ฉบับที่ 194 ฟังเพลงผ่านแอปพลิเคชันแบบ Music streaming

การฟังเพลง เป็นส่วนหนึ่งของความบันเทิงในชีวิตประจำวันสำหรับใครหลายคน ซึ่งสามารถช่วยผ่อนคลายความเครียดหรือทำให้อารมณ์ดีขึ้นได้ อย่างไรก็ตามช่องทางการฟังเพลงได้มีการเปลี่ยนรูปแบบไปเรื่อยๆ ตามยุคสมัย โดยปัจจุบันเราจะพบว่าคนมักฟังเพลงผ่านแอปพลิเคชันบนโทรศัพท์มือถือกันมากขึ้น ซึ่งหากใครที่ชื่นชอบการฟังเพลงด้วยวิธีดังกล่าว อาจคุ้นหูหรือเคยได้ลองใช้แอปพลิเคชันฟังเพลงแบบ Music streaming กันมาบ้างแล้ว แต่หากใครที่ยังไม่แน่ใจว่า Music streaming คืออะไร เราลองไปดูกันเลยMusic streaming เป็นทางเลือกใหม่สำหรับการฟังเพลงที่ถูกกฎหมาย โดยอนุญาตให้ผู้ใช้งานสามารถซื้อเพลงได้ไม่จำกัดจำนวนเพลง ซึ่งสามารถดาวน์โหลดเพลงเหล่านั้นไว้ในแอป เพื่อเก็บไว้ฟังเมื่อไม่ได้เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต หรือกำลังออฟไลน์ได้อีกด้วย ในราคาเหมาจ่ายเดือนต่อเดือน นั่นหมายความว่าหากเดือนไหนที่ผู้ใช้งานไม่เสียค่าบริการก็จะไม่สามารถฟังเพลงที่เคยซื้อหรือดาวน์โหลดไว้ได้ (ต่างจากการซื้อเพลงแบบเดิมที่ฟังได้ตลอดไป เพราะเป็นการซื้อเพลงต่อเพลง) ส่วนคุณภาพของเสียงเพลงก็มีความคมชัดคล้ายกับการฟังผ่านซีดีเลยทีเดียว อย่างไรก็ตามการฟังเพลงด้วยวิธีการดังกล่าวในบ้านเรา ยังถือว่าอยู่ในช่วงระยะทดลอง ทำให้แอปพลิเคชันฟังเพลงหลายเจ้ามีบริการทดลองใช้งานฟรี เพื่อให้ผู้บริโภคได้ตัดสินใจว่า การฟังเพลงด้วยวิธีดังกล่าวตอบโจทย์ความต้องการหรือไม่ ฉลาดซื้อฉบับนี้จึงขอเอาใจคนชอบฟังเพลง ด้วยการรวบรวมแอปพลิเคชันฟังเพลงแบบ Music streaming ที่ได้เปิดบริการในประเทศไทยและสามารถใช้งานได้จริง รวมทั้งกำลังเป็นที่นิยมในขณะนี้ จำนวน 6 แอปพลิเคชันมาทดสอบ เพื่อดูว่าเจ้าไหนราคาคุ้มค่าและใช้งานได้เสถียรดีไม่มีปัญหามากที่สุด ซึ่งผลการทดสอบจะเป็นอย่างไร ลองไปดูกัน  

