ฉบับที่ 262 ความเคลื่อนไหวเดือนธันวาคม ปี 2565

เชียงใหม่อันดับ 1 เสี่ยงสารเคมีการเกษตรตกค้างในร่างกาย        สสส.ระบุ เชียงใหม่เป็นจังหวัดที่พบว่ามีสารเคมีตกค้างในเลือดสูงเป็นอันดับ 1         นางประภาศรี บุญวิเศษ กรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เปิดเผยว่าเชียงใหม่เป็นจังหวัดที่พบว่ามีสารเคมีตกค้างในเลือดสูงเป็นอันดับ 1 จำเป็นต้องเร่งสร้างความรู้ด้านอาหารให้แก่เกษตรกรร่วมมือกับร้านอาหาร ตลาด โรงแรม ช่วยกันพัฒนาแหล่งอาหารที่ปลอดภัยในชุมชน เลือกซื้ออาหารที่มีโภชนาการที่เหมาะสมจากการปลูกผักที่ปลอดภัยด้วยตนเอง         จากข้อมูลของ รศ.ดร.วินิตา บุณโยดม รองอธิการบดี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ระบุภาคเหนือ คือภาคที่มีสารเคมีตกค้างในร่างกายของประชาชนในระดับเสี่ยงและไม่ปลอดภัยมากกว่า 10 ปีแล้ว โดยปี 2565 มีสารเคมีตกค้างกว่า 70.3% ภาคใต้ 58.65%  ภาคกลางและภาคตะวันออก 41.19% ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 37.14% และข้อมูลจาก ศ.ดร.พวงรัตน์ ขจิตวิชยานุกูล อาจารย์ประจำคณะวิศวกรรมศาสตร์ มช. อีกเช่นกันระบุว่า พืชผักที่มีสารเคมีตกค้างมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ คะน้า ผักกาดขาว มะเขือเทศ กะเพรา พริกขี้หนู และส่งผลให้สารเคมีในเลือดอาสาสมัคร 189 คน อยู่ระดับเสี่ยงถึง 56.25% ระดับไม่ปลอดภัย 28.08% แต่ระดับปลอดภัยและปกติ อยู่เพียง 9.18 และ 6.49 เท่านั้น พบเนื้อสัตว์แช่ฟอร์มาลิน ส่งขายร้านหมูกระทะ         นายสัตวแพทย์สมชวน รัตนมังคลานนท์ อธิบดีกรมปศุสัตว์ เปิดเผยว่า ได้รับรายงานเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2565 จากด่านกักกันสัตว์ชลบุรีว่า เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบสถานประกอบกิจการผลิตภัณฑ์แปรรูปวัตถุดิบเนื้อและเครื่องในสัตว์ จ.ชลบุรี เนื่องจากได้รับการร้องเรียนจากประชาชนว่า มีการลักลอบผลิตเนื้อสัตว์โดยไม่ได้รับอนุญาตจากการเข้าตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ พบว่าไม่มีการขออนุญาตผลิตอาหารและใบอนุญาตอื่นๆ ซึ่งมีความผิดตามพระราชบัญญัติโรคระบาด พ.ศ.2558 พระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ.2522 พระราชบัญญัติควบคุมการฆ่าสัตว์เพื่อการจำหน่ายเนื้อสัตว์ พ.