ฉบับีท่ 263 แปรงสีฟันไฟฟ้า

        ตลาดแปรงสีฟันไฟฟ้าทั่วโลกเริ่มคึกคักและมีแนวโน้มจะได้รับความสนใจจากผู้บริโภคมากขึ้น หลังผู้คนหันมาให้ความใส่ใจกับสุขภาพอนามัยช่องปากกันมากขึ้น เราได้เห็นความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ ราคา รวมถึงแบรนด์ใหม่ๆ ในตลาดฉลาดซื้อฉบับนี้จึงขอนำผลทดสอบเปรียบเทียบประสิทธิภาพของแปรงสีฟันไฟฟ้ามาฝากสมาชิกกันอีกครั้ง* (ดูผลการทดสอบครั้งก่อนหน้าได้ใน ฉกลาดซื้อ ฉบับ 251)         เช่นเดียวกับครั้งก่อน การทดสอบแบ่งออกเป็นสองส่วน ได้แก่การตรวจวัดในห้องปฏิบัติการ และความเห็นจากอาสาสมัครที่ใช้งานจริง โดยคะแนนจะแบ่งออกเป็นสี่ด้าน ได้แก่ ประสิทธิภาพในการทำความสะอาดฟัน (ร้อยละ 50)  แบตเตอรี/การชาร์จ (ร้อยละ 30) การใช้งานสะดวก (ร้อยละ 25)  และการปลอดเสียงรบกวน (ร้อยละ 5)          แปรงสีฟันไฟฟ้า 14 รุ่น ที่ทดสอบ (ราคาระหว่าง 715 ถึง 10,500 บาท)* มีทั้งรุ่นที่ใช้ระบบการสั่นของขนแปรง การหมุนของหัวแปรง หรือทั้งสองระบบรวมกัน แปรงส่วนใหญ่ที่เราทดสอบเป็นชนิดที่ชาร์จไฟได้ มีเพียงหนึ่งรุ่นที่ใช้พลังงานจากถ่านอัลคาไลน์        ในภาพรวมเราพบว่าการลงทุนไม่เกิน 3,000 บาท ก็สามารถได้แปรงไฟฟ้ารุ่นที่ได้คะแนนดีที่สุด (Oral-B iO-4n) มาครอบครองได้ หรือถ้าใครไม่อยากจ่ายเกินหนึ่งพัน ก็ยังมีรุ่นที่ได้คะแนนระดับดี (Dontodent) ให้เลือกใช้ เช่นกัน และยังมีแปรงบางรุ่นที่ผู้ผลิตให้หัวแปรงสำหรับเปลี่ยนมากถึง 3 หรือ 4 หัว แม้ราคาอาจจะสูงขึ้นมาบ้าง แต่เมื่อคำนวณดูแล้วก็เป็นการลงทุนที่น่าจะคุ้มค่าเช่นกัน        การทดสอบโดยสมาชิกขององค์กรทดสอบระหว่างประเทศครั้งนี้ทำขึ้นในช่วงปลายปี 2565 เนื่องจาก ฉลาดซื้อ เป็นหนึ่งในสมาชิกที่ร่วมลงขันจึงสามารถนำผลทดสอบเปรียบเทียบมาเผยแพร่ให้กับผู้ที่จ่ายค่าสมาชิกของเราได้           ราคาที่นำเสนอแปลงจากหน่วยเงินปอนด์หรือยูโร ตามข้อมูลที่พบในอินเทอร์เน็ต โปรดตรวจสอบราคา (รวมถึงค่าจัดส่งหากสั่งซื้อออนไลน์) อีกครั้งก่อนตัดสินใจ

สำหรับสมาชิก >
ฉลาดซื้อ เก็บแต้มแลกสินค้า300 Point

ฉบับที่ 251 แปรงสีฟันไฟฟ้า

        ปัจจุบันตลาดสินค้าสำหรับอนามัยช่องปากคึกคักขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ ทั้งยาสีฟัน น้ำยาบ้วนปาก สเปรย์ดับกลิ่นปาก รวมถึงแปรงสีฟันไฟฟ้าก็มีหลากยี่ห้อ หลายระดับราคาให้เลือกมากขึ้น ฉลาดซื้อฉบับนี้เลยขอนำเสนอผลการทดสอบแปรงสีฟันไฟฟ้าที่องค์กรทดสอบระหว่างประเทศ ได้ทำการทดสอบเปรียบเทียบไว้จำนวน 14 รุ่น มาให้สมาชิกที่กำลังมองหาตัวช่วยให้ประสบการณ์แปรงฟันครั้งละสองนาทีน่ารื่นรมย์ขึ้น         แปรงไฟฟ้าที่ทดสอบครั้งนี้มีราคาตั้งแต่ประมาณ 700 ถึง 11,200 บาท* โชคดีที่ทั้งสองรุ่นนี้ไม่ใช่รุ่นที่ได้คะแนนต่ำสุดหรือสูงสุด  โดยในการทดสอบได้แบ่งคะแนนออกเป็น 4 ด้าน ได้แก่ ประสิทธิภาพในการทำความสะอาดฟัน (ให้น้ำหนักจากคะแนนรวม ร้อยละ 50)  และความสะดวกในการใช้งาน แบตเตอรีการทำงานของแท่นชาร์จ และเสียงที่ไม่ดังเกินไปขณะใช้งาน (ร้อยละ 25, 20, และ 5 ตามลำดับ)         นอกจากการทดสอบในห้องปฏิบัติการแล้ว ในส่วนของคะแนนความสะดวกในการใช้งานนั้นมากจากความเห็นของอาสาสมัคร (ที่อายุระหว่าง 18 ถึง 65 ปี ที่สุขภาพฟันแข็งแรง มีค่าดัชนีวัดหินปูน > 1.5 และมีฟันแท้อย่างน้อย 20 ซี่)         ·         ราคาที่นำเสนอเป็นราคาที่แปลงจากหน่วยเงินยูโร ตามองค์กรผู้บริโภคซื้อจากร้านค้าในประเทศของตนเอง โปรดตรวจสอบราคา (และคำนวณค่าจัดส่งหากสั่งซื้อออนไลน์) อีกครั้งก่อนตัดสินใจ

