ฉบับที่ 234 ความเคลื่อนไหวเดือนสิงหาคม 2563

แนะวิธีเลือกซื้อเนื้อวัว        จากการที่มีผู้ประกอบการบางรายนำเนื้อหมูหมักเลือดวัวมาปลอมเป็นเนื้อวัวเพื่อที่จะจำหน่ายให้ได้ราคาสูงขึ้น ทำให้ปัญหาดังกล่าวส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคนั้น           กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข แนะวิธีเลือกซื้อเนื้อวัว คือต้องพิจารณาว่า ต้องสีแดงสด เนื้อแน่น ลายเส้นไม่หยาบ โดยให้ใช้นิ้วกดดู เนื้อจะยืดหยุ่น ไม่มีรอยบุ๋ม รวมทั้งต้องไม่มีเม็ดสีขาวใสคล้ายเม็ดสาคู เพราะเป็นตัวอ่อนของพยาธิตัวตืด สำหรับเนื้อสัน ควรจะมีสีแดงสดและมีมัน ปรากฏอยู่เป็นจุดเล็ก ๆ ลักษณะของไขมันแตกง่าย ไม่มีกลิ่นเหม็นเปรี้ยว ไม่มีเมือก เมื่อวางไว้จะมีน้ำสีแดงออกมา นอกจากนี้ ควรเลือกซื้อจากแหล่งที่มีการรับรองมาตรฐานตลาดสดน่าซื้อหรือสังเกตจากตราประทับบนหนังสัตว์ที่ชำแหละจากโรงฆ่าสัตว์ที่ได้รับการรับรองจากกรมปศุสัตว์ หรือร้านที่มีใบรับรองของฮาลาล         ทั้งนี้ผู้ปลอมแปลงอาหารผิดตามพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. 2522 หมวด 4 ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินสองปีหรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ รู้ยัง ธปท. ห้ามมือถือรุ่นเก่า-เวอร์ชั่นต่ำใช้โมบายแบงกิ้ง         ธนาคารแห่งประเทศไทย ออกกฎการรักษาความปลอดภัยในการใช้บริการโมบายแบงกิ้ง ห้ามโทรศัพท์มือถือรุ่นเก่า เวอร์ชั่นต่ำ-เจลเบรก มีผลบังคับเริ่ม 31 ธ.ค. 63 นี้          เนื่องจากปัจจุบันผู้ประกอบธุรกิจบริการชำระเงินมีการให้บริการผ่านช่องทางอุปกรณ์เคลื่อนที่เป็นช่องทางหลักและใช้บริการผ่านช่องทางดังกล่าวมีปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ขณะที่ภัยคุกคามทางไซเบอร์ มีหลากหลายซับซ้อนขึ้นอาจส่งผลกระทบต่อการให้บริการและผู้ใช้บริการได้ ดังนั้นเพื่อยกระดับความมั่นคงปลอดภัยในการให้บริการผ่านช่องทางอุปกรณ์เคลื่อนที่ ธปท.จึงออกนโยบายเพิ่มเติม โดยมีมาตรฐานควบคุมรักษาความมั่นคงปลอดภัย 2 ระดับด้วยกัน คือมาตรฐานขั้นต่ำ เช่น ไม่อนุญาตให้ใช้อุปกรณ์เคลื่อนที่ที่เปิดสิทธิให้เข้าถึงระบบปฏิบัติการ (rooted/jailbroken) เข้าใช้งานแอพพลิเคชั่น ,ไม่อนุญาตให้อุปกรณ์เคลื่อนที่ที่ใช้ระบบปฏิบัติการล้าสมัย ,ไม่อนุญาตให้ผู้ใช้บริการใช้แอพพลิเคชั่นเวอร์ชั่นต่ำกว่าผู้ให้บริการกำหนด  ส่วนมาตรการเพิ่มเติม เช่น ให้มีการกำหนด ตั้งค่า PIN หรือรหัสผ่านที่ซับซ้อน ในการเข้าใช้งานบนแอพพลิเคชั่นเพื่อให้ยากต่อการคาดเดาฯลฯ  สมอ.