ศ.2559 นอกจากนี้  วัตถุดิบชิ้นส่วนเครื่องในโค เครื่องในสุกร มีการใช้สารเคมีในกระบวนการผลิต ซึ่งประกอบไปด้วย ฟอร์มาลิน โซดาไฟ ไฮโดรเจนเปอร์อ๊อกไซด์ ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ยึดของกลางดังกล่าวไว้ เช่น ชิ้นส่วนเนื้อและเครื่องในสุกรและโค จำนวน 25,000 กิโลกรัม พร้อมด้วยแกลลอนบรรจุสารเคมีฟอร์มาลิน 50 แกลลอน และใบเสร็จที่มีการขายให้กับร้านหมูกระทะและร้านอาหารอีสานกว่า 66 ราย    6 แอปพลิเคชันเรียกรถถูกกฎหมาย         นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เปิดเผยว่า ทางรัฐบาลได้ส่งเสริมการผลักดันให้บริการทางเลือกรถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ โดยกระทรวงคมนาคมได้ออกกฎกระทรวงรถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ.2564 ให้ภาครัฐสามารถควบคุมและกำกับการดูแลการให้บริการที่ปลอดภัย รวมทั้งเกิดการแข่งขันในการพัฒนาใต้กติกาเดียวกัน          ทั้งนี้ บริการทางเลือกรถยนต์รับจ้างผ่านแอปพลิเคชันคือการให้บริการผ่านแอปฯ ที่กระทรวงคมนาคมให้การรับรอง มีความปลอดภัย ไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการ แสดงค่าโดยสารล่างหน้าชัดเจน ตรวจสอบได้ มีประกันครอบคลุมตามกฎหมายคุ้มครองประสบภัยกำหนด ซึ่งปัจจุบันได้ให้การรับรองแอปพลิเคชันแล้ว จำนวน 6 ราย ได้แก่ แกร็บ,โรบินฮู้ด,ฮัลโหลภูเก็ต เซอร์วิส,บอนกุ,เอเชีย แค็บ,และ “Airasia Super App” นอกจากนี้ ผู้ขับรถต้องมีใบอนุญาตขับรถสาธารณะ สามารถอบรมทางออนไลน์ได้ที่ www.dlt-elearning.com ชาวไอทีแนะอย่าโหลดแอปพลิเคชันแปลกนอก Store ดีสุด         จากโพสต์ของผู้ใช้ทวิตเตอร์  Chanon Ngernthongdee  ซึ่งทดลองเป็นเหยื่อของแกงค์คอลเซนเตอร์เพื่อทดสอบว่าอะไรคือสิ่งที่แกงค์ดังกล่าวใช้เล่นงานผู้บริโภค โดยเขาออกมาเตือนว่า วิธีป้องกันอย่างง่ายที่สุดคือ ไม่โหลด app นอก Store หรือ Block installation of unmanaged mobile apps          ทั้งนี้ผู้ใช้ทวิตเตอร์ท่านนี้บอกว่า ตนเองพยายามตกเป็นเหยื่อ call center อยู่นานมากเพื่อจะได้รู้ว่าเขาหลอกยังไง ให้ลง app (แอปพลิเคชัน) อะไร สุดท้ายในที่สุดก็ได้ app นั้นมา ทำให้ตนเข้าใจแล้วว่าทำไม app นั้นถึงสามารถไปดึงข้อมูลและสั่งให้ app ธนาคารทำธุรกรรมทางการเงินของเหยื่อได้ คนเขียน app นั้นใช้ AccessibilityService เพื่อควบคุมนั่นเอง มพบ.