ฉบับที่ 257 นักสะสมรถหรูสู้คดีกับบริษัทรถข้ามชาติจากเยอรมัน ฟ้องให้เรียกคืนบิ๊กไบค์รุ่นอันตรายมาแก้ไข้ให้ปลอดภัย

        “คดีของผมถือเป็นเคสตัวอย่าง ผมยิ่งโมโห เมื่อมารู้ทีหลังว่ามีผู้บริโภคที่ซื้อรถมอเตอร์ไซค์ BMW คันแพงๆ นี้แล้วก็เกิดเหตุไฟไหม้แบบผมเยอะมาก แต่เงียบกันไป เพราะว่าหนึ่ง-ไม่มีเวลาไปฟ้อง สอง-ส่วนใหญ่บริษัทจะเปลี่ยนรถใหม่ให้ แล้วยอมๆ กันไป ปิดข่าว จบ แต่ผมไม่ยอมไง ผมสู้”        นี่คือคำพูดของคุณจิรายุ ชีวสาธน์ ในฐานะผู้บริโภคคนหนึ่งที่ไม่ยอมให้บริษัทที่ขาดความรับผิดชอบมาเอาเปรียบ เพราะเขาเกือบจะสิ้นเนื้อประดาตัว และอาจถึงขั้นเอาชีวิตไม่รอด หากเมื่อ  2 ปีก่อนเขาดับไฟที่ไหม้โรงจอดรถในบ้านไม่ทัน เกิดเหตุการณ์​ไฟไหม้ได้อย่างไร         ผมมีรถมอเตอร์ไซค์สะสมอยู่ประมาณ 18 คัน เคสที่เกิดเหตุเป็นรถ BMW รุ่น Gsa R1,200 ซื้อมาได้ประมาณ 2 ปี วิ่งไปแค่ 3,000 – 4,000 กิโลเอง ถือว่าน้อยมาก ผมดูแลรถทุกคันอย่างดี เก็บในห้องแอร์เหมือนโชว์รูมรถเลย แล้วก็มีการติดเครื่องวอร์มรถ เพื่อให้รถพร้อมใช้งาน อยู่ในสภาพที่ดีตลอดเวลา         ในวันเกิดเหตุผมก็ติดเครื่องวอร์มตามปกติ ไล่ติดเครื่องไปทีละคัน พอผมติดเครื่องรถคันที่เกิดเหตุนี้ไปประมาณ 5 นาที ผมเดินไปทำโน่นทำที่ แล้วพอหันมามองโรงรถก็เห็นควันโขมงเต็มเลย ผมตกใจจึงวิ่งเข้าไปดูที่รถ ปรากฏว่าเกิดเปลวไฟลุกไหม้ที่ท่อไอเสีย เริ่มลามมาที่เบาะรถ กำลังจะไหม้ทั้งคัน ผมก็ตั้งสติ หยิบเครื่องดับเพลิงที่มีอยู่ทุกจุดในโรงรถมาดับไฟ ผมใช้ถังดับเพลิงไปประมาณ 2-3 ถัง กว่าจะดับไฟได้ ความเสียหายที่เกิดขึ้นเป็นอย่างไรบ้าง         ในโรงรถมีรถจอดอยู่หลายคัน มูลค่าประมาณ 60-70 ล้านบาท แล้วรถทุกคันเติมน้ำมันเต็มถังหมด ถ้าวันนั้นผมดับไฟไม่ทัน ชีวิตผมที่สร้างเนื้อสร้างตัวมา 50 กว่าปี เชื่อว่าไม่เหลืออะไรแน่นอน         วันนั้นส่วนที่เสียหายก็มีผ้าม่าน มู่ลี่ แอร์ รถเฟอร์รารี่ รถลัมโบร์กีนี ที่เบาะ ฟิล์มเคลือบสี เสียหายหมด เพราะผงดับเพลิงที่เป็นเคมีไปกัดสี เกาะเบาะรถ แล้วผมก็ทำความสะอาดไม่ได้ เพราะทุกอย่างต้องเป็นหลักฐาน เกือบเดือนกว่าจะนัดกองพิสูจน์หลักฐานมาตรวจที่บ้านได้ ทั้งความร้อน ทั้งสารเคมี ก็กัดรถกัดบ้านผมพังพินาศหมด ความเสียหายส่วนนี้มูลค่า 5 - 6 แสนบาทหลังจากเกิดเหตุแล้วมีการดำเนินการอย่างไรบ้าง         ผมถ่ายคลิปวิดีโอทันที แล้วโทรแจ้งศูนย์ BMW และไปแจ้งตำรวจว่าเกิดเหตุอย่างนี้ๆ แต่บริษัทรถช้า ผมก็เลยวิ่งทางตำรวจก่อน วันนั้นยกรถไปที่กองพิสูจน์หลักฐานเลย เพื่อเข้าห้องแล็ปตรวจเช็กอย่างละเอียด ทางบริษัทรถก็ส่งเจ้าหน้าที่ตามมาร่วมตรวจด้วย ผลแล็ปของกองพิสูจน์หลักฐานก็ไม่ได้ฟันธงว่าสาเหตุที่เพลิงไหม้เกิดจากอะไร บอกแค่เกิดจากความร้อน แต่ที่ฟันธงแน่นอนก็คือวัสดุที่นำมาเป็นส่วนประกอบของท่อไอเสียที่เกิดเพลิงไหม้นั้นเป็นพลาสติกที่ติดไฟได้         จากนั้นผมก็แจ้งผลนี้ไปทางบริษัทรถ ทางนั้นก็เรียกรถคันนี้จากกองพิสูจน์หลักฐานเข้าไปที่ศูนย์เพื่อตรวจสอบ ผมวิ่งไปดูรีพอร์ตที่หน้าจอคอมพิวเตอร์เลย กลัวว่าเขาจะปกปิดข้อเท็จจริง ผลออกมาว่าสาเหตุที่เพลิงไหม้เกิดจากวาล์วท่อไอเสียของรถคันนี้ทำงานบกพร่อง