สำหรับสมาชิก >
ฉลาดซื้อ เก็บแต้มแลกสินค้า500 Point

ฉบับที่ 194 โฮมสเตย์ไม่คืนเงินค่ามัดจำ

ปัจจุบันการจองที่พักตามสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่ง มักให้ลูกค้าโอนเงินค่ามัดจำส่วนหนึ่งมาก่อน ซึ่งแน่นอนว่าหากลูกค้าเปลี่ยนใจที่จะไม่เข้าพักตามที่ตกลงกันไว้ คู่สัญญาก็มีสิทธิริบเงินประกันดังกล่าว อย่างไรก็ตามการริบค่ามัดจำ ต้องเป็นไปอย่างยุติธรรม ไม่เช่นนั้นอาจเกิดการร้องเรียน ดังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับผู้ร้องรายนี้คุณสุชาติสนใจจะเข้าพักที่โฮมสเตย์ชื่อดังของจังหวัดเชียงใหม่ในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า จึงโทรศัพท์ไปสอบถามอัตราค่าห้องพัก ซึ่งทางโฮมสเตย์ได้แจ้งมาว่าห้องละ 600 บาท/คืน ด้านคุณสุชาติต้องนำข้อมูลไปพิจารณาก่อน จึงยังไม่ได้ตอบตกลงในวันนั้น อย่างไรก็ตามภายหลังเขาก็ตัดสินใจจะเข้าพักที่โฮมสเตย์แห่งนี้ จึงโทรศัพท์กลับไปอีกครั้งเพื่อยืนยันการจองห้องพัก แต่กลับพบว่าราคาห้องไม่เป็นไปตามที่คุยกันไว้ตอนแรก เนื่องจากพนักงานคนเดิมแจ้งว่าเธอได้บอกราคาผิด ซึ่งจริงๆ แล้วห้องพักราคา 800 บาท/คืน อย่างไรก็ตามเพื่อเป็นการแสดงความรับผิดชอบก็จะลดราคาให้เหลือห้องละ 700 บาท/คืน ซึ่งคุณสุชาติเห็นว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไรจึงตอบตกลงและจองห้องพักไปทั้งหมด 5 ห้อง พร้อมโอนเงินค่ามัดจำจำนวน 3,500 บาทไปให้ เนื่องจากทางโฮมสเตย์กำหนดให้ลูกค้าที่จองห้องพักต้องวางเงินมัดจำเต็มจำนวน ต่อมาภายหลังคุณสุชาติพบว่า เขาถูกยกเลิกกำหนดการที่จะต้องเดินทางไปทำงานที่จังหวัดดังกล่าวกะทันหัน ทำให้ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเข้าพักที่โฮมสเตย์นั้นอีกต่อไป จึงโทรศัพท์แจ้งไปยังโฮมสเตย์เพื่อขอให้คืนเงินจำนวนหนึ่ง ซึ่งขณะที่เขาโทรศัพท์กลับไปเหลือเวลาอีก 25 วัน ก่อนจะถึงกำหนดวันเข้าพักที่จองไว้ อย่างไรก็ตามทางโฮมสเตย์ได้ปฏิเสธการคืนเงินมัดจำทุกกรณี แต่เสนอทางเลือกมาว่าจะขยายเวลาเข้าพักให้ โดยคุณสุชาติจะเข้ามาพักเองหรือให้ผู้อื่นมาแทนก็ได้ ด้านคุณสุชาติเห็นว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการเอาเปรียบมากเกินไป จึงส่งเรื่องมายังศูนย์พิทักษ์สิทธิ์เพื่อขอคำแนะนำแนวทางการแก้ไขปัญหาศูนย์พิทักษ์สิทธิให้คำแนะนำว่า โดยปกติเงินมัดจำเป็นเงินที่จ่ายไว้กับคู่สัญญาเพื่อเป็นหลักประกันว่าเราจะทำตามสัญญา ซึ่งหากผู้ร้องผิดสัญญาไม่เข้าพักทางโฮมสเตย์ก็จะสามารถริบเงินมัดจำได้ทันที แต่การเก็บเงินมัดจำเต็มจำนวนราคาห้องพัก ถือเป็นการเอาเปรียบผู้บริโภค ควรลดลงได้เท่ากับความเสียหายที่เกิดขึ้นจริง ซึ่งในเบื้องต้นศูนย์ฯ จะช่วยเจรจาไกล่เกลี่ยให้ อย่างไรก็ตามสำหรับเหตุการณ์นี้ผู้ร้องได้ไปดำเนินการเจรจาต่อเองที่ สคบ. และได้ผลสรุปว่าทางโฮมสเตย์จะคืนเงินค่ามัดจำให้ในอัตราร้อยละ 50 ของทั้งหมด 

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 106 ผลทดสอบ เอ็มพี 4 ปี 2009