จัดอบรมให้เยาวชนเท่าทันทางการเงินจากโลกออนไลน์                   วันที่ 1-2 ธันวาคม 2565 ณ โรงเรียนวัดสุทธาโภชน์ กรุงเทพมหานคร มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ได้จัดกิจกรรมฝึกอบรมหลักสูตร “เยาวชนเท่าทันการเงิน” เพื่อเสริมทักษะให้การเยาวชนไทยเรื่องการเงิน โดยได้รับการสนับสนุนจากสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ซึ่งจากข้อมูลที่ทางมูลนิธิฯ ได้รับเรื่องร้องเรียน เช่น บัตรเครดิต การชำระหนี้ การจัดการหนี้ การทวงหนี้ไม่เป็นธรรม มากเป็นลำดับต้นๆ ส่วนใหญ่สาเหตุหลักคือ ประชาชนไทยยังขาดทักษะ ความเข้าใจการใช้บัตรเครดิต การวางแผนทางการเงิน การเท่าทันภัยการเงินทางออนไลน์         ทั้งนี้ นางนฤมล เมฆบริสุทธิ์ รองผู้อำนวยการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ฝ่ายพิทักษ์สิทธิ์ กล่าวว่า โครงการเยาวชนรู้เท่าทันทางการเงิน เริ่มดำเนินการอบรมมาตั้งแต่ ปี2563  เข้าร่วมกว่า 30 โรงเรียน ทั้งภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคใต้ ภาคตะวันตก ภาคตะวันออก และภาคอีสาน มูลนิธิฯ ยังคงดำเนินการด้วยความเชื่อมั่นว่า ถ้าเด็กและเยาวชนไทยมีความรู้เท่าทันทางการเงิน วางแผนการจัดการรายได้และรายจ่าย ย่อมเป็นทักษะสำคัญที่สร้างชีวิตที่มีคุณภาพได้

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 255 Scannable เครื่องสแกนส่วนตัวแบบพกพา

        เทคโนโลยีที่ถูกพัฒนาออกมานั้นมักเกิดขึ้นเพื่อมาตอบสนองความต้องการที่มีอยู่ของผู้ใช้ อย่างเอกสารสำคัญต่างๆ ที่จำเป็นต้องนำส่งอย่างเร่งด่วน แต่ความพร้อมในการนำส่งเอกสารเป็นอุปสรรค เหตุการณ์ในลักษณะนี้เชื่อว่าต้องเคยมีประสบการณ์กันบ้างไม่มากก็น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งบุคคลที่ทำงานตามสถานที่ต่างๆ ที่ไม่ใช่ที่ทำงาน ซึ่งไม่มีความพร้อมในเรื่องอุปกรณ์สำนักงาน ปัญหาเหล่านี้กลับกลายเป็นอุปสรรคที่ทำให้การทำงานมีความล่าช้า จนบางครั้งได้สร้างความกังวลใจตามมา         ลองมาดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่น Scannable นี้กัน ซึ่งเป็นแอปพลิเคชั่นที่เหมาะกับผู้ที่ไม่มีเวลาสรุปเอกสารหรือไม่มีเครื่องถ่ายเอกสารที่จะช่วยสแกนเอกสารที่จำเป็นเพื่อส่งต่อให้กับที่ทำงานหรือบุคคลอื่น ข้อดีสำหรับแอปพลิเคชั่นนี้คือ แม้ว่าจะสแกนบิดเบี้ยวแค่ไหนแต่แอปพลิเคชั่นจะจัดการให้เป็นหน้ากระดาษสวยงาม พร้อมกับปรับแต่งภาพและสีให้ตัวอักษรสามารถเห็นได้ชัดเจน แต่ถ้ายังไม่พึงพอใจกับการปรับแต่งของแอปพลิเคชั่นก็สามารถปรับแต่งเพิ่มเติมเองได้ภายหลัง ดังนั้นหมดปัญหากังวลใจกับแสงและเงาที่จะทับภาพขณะที่ถ่ายรูปได้เลย รับรองว่าภาพที่สแกนออกมาสวยแน่นอน         การใช้งานง่ายมาก ขั้นตอนแรกต้องอนุญาตการเข้าถึงกล้องถ่ายรูปภายในสมาร์ทโฟนก่อน