คือปิดแล้วไม่เปิด ดังนั้นเมื่อติดเครื่องยนต์ไว้ แล้วความร้อนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ก็ไหม้ตัวพลาสติกที่เอามาทำเป็นท่อไอเสียนั่นเอง พอผมรู้ ก็บอกช่างว่าช่วยปริ๊นต์รีพอร์ตนี้ให้หน่อย ช่างก็บอกว่าไม่ได้ครับ เป็นความลับบริษัท แต่ผมไม่สน ผมรีบคว้ามือถือขึ้นมาถ่ายจอ ถ่ายแผ่นรีพอร์ตไว้เลย แล้วทางบริษัทผู้ผลิตรถเขาว่ายังไงบ้าง         หลังจากนั้น ประธานใหญ่บีเอ็มดับบลิวประเทศไทย ซึ่งเป็นชาวต่างชาติ เขานัดผมไปไกล่เกลี่ยที่บริษัท ผมก็ไปกับทนายด้วย เขาเสนอว่าจะเอารถใหม่มาเปลี่ยนให้ รถผมปี 2016 เขาจะเอารถปี 2019 มาแลก ผมไม่ยอม เพราะผมบอกไปว่านอกจากเปลี่ยนรถใหม่ให้แล้ว คุณจะต้องชดใช้ค่าเสียหายที่บ้านผมเกิดเพลิงไหม้ให้ด้วย แต่ทางบริษัทเขาจะไม่รับผิดชอบในส่วนนี้ ในที่สุดจึงตัดสินใจฟ้องร้อง         ส่วนใหญ่ที่เกิดเคสแบบนี้ เอารถใหม่มาเปลี่ยนก็จะยอมกัน ไม่เป็นข่าว ไม่เป็นคดี เพราะเคลียร์กันจบระหว่างผู้ผลิตกับผู้บริโภค แต่ของผมไม่จบ เพราะว่าผมไม่ยอม ก็เลยจ้างทนายมาฟ้องคดี จุดประสงค์คือ หนึ่ง-เรียกค่าเสียหายเรื่องรถ สอง-ค่าเสียหายที่บ้านผมเกิดเพลิงไหม้ สาม-ผมกับทนายคุยกันว่า เราอยากให้เรียกรถรุ่นที่มีปัญหานี้ที่ขายในท้องตลอดคืน เพราะเราเห็นแล้วว่ามันอันตรายมาก         สมมติ วันนั้นผมขี่รถจักรยานยนต์คันนี้ออกไปติดอยู่บนถนน แล้วมันเกิดเพลิงไหม้กลางถนน คิดดูสิจะเกิดอะไรขึ้น ผมก็ขยับไม่ได้ รถข้างๆ ก็ขยับไม่ได้ เพราะว่ารถติด แล้วเป็นบิ๊กไบค์คันใหญ่มาก ผมก็ต้องทิ้งรถ เอาชีวิตรอด แล้วผมจะหาเครื่องดับเพลิงที่ไหน แล้วไฟก็ต้องไปลุกกลางถนน แล้วก็ต้องลามไปรถบนถนนอีกกี่สิบกี่ร้อยคัน อีกกี่ชีวิต เกิดเป็นโศกนาฏกรรม ผมก็เลยว่าสินค้าตัวนี้อันตรายมาก เกิดไฟไหม้อย่างนี้ได้ยังไงถ้าติดเครื่อง แค่วาล์วบกพร่องทำให้ไฟไหม้ได้ยังไง ผมก็เลยฟ้อง         พอดีติดช่วงโควิด กว่าจะขึ้นศาล 2 ปีเพิ่งจะได้สืบพยาน ศาลเพิ่งตัดสินไปเมื่อเดือนกรกฎาคมนี้เอง ศาลชั้นต้น ศาลแพ่ง ตัดสินให้ทางบริษัทรับผิดชอบผม ชดเชยค่าเสียหายให้ แต่ว่าก็น้อยกว่าที่ผมเรียกไป แล้วก็ยังไม่ได้ให้ทางบริษัทเรียกรถกลับด้วย ซึ่งผมก็ยังไม่พอใจ คิดว่าจะมีการดำเนินการเรื่องนี้ต่อเนื่องไปถึงแค่ไหน         ถ้าเป็นเมืองนอก เกิดเหตุร้ายแรงอย่างนี้แค่คันเดียว เขารู้ข้อบกพร่อง เขาจะต้องเรียกรถกลับทั้งโลก เพื่อจะมาแก้สเปกตัวนี้ว่าเป็นพลาสติกไหม้ไฟได้ มันอันตราย ต้องมาถอดออกแล้วเปลี่ยนเป็นเหล็กแทน แล้วเขาไม่มาฟ้องเงินแค่ล้านสองล้าน เขาฟ้องกันเป็นร้อยล้านพันล้าน เพราะว่าในต่างประเทศเขาให้ความสำคัญในการคุ้มครองผู้บริโภคมาก ทีนี้ผู้ผลิตเขาเห็นว่ากฎหมายบ้านเราอ่อน แล้วคนฟ้องร้องน้อย ก็ได้ใจ เลยเกิดการเอาเปรียบอะไรกันเยอะแยะไปหมด         ผมคิดว่าเรื่องความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของคนไทยยังมีน้อยมาก ก็เลยให้ทนายดำเนินการยื่นอุทธรณ์ต่อ แล้วจะสู้กันจนถึงฎีกาเลยก็ได้ จุดประสงค์หลักของผมคือต้องการให้บริษัทเรียกรถกลับไปแก้ไข เพื่อให้ความปลอดภัยกับผู้บริโภค เรื่องเงินผมไม่สนหรอก คือผมจะสู้กับบริษัทต่างชาติที่มาเอาเปรียบคนไทยให้ถึงที่สุด