวา ข้อมูลต่างๆ ก็จะถูกส่งไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจส่วนกลาง เพื่อที่จะส่งข้อมูลไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ใกล้บริเวณที่เกิดเหตุ และแจ้งให้เดินทางมาถึงสถานที่นั้นๆ ได้อย่างรวดเร็วในกรณีที่คุณไม่สามารถเขียนข้อความหรรือถ่ายรูปได้ ก็สามารถที่จะกดปุ่มส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือได้เลย หมวดสุดท้ายที่สำคัญ คือ หมวด i call เป็นหมวดที่แจ้งเบอร์โทรศัพท์ที่จะสามารถติดต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจบริเวณที่ใกล้คุณมากที่สุด เพื่อให้สามารถแจ้งขอความช่วยเหลือได้รวดเร็วมากขึ้นแอพพลิเคชั่น Police i lert u ถือว่าเป็นแอพพลิเคชั่นที่มีประโยชน์ และควรดาวน์โหลดไว้บนสมาร์ทโฟน เพื่อไว้ใช้ในกรณีฉุกเฉินที่เกิดขึ้น และที่สำคัญควรกดปุ่มเพื่อส่งสัญญาณของความช่วยเหลือเมื่อจำเป็นเท่านั้น

อ่านเพิ่มเติม >


ฉบับที่ 170 มาช่วยร้องเรียนแท็กซี่กันเถอะ

ช่วงนี้ข่าวคราวเรื่องการใช้บริการแท็กซี่เป็นที่พูดกันบ่อยมาก เมื่อช่วงเดือนมกราคมประเทศไทยได้มีข่าวฮิตในโลกออนไลน์ในเรื่องการให้บริการแท็กซี่  ที่มีนักธุรกิจชาวญี่ปุ่น ได้เดินทางมาประเทศไทยเป็นประจำ เพื่อแจกขนมและของเล่นให้กับเด็กๆ ผู้ด้อยโอกาสภายในประเทศไทย  และได้ใช้บริการแท็กซี่ของสนามบินสุวรรณภูมิ โดยรู้สึกไม่พึงพอใจกับการได้รับบริการนั้น จนทำให้เกิดการโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กของตนเองว่า “สนามบินสุวรรณภูมิคือความอับอายของประเทศไทย ทั้งการบริการที่แย่ เจ้าหน้าที่ไม่เต็มใจให้บริการ และยังถูกแท็กซี่โกงค่าโดยสาร”  ซึ่งเรื่องนี้ได้ถูกส่งต่อไปทั่วโลกออนไลน์  จนนำไปสู่การจัดระเบียบแท็กซี่สุวรรณภูมิ แต่เมื่อไม่นานมานี้นักธุรกิจชาวญี่ปุ่นคนดังกล่าวยังได้มีการโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กอีกครั้ง ในเรื่องการบริการของแท็กซี่สนามบินสุวรรณภูมิที่เก็บค่าโดยสารเกินจริง และยังกล่าวด้วยว่าเป็นเรื่องที่น่าอายของประเทศไทย หลังจากได้อ่านข่าวนี้ หลายคนคงคิดอยู่ในใจว่า ไม่ใช่แต่นักท่องเที่ยวต่างชาติเท่านั้นที่โดนรู้สึกแย่กับการใช้บริการแท็กซี่หรอก คนไทยอย่างเราก็โดนเช่นกัน แม้ว่ารัฐบาลจะพยายามหามาตรการในการควบคุมการให้บริการของแท็กซี่มากแค่ไหน