เมื่อเข้ามาสู่แอปพลิชั่นในหน้าแรกจะปรากฎเป็นกล้องถ่ายรูปเพื่อใช้ถ่ายสแกนภาพที่ต้องการ โดยหน้าจอจะปรากฎปุ่มต่างๆ เริ่มจากด้านซ้ายมือดังนี้ ปุ่มสัญลักษณ์สามจุด เป็นปุ่มที่ให้เข้าสู่การตั้งค่าต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการตั้งค่าแสงแฟลช การตั้งค่าการถ่ายภาพ โดยใน 2 เมนูนี้สามารถเลือกในรูปแบบอัตโนมัติ หรือเปิดปิดด้วยตนเองได้ และมีอีกเมนูที่น่าสนใจนั่นคือ เมนู Recents ที่จะช่วยเก็บภาพสแกนที่เคยถ่ายสแกนไว้แต่ไม่ได้เก็บบันทึกไว้ ซึ่งช่วยทำให้เก็บข้อมูลที่อาจจะพลาดในการบันทึก         ต่อไปเป็นปุ่มสัญลักษณ์อักษร S (เอส) เป็นปุ่มที่ให้ผู้อ่านสามารถเชื่อมต่อไปยังเครื่องปริ๊นเตอร์เพื่อสแกนเอกสารภายในที่ทำงาน ปุ่มสัญลักษณ์ถังขยะเพื่อลบภาพเอกสารที่สแกน และปุ่มสัญลักษณ์เครื่องหมายถูกเพื่อจบการถ่ายภาพและนำไปสู่ขั้นตอนต่อไป         การถ่ายภาพเอกสารสามารถถ่ายภาพได้อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สแกนออกมาเป็นไฟล์เดียวกันได้ โดยภาพที่ถ่ายแต่ละภาพนั้นจะปรากฎให้เห็นด้านล่างของหน้าจอ เมื่อเสร็จสิ้นการถ่ายภาพ ให้ผู้ใช้แอปพลิเคชั่นกดที่ปุ่มสัญลักษณ์เครื่องหมายถูกหรือกดที่ภาพด้านล่าง จากนั้นจะปรากฎรายละเอียดภาพทั้งหมด โดยกรณีที่ต้องการแก้ไขภาพให้กดปุ่มสัญลักษณ์ขีดสามขีดบริเวณมุมล่างซ้ายของภาพไนั้นเพื่อแก้ไข ซึ่งจะมีเมนู 4 เมนู ได้แก่ เมนูลบ เมนูกลับภาพ เมนูครอบภาพ และเมนูตกแต่งภาพ           เมื่อดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้ว จะมีวิธีการส่งภาพและการบันทึกภาพให้เลือก โดยสามารถส่งภาพไปยังอีเมล แอปพลิเคชั่นไลน์ ข้อความ ฯลฯ สำหรับผู้ใช้ที่มีการเก็บข้อมูลไว้ใน Evernote อยู่แล้วสามารถเชื่อมต่อผ่านแอปพลิเคชั่นนี้ได้ทันที ทั้งนี้ถ้าบันทึกลงในสมาร์ทโฟนจะแยกเป็นภาพ แต่ถ้าส่งภาพไปยังที่อื่น สามารถส่งเป็นสกุลไฟล์ Pdf ได้         ตอนนี้ไม่ต้องกังวลใจแล้วถ้ามีใครต้องการเอกสารแบบเร่งด่วน แค่มีสมาร์ทโฟนกับแอปพลิเคชั่น Scannable ก็พร้อมเสมอ แอปพลิเคชั่นนี้เหมาะอย่างยิ่งกับความเร่งรีบแบบนี้จริงๆ ซึ่งช่วยทำให้มีความสะดวกรวดเร็ว แถมเอกสารมีความคมชัดเสมือนใช้เครื่องปริ๊นเตอร์ในการสแกนเลยทีเดียว

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 217 M Help Me ช่วยเหลือคนทั้งมวล