“ปัจจุบันมีคนกว่า 100 ล้านคนทั่วโลกฟังเพลงผ่านเครื่องเล่นพกพาเป็นประจำทุกวัน”กลับมาอีกครั้งกับผลทดสอบเครื่องเล่นเอ็มพี 3 และ 4 ที่องค์กรทดสอบสินค้าระหว่างประเทศ หรือ ICRT ได้ทำการทดสอบไว้ โดยตัวอย่างที่ส่งเข้าทดสอบนั้นเป็นรุ่นที่เก็บตัวอย่างจากประเทศสมาชิกในยุโรป คราวนี้เอาใจผู้รักเสียงเพลงกันอีกครั้งด้วย เครื่องเสียงพกพาทั้งหมด 24 รุ่น ที่ราคาระหว่าง 1,600 - 14,800 บาท โดยมีประเด็นที่ทดสอบหลักๆ ดังนี้  คุณภาพเสียง ความสะดวกในการใช้งาน ความสะดวกในการพกพา ความทนทาน แบตเตอรี่ การโหลดเพลงจากคอมพิวเตอร์ จากการทดสอบ เราพบว่า เราสามารถมีเครื่องเล่นเพลงแบบพกพาที่เสียงดี ใช้สะดวก ทนทาน แถมฟังเพลงได้นาน ด้วยงบประมาณไม่เกิน 6,000 บาท  ถ้าสิ่งที่คุณคิดว่าสำคัญที่สุดคือคุณภาพเสียง ในกลุ่มที่เราทดสอบก็มีเครื่องเล่นที่มีคุณภาพเสียงในระดับดี (4 ดาว) อยู่ถึง 7 รุ่นให้ได้เลือกกัน ตั้งแต่ราคา 2,800 – 14,800 บาท  ในงบประมาณไม่เกิน 3,000 บาท มีเพียงรุ่นเดียวเท่านั้น (Apple iPod Shuffle) เท่านั้น ที่มีคุณภาพเสียง 4 ดาว ส่วนแต่ละรุ่นจะมีจุดเด่นจุดด้อยในด้านต่างๆ อย่างไร ดูรายละเอียดได้จากตารางในหน้าถัดไป ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงจากที่ผู้ขายได้แจ้งไว้ในอินเตอร์เน็ต กรุณาตรวจสอบราคาที่ร้านอีกครั้ง ดาวโหลดตางรางผลการทดสอบ MP4 ++ เสียงเพลงสีเขียวนักวิทยาศาสตร์ของมหาวิทยาลัย Edinburgh ได้คิดค้นและผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่จะช่วยยืดอายุการใช้งานของแบตเตอร์รี่ในเครื่องเล่น MP3 และโทรศัพท์มือถือ ซึ่งเจ้าวงจรอิเล็กทรอนิกส์สุดสร้างสรรค์และมากคุณประโยชน์ที่ชื่อว่า “EnCore” ชิ้นนี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้เร็วขึ้น โดยใช้พลังงานน้อยลง ซึ่งการที่มันช่วยยืดอายุให้กับแบตเตอร์รี่ของเรา เท่ากับเป็นการช่วยลดการเปลี่ยนแบตเตอร์รี่บ่อยๆ ช่วยลดการใช้พลังงาน ซึ่งดีกับสิ่งแวดล้อม ตอนนี้เจ้า “EnCore” ยังอยู่ในขั้นพัฒนา ฉลาดซื้อขอเอาใจช่วยเหล่านักวิทยาศาสตร์ให้ผลิตผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมแบบนี้เสร็จสมบูรณ์ออกมาให้เราได้ใช้กันไวๆ ดังไป ... ไม่อนุญาตคณะกรรมาธิการยุโรป ได้เสนอให้มีการกำหนดความดังของเครื่องเล่นเพลงแบบพกพา สืบเนื่องจากข้อมูลการสำรวจที่พบว่า 1 ใน 10 ของคนที่ฟังเพลงจากเครื่องเล่นพกพาผ่านหูฟัง อาจมีปัญหาทางการได้ยิน นักวิทยาศาสตร์พบว่าการฟังเพลงผ่านหูฟังด้วยเสียงดังๆ เป็นเวลา 1 ชั่วโมงต่อวัน ติดต่อกันเป็นเวลามากกว่า 5 ปี มีโอกาสเสี่ยงอย่างมากที่จะทำให้หูได้รับอันตราย ข้อเสนอนี้กำหนดให้มีการควบคุมความดังของเสียงจากจุดกำเนิดเสียง ซึ่งก็คือตัวปรับเพิ่ม-ลดเสียงของเครื่องเล่นเพลงแบบพกพา ทั้งเครื่องเล่น MP3 และโทรศัพท์มือถือที่มีฟังก์ชั่นการฟังเพลง โดยคณะกรรมาธิการฯ เสนอว่าไม่ควรเกิน 80 เดซิเบล และไม่ควรฟังเกิน 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ซึ่งคนส่วนใหญ่มักชอบปรับเสียงวอลลุ่มให้ดังเข้าไว้ โดยเฉพาะเวลาที่เดินอยู่บนถนนหรือนั่งรถเมล์ อาการเจ็บป่วยที่เกิดจากการฟังเพลงเสียงดังๆ ผ่านหูฟัง อาจจะต้องใช้เวลาเป็นปีๆ กว่าจะแสดงออก ซึ่งกว่าจะถึงวันนั้นก็อาจสายเกินเยียวยาแล้วปัจจุบันมีคนกว่า 100 ล้านคนทั่วโลกฟังเพลงผ่านเครื่องเล่นพกพาเป็นประจำทุกวัน