ทำไมถึงคิดว่าเรื่องนี้ควรมีการเผยแพร่ให้กับผู้ใช้รถรุ่นนี้ท่านอื่นๆ ให้ได้รับทราบ         ผมอยากเล่าเป็นอุทาหรณ์ให้เพื่อนๆ ผู้บริโภคได้ระวัง เพราะตั้งแต่ผมขับขี่รถมา 30-40 ปี ใช้รถจักรยานยนต์มาเป็นร้อยคัน ก็ไม่เคยเจอเคสแบบนี้ เหตุการณ์นี้ทำให้ผมหลอนมาก ถ้าวันนั้นผมดับไฟไม่ทัน ชีวิตเปลี่ยนเลยนะ         พอผมโพสต์ในเฟซบุ๊กกรุ๊ปคนเล่นรถด้วยกันว่ามีเคสอันตรายแบบนี้ ก็มีคนส่งอินบ็อกซ์มาหาผมเยอะเลย ขอฟ้องร่วมได้ไหม เขาก็เกิดเหตุเหมือนกัน เช่น ลูกปืนล้อแตก ขี่ไปคว่ำเกือบตายก็มี แล้วบางเคสที่ส่งไปเคลมกับบริษัทนี้ ปรากฏว่าทุกเคสเป็นเหมือนกันหมดเลย คือบริษัทรถจะอ้างไปเรื่อยว่ารอตรวจสอบอยู่ ดองเรื่องไว้ 6 - 7 เดือน หรือเป็นปี แล้วทุกคนก็เงียบกันหมด ได้แต่มาบ่นมาด่าให้ผมฟัง ผมก็บอกทำไมไม่ฟ้องล่ะ เขาก็บอกฟ้องร้องต้องจ้างทนาย ต้องมีค่าใช้จ่าย ต้องขึ้นศาล ต้องไปโรงพัก โน่นนี่ ชีวิตต้องทำมาหากินก็เหนื่อยอยู่แล้ว เรื่องก็เลยเงียบ ไม่เป็นข่าว ไม่เป็นคดีขึ้นมา ผู้บริโภคคนอื่นๆ ก็ไม่ได้รับรู้ว่ามีเคสอันตรายอย่างนี้เกิดขึ้น พอไม่รู้ ก็ไม่ได้ระวังตัวกัน ได้ข้อคิดอะไรจากเรื่องนี้บ้าง         ผมได้ข้อคิดว่า ชีวิตไม่ปลอดภัย จะใช้อะไรต้องระวัง อย่าประมาทกับชีวิต อย่าชะล่าใจว่ามอเตอร์ไซค์คันเป็นล้านจะต้องดี จะต้องเลิศ จะต้องปลอดภัยเสมอไป เพราะหลังจากผมเจอเคสแรกผ่านไป 6 เดือน ผมขี่รถจักรยานยนต์ BMW อีกคัน เป็นรุ่น R9T ไปเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องที่อู่รถ ระยะทางประมาณ 3-4 กิโลเมตรเอง พอไปถึงที่อู่ ยังไม่ทันดับเครื่อง ท่อไอเสียก็ไฟลุกขึ้นมา เกิดเหตุซ้ำสอง แล้วก็สาเหตุเดียวกันด้วย คือไหม้จากพลาสติกที่เป็นส่วนประกอบของท่อไอเสียเหมือนกัน อันตรายมากนะครับ         ในประเด็นนี้ ผมยังคิดว่าสินค้าอันตรายอย่างนี้ให้ผ่านมาตรฐานอุตสาหกรรมมาได้ยังไง ทั้งๆ ที่จะมาทำให้ผู้บริโภคเดือดร้อน ผมอยากเสนอให้ประเทศไทยแก้ไขเรื่องมาตรฐานอุตสาหกรรมด้วย เพราะยังมีสินค้าอีกมากมายที่ไม่รู้ว่าผ่าน มอก.มาได้ยังไง อยากกระทุ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาตรวจสอบกันหน่อย อยากฝากถึงผู้บริโภคท่านอื่นๆ อย่างไรบ้าง         ผมอยากให้ผู้บริโภคทุกคนที่เจอเคสอย่างผม หรือจะเป็นสินค้าอะไรก็ได้ที่คุณคิดว่ามันไม่ปลอดภัย หรือคุณถูกเอารัดเอาเปรียบ อย่าอยู่นิ่งๆ ถึงคุณจะไม่มีเงินไปจ้างทนาย คุณไม่มีเวลาไปต่อสู้กับเขาในศาล อย่างน้อยตอนนี้มีสื่อโซเชียล คุณออกมาเป็นกระบอกเสียง ช่วยโพสต์ ช่วยประจาน ช่วยบอกเตือนสติ ช่วยให้ความรู้กับคนอื่นที่เขาโชคดียังไม่เกิดเหตุอย่างคุณก็ได้ อย่างน้อยเขาจะได้ระมัดระวังว่าสินค้าใดที่ไม่ปลอดภัย เป็นสินค้าอันตรายอย่างนี้         ส่วนใหญ่คนไม่กล้าโพสต์ เพราะถ้าเราผู้บริโภคตัวเล็กตัวน้อยจะไปฟ้องบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลก เขาก็กลัวโดนฟ้องกลับ โดนเรียกค่าเสียหาย แล้วสู้ไม่ได้ แต่ผมไม่เคยกลัวเลย ผมอยากให้เป็นข่าวด้วยซ้ำ มาฟ้องผมเลย จะได้เป็นการประจานบริษัทคุณด้วย         “ผมไม่อยากให้ผู้บริโภคคนอื่นต้องไปยอมบริษัทใหญ่ๆ เพราะยอมกันมาตลอด เขาก็เลยได้ใจ”