                สังคมโซเชียลในปัจจุบันมีให้เห็นข่าวภัยอันตรายที่เกิดขึ้นมากมาย จนทำให้หลายคนเริ่มกังวลว่าสังคมไทยมีแต่เรื่องน่ากลัวไปหมด ผู้ใหญ่เริ่มเป็นห่วงความปลอดภัยของลูกหลานกันมากขึ้น จนอาจถึงขั้นวิตกกังวล หลายคนพยายามหาวิธีป้องกันในหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการให้เรียนวิชาป้องกันตัว การลงทุนซื้อรถยนต์ส่วนตัวให้ เป็นต้น         ด้วยภัยอันตรายที่เพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวในปัจจุบัน จนทำให้ต้องคอยเฝ้าระวังภัยที่อาจเกิดขึ้นรอบตัวในทุกย่างก้าวของการใช้ชีวิต เครื่องมือหนึ่งที่สามารถเข้ามาช่วยได้ส่วนหนึ่งก็คือการดาวน์โหลดแอปพลิเคชันที่มีชื่อว่า “M Help Me” หรือชื่อภาษาไทยว่า “ช่วยเหลือคนทั้งมวล” มาบนสมาร์ทโฟนที่ผู้อ่านใช้อยู่เป็นประจำ ซึ่งสามารถใช้งานได้ทั้งในระบบปฏิบัติการ Android และระบบปฏิบัติการ iOS         แอปพลิเคชัน “M Help Me” ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อสร้างประโยชน์ในการเข้าป้องกัน ให้ความช่วยเหลือ และแจ้งข่าวสารในด้านต่างๆ เมื่อเข้าแอปพลิเคชันครั้งแรกจะต้องเลือกภาษาที่ต้องการ (ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ภาษาจีน) และเริ่มต้นการใช้งานโดยกรอกชื่อนามสกุลและเบอร์โทรศัพท์มือถือ เพื่อทำการยืนยันตัวตนในการเข้าใช้งานระบบแอปพลิเคชัน         ภายในแอปพลิเคชันจะเห็นเมนูด้านบนสุด จะเป็นการให้ข้อมูลข่าวสารที่เกี่ยวกับหน่วยงานภาครัฐ ไม่ว่าจะเป็นตำรวจจราจร กรมเจ้าท่า สำนักงานสถิติ กรมทรัพยากร กระทรวงพัฒนาการสังคม สถาบันสิ่งแวดล้อม การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย กรมควบคุมโรค สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เป็นต้น หรือสามารถเข้าได้ในเมนูถัดไปที่เขียนว่าแจ้งข่าวสารก็ได้         ถัดลงมาจะเป็นการแสดงตำแหน่งปัจจุบันของผู้ใช้แอปพลิเคชัน เพื่อแจ้งให้ทราบว่าอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยหรือไม่ ต่อจากนั้นจะเป็นหัวข้อการช่วยเหลือ ซึ่งจะรวบรวมแบบฟอร์มการร้องทุกข์ของแต่ละหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการให้ความช่วยเหลือด้านต่างๆ และยังมีข้อมูลการช่วยเหลือที่แบ่งออกเป็น 4 หมวด ได้แก่ สายด่วน แผนที่ เตือนภัย และประกาศ        สามารถค้นหาสถานที่สาธารณะในบริเวณใกล้เคียง เช่น สถานีตำรวจ สถานพยาบาล หน่วยงานราชการ ศูนย์การค้า สถานที่ท่องเที่ยว สถานีรถไฟ สถานีบริการน้ำมัน เป็นต้น โดยจะปรากฎเป็นแผนที่เส้นทางให้อัตโนมัติ        ที่สำคัญของแอปพลิเคชันนี้คือ ปุ่มแจ้งเหตุ โดยผู้ใช้ต้องเลือกหน่วยงานที่จะแจ้งเหตุระหว่างกองบังคับการตำรวจจราจรกับศูนย์ความช่วยเหลือ และกรอกข้อมูลที่เกิดขึ้นทั้งเป็นข้อความหรือภาพถ่าย ภาพวิดีโอ เพื่อส่งรายงานข้อมูลดังกล่าวไปยังปลายทาง         ส่วนบริเวณด้านล่างสุดของหน้าแอปพลิเคชันยังมีส่วนของการรายงานความช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่แสดงให้ทราบว่ามีผู้ที่รอความช่วยเหลือและช่วยเหลือสำเร็จแล้วกี่คนบ้าง        ต่อไปเป็นปุ่มที่สามารถใช้ได้เมื่อเกิดสถานการณ์ฉุกเฉินและต้องการได้รับความช่วยเหลือทันที เป็นปุ่มสีแดงที่เขียนว่า SOS เมื่อกดเข้าไปจะเป็นการส่งสัญญาณเพื่อเริ่มขอความช่วยเหลือฉุกเฉินภายใน 3 วินาที ซึ่งปุ่ม SOS นี้มีความสำคัญอย่างมาก         ผู้ใช้สมาร์ทโฟนจึงควรที่จะดาวน์โหลดแอปพลิเคชันนี้มาเก็บไว้ใช้งานกรณีที่เกิดสถานการณ์ไม่คาดคิด เพราะแอปพลิเคชัน “M Help Me” หรือชื่อภาษาไทยว่า “ช่วยเหลือคนทั้งมวล” สามารถช่วยเหลือคนทั้งมวลเหมือนตามชื่อแอปพลิเคชันจริงๆ

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 146 โหลดฟรีกับแอพพลิเคชั่น App of the Day

  ผู้อ่านเคยยอมเสียเงินเพื่อดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟนบ้างหรือเปล่า   ต้องยอมรับกันว่าหลายคนคงยอมเสียเงินเพื่อแลกกับการได้เล่นแอพพลิเคชั่นที่ตนสนใจ และน่าสนใจ  ไม่ว่าจะเป็นแอพพลิเคชั่นความสวยความงาม  แอพพลิเคชั่นอาหารการกิน แอพพลิเคชั่นด้านการเงินการบริหาร แอพพลิเคชั่นตกแต่งภาพ แอพพลิเคชั่นเกมส์ต่างๆ และแอพพลิเคชั่นอื่นๆ อีกมากมาย ล้วนเป็นที่น่าสนใจในสายตาของผู้มีสมาร์ทโฟนทั้งสิ้น แต่การเสียเงินเพื่อให้แอพพลิเคชั่นนั้นลงมาอยู่บนสมาร์ทโฟนของตน ก็ทำให้ผู้บริโภคฉลาดซื้ออย่างพวกเรารู้สึกไม่คุ้มค่าและสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ   ด้วยเหตุนี้ แอพพลิเคชั่น  App of the Day จึงน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด   แอพพลิเคชั่น  App of the Day เป็นแอพพลิเคชั่นที่คอยแจ้งให้เจ้าของสมาร์ทโฟนได้ทราบว่าในแต่ละวันมีแอพพลิเคชั่นตัวไหนที่เปิดให้ดาวน์โหลดฟรี โดยสามารถดาวน์โหลดได้ภายใน 24 ชั่วโมง เมื่อคลิกเข้าไปในแอพพลิเคชั่น App of the Day โปรแกรมจะดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นที่เปิดให้ดาวน์โหลดฟรีขึ้นมาให้เห็น ซึ่งในแต่ละวันจะมีเพียงแอพพลิเคชั่นเดียวที่จะเปิดฟรี ให้ดาวน์โหลดหมุนเวียนกันไป  และบริเวณรายละเอียดภายในแอพพลิเคชั่น จะมีเวลานับถอยหลังสำหรับการดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นนั้นๆ ปรากฏอยู่  ตรงนี้จะช่วยให้รู้เวลาที่เหลือ แล้วผู้อ่านก็รีบไปบอกต่อเพื่อนๆ เลยค่า...   