สำหรับสมาชิก >
ฉลาดซื้อ เก็บแต้มแลกสินค้า300 Point

ฉบับที่ 85 เสียงเพลงส่วนบุคคล (ภาคสอง)

ตามที่ได้สัญญากันไว้ในฉบับที่แล้ว ฉลาดซื้อฉบับนี้ขอนำภาคต่อของผลทดสอบเครื่องเล่นเอ็มพี 3 ที่ราคาประมาณ 5,000 – 15,000 บาท มาฝากสมาชิก                      

สำหรับสมาชิก >
ฉลาดซื้อ เก็บแต้มแลกสินค้า150 Point

ฉบับที่ 84 เสียงเพลงส่วนบุคคล

อุปกรณ์อีกชิ้นหนึ่งที่คนยุคนี้นิยมมีติดตัวไว้ เพื่อประโยชน์ใช้สอยสารพัดนึกได้แก่เครื่องเล่นเอ็มพี 3 ที่นอกจากจะมีไว้ฟังเพลงแล้ว ยังใช้เป็นอุปกรณ์เก็บข้อมูลต่างๆทั้งเอกสาร ภาพถ่าย หรือคลิบวิดีโอต่างๆ รวมถึงการบันทึกการสนทนาได้ด้วยฉลาดซื้อฉบับนี้มีผลทดสอบเครื่องเล่นเอ็มพี 3 ที่องค์กรทดสอบระหว่างประเทศ (International Consumer Research & Testing) ได้ทำไว้ ฉบับนี้เราเลือกเฉพาะเครื่องที่ราคาไม่เกิน 5,000 บาท มานำเสนอกันก่อน ส่วนท่านที่สนใจเครื่องรุ่นเทพ (ที่ราคาก็เทพตามไปด้วยนั้น) ขอให้อดใจไว้เจอกันอีกครั้งในฉบับหน้า 