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 222 รับมือกับแผลน้ำร้อนลวก

        โอกาสโดนน้ำร้อนลวกหรือน้ำมันร้อนกระเด็นใส่นั้น ทุกคนมีความเสี่ยงพบเจอได้ ยิ่งเป็นคนที่ชอบทำอาหารโดนกันประจำ การจะดูแลปฐมพยาบาลแผลน้ำร้อนลวกนั้น ต้องประเมินจากขนาดของแผลและบริเวณที่สัมผัสความร้อน เพื่อที่จะประเมินได้ว่า ต้องจัดการอย่างไร ที่แน่ๆ พอโดนลวกแล้วปวดแสบปวดร้อนจนสุดทน จนบางคนต้องหาของที่เอ่ยอ้างต่อๆ กันมากันว่าบรรเทาได้ อย่างยาสีฟัน น้ำปลา น้ำแข็ง มาทา ประคบ ซึ่งเป็นความเชื่อที่ผสมความเข้าใจผิด และอาจทำให้แผลยิ่งอักเสบจนกลายเป็นแผลติดเชื้อได้ คราวนี้จึงจะนำวิธีการรับมือแบบถูกต้องมาฝากกัน ประเมินบาดแผลและการรักษา         1. แผลระดับแรก เป็นแผลกินบริเวณไม่กว้าง ความร้อนทำลายแค่ผิวหนังกำพร้าชั้นนอกเท่านั้น โดยแผลนั้นจะไม่มีตุ่มพองใส แต่จะแค่ผิวหนังบริเวณนั้นมีสีแดงกว่าปกติ มีความรู้สึกว่าปวดแสบและร้อนแบบพอทนได้ ซึ่งจะไม่ทิ้งรอยแผลเป็นไว้เมื่อหายปวด โดยทั่วไปแผลระดับแรกนี้จะหายไปในระยะเวลา 7 วัน วิธีการรักษา แค่ใช้น้ำอุณหภูมิปกติไหลผ่านแผล แล้วจึงใช้น้ำเย็นหรือน้ำแข็งประคบไว้สักครู่หนึ่ง อาการปวดก็จะดีขึ้นเรื่อย ๆ หรือถ้าใครมีคูลฟีเวอร์ ( แปะหน้าผากลดไข้เด็ก ) ก็สามารถนำมาแปะที่แผลไว้ นอกจากนี้การใช้สมุนไพรบางตัว อย่าง ว่านหางจระเข้ ใบบัวบก หรือบัวหิมะ พอกทาที่แผล ช่วยบรรเทาอาการแสบร้อนได้ดี พออาการปวดดีขึ้นก็ให้ทายารักษาอาการ ยาทานั้นมีขายทั่วไปตามร้านขายยา สอบถามได้จากเภสัชกรในร้าน         2. แผลระดับสอง คือแผลที่โดนลึกขึ้น และกินบริเวณกว้างกว่าแผลในระดับแรก เข้าไปถึงชั้นหนังกำพร้า แล้วลึกลงไปถึงชั้นหนังแท้ในระดับหนึ่ง แต่ก็ยังหลงเหลือเซลล์ที่สามารถเจริญเติบโตมาทดแทนชั้นหนังที่ตายแล้วได้อยู่ แผลนั้นจะมี 2 แบบ คือทั้งแบบเป็นตุ่มพองมีน้ำใสๆ ข้างใน พอแกะน้ำออกมาผิวบริเวณนั้นจะมีสีชมพู และมีน้ำเหลืองไหลออกมาเล็กน้อย แผลระดับนี้จะเริ่มมีอาการปวดแสบมากขึ้น เพราะเส้นประสาทถูกทำลายไปด้วย แต่ไม่เยอะมากนักและแผลจะหายภายใน 2-3 สัปดาห์ และจะไม่เกิดแผลเป็น ส่วนอีกแบบนึงจะเป็นแผลที่ไม่มีตุ่มพองแผลจะแห้ง มีสีเหลืองขาวและไม่ค่อยปวด แต่จะทำให้เกิดแผลเป็นได้วิธีการรักษา ใช้วิธีการเดียวกับแผลระดับแรก เพียงแต่อาการแสบร้อนอาจมีมากกว่ากินระยะเวลาการรักษานานกว่า หากมีอาการตุ่มพองน้ำใส อย่าแกะหรือสะกิดให้น้ำออก น้ำด้านในจะค่อยๆ แห้งลงเอง แต่ถ้าแผลเปิดออก ต้องทายาเพื่อรักษาและป้องกันการติดเชื้อ และบางครั้งอาจต้องมีการใช้ยาปฏิชีวนะเพื่อลดการติดเชื้อ            3. แผลระดับสาม แผลลึก รุนแรงกินลึกลงไปถึง หนังแท้ รูขุมขน ต่อมเหงื่อ และเซลล์ประสาทจนหมด ซึ่งแผลระดับนี้ถือว่ารุนแรงมาก เพราะอาจกินลึกไปถึงชั้นกล้ามเนื้อและกระดูก แต่จะไม่มีอาการปวดจากแผล เพราะเซลล์ประสาทโดนทำลายไปทั้งหมด ทำให้ไม่รับรู้ถึงอาการปวด ระดับนี้รักษาเองไม่ได้ต้องไปโรงพยาบาลเท่านั้น สมุนไพร ที่ช่วยในการรักษาแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก บรรเทาอาการแสบร้อน        1. ว่านหางจระเข้ วุ้นของว่านหางจระเข้นั้นมีสาร ไกลโคโปรตีน มีสรรพคุณในการลดการอักเสบของผิวหนัง