สำหรับสมาชิก >
ฉลาดซื้อ เก็บแต้มแลกสินค้า300 Point

ฉบับที่ 239 ใช้แปรงสีฟันไฟฟ้าดีไหม

        แปรงสีฟันไฟฟ้าถูกผลิตขึ้นเพื่อใช้กับผู้ที่ไม่สามารถแปรงฟันแบบปกติได้ เช่น ใช้มือหรือแขนได้ไม่คล่อง กล้ามเนื้อบ่าไหล่มีปัญหา ผู้สูงวัย ฯลฯ  เรียกว่าเป็นตัวช่วยเพื่อให้แปรงฟันได้สะดวกขึ้น ต่อมาแปรงสีฟันไฟฟ้าได้ถูกพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ เพื่อให้ใช้งานได้สะดวกมากขึ้นทั้งในผู้ที่มีปัญหาและคนปกติ โดยลดจุดอ่อนของมันหลายอย่าง เช่น ความเทอะทะ ด้ามจับ แบตเตอรี เพิ่มฟังก์ชั่นการใช้งานที่น่าสนใจ รวมทั้งจุดอ่อนสำคัญคือราคาที่แพงมากๆ ซึ่งปัจจุบันราคาของแปรงสีฟันไฟฟ้านั้นเริ่มถูกลงมาก มีหลายแบรนด์พัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อแข่งขันเอาใจผู้บริโภคทำให้สามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้นโดยมีตั้งแต่ราคาระดับหลักร้อยถึงหมื่น จึงมีผู้ให้ความสนใจต้องการใช้งานเพิ่มมากขึ้น ลองมาดูกันว่า ถ้าจะเลือกใช้แปรงสีฟันไฟฟ้าต้องพิจารณาเรื่องใดบ้าง วิธีการใช้งาน        หลักการทำงานของแปรงสีฟันไฟฟ้าจะใช้ระบบสั่นในการทำความสะอาด เมื่อเริ่มใช้งานเปิดสวิตช์หัวแปรงจะหมุนขนแปรงโดยอัตโนมัติ ผู้ใช้เพียงวางหัวแปรงหรือจ่อเบาๆ ที่ผิวฟันสักพักหนึ่งแล้วเลื่อนไปทีละซี่ เรื่อยๆ จนกว่าจะทำความสะอาดฟันครบทุกซี่และทุกด้านในช่องปาก ตรงนี้จะเป็นเรื่องของความสะดวกหรือความชอบบางคนอาจรู้สึกดี แต่บางคนอาจชอบแบบการแปรงด้วยแปรงสีฟันธรรมดาซึ่งเราจะสามารถควบคุมความหนักเบาในการแปรงได้ตามใจ ประสิทธิภาพการดูแลสุขภาพฟัน        จากการศึกษางานวิจัยกว่า 30 ชิ้น ที่เปรียบเทียบประสิทธิภาพในการขจัดคราบจุลินทรีย์และป้องกันโรคเหงือกของแปรงสีฟันธรรมดากับแปรงสีฟันไฟฟ้าพบว่า โดยทั่วไปไม่พบความแตกต่างมากนัก         อย่างไรก็ตามการใช้แปรงสีฟันไฟฟ้าสามารถช่วยทำให้หินปูนขึ้นที่ผิวฟันได้น้อยลง เนื่องจากปกติผิวฟันมีประจุเป็นลบ หินปูนมีประจุเป็นบวกหินปูนจึงยึดติดกับผิวฟัน การใช้แปรงสีฟันไฟฟ้าจะไปเปลี่ยนผิวฟันให้มีประจุเป็นบวกหินปูนจึงขึ้นที่ผิวฟันได้น้อยลง ลูกเล่นหรือฟังก์ชันการใช้งานเสริม         แน่นอนว่าแปรงสีฟันไฟฟ้าจะมีมากกว่า ทั้งระบบการแจ้งเตือนเรื่องเวลาในการทำความสะอาดฟันแต่ละซี่ หรือแจ้งเมื่อผู้ใช้ลงน้ำหนักมือมากเกินไป หรือระบบพ่นน้ำขนาดเล็กที่เพิ่มมาเพื่อกำจัดคราบจุลินทรีย์ เศษอาหารในซอกฟัน ฟังก์ชันมากน้อยขึ้นอยู่กับราคาของผลิตภัณฑ์ ยิ่งมีฟังก์ชันเพิ่มขึ้นราคายิ่งแพงขึ้น ข้อควรคำนึงในการซื้อแปรงสีฟันไฟฟ้า         เลือกรุ่นและราคาที่เหมาะกับการใช้งาน โดยพิจารณาเรื่อง ระบบการสั่นของหัวแปรง รอบระยะเวลาการเปลี่ยนหัวแปรง ความแข็งแรง(เคยมีกรณีหัวแปรงหลุดขณะใช้งาน) แบตเตอรีเป็นแบบชาร์ตหรือแบบใช้ถ่าน ประสิทธิภาพความจุของแบตเตอรี รอบการใช้งานต่อการชาร์ตหนึ่งครั้ง ส่วนเรื่องฟังก์ชันพิเศษ ขึ้นอยู่กับกำลังซื้อและความชอบส่วนบุคคล         การใช้แปรงสีฟันไฟฟ้าแน่นอนว่า ค่าใช้จ่ายจะแพงกว่าแปรงสีฟันธรรมดา ดังนั้นก็แล้วแต่ดุลพินิจและกำลังทรัพย์มากน้อยของผู้ซื้อแปรงสีฟัน