สำหรับสมาชิก >
ฉลาดซื้อ เก็บแต้มแลกสินค้า150 Point

ฉบับที่ 107 กระแสต่างแดน

เราไม่เอารถประจำทาง เราที่ว่านี้ไม่ใช่ใคร เป็นผู้ประกอบการรถตู้โดยสารไม่ประจำทางแบบดั้งเดิมของเมืองโจฮันเนสเบิร์กที่ออกมาชุมนุมต่อต้านการเปิดให้บริการรถโดยสารประจำทางที่รัฐบาลจะจัดให้มีขึ้นก่อนการแข่งขันฟุตบอลโลกในเดือนมิถุนายนปีนี้คนกลุ่มนี้บอกว่าถ้ามีรถประจำทางขึ้นมาเมื่อไร พวกเขาก็มีแต่เจ๊ง แต่ผู้บริโภคนั้นแสนจะยินดีที่จะได้นั่งรถประจำทางที่เชื่อถือได้ ตรงเวลาและปลอดภัย เพราะทนไม่ไหวแล้วกับบริการรถตู้ที่พวกเขาต้องเสี่ยงกับคนขับที่อารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ ขับรถก็หวาดเสียวแถมยังหยาบคายอีกต่างหากเพื่อเป็นการรองรับบรรดาแฟนๆ ที่จะมาเชียร์ทีมของตัวเองในการแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งที่ 19 ที่สาธารณรัฐอัฟริกาใต้เป็นเจ้าภาพ รัฐบาลจึงจัดระบบการขนส่งใหม่ที่จะให้บรรดารถตู้และรถบัสที่ต่างคนต่างวิ่งกันอยู่ในขณะนี้มารวมตัวกันตั้งบริษัท โดยเจ้าของรถแต่ละคนก็จะเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทด้วย ค่าตอบแทนก็จะขึ้นอยู่กับระยะทางสะสมที่ทำได้ (ไม่ใช่จำนวนผู้โดยสาร) และชั่วโมงทำงานจะลดลงจากวันละ 12 – 16 ชั่วโมงเหลือเพียงวันละ 8 ชั่วโมงเท่านั้นแม้บริการที่เคยทำมาจะไม่เป็นที่ประทับใจเห็นๆ แต่ธุรกิจรถตู้โดยสารไม่ประจำทางนี้เป็นหนึ่งในไม่กี่ธุรกิจที่อนุญาตให้คนผิวสีสามารถทำได้ ดังนั้นคนเหล่านี้จึงอ่อนไหวกับเรื่องนี้มากและมองว่ารัฐบาลกำลังแย่งสิ่งที่เป็นของพวกเขาไป แม้รัฐบาลจะประกาศยกเลิกนโยบายแบ่งแยกสีผิวไปได้ 15 ปีแล้ว แต่ความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลกับกลุ่มรถตู้โดยสารนั้นยังไม่ดีขึ้นเลย  ปัจจุบันร้อยละ 40 ของรถรับจ้างที่วิ่งอยู่ในเมืองโจฮันเนสเบิร์กนั้นเป็นรถเถื่อนด้วย ------------------------------------------------------------------------------------ ผู้ดีซื้อเพลงแพงคนอังกฤษที่ซื้อเพลงผ่านร้านเพลงออนไลน์นั้น อาจพลาดโอกาสในการประหยัดเงินไปถึงปีละ 1,200 ปอนด์ (ประมาณ 64,000 บาท) เลยทีเดียว ไม่ใช่เพราะเพลงออนไลน์ขายแพงกว่าเพลงในแผ่นซีดีตามร้าน แต่เพราะตลาดเพลงออนไลน์ซึ่งมีมูลค่าถึง 120 ล้านปอนด์นั้น ไม่มีการควบคุมราคาที่ชัดเจน จึงทำให้แต่ละร้าน (ซึ่งในที่นี้ก็คือเว็บไซต์) ตั้งราคาขายแตกต่างกันไปเว็บไซต์ www.tunechecker.com ซึ่งเป็นเว็บที่รวมร้านขายเพลงออนไลน์ และเป็นเว็บที่ทำการสำรวจดังกล่าว ยกตัวอย่างกรณีอัลบั้มของไมเคิล บลูเบล ซึ่งขายในราคา 8 ปอนด์ (ประมาณ 425 บาท) ที่เว็บ iTunes แต่สามารถซื้อได้ในราคา 5 ปอนด์ (ประมาณ 265 บาท) ในเว็บอเมซอน อีกตัวอย่างคือถ้าซื้ออัลบัมเพลงฮิต 40 อัลบั้มต่อปี จากร้าน Play เพียงร้านเดียว ผู้ซื้อจะต้องใช้เงินทั้งหมด 3,235 ปอนด์ (170,000 บาท) แต่ถ้าลองใช้เวลาค้นหาราคาที่ถูกที่สุดของแต่ละอัลบั้มนั้น จะใช้เงินเพียงแค่ 1,980 ปอนด์ (105,600 