เอาจริง 10 เดือนลุยจับสินค้าไม่ได้ มอก. พร้อมทำลายทิ้ง         นายจุลพงษ์ ทวีศรี ประธานคณะกรรมการมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (กมอ.) เปิดเผยว่า  กระทรวงอุตสาหกรรมมีนโยบายให้ความสำคัญกับการคุ้มครองผู้บริโภคให้ได้รับความปลอดภัยจากการใช้สินค้าที่ได้มาตรฐานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งได้กำชับให้สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.)  ดำเนินการตรวจควบคุม และกำกับติดตามสินค้าที่จำหน่ายในท้องตลาดอย่างเข้มงวดและต่อเนื่อง หากไม่เป็นไปตามมาตรฐานให้ดำเนินการตามกฎหมายทันที         โดยระยะเวลา 10 เดือน (1 ตุลาคม 2562 – 31 กรกฎาคม 2563) ที่ผ่านมา สมอ. จับสินค้าไม่ได้มาตรฐาน ทั้งที่จำหน่ายในท้องตลาดและทางออนไลน์อายัดแล้วกว่า 1,000 ล้านบาท ทั้งยังจับมือกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (ปคบ.) และ SCG เตรียมทำลายสินค้าไม่ได้มาตรฐานอีกกว่า 3 แสนชิ้น มูลค่ากว่า 33 ล้านบาท ทั้งนี้ สมอ. ยังเพิ่มมาตรการกำกับดูแลให้ตลาดออนไลน์ชื่อดังอย่าง "LAZADA" และ "SHOPEE" ต้องไม่ปล่อยให้ผู้เช่าพื้นที่ขายสินค้าไม่มีมาตรฐาน โดยสั่งลงโทษอย่างจริงจังหลังตรวจสอบพบมีการจำหน่ายสินค้าที่ สมอ. ควบคุม ทั้งหม้อทอดไร้น้ำมัน ตู้เย็น และพัดลมไอเย็น บนแอปพลิเคชั่น          ยืนยันงานวิจัยผลกระทบสารเคมีกำจัดศัตรูพืชต่อเด็กทารกเป็นข้อเท็จจริง          จากกรณีที่สมาคมวิทยาการวัชพืช เผยแพร่ข้อความโฆษณาว่า งานวิจัยภายใต้การนำของ ศ.ดร.พรพิมล กองทิพย์ คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เกี่ยวกับการตกค้างของพาราควอตในซีรั่มมารดาและขี้เทาทารกแรกเกิด เป็นงานวิจัยที่ ‘ใช้ข้อมูลเท็จ’ โดยหวังผลเพื่อให้มีการทบทวนการแบนสารเคมี ‘พาราควอต’ ซึ่งปัจจุบัน 60 ประเทศทั่วโลกประกาศยกเลิกการใช้สารเคมีดังกล่าวแล้วนั้น         กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และกรมควบคุมโรค ร่วมมหิดลจับมือคณะแพทย์ 3 รพ. แจงรายละเอียดการร่วมวิจัยสารเคมีกำจัดศัตรูพืชทุกขั้นตอน ย้ำพบพาราควอตตกค้างในซีรั่มมารดาและขี้เทาทารกจริง ทั้งนี้ ศ.ดร พรพิมล กองทิพย์ คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ผู้นำทีมวิจัยเรื่อง ผลกระทบต่อพฤติกรรมประสาทของเด็กทารกจากการขาดไอโอดีนและการรับสัมผัสสารเคมีกำจัดศัตรูพืช กล่าวว่า “ผลงานวิจัยทั้งหมดดำเนินการในปี 2553 เป็นการทำงานร่วมกับโรงพยาบาล 3 แห่ง และทีมแพทย์ทั้งหมดมีชื่อปรากฏในงานวิจัยทั้งสิ้น มีหนังสือตอบรับการเข้าร่วมงานวิจัยจากโรงพยาบาลทั้ง 3 แห่ง และได้รับใบรับรองทางจริยธรรมแล้ว ทั้งนี้ตัวอย่างในการวิเคราะห์ได้มาจากการเก็บเลือดหญิงตั้งครรภ์ที่เข้ามาฝากครรภ์ 28 สัปดาห์ กับโรงพยาบาล โดยเก็บตัวอย่างเลือด ปัสสาวะ และน้ำนมของมารดา ขี้เทาและเลือดจากสายสะดือทารก”         โดย นพ.วิโรจน์ พญ.นภาพร และพญ.นันทา กล่าวเพิ่มเติมว่า ตนเองเป็นหมอเด็ก มีความสนใจและได้เข้าไปมีส่วนร่วมกับงานวิจัยนี้ ตนเองรับผิดชอบเก็บข้อมูลช่วง 72 ชม. หลังคลอด และตรวจพัฒนาการของระบบประสาทของเด็กแรกเกิด ซึ่งการประเมินดังกล่าวต้องทำโดยผู้เชี่ยวชาญ ทั้งนี้แพทย์ที่ร่วมวิจัยทั้งหมดล้วนเป็นกุมารแพทย์ที่ผ่านการอบรม สอบปฏิบัติจากโรงพยาบาลรามาธิบดีและได้รับใบอนุญาตแล้วตามมาตรฐานสากล อีกทั้งยังมีพยาบาลผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการเด็กทำการร่วมประเมิน บันทึกวีดีโอ และส่งให้ผู้เชี่ยวชาญประเมินด้วย โดยแพทย์จากโรงพยาบาลทั้ง 3 แห่งได้ยืนยันว่าได้เข้าร่วมโครงการวิจัยนี้         เช่นเดียวกับ นพ.สมฤกษ์ จึงสมาน รองอธิบดีกรมวิทยาศาตร์การแพทย์ กล่าวสรุปว่า กรมควบคุมโรค และกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์จะเป็นผู้ให้การสนับสนุนการทำงานวิจัย เพราะเป็นหน้าที่ของหน่วยงานรัฐซึ่งต้องทำหน้าที่ในการเฝ้าระวัง พร้อมจะปกป้องประชาชนเช่นเดียวกัน         อนึ่งผลการวิจัยดังกล่าวมีข้อค้นพบสำคัญคือ  พบว่า 1) ระดับสารออร์แกโนฟอสเฟตของหญิงตั้งครรภ์ และแรกคลอด และลดลงเมื่อคลอดแล้ว 2 เดือน ซึ่งสัมพันธ์กับการศึกษาของต่างประเทศหลายแห่ง เมื่อเด็กอายุ 5 เดือน พบว่าหากแม่มีระดับออร์กาโนฟอสเฟตในปัสสาวะสูง จะทำให้เด็กมีความฉลาดทางสติปัญญาลดลง ประสิทธิภาพการทำงานของกล้ามเนื้อมัดเล็ก-ใหญ่ลดลง และสัมพันธ์กับการตอบสนองของเด็กต่อสิ่งเร้าด้วย 2) หลังคลอดเมื่อตรวจในเลือดมารดาและสายสะดือพบพาราควอต 20 % และพบไกลโฟเซตสูงถึง 50 % แสดงให้เห็นว่าสารดังกล่าวส่งต่อจากแม่ไปถึงลูก 3) นอกจากนี้ยังตรวจพบพาราควอตในหญิงตั้งครรภ์ และในขี้เทาเด็กแรกเกิดรวมถึงในน้ำนมมารดาก็พบออร์แกโนฟอสเฟตหลายตัวอีกด้วย  ‘เยาวชนเท่าทันทางการเงิน’         มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ร่วมกับ สถานทูตสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย เปิดตัว โครงการ ‘เยาวชนเท่าทันทางการเงิน’ หวังเพิ่มความรู้และทักษะทางการเงินแก่เยาวชน เพื่อเพิ่มความรู้ทางการเงินและทักษะในการบริหารจัดการเงินให้แก่เยาวชน โดยมีการจัดทำหลักสูตรรู้เท่าทันการเงิน การจัดทำวีดีโอ ภาพยนตร์สั้น และฝึกอบรมให้กับนักเรียนมัธยมศึกษาตอนต้น ใน 30 โรงเรียนทั่วประเทศ ระหว่างเดือนพฤศจิกายน 2563 ถึง เดือนกุมภาพันธ์ 2564 โดยหลักสูตรมี 5 หน่วยการเรียนรู้ ได้แก่ 1) สิทธิผู้บริโภค 2) ที่มาของรายได้ 3) การวางแผนทางการเงิน 4) รู้ทันภัยการเงิน และ 5) หนี้ จากนั้นจึงนำหลักสูตรไปอบรมให้แก่นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นในโรงเรียนกลุ่มเป้าหมายจำนวน 30 โรงเรียน สามารพติดตามความเคลื่อนไหวได้จาก เฟซบุ๊ก https://facebook.com/finfinconsumer/ 

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 196 กระแสต่างแดน

ถุงลมมหาภัยสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภคฮาวายยื่นฟ้องฟอร์ด นิสสัน และโตโยต้า ที่เลือกใช้ถุงลมนิรภัยทาคาตะที่มีข้อบกพร่อง จนกลายเป็นอันตรายต่อผู้ขับขี่แทนที่จะเป็นอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยเมื่อเกิดการชน เขาให้เหตุผลว่า บริษัทรถเหล่านี้น่าจะรู้เรื่องความบกพร่องนี้มาไม่ต่ำกว่า 10 ปี และรู้ว่าแอมโมเนียมไนเตรต(สารเคมีที่ใช้ในการปล่อยจรวด) เป็นสารที่ยากแก่การควบคุม และภูมิอากาศในฮาวายเองมีการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิตลอดเวลา ซึ่งก็เอื้อต่อการเกิดปฏิกิริยาเคมีที่จะทำให้เกิดการระเบิดของถุงลมด้วยสำนักงานดังกล่าวเรียกร้องค่าเสียหาย 10,000 เหรียญต่อรถยนต์หนึ่งคัน ซึ่งคาดว่าในฮาวายมีรถยี่ห้อดังกล่าวที่ใช้ถุงลมทาคาตะอยู่ประมาณ 30,000 คัน  ก่อนหน้านี้รัฐนิวเม็กซิโก ก็ได้ยื่นฟ้องบริษัททาคาตะและบริษัทรถยนต์ไปแล้วเช่นกัน ทั่วโลกมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 16 ราย บาดเจ็บ 180 รายจากอุบัติเหตุที่เกี่ยวข้องกับถุงลมดังกล่าว เลือกกินไม่ได้?