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 238 เปลี่ยนแปลงด้วยการเปลี่ยนแปรงสีฟันให้บ่อยขึ้น

        สารภาพมาเถอะว่า คุณจำไม่ได้ละว่าเปลี่ยนแปรงสีฟันครั้งล่าสุดเมื่อไร เพราะคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพและทันตแทพย์จะย้ำเสมอว่า เปลี่ยนทุกสามเดือน แต่จะมีกี่คนที่ทำตามคำแนะนำนั้น ส่วนใหญ่ก็รอจนแปรงสีฟันบาน...ปลาย ทั้งนี้ทั้งนั้นเกิดจากความเสียดายนั่นเอง (ก็ของมันยังใช้ได้) แต่ถ้าต้องการถนอมเงินจริงๆ สู้เปลี่ยนแปรงสีฟันให้บ่อยหรือตามคำแนะนำของทันตแพทย์จะช่วยประหยัดมากกว่า เพราะเท่ากับป้องกันการเกิดปัญหาสุขภาพฟัน ที่รู้กันว่าค่ารักษาไม่ถูกเลย         ถ้าเฉลี่ยว่าคุณแปรงฟันวันละสองครั้ง ตลอดเวลาสามเดือนเท่ากับแปรงของคุณผ่านการใช้งานมาเเล้วกว่า 180 ครั้ง เคยมีการส่องกล้องขยายเพื่อดูสภาพของขนแปรงก็พบว่ามันเสื่อมสภาพสุดๆ ซึ่งอาจเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคแม้จะเหมือนว่าเราล้างแปรงสะอาดแล้วก็ตาม หลายๆ คนอาจจะยังไม่รู้ คือการใช้แปรงสีฟันเก่าซ้ำๆ จะมีผลต่อเหงือกและฟัน แน่นอนว่าสภาพแปรงที่เสื่อมประสิทธิภาพในการขจัดสิ่งสกปรก คราบพลัค เศษอาหารตามผิวฟันเเละร่องฟันจะลดลง ขนแปรงที่บานจะทำให้เกิดผลเสียบางอย่างตามมาเช่น เหงือกอักเสบ บวมแดง หรือมีเลือดออกระหว่างแปรงฟัน          การเลือกซื้อแปรงสีฟัน         1.ขนาดของหัวแปรง หัวแปรงสีฟันสำหรับผู้ใหญ่ควรมีขนาดกว้างประมาณ ½ -1 นิ้ว และความยาวประมาณ 1 นิ้ว เพราะขนาดหัวแปรงที่ใหญ่เกินไปอาจทำความสะอาดในบริเวณที่ยากจะเข้าถึงได้ไม่หมดจด         2.ขนแปรง มีความอ่อนนุ่ม ปลายขนแปรงโค้งมนเล็กน้อย ซึ่งวัสดุที่ใช้ตั้งแต่ชนิดอ่อนนุ่ม, ชนิดนุ่มพิเศษ ชนิดปานกลาง ขนแปรงที่เหมาะสมในการใช้งานสำหรับผู้ใหญ่ควรผลิตจากไนลอน พีบีที (Polybutylene Terephthalate: PBT) หรือวัสดุที่ระบุคุณสมบัติเทียบเท่า ขนแปรงที่มีความแข็งอาจสร้างความเสียหายให้กับเหงือก รากฟัน แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความแข็งแรงของฟันแต่ละบุคคลรวมถึงวิธีแปรงฟันด้วย         3.แปรงสีฟันไฟฟ้าดีกว่าไหม ขึ้นอยู่กับบุคคลและความชอบส่วนตัว เพราะแปรงสีฟันไฟฟ้ามีราคาค่อนข้างสูงกว่าแปรงสีฟันธรรมดา อีกทั้งยังมีค่าใช้จ่ายเสริมในขณะใช้งานตามมา เช่น หัวแปรง แบตเตอรี่หรือถ่านไฟฉาย แม้สะดวกสบายกว่าแต่ราคาไม่ธรรมดา ส่วนผลการใช้งานไม่แตกต่างกันมากนัก ขึ้นอยู่กับวิธีแปรงฟันมากกว่า         4.แปรงสีฟันสำหรับเด็ก หัวแปรงและด้ามมีขนาดเหมาะสมตามอายุของเด็ก ขนแปรงอ่อนนุ่ม หลายยี่ห้อได้รับการรับรองจากหน่วยงาน ถือเป็นทางเลือกหนึ่ง         การทำความสะอาดและเก็บรักษาแปรงสีฟัน        · ควรล้างแปรงสีฟันให้สะอาดทุกครั้งก่อนการเก็บ        · การวางแปรงสีฟันในที่เก็บหรือภาชนะต่างๆ ควรวางในลักษณะตั้งแปรงขึ้นให้หัวแปรงอยู่ด้านบน        · ที่สำหรับวางแปรงควรมีอากาศถ่ายเทสะดวก และควรมีลมพัดผ่านเพื่อให้ขนแปรงแห้ง        · ไม่ควรเก็บแปรงไว้ในกล่องแบบมิดชิด เพราะอาจจะมีส่วนทำให้เชื้อแบคทีเรียเจริญเติบโตได้         ลองเช็คดูว่าแปรงของคุณเริ่มเสื่อมเเล้วหรือยัง สังเกตจากรูปร่างขนแปรงที่เปลี่ยนไป แปรงสีฟันที่ใช้งานนานๆ จะเริ่มมีปลายขนแปรงที่บาน มีสีแปรงเริ่มเปลี่ยนไป บางทีไม่ถึงสามเดือนถ้าสภาพไม่ไหวก็เปลี่ยนเถอะ และทุกๆ ครั้งที่ป่วย เป็นหวัด เป็นไข้ แผลในปากหรือแม้แต่อาการเจ็บคอ ก็ควรจะเปลี่ยนแปรงสีฟันทันทีเพื่อป้องกันเชื้อแบคทีเรียต่างๆ ที่ยังคงค้างอยู่บนแปรงสีฟัน