แต่ดูจะไม่ได้ผลมากนัก ทั้งเรื่องสนับสนุนให้มีการร้องเรียน จนทำให้เกิดสายด่วน แอพพลิเคชั่นต่างๆ ที่อำนวยความสะดวกให้กับประชาชนผู้ใช้บริการ ล่าสุดกรมการขนส่งทางบก ได้ออกแอพพลิเคชั่น “DLT Check-In” เป็นแอพพลิเคชั่นสำหรับให้ประชาชนผู้ใช้บริการได้เข้ามาร้องเรียน โดยได้ปรับรูปแบบการใช้งานให้มีความสะดวกมากขึ้น  ซึ่งหวังว่าจะมีผู้ใช้บริการแท็กซี่ทั้งที่มีปัญหาในการใช้บริการและมีความพึงพอใจในการใช้บริการ แจ้งร้องเรียนต่างๆ และรายงานเรื่องที่เกิดขึ้น เข้ามายังกรมการขนส่งทางบก ภายในแอพพลิเคชั่น จะให้กรอกหมายเลขโทรศัพท์ของเจ้าของเครื่อง เพื่อนำเป็นข้อมูลเผื่อมีการติดต่อสอบถามกลับถึงรายละเอียดที่เกิดขึ้น และเพิ่มความสะดวกในการร้องเรียนได้รวดเร็วขึ้น  เมื่อมีการกรอกหมายเลขโทรศัพท์เรียบร้อยแล้ว ให้คลิกลงทะเบียนการใช้แท็กซี่ จากนั้นแอพพลิเคชั่นจะมีวิธีการให้เลือก  2 รูปแบบ คือ ให้กรอกทะเบียนรถแท็กซี่ หรือ ให้ถ่ายรูปทะเบียนแท็กซี่ ต่อจากนั้นแอพพลิเคชั่นจะมีแบบสอบถามให้กรอกรายละเอียดต่างๆ ถึงความพึงพอใจในการใช้แท็กซี่ และมีช่องข้อเสนอแนะเพิ่มเติม เพื่อให้ผู้ใช้บริการสามารถกรอกรายละเอียดนอกเหนือจากแบบสอบถามนั้นได้ จากข่าวที่สร้างความเสียหายให้กับประเทศไทยในเรื่องการให้บริการของแท็กซี่นั้น คิดว่าคงทำให้คนไทยอย่างเรารู้สึกเสียหน้ากันพอสมควร แม้ว่าเหตุการณ์การให้บริการของแท็กซี่ที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมก็เกิดขึ้นกับคนไทยเองเช่นกัน แต่ถ้าทุกคนพยายามที่จะร่วมมือกันเพื่อปรับปรุงพฤติกรรมไม่เหมาะสมนั้น โดยใช้วิธีการร้องเรียนผ่านแอพพลิเคชั่น หรือผ่านสายด่วนของศูนย์คุ้มครองผู้โดยสารรถสาธารณะ ก็อาจจะทำให้การปรับเปลี่ยนให้การให้บริการของแท็กซี่ได้ผลในระดับหนึ่งก็เป็นได้

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 169 รู้สภาพการจราจรบนทางด่วน

ต้องยอมรับว่าคนที่ใช้ชีวิตประจำวันในกรุงเทพมหานคร ต้องเคยใช้บริการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย หรือทางด่วน แน่นอน ไม่ว่าจะเป็นคนที่มีรถยนต์ส่วนตัว และคนที่ไม่มีรถยนต์ส่วนตัวก็ตาม แต่ก็ต้องมีสักครั้งที่มีโอกาสได้ใช้บริการรถแท็กซี่ เพื่อเดินทางจากที่หนึ่งไปยังจุดหมายอีกที่หนึ่ง