ฆ่าเชื้อในแผลและห้ามเลือด เหมาะกับการรักษาแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวกได้เป็นอย่างดี วิธีการใช้ ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ว่านหางจระเข้ ทั้งแบบครีมและเจลเพื่อให้ใช้ได้สะดวกยิ่งขึ้น หรือถ้าไม่อยากซื้อใช้ ก็แค่เพียงนำว่านหางจระเข้สดๆ ล้างน้ำเอายางออกปอกเปลือกให้หมด แล้วจึงขูดเอาเนื้อวุ้นมาปิดที่บริเวณแผล ระยะแรกอาจต้องเปลี่ยนบ่อยเพื่อบรรเทาอาการแสบร้อนจนอาการดีขึ้น จากนั้นพอกทาวันละ 2 ครั้ง เช้า - เย็น จนกว่าแผลจะหาย         2. ใบบัวบก มีสรรพคุณในรักษาแผลอักเสบ และสมานแผลทำให้แผลหายเร็ว ลดอาการปวดแสบร้อนได้ดีเช่นกัน วิธีการใช้ ให้นำใบบัวบกสดล้างให้สะอาด แล้วนำไปตำจนละเอียด กรองเอาน้ำแต่ติดกากใบมาด้วยเล็กน้อย แล้วเอามาชโลมที่แผลเรื่อยๆ จนกว่าอาการปวดจะดีขึ้น หรือใช้ครีมบัวบกซึ่งพัฒนาเป็นยาเพื่อใช้บรรเทาอาการแสบร้อนและสมานแผลน้ำร้อนลวก         3. นมสด หรือโยเกิร์ตแช่เย็น ทั้ง 2 อย่างนี้ มีปริมาณไขมันและโปรตีน ที่ช่วยในการสมานแผล และลดอาการปวดแสบร้อนได้ดี วิธีการใช้ แช่แผลลงในนมสดหรือโยเกิร์ต ประมาณ 15 นาทีแล้วล้างออก วิธีนี้นอกจากจะลดอาการปวดได้แล้ว ยังทำให้ไม่เป็นแผลเป็นอีกด้วย         4. เกลือ มีสรรพคุณในการสมานแผล และลดอาการปวดแสบปวดร้อนได้ดี อย่างไม่น่าเชื่อ วิธีการใช้ เมื่อเกิดแผลให้รีบนำเกลือป่นมาพอกไว้ที่บริเวณแผล  แล้วหยดน้ำลงไปเล็กน้อย จะทำให้แผลที่ปวดแสบปวดร้อนดีขึ้น        5. บัวหิมะ สมุนไพรจากจีนที่ค่อนข้างหาซื้อยาก แต่มีสรรพคุณแก้พิษจากไฟไหม้ น้ำร้อนลวก ลดอาการอักเสบปวดแสบร้อนอย่างรุนแรงได้ดี เพราะเป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์เย็น แล้วยังทำให้ผิวบริเวณที่โดนลวกหรือไหม้นั้นไม่เป็นแผลเป็นอีกด้วย วิธีการใช้ ปัจจุบันมีการนำมาทำในรูปแบบของ ผลิตภัณฑ์ที่หาซื้อใช้ได้ง่ายขึ้น แต่อาจมีราคาที่ค่อนข้างสูง บรรเทาอาการและช่วยสมานแผล 1. น้ำส้มสายชู ด้วยกรดอะซีตริกที่อยู่ในน้ำส้ม ช่วยบรรเทาอาการ อักเสบ ปวด และการคันจากการโดนของร้อน และการเผาไหม้ นอกจากนี้ยังช่วยฆ่าเชื้อและป้องกันไม่ให้แผลติดเชื้ออีกด้วย วิธีการใช้ ล้างแผลให้สะอาด แล้วใช้สำลีจุ่มลงไปในน้ำส้มสายชู บีบน้ำออกเล็กน้อยแล้วนำมาวางโปะไว้บนแผลสักครู่ รอจนแผลหายปวดแล้วจึงเอาออก สามารถทำได้ทุกวันจนกว่าแผลจะหาย2. น้ำมันมะพร้าว สามารถป้องกันแผลจากเชื้อแบคทีเรียและเชื้อรา ที่มาของการอักเสบ และเกิดรอยแผลเป็นได้ เพราะอุดมไปด้วยวิตามินอีและกรดไขมัน เหมาะสำหรับแผลที่หายแล้ว วิธีการใช้ นำน้ำมันมะพร้าวมาชโลม แล้วนวดตรงบริเวณที่เป็นแผลเป็น จนผิวและแผลบริเวณนนั้นนุ่มและอ่อนลง สามารถทาได้ทุกวัน 3. น้ำผึ้งจากธรรมชาติ มีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อโรคและลดอาการเจ็บปวดของแผลได้เป็นอย่างดี วิธีการใช้ ล้างแผลให้สะอาดแล้วนำน้ำผึ้งมาหยด จากนั้นนวดตรงบริเวณแผล สามารถทำได้เรื่อยๆ จนกว่าแผลจะหายปวด ข้อมูลจาก  https://www.honestdocs.co/burn-wound-treatment

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 112-113 ห้างถูกไฟไหม้หมด...สัญญาเช่าพื้นที่จบด้วยหรือไม่

ในความเดือดร้อนหลากหลายของผู้ประกอบการร้านค้ารายย่อยที่เช่าพื้นที่ในห้างสรรพสินค้าที่ถูกวางเพลิงในช่วงเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมืองที่บานปลาย มีเรื่องหนึ่งที่ขอหยิบยกมาเป็นความรู้ คือเรื่องภาระค่าเช่าพื้นที่ขายของที่ถูกไฟเผาวอดไปพร้อมกับห้างสรรพสินค้านั้น ผู้ค้ารายย่อยยังจะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายอะไรต่อไปหรือไม่การเช่าพื้นที่ขายของในห้างสรรพสินค้าถือว่าเป็นสัญญาเช่าอสังหาริมทรัพย์ประเภทหนึ่ง ซึ่งการจะฟ้องร้องให้ปฏิบัติตามสัญญากันได้ต้องมีการทำหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อ ผู้เช่า หรือผู้ให้เช่า แต่ถ้าไม่ได้ทำหนังสือสัญญาเช่ากันไว้แต่แรกก็อาจทำเป็นหลักฐานการเช่าในรูปของจดหมายที่ผู้ให้เช่าเขียนถึงกันในภายหลังเพื่อตกลงราคาค่าเช่า หรือ จะเป็นลักษณะของใบเสร็จรับเงินค่าเช่าก็ได้ สำคัญอยู่ที่ว่า ข้อความในหนังสือนั้นได้แสดงให้เห็นว่าได้มีสัญญาเช่ากันขึ้นระหว่างผู้เช่ากับผู้ให้เช่า ถ้าไม่มีหลักฐานที่เป็นหนังสือเหล่านี้จะฟ้องร้องให้ปฏิบัติตามสัญญาเช่าไม่ได้สัญญาเช่าอสังหาริมทรัพย์นั้นสามารถจะระงับสิ้นสุดกันได้หลายสาเหตุ เช่น มีการบอกเลิกสัญญากันเนื่องจากผู้เช่าไม่จ่ายค่าเช่า สัญญาเช่าหมดอายุ หรือสัญญาเช่าระงับลงเมื่อผู้เช่าถึงแก่ความตาย และในกรณีที่ห้างสรรพสินค้าและพื้นที่ให้เช่าถูกไฟเผาไหม้หมด ก็ทำให้สัญญาเช่าต้องระงับลงด้วยเช่นกัน เพราะเมื่อไม่มีทรัพย์สินให้เช่ากันแล้วก็ไม่มีอะไรจะเช่ากัน ส่วนการสูญหายของทรัพย์สินที่ให้เช่าจะเป็นเหตุสุดวิสัยหรือเป็นเพราะความผิดของฝ่ายใดก็ไม่ใช่ข้อสำคัญ เช่น ในกรณีไฟไหม้ สัญญาเช่าต้องเลิกกันไป โดยสิ้นสุดนับแต่วันที่เกิดไฟไหม้นั้น แป๊ะเจี๊ยะที่เคยจ่ายไปล่วงหน้าก็สามารถเรียกคืนกันตามส่วน เงินมัดจำที่เคยจ่ายไปแล้วก็สามารถเรียกคืนได้ตามส่วนเช่นกัน หรือในกรณีที่ทรัพย์สินซึ่งให้เช่าสูญหายไปแต่เพียงบางส่วนไม่ได้สูญหายทั้งหมด และไม่ได้เป็นความผิดของผู้เช่า ผู้เช่าสามารถเรียกให้ลดค่าเช่าลงตามส่วนที่สูญหายได้ไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าเช่าทั้งหมดในราคาเต็ม ทั้งนี้ เนื่องจากสัญญาเช่าทรัพย์เป็นสัญญาต่างตอบแทน หากผู้เช่าไม่ได้ใช้ทรัพย์ที่เช่าโดยที่ไม่ใช่ความผิดของตนสัญญาเช่าก็ต้องระงับกันไป หากผู้ค้ารายย่อยรายใดได้รับความเดือดร้อนเสียหายจากการที่ไม่ได้เข้าไปใช้พื้นที่ได้ด้วยเหตุเพลิงไหม้ก็สามารถใช้สิทธิระงับสัญญาการเช่าพื้นที่ค้าขายได้ทันทีนับแต่วันที่เกิดเหตุ  โดยไม่ต้องจ่ายค่าเช่าต่อไป เงินมัดจำที่จ่ายไปแล้วสามารถเรียกคืนได้ หรือในระหว่างที่ไม่สามารถใช้ประโยชน์จากพื้นที่เช่านั้นอันเนื่องจากห้างต้องปิดเพราะมีการชุมนุมหรือเนื่องจากทางห้างต้องปรับปรุงพื้นที่ก็ไม่มีความจำเป็นต้องจ่ายค่าเช่าอีกเช่นกัน  

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 105 รถไฟไหม้หลังเข้าศูนย์ซ่อม