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 222 ระวังแปรงสีฟันไฟฟ้าที่ชิ้นส่วนหลุดขณะแปรง

        อันตรายจากสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐานนั้น สามารถเกิดขึ้นเมื่อใดก็ได้ ยิ่งเป็นสินค้าที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพพึงต้องระวังให้มากขึ้น        เรื่องที่อาจเป็นอุทาหรณ์เรื่องนี้คือ เรื่องแปรงสีฟันไฟฟ้าจากผู้ผลิตดังยี่ห้อหนึ่ง คุณมีนาซึ่งเป็นคุณแม่ของน้องต้น ได้ร้องเรียนเข้ามาว่า ลูกชายได้ใช้แปรงสีฟันไฟฟ้า ซึ่งขณะกำลังใช้งานนั้นชิ้นส่วนของแปรงหลุดในช่องปาก โชคดีที่ลูกชายอมไว้ทันไม่ได้กลืนลงท้องไป เธอสอบถามมาว่ากรณีนี้สามารถทำอะไรได้บ้าง เพราะตนเองได้ติดต่อไปทางเพจของบริษัทผู้ผลิต ทางนั้นแจ้งว่าจะติดต่อกลับมาเท่านั้น แนวทางการแก้ไขปัญหา        หลังจากรับเรื่องจากคุณมีนาไม่นาน ได้รับการแจ้งเพิ่มเติมว่า บริษัทได้โทรศัพท์มาพูดคุยแสดงความเสียใจและขอโทษ แต่ยืนยันว่าสินค้าของตนได้มาตรฐาน หากคุณมีนาไม่กังวลเรื่องสินค้าทางบริษัทจะส่งแปรงสีฟันชุดใหม่ให้ ซึ่งขณะนั้นคุณมีนาตอบรับไป แต่ก็มานึกในภายหลังว่า แล้วหากเกิดปัญหาขึ้นอีก เกิดลูกชายแปรงแล้วชิ้นส่วนไปติดคอจะทำอย่างไรดี        ทางศูนย์ฯ จึงสอบถามความประสงค์ของคุณมีนา ว่าต้องการให้บริษัทดำเนินการเยียวยาแค่ไหน ต้องการให้ชดเชยเป็นสินค้าใหม่ ต้องการคำรับรองจากบริษัทเรื่องความปลอดภัยของสินค้า หรือต้องการการชดเชยอื่นๆ คุณมีนาบอกว่า จริงๆ ก็อยากให้ทางบริษัทจัดการเยียวยาให้มากกว่าการเปลี่ยนแปรงสีฟันชุดใหม่ให้หรือการแค่ทำหนังสือขอโทษ เพราะเห็นว่าเป็นบริษัทใหญ่ แต่ไม่ต้องการให้เรื่องราวยืดเยื้อ เพราะตนเองมีธุระต้องจัดการอีกมาก ดังนั้นเมื่อได้ทำหนังสือติดต่อไปกับทางบริษัทฯ ทราบในภายหลังว่า บริษัทได้เปลี่ยนแปรงสีฟันชุดใหม่ให้ทดแทนอันที่ชำรุด และส่งมอบผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ให้เพิ่มเติมอีก 1 ชุด พร้อมหนังสือแสดงความเสียใจถึงผู้ร้องแล้ว  ซึ่งคุณมีนาก็ยินดียุติเรื่องเพียงแค่นี้   

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 138 กระแสในประเทศ

ประมวลเหตุการณ์เดือนกรกฎาคม 2555 แท็กซี่ไม่รับ...ร้องเรียนได้ ใครที่ใช้บริการแท็กซี่โดยสารคงเคยเจอเหตุการณ์ ที่ทั้งชวนให้สงสัยและหงุดหงิดใจ อย่างการถูกปฏิเสธที่จะให้บริการ ยิ่งในช่วงเวลาเร่งด่วนหรือในพื้นที่ที่มีการจราจรหนาแน่น ซึ่งคนขับรถมักจะอ้างว่ารถติด กลัวไปส่งรถไม่ทัน หรือไม่ก็แก๊สหมด ซึ่งหากเป็นจริงตามเหตุผลที่คนขับรถแท็กซี่อ้างก็ไม่น่าที่จะจอดรับผู้โดยสารตั้งแต่แรก ศูนย์พิทักษ์สิทธิผู้บริโภค มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ได้ฝากคำแนะนำในกรณีที่เจอปัญหาแบบนี้ ผู้บริโภคมีสิทธิที่จะร้องเรียน โดยแจ้งไปยังศูนย์คุ้มครองผู้โดยสารรถสาธารณะ สายด่วน 1584 หรือกองบังคับการตำรวจจราจร สายด่วน 1197 โดยพยายามจดจำรายละเอียดทะเบียนและชื่อผู้ขับรถซึ่งติดอยู่ในใบอนุญาตหน้ารถ ซึ่งตาม พ.ร.บ.การจราจรทางบก กำหนดไว้ว่าผู้ขับรถแท็กซี่ไม่มีสิทธิปฏิเสธผู้โดยสาร หากจุดหมายอยู่ในเขตที่กำหนด คือพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยไม่มีเหตุอันควร การปฏิเสธผู้โดยสารถือเป็นความผิด มีโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท และเป็นข้อหาที่ต้องถูกบันทึกคะแนน 20 คะแนน อีกทั้งยังถูกยึดใบอนุญาตขับขี่อีกด้วย   มีข้อมูลของกรมการขนส่งทางบก ที่สรุปยอดร้องเรียนเกี่ยวกับการกระทำผิดของรถแท็กซี่ซึ่งพบว่ามีทั้งหมดกว่า 12,000 ราย แบ่งเป็นกระทำผิดโดยไม่แสดงใบอนุญาตสาธารณะ 2,556 ราย ไม่มีบัตรประจำตัวผู้ขับขี่ 1,950 ราย แต่งกายไม่สุภาพ 4,618 ราย ไม่นำรถเข้าตรวจสภาพตามที่กำหนด 6 เดือนต่อครั้ง 1,012 ราย ไม่ต่ออายุภาษีรถยนต์ 736 ราย และปฏิเสธไม่รับผู้โดยสาร 1,585 ราย ที่ผ่านมากรมการขนส่งทางบกได้สุ่มตรวจแท็กซี่ โดยให้เจ้าหน้าที่ปลอมเป็นผู้โดยสารทดลองเรียกใช้บริการแท็กซี่ 300 คัน พบว่ามีแท็กซี่รับผู้โดยสารประมาณ 80 คันเท่านั้น   บัตรทองกลับมาเก็บ 30 บาท แบบจ่ายก็ได้ไม่จ่ายก็ได้!? ผู้ใช้สิทธิหลักประสุขภาพถ้วนหน้า จะต้องกลับมาจ่าย 30 บาท อีกครั้ง นับตั้งวันที่ 1 กันยายนนี้เป็นต้นไป หลังจากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ออกระเบียบให้ผู้ป่วยที่ใช้สิทธิบัตรประกันสุขภาพถ้วนหน้า (บัตรทองเดิม) ร่วมจ่ายค่าบริการ 30 บาท แต่การร่วมจ่ายครั้งนี้เป็นแบบไม่บังคับ คงมีหลายคนที่สงสัยว่า ตกลงแล้วต้องจ่ายหรือไม่ต้องจ่ายกันแน่ ซึ่ง นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้อธิบายถึงเรื่องนี้ว่า “สำหรับการเรียกเก็บ 30 บาทนั้น จะเป็นการคิดค่าบริการในกรณีที่ผู้ใช้สิทธิใช้บริการตั้งแต่โรงพยาบาลระดับอำเภอหรือโรงพยาบาลชุมชนขึ้นไป แต่สำหรับผู้ที่ได้รับการยกเว้นตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง บุคคลที่ไม่ต้องจ่ายค่าบริการ ฉบับที่ 1 และ 2 จำนวน 23 กลุ่ม อาทิ ยากจน ทุพพลภาพ ไม่ต้องจ่ายค่าบริการ ส่วนคนทั่วไปให้ขึ้นอยู่กับความพอใจและสมัครใจของผู้ใช้บริการ ไม่ได้เป็นการบังคับ ซึ่งจะมีแบบฟอร์มให้ผู้ใช้บริการเลือกว่าจะร่วมจ่ายหรือไม่ร่วมจ่าย” ใครที่ถือสิทธิหลักประสุขภาพถ้วนหน้าคงต้องคอยติดตามข่าวกันให้ดี ว่าเมื่อมีการเรียกเก็บค่าบริการแบบจ่ายไม่จ่ายก็ได้แบบนี้ จะส่งผลกระทบอะไรบ้างต่อมาตรฐานการรักษาพยาบาล ห้าม! โฆษณาขายนมผงสำหรับทารกในสถานพยาบาล สำนักงานอาหารและยา (อย.) ได้ออกมาตรการเด็ดขาดห้ามสถานพยาบาลทุกแห่งโฆษณาขายผลิตภัณฑ์นมสำหรับทารกและเด็กเล็ก เพื่อส่งเสริมให้คุณแม่เลี้ยงดูบุตรด้วยน้ำนมของตัวเองมากขึ้น