โดยใช้ทางด่วนเป็นตัวเชื่อมระยะทางเพื่อเพิ่มความสะดวกและรวดเร็วขึ้น จากการที่ได้ใช้ทางด่วนเป็นประจำ ทำให้รู้ว่าในบางจุดบางช่วงเวลาคนใช้บริการทางด่วนมักจะเจอกับปัญหาทางด่วนที่มีการจราจรไม่ด่วน  เชื่อได้เลยว่าหลายคนคงเคยประสบปัญหานี้ ทำให้สงสัยว่าจะมีสิ่งใดบ้างที่จะช่วยบอกให้ได้ว่าควรเลือกใช้ทางด่วนในขณะนั้นหรือไม่ หรือควรใช้ทางธรรมดาดีกว่ากัน หรือจะต้องใช้เวลาในการเดินทางมากน้อยแค่ไหน และรถติดเพียงใด มีแอพพลิเคชั่นที่ผู้เขียนอยากแนะนำมีอยู่ 2 ตัวเกี่ยวกับทางด่วน ซึ่งมีชื่อเดียวกันว่า “EXAT  ITS” โดยความสามารถใน 2 แอพพลิเคชั่นนี้จะมีความแตกต่างกัน และสามารถใช้ควบคู่กันตามความต้องการของผู้ใช้ได้ และถูกพัฒนาจากคนละหน่วยงาน แอพพลิเคชั่นอันแรก จะบอกเกี่ยวกับสภาพการจราจรบนทางด่วนในภาพรวม ซึ่งสามารถเห็นหน้าจอเดียว มีแผนที่อัจฉริยะสำหรับนำทางจากจุดที่ยืนเพื่อเดินทางไปยังด่านเก็บเงินที่ใกล้ที่สุดได้ และสามารถค้นทางเส้นทางบนทางด่วนได้ด้วย ในแผนที่อัจฉริยะผู้ใช้สามารถเลือกได้ว่าจะให้อะไรปรากฏบนแผนที่อัจฉริยะบ้าง อย่างเช่น ป้ายจราจรอัจฉริยะ,  อุบัติเหตุ ,กล้อง CCTV,  ด่านเก็บค่าผ่านทาง,  สถานีตำรวจทางด่วน,  จุดกลับรถในทางพิเศษ และจุดพักรถในทางพิเศษ  โดยสามารถเลือกได้ทั้งหมด หรือเลือกเพียงอันใดอันหนึ่งก็ได้  นอกจากนี้ยังเปิดโอกาสให้ผู้ใช้ได้มีส่วนร่วมในการรายงานสถานการณ์หรืออุบัติเหตุที่เกิดขึ้นบนทางด่วน พร้อมทั้งได้มีการบอกข้อมูลเกี่ยวกับบัตร easy pass และช่วยรวบรวมเบอร์โทรฉุกเฉินให้ผู้ที่ใช้แอพพลิเคชั่นนี้ด้วย แอพพลิเคชั่นอันที่สอง เป็นแอพพลิเคชั่นที่ลงรายละเอียดบริเวณด่านเก็บเงินแต่ละด่าน ว่ามีเส้นทางการเดินทางเป็นอย่างไร และมีเส้นทางบอกถึงสภาพการจราจรให้ผู้ใช้ทางด่วนทราบได้ ทั้งนี้ยังสามารถค้นทางเส้นทางบนทางด่วนได้เหมือนกับแอพพลิเคชั่นอันแรก แต่มีข้อแตกต่างตรงแอพพลิเคชั่นนี้จะคำนวณเวลาในการเดินทางจากด่านทางด่วนหนึ่งไปยังอีกด่านทางด่วนหนึ่งได้ด้วย อย่างน้อยแอพพลิเคชั่นนี้ก็น่าจะช่วยให้ผู้เดินทางและใช้บริการทางพิเศษรู้ว่าสภาพการจราจรบนทางด่วนเป็นอย่างไร รู้ว่าต้องขึ้นทางด่วนที่ด่านบริเวณใดที่ใกล้ที่สุด และรู้ทิศทางการเดินทางที่ชัดเจน แอพพลิเคชั่น “EXAT  ITS”  อาจจะช่วยเรื่องการตัดสินใจในการเดินทางไปยังจุดหมายปลายทางได้ ลองใช้ดูสิคะ...