นอกจากนี้ด้านบนหน้าจอของแอพพลิเคชั่น ยังบอกราคาของแอพพลิเคชั่นนั้นๆ ไว้ด้วย เผื่อใครดาวน์โหลดฟรีไม่ทัน จะได้รู้ว่าราคาที่แท้จริงอยู่ที่เท่าไร  ส่วนบริเวณด้านล่างหน้าจอของแอพพลิเคชั่น จะมีรายละเอียดที่แจ้งให้ว่าแอพพลิเคชั่นตัวไหนบ้างที่เคยเปิดให้ดาวน์โหลดฟรี พร้อมราคาให้เสร็จสรรพ   ถ้าเปิดแอพพลิเคชั่น App of the Day แล้ว รู้สึกพึงพอใจกับแอพพลิเคชั่นที่ปรากฏอยู่ ก็คลิกเลย  

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 143 เชื่อหรือไม่ การโหลดของขึ้นเครื่องบิน อาจทำให้ของด้อยค่าลงได้

เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อปลายปี 2554 แม้เวลาผ่านมาได้ 1 ปีแล้ว แต่เหตุการณ์แบบนี้อาจเกิดขึ้นกับใครอีกก็ได้ ถ้าสายการบินและผู้ดูแลสนามบินไม่มีมาตรการความปลอดภัยที่ดีกว่าเดิมเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2554 คุณสุทธิดาเดินทางจากจังหวัดเชียงรายเข้ากรุงเทพมหานคร โดยสายการบินไทยเที่ยวเวลา 10.25 น. ถึงสนามบินสุวรรณภูมิ เวลา 11.30 น. มายืนรอรับกระเป๋าที่โหลดขึ้นเครื่องมาพร้อมกันอยู่เป็นนาน กลับไม่เห็นวี่แวว จึงได้ติดต่อเจ้าหน้าที่ของการบินไทยรอประมาณ 1 ชั่วโมงก็ยังไม่ได้กระเป๋าคืน สรุปความได้ว่ากระเป๋าหายแน่แล้วเจ้าหน้าที่การบินไทยจึงให้เธอแจ้งเรื่องกระเป๋าหายไว้ และให้ไปรอที่โรงแรมที่พัก ถ้าได้กระเป๋าแล้วจะติดต่อกลับมา วันนั้นเธอใช้เวลาเดินทางบนเครื่องบินราว 1 ชั่วโมง แต่ต้องมาเสียเวลาติดตามเรื่องกระเป๋าหายข้ามปีคุณสุทธิดาบอกว่า ในวันนั้นเธอต้องรีบมาประชุมที่โรงแรมแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ เวลา 16.00 น. และยังมีการประชุมต่อเนื่องอีก 2 วัน เป็นงานประชุมระดับชาติ แต่เธอไม่มีของใช้ติดตัวอะไรเลย ของในกระเป๋ามีชุดประชุม 4 ชุด ซึ่งตัดใหม่สำหรับใส่ไปงานนี้ 2 ชุด มีทั้งเสื้อสูท ชุดไปรเวท กางเกง เครื่องสำอาง น้ำหอม ชุดชั้นในบอดี้สูท ยกทรง ที่ชาร์ตแบตกล้องถ่ายรูป มือถือ หนังสือ แผ่นซีดี วิตามิน รวมราคาประมาณ 3 หมื่นกว่าบาท“ลำบากมากๆ และต้องเสียเวลา เสียค่าใช้จ่ายในการซื้อสิ่งของต่างๆ เพื่อใช้ในการประชุมอย่างเร่งด่วน เสียค่าโทรศัพท์เพื่อติดต่อการบินไทย ที่สำคัญเกิดความวิตกกังวลกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้พักผ่อนและประชุมด้วยใจที่ไม่ปกติสุข”สำนักงานการบินไทยบอกกับคุณสุทธิดาว่าให้รอครบ 