นอกจากนี้ยังออกข้อบังคับให้ผลิตภัณฑ์นมสำหรับทารกและเด็กเล็ก ไม่ว่าจะเป็นนมดัดแปลงสูตรต่อเนื่อง นมโค นมปรุงแต่ง นมผง และอาหารสำหรับทารกและเด็กเล็ก ต้องมีการแสดงข้อความบนฉลากว่า “นมแม่ดีที่สุดสำหรับทารก” เพื่อเป็นการกระตุ้นเตือนให้คุณแม่ให้ความสำคัญกับการเลี้ยงลูกด้วยน้ำนมแม่ สำหรับข้อห้ามเรื่องการโฆษณาผลิตภัณฑ์นมสำหรับทารกและเด็กเล็กในสถานพยาบาลยังครอบคลุมถึงเรื่องการจัดกิจกรรมต่างๆ ด้านการขายและการตลาด การสาธิตส่งเสริมให้ใช้ผลิตภัณฑ์อาหารทดแทนนมแม่ และยังรวมถึงผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ขวดนม จุกนม  ที่สำคัญคือบุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขต้องส่งเสริมสนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ และห้ามเป็นตัวแทนผู้ผลิต ผู้จำหน่ายอาหารทดแทนนมแม่ รวมทั้งผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง   จับตาร้านขายยา ร้ายขายยานั้นเป็นที่พึ่งพิงแห่งแรกของหลายๆ คนในยามที่รู้สึกเจ็บไข้ได้ป่วย ซึ่งแม้จะเป็นแค่ร้านขายยาแต่ก็ต้องมีการควบคุมดูแล โดยเฉพาะเรื่องการจ่ายยาต้องถูกต้องตรงตามอาการป่วยของผู้ที่มาซื้อยา เพราะถ้ากินยาไม่ถูกโรค นอกจากจะไม่หายอาจจะกลายเป็นป่วยเพิ่ม เพราะฉะนั้นร้านขายยาที่ดีจะต้องมีเภสัชกรอยู่ปฏิบัติหน้าที่ตลอดเวลา ซึ่งคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย. เห็นความสำคัญในเรื่องนี้ ได้จัดเจ้าหน้าที่ดูแลตรวจสอบ ที่สำคัญคือใน พ.ร.บ. ยาได้กำหนดไว้ชัดเจนว่า ให้ร้านขายยาทุกแห่งต้องมีเภสัชกรปฏิบัติหน้าที่ตลอดเวลา ที่ผ่านมา อย. ตรวจเฝ้าระวังร้านขายยาเป็นประจำทุกปีอย่างต่อเนื่อง โดยได้มีการสุ่มตรวจร้านขายยาในเขตกรุงเทพฯ จำนวน 498 แห่ง โดยพบว่าเภสัชกรไม่อยู่ปฏิบัติหน้าที่ จำนวน 16 ราย จำหน่ายยาอันตรายในขณะที่เภสัชกรไม่อยู่ปฏิบัติหน้าที่ จำนวน 8 ราย และไม่จัดทำบัญชีการซื้อขายให้เป็นไปตามกฎหมาย จำนวน 48 ราย ส่วนร้านขายยาในต่างจังหวัดนั้น อย. ได้ประสานให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดในการดำเนินการตรวจสอบ นอกจากนี้ อย. ยังได้เตรียมจัดทำฐานข้อมูลเภสัชกรที่ปฏิบัติงานในร้านขายยาทั่วประเทศ ไว้เป็นข้อมูลให้ผู้บริโภคได้สืบค้นตรวจสอบ เราในฐานะผู้บริโภค หากจำเป็นต้องซื้อยาจากร้านขายยา ก็ควรเลือกที่มีเภสัชกรเป็นผู้จ่ายยา ซึ่งในร้านจะต้องมีใบอนุญาตแสดงไว้ให้เห็นชัดเจน นอกจากนี้หากเราพบเห็นร้านขายยาไม่มีเภสัชกรประจำร้าน หรือขายยาอันตราย หรือขายยาที่คาดว่าจะผิดกฎหมาย สามารถแจ้งไปได้ที่สายด่วน อย. โทร. 1556   แปรงสีฟันต้องแจ้งอายุ สุขภาพฟันของเด็กๆ เป็นเรื่องที่พ่อ-แม่ควรห่วงใย ปัญหาเด็กแปรงฟันไม่ถูกวิธีอาจไม่ใช่เรื่องเดียวที่ต้องกังวล เพราะยังมีเรื่องการใช้แปรงสีฟันไม่เหมาะสมกับวัยเป็นเรื่องหนักใจเช่นกัน ซึ่งเมื่อลองสำรวจดูแปรงสีฟันที่วางขายอยู่ในท้องตลาดก็จะพบว่า ไม่มีการระบุช่วงอายุที่เหมาะสมในการใช้แปรงสีฟันของเด็กไว้บนฉลาก เพื่อเป็นการคุ้มครองสุขภาพฟันของเด็กๆ ให้ได้รับความปลอดภัย และเลือกใช้แปรงสีฟันให้เหมาะสมกับวัย สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) จึงได้ออกประกาศให้แปรงสีฟันเป็นสินค้าที่ควบคุมฉลาก โดยต้องเพิ่มเติมข้อมูลเกี่ยวกับช่วงอายุของเด็กในฉลากสินค้าแปรงสีฟัน ว่าเหมาะสมสำหรับช่วงอายุใด  เช่นเริ่มมีฟันถึง 3 ปี หรือ 6 ปี ถึง 12 ปี เป็นต้น ซึ่งประกาศดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 5 ตุลาคม 2555 เป็นต้นไป  