บาท) นอกจากนี้ยังพบว่ามีคนอังกฤษจำนวนไม่น้อยที่เข้าใจว่าต้องซื้อเพลงจากเว็บใดเว็บหนึ่งเท่านั้นจึงจะสามารถนำมาเล่นกับอุปกรณ์เครื่องเสียงของที่ตนมีได้  ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วพวกเขาสามารถซื้อเพลงจากร้านออนไลน์ร้านใดก็ได้ผลสำรวจย้ำว่าเพลงยิ่งดังก็ยิ่งมีร้านเสนอขายในราคาที่แตกต่างกันหลายระดับ ถ้าผู้บริโภครักอยู่ร้านเดียวไม่ยอมเปลี่ยนแปลง ก็ยิ่งมีโอกาสเสียเงินโดยไม่จำเป็นมากขึ้น ------------------------------------------------------------------------------------- สูตรใครก็ได้ แต่ต้องไม่อ้วน ข่าวเรื่องบริษัทยักษ์ใหญ่จากอเมริกาผู้ผลิตขนมหวานรสช็อคโกแลตจะเข้าครอบครองกิจการของบริษัทประเภทเดียวกันที่อังกฤษ ทำให้มีคนออกมาแสดงความวิตกว่ารสชาติแบบดั้งเดิมของช็อคโกแลตอังกฤษนั้นอาจจะต้องจบสิ้นลงเขาว่ากันว่าคนสองประเทศนี้กินช็อคโกแลตกันคนละรส สูตรของทางเมืองผู้ดีนั้นเขากำหนดให้มีปริมาณโกโก้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 20 และใช้เมล็ดโกโก้จากฝั่งตะวันตกของอัฟริกา ส่วนในอเมริกานั้นแม้จะมีส่วนผสมของโกโก้เพียงร้อยละ 10 ก็สามารถเรียกว่าช็อคโกแลตได้แล้ว และวัตถุดิบที่ใช้คือเมล็กโกโก้จากอเมริกาใต้ (แต่คนในภาคพื้นยุโรปฟังแล้วคงเชิดใส่ เพราะเขาชอบช็อคโกแลตเข้มๆ จึงต้องมีโกโก้ไม่ต่ำกว่า ร้อยละ 40 ของส่วนผสม)แต่ไม่ว่าจะผลิตจากสูตรไหน เจ้าช็อคโกแลตเหล่านี้หรือเรียกให้ถูกว่าขนมหวานรสช็อคโกแลต ถูกจับตามานานแล้วว่าเป็นตัวการหนึ่งทำให้เด็กและผู้ใหญ่ยุคนี้มีน้ำหนักเกินสำนักงานมาตรฐานอาหารของอเมริกาจึงกำหนดให้ภายในปีค.ศ. 2012 ขนมที่มีช็อคโกแลตเป็นส่วนประกอบจะต้องลดขนาดลงมาให้เหลือเพียงชิ้นละไม่เกิน 50 กรัม ถ้าเป็นช็อคโกแลตแท่งก็ต้องมีขนาดไม่เกิน 40 กรัมด้วย โลกจะแตกในปี 2012 อย่างในหนังเขาว่าหรือไม่เรายังไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ เราจะได้เห็นขนมหวานที่ขนาดเล็กลงแน่นอน -----------------------------------------------------------------   จากเครดิต สู้เดบิตปัจจุบันคนอเมริกันเป็นหนี้บัตรเครดิตไม่ต่ำกว่า เก้าแสนเจ็ดหมื่นล้านเหรียญ (จากตัวเลขเมื่อปลายปี พ.ศ. 2551) และแต่ละครัวเรือนที่มีบัตรเครดิตประมาณ 10,679 เหรียญ (ประมาณ 350,000 บาท)ร้อยละ 78 ของครัวเรือนอเมริกัน หรือประมาณ 91 ล้านครัวเรือน มีบัตรเครดิตมากกว่าหนึ่งใบ โจราธาน เลวาฟ อาจารย์ด้านการตลาดแห่งมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย บอกว่าประเทศอเมริกานั้นเป็นสังคมที่เน้นการบริโภคอย่างยิ่ง เรียกว่าเป็นบริโภคนิยมที่ฉีดสเตียรอยด์เข้าไปด้วยเลยทีเดียว แต่ขณะนี้คนอเมริกันหันมาใช้บัตรเดบิตกันมากขึ้น ปี 2007 มีคนใช้บัตรเดบิตประมาณร้อยละ 65 อีกหนึ่งปีถัดมาสถิติการใช้เพิ่มขึ้นเป็น ร้อยละ 72 เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำทำให้คนต้องการออมมากขึ้น และบัตรเดบิตก็ดูเหมือนจะเป็นการจัดการงบประมาณของตนเองได้ดีกว่า และไม่เป็นการนำเอาเงินในอนาคตมาใช้พูดถึงเรื่องบัตรเครดิตก็ต้องยกตัวอย่างพฤติกรรมของบริษัทบัตรเครดิตที่ไม่น่ารัก