21 วันก่อน ถ้าไม่ได้กระเป๋าจะทำเรื่องเคลมให้ พอถึงกำหนดกระเป๋ายังไม่ได้คืน คุณสุทธิดาจึงได้ทำเรื่องเคลมขอเรียกค่าเสียหายไป “สำนักงานการบินไทยที่เชียงรายโทรมาบอกว่า ทราบเรื่องแล้วจะเคลมให้โดยคิดเป็นกิโลกรัม กิโลกรัมละ 450 บาท กระเป๋าดิฉันหนัก 13 กิโลกรัมรวมแล้วได้ประมาณ 5,850 บาท ซึ่งไม่คุ้มกับสิ่งที่เสียไป และไม่ได้เป็นความผิดของดิฉันด้วย การบินไทยทำแบบนี้ดิฉันรู้สึกยอมรับในเงื่อนไขไม่ได้ค่ะ ขอปรึกษาและขอความช่วยเหลือ ต้องทำอย่างไรต่อไปคะ” แนวทางแก้ไขหลังได้รับเรื่องร้องเรียน เรารู้สึกหนักใจเพราะกรณีนี้ยากแก่การพิสูจน์ว่ามีรายการทรัพย์สินและมูลค่าทรัพย์สินตามที่ผู้ร้องเรียนกล่าวอ้างจริงมากน้อยแค่ไหน จึงได้ขอให้ผู้ร้องทำรายละเอียดรายการทรัพย์สินที่สูญหายไปพร้อมกับกระเป๋าพร้อมมูลค่าราคาทรัพย์สิน เพื่อแนบส่งไปให้บริษัทการบินไทย ได้พิจารณาอีกครั้งต่อมาการบินไทยได้มีหนังสือตอบกลับมาว่า บริษัทฯ ตระหนักในความเสียหายที่เกิดขึ้นในการขนส่งสัมภาระของสุทธิดา และได้มีจดหมายขออภัยและชี้แจงไปยังคุณสุทธิดาแล้ว ถึงหลักเกณฑ์ตามมาตรฐานสากลในการชดเชยค่าเสียหายกรณีสัมภาระสูญหาย สำหรับเที่ยวบินในประเทศ พิจารณาจากน้ำหนักจริงของสัมภาระที่สูญหาย กิโลกรัมละ 450 บาท ซึ่งในกรณีนี้ผู้โดยสารเดินทางในชั้นประหยัด พร้อมสัมภาระจำนวน 1 ชิ้น 13 กิโลกรัม ดังนั้นหากพิจารณาตามเกณฑ์ปรกติกรณีสัมภาระสูญหาย ผู้โดยสารจะได้รับค่าชดเชยเป็นเงินจำนวน 5,850 บาท ทั้งนี้ บริษัทฯ โดยสำนักงานเชียงรายได้พิจารณาชดเชยจากน้ำหนักสูงสุดที่อนุญาตคือ 20 กิโลกรัม ในการคำนวณค่าชดเชยเป็นเงินทั้งสิ้น 9,000 บาท ซึ่งเป็นจำนวนสูงสุดที่บริษัทฯ สามารถให้ได้นอกเหนือจากหลักเกณฑ์การพิจารณาตามปรกติ และขอยืนยันว่าจำนวนเงินค่าชดเชยดังกล่าว บริษัทฯ ได้พิจารณาเป็นกรณีพิเศษแล้วเราแจ้งคำยืนยันของการบินไทยฯ ให้คุณสุทธิดาพิจารณาอีกครั้งว่า จะตัดสินใจยอมรับในค่าชดเชยใหม่ที่การบินไทยเสนอหรือว่าจะดำเนินการฟ้องเป็นคดีผู้บริโภคต่อไป คุณสุทธิดาตกลงยอมรับในค่าชดเชยใหม่ เพราะหากจะฟ้องร้องต่อ เรื่องก็อาจกินเวลามากขึ้น และอาจได้รับการพิจารณาชดเชยความเสียหายที่ไม่ต่างกันมากนักก็ได้คติเตือนใจสำหรับเรื่องนี้ เดินทางด้วยเครื่องบิน ถ้าคุณนำโน้ตบุ้คส์น้ำหนัก 1 กิโลกรัมโหลดขึ้นเครื่องแล้วเกิดสูญหาย จำไว้ว่าคุณจะได้เงินคืนเพียง 450 บาทเท่านั้น อยากได้มากกว่านั้นต้องฟ้องสถานเดียว  ทางที่ดีของมีค่าควรเก็บไว้กับตัวเราเป็นดีที่สุด

อ่านเพิ่มเติม >