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 168 สร้างไฟล์งานด้วยสมาร์ทโฟน

ตั้งแต่เข้าปีแพะมา บอกตรงๆ เลยค่ะ ว่างานยุ่งมาก ทำงานไม่ทัน อันโน้นยังไม่เสร็จ อันนี้ยังไม่เสร็จ พระอาทิตย์ก็ตกดินไปซะแล้ว จนทำให้รู้สึกเวลาในแต่ละวันช่างเดินเร็วเสียจริง...อ๊ะ!! ผู้อ่านหลายคนอาจจะคิดว่าปีชงหรือเปล่า  ไม่ใช่จริงๆ ค่ะ ทุกอย่างเป็นเพราะงานล้นมือล้วนๆ เลย ขอบอก พอมีงานมากมายก่ายกอง ซึ่งก็ทำให้ทำไม่ทันอยู่แล้วเป็นทุนเดิม  แถมบ่อยครั้งต้องออกเดินทางไปประชุมด้านนอกทั้งแบบนัดหมายไว้ล่วงหน้าหรือแบบกะทันหัน  งานก็เลยต้องพักไว้ แต่บางครั้งก็ยังมีงานเข้ามาให้ปวดหัว ต้องพิมพ์โน้นนี่นั่นแบบเร่งด่วน ทั้งที่ตัวยังต้องเข้านั่งประชุมอยู่ และไม่สามารถใช้โน๊คบุ๊คได้ ทีนี้ก็งานเข้าทุกทิศทุกทางเลยค่ะ ชั่วขณะนั้นก็ทำให้นึกถึงสมาร์ทโฟนในมือของตนเองว่าน่าจะช่วยอะไรได้บ้าง เลยเข้ากูเกิ้ล (google) ค้นหาผู้ช่วยมือที่สามทันที และแล้วแอพพลิเคชั่น  Docs ToGo  ก็มาช่วยแบ่งเบางานได้บ้างเมื่อต้องเดินทางออกนอกสถานที่ แอพพลิเคชั่นมีทั้งเวอร์ชั่นฟรี และเสียเงิน  โดยในเวอร์ชั่นฟรี สามารถใช้โปรแกรมสกุล docx  ซึ่งก็คือโปรแกรม word และโปรแกรมสกุล xlsx ก็คือโปรแกรม excel   ส่วนเวอร์ชั่นเสียเงินจะเพิ่มโปรแกรม PDF มาให้ เพื่อเพิ่มความสะดวกในการใช้งานบอกสมาร์ทโฟน ในแอพพลิเคชั่นนี้ สามารถใช้งานได้ง่ายมาก  พอกดเข้าแอพพลิเคชั่นด้านหน้าจอสมาร์ทโฟน  จะปรากฏหน้ารวมไฟล์ทุกสกุล ไม่ว่าจะเป็น  docx, xlsx, pdf  โดยจะแจ้งเป็นชื่อไฟล์ตามที่เจ้าของงานได้ตั้งไว้ และสามารถกดเลือกให้โชว์ไฟล์เฉพาะสกุลนั้นๆ ก็ได้ เป็นการเพิ่มความสะดวกให้อีกทาง เมื่อต้องการจะใช้โปรแกรมให้กดเครื่องหมายบวกมุมบนขวา จากนั้นแอพพลิเคชั่น จะให้เลือกว่าต้องการใช้โปรแกรม word หรือ excel ถ้าเป็นโปรแกรม word จะเปิดหน้าว่างสีขาวมาให้ โดยสามารถพิมพ์ข้อความได้ตามปกติเหมือนอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ ซึ่งมีลูกเล่นในการเลือกให้ข้อความเป็นตัวหนา ตัวเอียงหรือขีดเส้นใต้ได้ และมีเมนูทำให้ข้อความอยู่กึ่งกลาง ตั้งชิดหน้า ชิดหลัง รวมทั้งการกั้นหน้าหลังในแต่ละบรรทัดด้วย สำหรับโปรแกรม excel เมื่อกดแล้วจะปรากฏหน้าเป็นตารางเหมือนกันในเครื่องคอมพิวเตอร์ ซึ่งวิธีใช้เหมือนกันทุกอย่าง โดยในแอพพลิเคชั่นจะสามารถจัดรูปแบบ font ได้ทันที และสามารถลากแถบช่องตารางที่ต้องการเลือกได้เหมือนกับใช้ mouse ซึ่งถือว่าเป็นการช่วยสร้างไฟล์ในเบื้องต้นให้กับเรา หลังจากนั้นให้ save ไฟล์ ซึ่งแอพพลิเคชั่นจะให้ตั้งชื่อเอง และผู้ใช้สามารถส่งไปยังเมลต่างๆ ที่ต้องการได้ทันที ขั้นตอนในการส่งนั้น เพียงแค่เลือกไฟล์ที่ต้องการ และกดรูปซองจดหมาย หลังจากนั้นแอพพลิเคชั่นจะไปลิ้งกับเมล เพื่อให้กรอกที่อยู่เมลที่ต้องการส่งทันที ต้องยอมรับว่าในยุคสมัยการใช้อินเตอร์เน็ตผ่านเทคโนโลยีสมาร์ทโฟนเป็นเรื่องที่ง่ายจริงๆ เพียงแค่ใช้ปลายนิ้วก็สามารถช่วยคุณได้

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 167 สร้างสรรค์สติ๊กเกอร์ไลน์ (Line)

เชื่อได้เลยว่าหลายคนที่ใช้สมาร์ทโฟนย่อมชื่นชอบการดาวน์โหลดสติ๊กเกอร์ไลน์ (Line) ใหม่ๆ กันแน่นอน  ใครชอบรอดาวน์โหลดสติ๊กเกอร์ฟรีก็ต้องรอคอยกันไป  ส่วนคนที่ไม่ชอบมีสติ๊กเกอร์ซ้ำแบบใครก็มักจะเสียเงินดาวน์โหลดมาไว้ครอบครอง  แต่ช่วงนี้สติ๊กเกอร์ฟรีมีให้เลือกดาวน์โหลดมากมาย  เนื่องจากมีการแข่งขันกันสูงในเรื่องการตลาด และถ้าอยากมีสติ๊กเกอร์เป็นของตัวเองล่ะ? ต้องทำอย่างไรดี สำหรับคนที่มีฝีมือในการออกแบบและวาดรูปออกมาเป็นสติ๊กเกอร์ได้นั้น ทางไลน์ (Line) ได้เปิดโอกาสให้ส่งสติ๊กเกอร์ที่ตนเองทำ เพื่อแจ้งเกิดพร้อมทั้งเป็นการสร้างรายได้ เป็นบริการที่เรียกว่า LINE Creators Market  เพื่อให้คนที่มีหัวทางด้านการวาดภาพในรูปแบบสติ๊กเกอร์ไลน์ (Line) ออกแบบและส่งมายังทีมงานของไลน์ (Line) ได้พิจารณาเพื่ออนุมัติให้วางขายได้ อย่างแรกผู้ที่สนใจต้องมีไลน์ (Line) เป็นของตนเองเสียก่อน แล้วเข้าไปสมัครเพื่อสร้างสรรค์ผลงานการออกแบบของตนได้ที่  https://creator.line.me/th   ทั้งนี้ควรออกแบบและวาดภาพสติ๊กเกอร์ไลน์  (Line) เอาไว้ให้เรียบร้อย โดยจะใช้ภาพทั้งหมด 42 ภาพ โดยจะใช้มาเป็นภาพใช้ใน App Store และใช้โชว์ในห้องสนทนาอย่างละ 1 ภาพ ที่เหลือจะอยู่ในเซ็ตของไลน์ (Line) นั้น แต่ละภาพจะมีให้ใส่รายละเอียดว่ามีขนาดภาพเท่าไร  สกุลไฟล์ของภาพประกอบด้วย  หลังจากนั้นให้กดอัพโหลดรูปภาพทั้งหมด เมื่อสมัครตามขั้นตอนต่างๆ จนถึงเสร็จสิ้นแล้ว