ที่สหภาพผู้บริโภคหรือ Consumers Union ของอเมริกา เขาประณามไว้เสียหน่อย ขณะนี้บริษัทบัตรเครดิตทั้งหลายกำลังรีบขึ้นอัตราดอกเบี้ยกันยกใหญ่ พูดง่ายๆ คือรีบเก็บซะก่อนที่กฎหมายว่าด้วยบัตรเครดิตของอเมริกาจะมีผลบังคับใช้ในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า บางบริษัทก็ใช้วิธีหลอกล่อให้ลูกค้าต้องยอมรับอัตราดอกเบี้ยใหม่ไปโดยไม่รู้ตัว และหลายบริษัทเพิ่มอัตราขั้นต่ำในการชำระหนี้ขึ้นกว่าร้อยละ 250 นอกจากนี้ยังมีการใช้มุข “คืนดอกเบี้ย” เช่นบางแห่งคิดดอกเบี้ยถึงร้อยละ 29.9 แต่อ้างว่าจะลดดอกเบี้ยให้ร้อยละ 10 ถ้าลูกค้าจ่ายตรงเวลา ซึ่งความจริงนี่ก็คือการแอบขึ้นดอกเบี้ยนั่นเอง หลายๆ แห่งที่อ้างว่าใช้อัตราดอกเบี้ยแบบผันแปร ก็ไม่ได้ใช้ในแบบที่เป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคแต่อย่างใด เพราะพวกเล่นกำหนดอัตราขั้นต่ำเอาไว้ด้วย คือสูงเท่าไรก็จะขอเก็บเท่านั้นแต่ถ้าต่ำมากเกินไปกลับไม่ยินยอม (แล้วนี่มันเป็นอัตราผันแปรตรงไหนเนี่ย) น่าจะบอกกันตรงๆ ว่าผันแปรแต่ขาขึ้นเท่านั้นก็หมดเรื่อง --------------------------------------------------------------------------------- อเมริกันชนยังต้องใช้ยาแพงต่อไปอเมริกากำลังจะออก พรบ. ปฏิรูประบบสุขภาพ ฉบับใหม่เร็วๆ นี้ ซึ่งต้องใช้งบประมาณกว่า 800,000 ล้านเหรียญ(26 ล้านล้านบาท) มาดูกันให้ชัดๆ ว่าอเมริกา “เปลี่ยน” ไปอย่างที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ได้ลั่นวาจาไว้หรือไม่ แต่ที่แน่ๆ คนอเมริกันจะยังคงใช้ยาแพงเหมือนเดิม เพราะวุฒิสภาไม่รับข้อเสนอเรื่องการนำเข้ายาราคาถูกจากเพื่อนบ้านอย่างแคนาดา ยิ่งไปกว่านั้นอเมริกันชนยังต้องรอถึง 12 ปี กว่าจะซื้อยาสามัญประเภทชีววัตถุ (เช่น ยาที่ใช้ในการรักษาโรคมะเร็ง) ในราคาที่ถูกลงได้ เพราะร่างพรบ.ฉบับนี้ให้สิทธิกับบริษัทผู้ผลิตยาชื่อการค้าประเภทชีววัตถุ ผูกขาดการขายยาดังกล่าวได้ถึง 12 ปี แถมต่อไปนี้ อย.ของสหรัฐจะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการตรวจรับรองยาประเภทชีววัตถุจากผู้ผลิตยาชื่อสามัญอีกด้วย แต่เชื่อหรือไม่ว่าร่างฉบับนี้ยกเลิกภาษีร้อยละ 5 ที่เคยเก็บจากบริการเสริมความงามอย่างการฉีดโบท็อกซ์ลบริ้วรอย ผ่าตัดเสริมหน้าอก หรือลดไขมันหน้าท้อง ข่าวบอกว่าผู้ผลิตโบท็อกซ์รายใหญ่อย่าง Allergen Inc และแพทย์ศัลยกรรมได้ร่วมกันล็อบบี้ไม่ให้มีการเก็บภาษีจากบริการดังกล่าวโดยอ้างว่าจะมีผลกระทบต่อผู้หญิงวัยทำงานจำนวนมาก ข่าวบอกว่าเหตุที่รัฐบาลนี้ดูจะเอื้อประโยชน์ให้กับธุรกิจยาและสุขภาพเป็นพิเศษนั้น น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการที่นายโอบามาเคยรับเงินบริจาคถึง 20 ล้านเหรียญจากบริษัทเหล่านี้ ในการรณรงค์หาเสียงในเมื่อสองปีก่อน “เปลี่ยน” ที่ว่านี่สงสัยจะหมายถึงโอกาสเข้าถึงยารักษาโรคที่น้อยลง ในขณะที่โอกาสในการเข้าถึงบริการศัลยกรรมความงามเปลี่ยนโฉมเพิ่มขึ้นนี่เอง  

อ่านเพิ่มเติม >