คุณรัชตะ (นามสมมติ)ใช้รถยนต์ฮอนด้า แอคคอร์ด (V6) รุ่นปี 2003 มาได้ประมาณ 3 ปี 3 เดือน วิ่งประมาณ 113,XXX กิโลเมตรต่อมาในราว ๆ กลางเดือนกันยายน 2552 บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ได้มีจดหมายถึงคุณรัชตะรวมทั้งผู้ที่เป็นเจ้าของรถยนต์ฮอนด้า แอคคอร์ด (V6) รุ่นปี 2003 ถึง 2007 ว่าให้นำรถยนต์ฮอนด้ารุ่นดังกล่าวเข้ารับการเปลี่ยนท่อน้ำมันของระบบบังคับเลี้ยว เนื่องจากพบว่า ท่อน้ำมันระบบบังคับเลี้ยวเกิดเสื่อมสภาพ หลังจากผ่านการใช้งาน ส่งผลให้ระบบบังคับเลี้ยวทำงานผิดปกติและต้องใช้แรงในการหมุนเพิ่มขึ้นขณะหมุนพวงมาลัย โดยบริษัทฯ จะดำเนินการเปลี่ยนอะไหล่ชิ้นใหม่ที่ได้รับการปรับปรุงคุณภาพ(เพิ่มเติม) โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายแต่ประการใดในวันพุธที่ 23 กันยายน 2552 คุณรัชตะได้นำรถเข้ารับบริการที่ศูนย์บริการฮอนด้าเอกอินทราฮอนด้า ออโตโมบิล เพื่อเปลี่ยนชุดลิ้นปีกผีเสื้อและเปลี่ยนท่อน้ำมันของระบบบังคับเลี้ยวตามที่บริษัทฮอนด้าแจ้ง และได้ไปรับรถออกมาในวันศุกร์ที่ 25 กันยายน 2552 คุณรัชตะได้เล่าถึงเหตุการณ์ระทึกขวัญในวันที่ไปรับรถที่เกือบเป็นวันมรณะของตนเองว่าผมรับรถออกมาเมื่อเวลาประมาณ 17.30 น. และขับขึ้นทางด่วนโยธินพัฒนา วิ่งแค่พักเดียว (ถึงประมาณแถวพระราม 9) ก็เกิดอาการพวงมาลัยหนัก/แข็ง (อาการแบบพวงมาลัยหมุนแทบไม่ไปจากระบบพาวเวอร์ไม่ทำงาน) จึงได้นำรถลงบริเวณคลองตันเพื่อวกขึ้นทางด่วนกลับไปศูนย์ฯ(เอกอินทราฮอนด้า ออโตโมบิล) หลังจากผ่านด่านเก็บเงินเพื่อขึ้นกลับไปศูนย์ดังกล่าวซักระยะ การจราจรเริ่มชะลอตัว เริ่มได้กลิ่นเหม็นไหม้ กลิ่นเหมือนการไหม้ของน้ำมันเครื่องโดนความร้อน ซึ่งในกรณีนี้น่าจะเป็นน้ำมันพาวเวอร์ที่รั่วฉีดไปทั่วห้องเครื่อง และเริ่มเห็นควันขาวซึ่งน่าจะเป็นควันจากน้ำมันพาวเวอร์โดนความร้อน ผมจึงได้โทรเข้าศูนย์ เพื่อสอบถามว่าจะทำอย่างไรดีศูนย์แนะนำให้จอดและให้รถลากของทางด่วนลากไปส่ง ผมจึงได้ขับตัดเข้าข้างทาง (บริเวณดังกล่าวเป็นทางบรรจบบนทางด่วน ช่วงพระราม 9) และจอดบริเวณตู้โทรศัพท์ ซึ่งระหว่างนั้นยังไม่ได้ลงจากรถเนื่องจากมีฝนพรำๆ ซึ่งตอนนั้นยังคุยอยู่กับศูนย์ฯ เพื่อขอเบอร์ทางด่วน และได้เบอร์ 1543 ของทางด่วนเพื่อโทรขอความช่วยเหลือระหว่างนั้นกลุ่มควันขาวเริ่มมากขึ้น เนื่องจากตอนนี้รถจอดนิ่งสนิทแล้ว ไม่มีลมพาควันออกไป และจึงเริ่มสังเกตเห็นเปลวเพลิงลุกขึ้นมาบริเวณระหว่างฝากระโปรงและกระจกบังลมหน้า (บริเวณช่องที่ปัดน้ำฝน) จึงได้ออกจากรถ โดยหลังจากนั้นเพลิงได้โหมไหม้จนไม่สามารถควบคุมได้ (เจ้าหน้าที่กู้ภัยทางด่วนใช้ถังดับเพลิงมือถือ หมดไป 4 ถัง) ซึ่งต้องรอรถน้ำของหน่วยกู้ภัยเพื่อเข้าระงับเหตุจึงสามารถควบคุมเพลิงได้ หลังเกิดเหตุ ซึ่งรถเสียหายบริเวณห้องเครื่องทั้งหมดและลามบริเวณส่วนหน้าของคนขับจากการถูกเพลิงไหม้ เจ้าหน้าที่การทางได้ให้เข้าลงบันทึกประจำวันที่ สน.ทางด่วน 1 เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายเสียหายของการทาง ประกอบด้วยค่าใช้จ่าย เติมสารดับเพลิง 4 ถัง, ค่ารถน้ำ 1 คัน, พื้นทางเสียหาย (เข้าใจว่าประกันเป็นผู้สำรองจ่าย) ภายหลังจากลงบันทึกประจำวันที่ สน. ทางด่วนแล้ว รถถูกลากไปรอที่ศูนย์เอกอินทราเพื่อรอการตรวจพิสูจน์ โดยได้นัดทำการตรวจสอบในวันจันทร์ ที่ 28 กันยายน 2552ทั้งนี้ผมโดยส่วนตัวมั่นใจว่าเป็นความผิดพลาดจากการเปลี่ยนท่อน้ำมันระบบบังคับเลี้ยว (ท่อ Hi Power) โดยเป็นข้อผิดพลาดจากการเปลี่ยน/ประกอบ หรือ ตัวอะไหล่ โดยมีข้อสังเกตจากการที่ศูนย์ขอเลื่อนการรับรถผม 1 วัน โดยแจ้งว่าเปลี่ยนท่อ Hi Power แล้วพวงมาลัยมันหนัก (ผมก็ไม่ได้ถามว่าที่บอกว่าหนักนี่คือหนักขึ้น หรือหนักขนาดไหน) โดยศูนย์แจ้งว่าขอไล่ลมและตรวจสอบทั้งระบบ นอกจากนี้ ก่อนที่จะเกิดเหตุเพลิงไหม้ อาการก็คือพวงมาลัยหนัก/แข็ง จากระบบพาวเวอร์นี้เองโดยในปัจจุบัน (3 ตุลาคม 2552) บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ได้รับทราบเรื่องแล้ว รวมทั้งได้ส่งพนักงานเพื่อเข้ามาตรวจสอบเหตุการณ์ดังกล่าวแล้ว (ตั้งแต่วันอังคารที่ 29 กันยายน 2552) แต่ไม่พบการสรุปสาเหตุของปัญหา หรือแนวทางการชดเชยค่าเสียหายแต่อย่างใด และมีข้อสังเกตว่า ศูนย์บริการ เอกอินทราฮอนด้า ออโตโมบิล จำกัด / บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ไม่ได้ให้ความสำคัญต่อเหตุการณ์เท่าที่ควร และไม่ได้ดำเนินการเพื่อเร่งการสรุปสาเหตุ หรือพิจารณาการชดเชยแต่อย่างใด เนื่องจากตั้งแต่เกิดเรื่อง ผมจะต้องเป็นคนติดตามเกือบทั้งหมด ตั้งแต่นัดประกันเข้าตรวจสอบ, การแจ้งเรื่องให้ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะเจ้าของผลิตภัณฑ์เข้ามาร่วมตรวจสอบ, การเรียกร้องให้ได้มาซึ่งการชดเชยเบื้องต้น (ได้ขอรถชั่วคราวเพื่อสำรองใช้ 1 คัน) , และจากการติดตามจากเจ้าหน้าที่ลูกค้าสัมพันธ์ซึ่งเป็นผู้ดูแลปัญหานี้ (ติดตามวันพฤหัสบดีที่ 1 กันยายน 2552 และ ศุกร์ 2 กันยายน 2552) ก็ได้ความว่ายังไม่มีความคืบหน้าทั้งที่เป็นกรณีที่มีความรุนแรง รวมทั้งมีผู้ใช้รถรุ่นเดียวกันที่ถูกเรียกให้เข้าไปดำเนินการเปลี่ยนท่อดังกล่าวจำนวนมากสิ่งที่คุณรัชตะต้องการขอความช่วยเหลือคือต้องการให้เร่งการสรุป การชดเชยค่าเสียหาย รวมทั้งเป็นแกนหลักในการแนะนำถึงความสมเหตุสมผลของการชดเชยที่พึงจะได้รับ ทั้งการชดเชยต่อทรัพย์สิน การชดเชยต่อความไม่ปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ รวมทั้งการชดเชยอื่นๆ ที่พึงจะประเมินได้ตามสมควรแนวทางแก้ไขปัญหาคุณรัชตะร้องเรียนเข้ามาที่มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคในวันอาทิตย์ที่ 4 ตุลาคม 2552 หลังจากที่รถไฟไหม้ได้ 1 อาทิตย์และพยายามตามเรื่องด้วยตนเอง จนในที่สุดได้มีหนังสือแจ้งจากคุณรัชตะว่าศูนย์บริการฮอนด้า (เอกอินทราฮอนด้า) ได้แสดงความรับผิดชอบในเหตุการณ์เกิดขึ้นแล้ว คือ หนึ่ง ได้มีการจัดหารถยนต์สำรองใช้ระหว่างดำเนินการ ตั้งแต่วันที่ 29 กันยายน 2552 สอง ศูนย์บริการฮอนด้าฯ แห่งนี้ได้ทำการชดเชยค่าเสียหายทั้งในส่วนของทรัพย์สินและค่าเสียหายอื่น ๆ ตามที่คุณรัชตะได้รียกร้อง โดยที่คุณรัชตะพึงพอใจต่อการดำเนินการดังกล่าวของศูนย์ฯ และไม่ติดใจเอาความหรือเรียกร้องอื่น ๆ เพิ่มเติมแต่อย่างใดสำหรับผู้ที่เป็นเจ้าของรถยนต์ฮอนด้า แอคคอร์ด (V6) รุ่นปี 2003 ถึง 2007 และได้รับแจ้งให้ไปเปลี่ยนท่อน้ำมันของระบบบังคับเลี้ยว(เพิ่มเติม) หากสงสัยว่าอาจมีปัญหาเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนอะไหล่ ไม่ควรปล่อยให้ชักช้าเนิ่นนานไป รีบติดต่อศูนย์บริการโดยทันทีเป็นดีที่สุด

อ่านเพิ่มเติม >