รูปภาพเหล่านั้นจะถูกส่งไปให้ทางทีมไลน์  (Line)  ตรวจสอบว่าสติ๊กเกอร์นั้นมีปัญหาเรื่องลิขสิทธิ์หรือไม่ และสามารถนำวางขายได้หรือไม่  ถ้าสติ๊กเกอร์ได้รับการอนุมัติทางทีมงานไลน์  (Line)  จะแจ้งกลับมา และนำไปวางขายในราคา 100 เยนหรือประมาณ 30 บาท  โดยผู้ที่ออกแบบและวาดภาพสติ๊กเกอร์นั้นจะได้เงินรายได้ 50%  ของราคาขาย ก็ประมาณ 15 บาท นั่นเอง ถือว่าเป็นการสร้างรายได้แบบกรุบกริบ แต่เล็กพริกขี้หนูนะ  เพราะถ้าสติ๊กเกอร์ที่ออกแบบนั้นติดตลาด จำนวนเงินเพียงเล็กน้อยนี้ก็กลายเป็นเงินที่สร้างรายได้ให้ได้มหาศาลทีเดียว อย่างรอช้านะคะ ใครมีไอเดีย  รีบออกแบบกัน

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 166 ง่ายๆ กับเวลาแห่งความสุขบนแอพพลิเคชั่น

ปี 2557 กำลังจะผ่านไป นั่นหมายความว่าเวลาแห่งความสุขของคืนข้ามปีกำลังจะเกิดขึ้น ปีนี้มีวันหยุดยาว 6 วัน ยิ่งถ้าบางคนใช้สิทธิลาหยุดเพิ่มอีกสัก 2 วัน บวกกับวันเสาร์อาทิตย์ที่ติดกัน..ความสุขในการไปเพิ่มพลังจากการท่องเที่ยวมันช่างหอมหวนจริงๆ บางคนอาจจะกลับบ้านต่างจังหวัดก็ถือว่าเป็นการเพิ่มพลังให้กับชีวิตได้เช่นเดียวกัน ช่วงนี้เชื่อว่าหลายคนที่ต้องเดินทางไปที่ต่างๆ ในช่วงเทศกาลปีใหม่คงเริ่มวางแผนในการจองรถทัวร์กันไปบ้างแล้ว เพราะต้องยอมรับว่าการเดินทางในเทศกาลทุกเทศกาล รถทัวร์ทุกเส้นทางมีผู้ใช้บริการอย่างหนาแน่น เทศกาลแห่งความสุขแบบนี้ ผู้เขียนจึงได้วางแผนว่าจะเดินทางไปเที่ยวเชียงใหม่สักหน่อย จะใช้รถทัวร์เป็นพาหนะ  ค้นหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตจนมาเจอแอพพลิเคชั่นที่ช่วยให้รายละเอียดจังหวัดต่างๆ ที่น่าสนใจในการท่องเที่ยว แอพพลิเคชั่นนี้ชื่อว่า “Tourism Thailand” เป็นแอพฯ ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ภายในจะบอกรายละเอียดว่าในแต่ละจังหวัดมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจใดบ้าง สามารถเดินทางไปที่จังหวัดนั้นได้ด้วยวิธีใดบ้าง พร้อมบอกเบอร์ติดต่อเพื่อเพิ่มความสะดวกให้กับผู้ที่ต้องการเดินทางไปเที่ยวอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีรายชื่อที่พัก ร้านอาหารที่มีชื่อเสียง รวมถึงแหล่งช็อปปิ้งที่นักท่องเที่ยวนิยมไปซื้อของฝากในจังหวัดนั้น