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 128 กระแสในประเทศ

  ประมวลเหตุการณ์เดือนกันยายน 25545 กันยายน 2554สินค้าลดราคาช่วยเหลือผู้บริโภค กระทรวงพาณิชย์จับมือกับผู้ประกอบการ ปรับลดราคาสินค้า 5 ประเภท รับการปรับลดลงของราคาน้ำมันดีเซล เพื่อช่วยเหลือผู้บริโภค โดยสินค้าทั้ง 5 รายการประกอบด้วย ปูนซีเมนต์ ลดราคาถุง (50 กก.) ละ 5-10 บาท จากราคาปัจจุบัน 135-140 บาท กระเบื้องมุงหลังคา ลดลงแผ่นละ 5 บาท จากราคา 36-40 บาท ปุ๋ยเคมี ลดลงถุงละ 5-8 บาท จากราคา 905-1,010 บาท เครื่องปั๊มน้ำ ลดลงเครื่องละ 100-200 บาท จากราคา 4,590 บาท และแป้งสาลี ลดลงถุงละ 10 บาท จากราคา 477-698 บาท  นอกจากนี้กระทรวงจะพิจารณาปรับลดราคาสินค้าในกลุ่มอื่นๆ เพิ่มเติม โดยดูตามราคาทุนหากมีการปรับลดลง เช่น น้ำมันพืช เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ ผลิตภัณฑ์นม และน้ำตาล ส่วนสินค้าที่ยังไม่สามารถลดราคาได้ทันที ผู้ประกอบการได้ยืนยันจะไม่มีการปรับขึ้นราคา และจะตรึงราคาจำหน่ายไปจนถึงสิ้นปี ได้แก่ หมวดของใช้ประจำวัน เช่น ผงชักฟอก สบู่ ยาสีฟัน และหมวดอาหารและเครื่องดื่ม เช่น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปลากระป๋อง ซึ่งน่าจะเป็นผลดีกับสภาวะน้ำท่วมใหญ่ที่เกิดขึ้น เพราะสินค้าส่วนใหญ่เป็นสินค้าที่จำเป็นกับชีวิตประจำวันทั้งสิ้น-------------   14 กันยายน 2554  แปรงสีฟัน เลือกไม่ดีอาจมีเสี่ยง เมื่อการแปรงฟันอาจเป็นฝันร้าย เพราะอันตรายจากแปรงสีฟัน สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ สคบ. เปิดเผยผลสำรวจแปรงสีฟันที่ขายอยู่ตามท้องตลาดทั้งที่ผลิตในประเทศและต่างประเทศ พบว่าด้อยคุณภาพถึง 61% ซึ่งมีปัญหาขนแปรงแข็งเกินไป หัวแปรงใหญ่และขนหลุดง่าย แถมยังพบสารโลหะหนัก เช่น สารตะกั่ว ที่บริเวณด้ามแปรง และหัวแปรง ซึ่งถือเป็นสารเคมีอันตรายที่ทำให้เกิดโรคมะเร็งได้ แต่พบเฉพาะในแปรงสีฟันที่นำเข้าจากต่างประเทศเท่านั้น   สคบ. จึงได้ประกาศให้แปรงสีฟันจำนวน 83 ยี่ห้อ 229 รุ่น เป็นสินค้าควบคุมฉลาก ต้องมีการระบุลักษณะของขนแปรง ชนิดของขนแปรง วัสดุที่ใช้ผลิตด้ามแปรง และวิธีใช้ ถ้าเป็นแปรงสีฟันนำเข้าก็ต้องมีฉลากภาษาไทย สำหรับวิธีการเลือกซื้อแปรงสีฟันควรเลือกที่ขนาดพอดีกับช่องปากของเรา หัวแปรงต้องไม่มีลักษณะทรงแหลมหรือมีความคม ด้ามแปรงก็ต้องไม่สั้นเกินไป ขนแปรงต้องทำจากเส้นใยไนล่อน หรือวัสดุอื่นที่มีคุณสมบัติเทียบเท่า เป็นเส้นกลม หรือรี ขนตั้งตรง ผิวเรียบ ปลายมน ไม่มีขอบคม หรือขรุขระ ที่สำคัญคือควรมีลักษณะอ่อนนุ่ม และผู้บริโภคควรเปลี่ยนแปรงใหม่ทุกๆ 3 เดือน------------     16 กันยายน 2554ห้ามตัดสัญญาณมือถือเติมเงิน ผู้ใช้โทรศัพท์มือถือแบบเติมเงินเตรียมเฮ เมื่อศาลปกครองกลางมีคำสั่งห้ามตัดสัญญาณคนใช้มือถือแบบเติมเงินที่ไม่ได้เติมเงินในเวลาที่กำหนด หลังจากที่คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) ไม่สามารถบังคับใช้กฎหมายแบบสัญญาการให้บริการโทรคมนาคมฉบับใหม่ ซึ่งเสียเวลาในการพิจารณาไปกว่า 3 ปี แต่ก็ไม่แล้วเสร็จ ซึ่งกลายเป็นปัญหาส่งมาถึงผู้บริโภคที่ใช้โทรศัพท์ระบบเติมเงินต้องถูกกำหนดวันหมดอายุ และถูกระงับการใช้บริการ รวมถึงถูกยึดหมายเลขโทรศัพท์ เป็นเพราะยังไม่มีกฎหมายที่ออกมาเป็นแนวทางปฏิบัติชัดเจนให้กับค่ายสัญญาณโทรศัพท์มือถือ ซึ่งเมื่อยังไม่มีข้อกำหนดที่ชัดเจนเรื่องการระงับการใช้มือถือแบบเติมเงิน สิทธิในเบอร์โทรศัพท์จึงเป็นของผู้ใช้  ศาลปกครองกลางจึงมีคำสั่งให้สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ดำเนินการพิจารณามาตรฐานของสัญญาให้บริการโทรคมนาคมให้เสร็จภายใน 90 วัน เพื่อให้มีกฎหมายที่เป็นแนวทางในการปฎิบัติของทั้งผู้ให้บริการ และให้ผู้บริโภคได้รู้สิทธิของตัวเอง ----------  เฝ้าระวังความปลอดภัย “ของกิน – ของเล่นหน้าโรงเรียน” สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) และศูนย์วิจัยเพื่อสร้างเสริมความปลอดภัยและป้องกันการบาดเจ็บในเด็ก โรงพยาบาลรามาธิบดี ฝากข้อความร่วมมือจากครู – อาจารย์ ตามโรงเรียนต่างๆ  ไปจนถึงพ่อ – แม่ ผู้ปกครอง ตรวจตราดูอาหารและของเล่นที่ไม่ได้มาตราฐานที่วางขายอยู่ตามหน้าโรงเรียน เพราะอาจเป็นอันตรายกับนักเรียน  อย. ได้ฝากเตือนว่า อาหารที่ขายให้กับเด็กนักเรียนตามหน้าโรงเรียนส่วนใหญ่จะเป็นพวกของทอดหรือปิ้งย่าง ถ้าเป็นขนมก็เป็นพวกขนมกรุบกรอบหรือไม่ก็ขนมที่มีสีสันน่าสงสัย ซึ่งล้วนแต่เป็นอาหารที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพของเด็ก ส่วนของเล่นที่ขายอยู่ตามหน้าโรงเรียนนั้น แนะนำให้สังเกตสัญลักษณ์ของ สมอ. เพื่อความปลอดภัย และให้ระวังของเล่นต้องห้าม ทั้ง ลูกโป่งวิทยาศาสตร์ และตัวดูดน้ำ ซึ่งเป็นของเล่นที่อันตรายมากหากหลุดเข้าไปในร่างกายอาจทำให้เสียชีวิตได้ ซึ่งถ้าใครพบเจอของเล่นต้องห้ามเหล่านี้สามารถแจ้งไปยัง สคบ. ที่เบอร์ 1166 ----------------------------------     รถตู้โฟตอนไม่ได้คุณภาพ เสียทั้งค่าเช่าจ่ายทั้งค่าซ่อมสมาชิกสมาคมรถตู้ต่างจังหวัดแห่งประเทศไทย พร้อมด้วย นางสาวสารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อ นายแพทย์สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  ในฐานะผู้กำกับดูแลสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค เพื่อขอให้ช่วยเหลือผู้บริโภคที่ได้รับความเสียหายจากการซื้อรถตู้โดยสารยี่ห้อโฟตอนจาก บริษัท แพล็ททินัม มอเตอร์ เซลล์ จำกัด ซึ่งรถตู้ยี่ห้อดังกล่าวเป็นรถด้อยคุณภาพ ต้องนำรถไปซ่อมแซมหลายครั้ง ไม่สามารถนำรถยนต์มาประกอบอาชีพได้ ทำให้ผู้ซื้อรถต้องแบกรับภาระทั้งค่าเช่าซื้อและค่าซ่อมแซม กลายเป็นหนี้ค้างชำระกับบริษัทผู้ให้เช่าซื้อ บางรายต้องถูกยึดรถยนต์และถูกฟ้องเรียกค่าเสียหายเป็นคดีต่อศาล รวมเป็นมูลค่าความเสียหายกว่า 30 ล้านบาท   โดยที่บริษัทยังไม่มีความรับผิดชอบใดๆ นายทรงผล พ่วงทอง ตัวแทนผู้เสียหาย กล่าวว่า การที่มายื่นหนังสือครั้งนี้ อยากขอให้รัฐมนตรี ช่วยดำเนินการให้ทางสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ฟ้องคดีแทนผู้บริโภค ต่อตัวแทนจำหน่ายและผู้ให้เช่าซื้อ

อ่านเพิ่มเติม >