เมื่อได้ข้อมูลจังหวัดเชียงใหม่ครบวงจรดังใจแล้ว ทีนี้มาดูวิธีการจองรถทัวร์กันบ้างดีกว่า แม้ว่าในแอพพลิเคชั่น “Tourism Thailand” จะมีบอกเบอร์โทรรถทัวร์ตามที่ผู้เขียนได้ตั้งไว้ว่าจะเดินทางก็ตาม แต่ผู้เขียนก็อยากจะแนะนำแอพพลิเคชั่น “ThaiRoute” ที่สามารถหาบริษัทรถทัวร์ที่ต้องการ รวมถึงการเลือกจองที่นั่ง และชำระเงินภายในแอพพลิเคชั่นนี้บนมือถือสมาร์ทโฟน ที่มีรูปแบบเหมือนกับการจองตั๋วเครื่องบินบนเว็บไซต์ของสายการบินเลยทีเดียว ขออธิบายแอพพลิเคชั่นนี้สักนิดนะคะ ภายในจะมีหมวดของการค้นหาเที่ยวรถที่ผู้ใช้บริการต้องการ และบริษัทของรถต่างๆ ที่มีในเส้นทางนั้นๆ เมื่อเลือกเส้นทางที่จะเดินทางแล้ว แอพพลิเคชั่นจะให้เลือกวันเดินทางไปกลับ หรือเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง หลังจากนั้นแอพพลิเคชั่นจะบอกรายละเอียดว่าเส้นทางดังกล่าวมีรถของบริษัทใดบ้าง ในราคาที่เท่าไร ช่วงเวลาในการเดินทางเป็นอย่างไร เมื่อพึงพอใจแล้วจะให้เลือกที่นั่ง ต่อด้วยการให้ระบุชื่อนามสกุล เบอร์โทรศัพท์ติดต่อ และไปยังขั้นตอนสุดท้ายคือ การชำระเงิน ซึ่งมีวิธีการชำระเงิน 2 วิธี ได้แก่ ชำระเงินที่เคาน์เตอร์เซอร์วิส หรือชำระผ่านบัตรเครดิตก็ได้ อีกทั้งยังมีข้อมูลข่าวสารต่างๆ ที่มีประโยชน์ให้กับผู้ที่ชอบเดินทางด้วยรถโดยสารสาธารณะอย่างรถทัวร์ เพื่อให้ติดตามว่ามีข่าวสารอะไรที่อัพเดทบ้าง เท่านี้ก็ได้ข้อมูลต่างๆ ได้อย่างครบถ้วน ตั้งแต่รายละเอียดแหล่งท่องเที่ยวที่ต้องการ ที่พักราคาประหยัด ร้านอาหารแสนอร่อย แหล่งช็อปปิ้งที่รวมทุกอย่างไว้ในที่เดียวกัน พาหนะที่ใช้เดินทางอย่างรถทัวร์ ตลอดจนที่นั่งในรถทัวร์ที่สามารถเลือกได้เอง โดยใช้เวลาไม่นานอย่างที่คิดเลย เหลือแค่รอนับวันเวลาให้ถึงช่วงปีใหม่เร็วๆ ^_^

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 165 เชื่อมต่อการเดินทางกับรถไฟฟ้า 3 สาย

ฉบับนี้มาทำความรู้จักกับแอพพลิเคชั่นการเดินทางโดยรถไฟฟ้าทั้ง  3 รูปแบบกันบ้างดีกว่า ไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้า BTS  รถไฟฟ้า MRT และ Airport Link รถไฟฟ้าทั้ง 3 รูปแบบที่กล่าวถึงนั้น ช่วยอำนวยความสะดวกกับผู้ที่ต้องการเดินทางไปในสถานที่ต่างๆ ในเวลาเร่งด่วน และต้องการหลีกหนีจากการจราจรที่ติดขัดบนท้องถนนของกรุงเทพมหานคร  คนกรุงเทพฯ  จึงนิยมโดยสารรถไฟฟ้าเป็นอย่างมาก อีกทั้งรถไฟฟ้า 3 สายยังมีจุดเชื่อมต่อสำหรับการเดินทางไปในส่วนต่างๆ ด้วย ผู้เขียนหวังว่าแอพพลิเคชั่นที่จะแนะนำนี้ จะช่วยให้คนต่างจังหวัดที่ต้องเดินทางเข้ามาในกรุงเทพมหานคร ได้ใช้ประโยชน์ได้พอควร โดยมี 2 แอพพลิเคชั่นที่จะแนะนำ ได้แก่ แอพพลิเคชั่น BKK Metro และแอพพลิเคชั่น Airport Link แอพพลิเคชั่น BKK Metro เป็นแอพพลิเคชั่นที่บอกรายละเอียดเกี่ยวกับสถานที่ต่างๆ ของรถไฟฟ้าBTS  และรถไฟฟ้า MRT โดยภายในจะแบ่งเป็นหมวด และสามารถเลือกมุมมองแผนที่ที่ต้องการดูได้ว่าจะดูแบบลายเส้นหรือแบบภาพเสมือนจริง หมวดแรกจะให้หาพิกัดที่ผู้ใช้แอพพลิเคชั่นยืนอยู่ว่าใกล้กับสถานีใดที่สุด เพื่อให้ตัดสินใจเลือกที่จะขึ้นสถานีนั้นๆ ต่อจากนั้นหมวดต่อมาจะบอกถึงสถานีต่างๆ ว่ามีสถานที่ใดใกล้เคียงกับสถานีนั้นๆ บ้าง และสามารถใช้ทางออกหมายเลขใด เพื่อให้สะดวกกับการเดินทางมากยิ่งขึ้น หมวดที่สามจะบอกราคาค่าโดยสารระหว่างสถานีต้นทางกับสถานีปลายทางที่เลือก แอพพลิเคชั่นจะคำนวณราคาค่าใช้จ่ายมาให้เรียบร้อย และถ้ามีความไม่เข้าใจในเรื่องราคา การซื้อบัตร หรือข้อมูลต่างๆ สามารถเข้าไปดูรายละเอียดในหมวดสุดท้ายได้ หรือโทรศัพท์ไปสอบถามตามหมายเลขที่แจ้งไว้ภายในแอพพลิเคชั่น อีกแอพพลิเคชั่นหนึ่ง คือ แอพพลิเคชั่น Airport Link จะบอกถึงรายละเอียดการเดินทางระหว่างสถานีต่างๆ ว่าสถานีนั้นสามารถเดินทางด้วยรถไฟฟ้าแบบธรรมดาหรือแบบด่วนพิเศษ โดยจะแจ้งเรื่องเวลาที่ต้องใช้ในการเดินทางระหว่างสถานีว่าต้องเวลากี่นาที และผ่านสถานีใดบ้าง ซึ่งจะช่วยให้สามารถคำนวณเวลาในการเดินทางไปจุดหมายได้ รวมถึงบอกราคาในการเดินทางแต่ละสถานี ประโยชน์ของแอพพลิเคชั่นทั้ง 2 ชนิดนี้ จะช่วยให้ผู้เดินทางสามารถคำนวณเวลาตามระยะทางที่เกิดขึ้นจริง และคำนวณราคาในการเดินทางในแต่ละครั้ง ซึ่งถือว่าช่วยวางแผนการเดินทางได้ในระดับหนึ่ง รถไฟฟ้าทั้ง 3 รูปแบบ ถือว่าเป็นตัวช่วยที่ดีในการหลีกเลี่ยงปัญหาการจราจรภายในกรุงเทพมหานคร แต่ค่าใช้จ่ายในการเดินทางย่อมสูงไปด้วย ถ้าผู้อ่านลองพิจารณาแล้วเห็นว่าเสียค่าใช้จ่ายมากเกินไป อาจจะกลับไปเลือกแอพพลิเคชั่น “รถเมล์” แทนก็ได้นะ ได้อย่างก็ต้องเสียอย่างเป็นธรรมดา!!!

อ่านเพิ่มเติม >