หลายพื้นที่ในรัฐทมิฬนาฑูและรัฐเกรละของอินเดียจัดงานเทศกาลกินเนื้อวัวเพื่อแสดงความไม่พอใจที่รัฐบาลกลางประกาศห้ามซื้อขายวัวเพื่อนำเข้าโรงฆ่าหลายฝ่ายมองว่าเรื่องนี้ผิดรัฐธรรมนูญและละเมิดเสรีภาพในการเลือกของผู้บริโภค นอกจากนี้ยังส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเนื้อวัวในอินเดียที่มีมูลค่าถึง 15,000 ล้านเหรียญสหรัฐอีกด้วย การแบนครั้งนี้จะทำให้มีคนตกงานไม่ต่ำกว่า 500,000 คนรัฐเกรละซึ่งมีประชากรที่บริโภคเนื้อวัวอยู่ถึงร้อยละ 70 นำเข้าเนื้อวัวจากรัฐอื่นไม่ต่ำกว่า 2 แสนตันต่อปี  กฎหมายใหม่จะทำให้เกิดการขาดแคลนขึ้นอย่างแน่นอนด้วยปริมาณเนื้อที่เข้าสู่ตลาดน้อยลงและบริษัทรับจ้างขนส่งที่ไม่ยินดีรับงานเพราะกลัวจะถูกทำร้ายเมื่อขับผ่านพื้นที่ ที่ต่อต้านการบริโภคเนื้อวัว รัฐบาลอินเดียภายใต้การนำของนายนเรนดรา โมดี ได้เพิ่มความเข้มงวดเรื่องการฆ่าวัว ซึ่งเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อในศาสนาฮินดูขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่เขาเข้ารับตำแหน่งในปี 2014 อินเดียมีประชากรร้อยละ 20 ที่ไม่ได้นับถือฮินดู ไม่ปลื้มของนอกธุรกิจอาหารฟาสต์ฟู้ดจากต่างประเทศดูจะไปได้ไม่สวยนักในเวียดนาม เบอร์เกอร์คิงตัดสินใจปิดสาขาในเมืองหลักๆ อย่างโฮจิมินห์และดานังไปหลายสาขา หลายเจ้าเลือกที่จะไม่เปิดสาขาเพิ่มแม้แต่เจ้าใหญ่อย่างแมคโดนัลด์ที่เคยประกาศไว้เมื่อสามปีก่อนตอนเริ่มเข้ามาทำธุรกิจในเวียดนามว่าจะเปิดให้ได้ 100 สาขาภายใน 10 ปี ขณะนี้ก็มีเพียง 15 สาขาเท่านั้น เหตุผลหลักๆ ที่นักวิเคราะห์เขาบอกไว้ คืออาหารไม่ถูกปาก ราคาก็ไม่ถูกใจ แถมคนเวียดนามเขายังมีทางเลือกเป็นแซนวิช “บั๋นหมี่” ที่หาซื้อได้ทั่วไปตามถนนในราคาย่อมเยา รสชาติโดนใจกว่าและดีต่อสุขภาพด้วย ในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา กระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมเวียดนามได้ให้ใบอนุญาตกับธุรกิจต่างชาติ 148 แบรนด์ ในจำนวนนี้มีถึงร้อยละ 43.7 ที่เป็นแบรนด์อาหารและเครื่องดื่ม จอดได้ แต่จ่ายเพิ่มกรุงเดลลีมีประชากร 17 ล้านคน มีรถยนต์ 10 ล้านคัน(ในจำนวนนั้น 9.5 แสนคันเป็นรถส่วนตัว) ปัญหาเรื่องรถติด มลภาวะ และการขาดแคลนที่จอดรถจึงตามมาอย่างไม่ต้องสงสัยเทศบาลเมืองจึงเสนอมาตรการรับมือกับปัญหาดังกล่าวด้วยการขึ้นค่าจอดรถบนพื้นที่ข้างถนนในกรณีต่อไปนี้ : จอดตอนกลางวัน จอดช่วงที่มีการจราจรหนาแน่น จอดช่วงวันจันทร์ถึงศุกร์ นอกจากนี้ใครที่มีรถมากกว่าสองคันก็จะต้องจ่ายค่าจอดมากกว่าคนอื่นที่พีคไปกว่านั้น คือค่าจอดรถในพื้นที่ใกล้ตลาดจะแพงขึ้นเป็นสามเท่า ข่าวบอกว่าเขาจะปรับค่าบริการจอดรถริมทางให้แพงกว่าการนำรถขึ้นไปจอดบนอาคารจอดรถ ส่วนใครที่จะซื้อรถใหม่ก็ต้องแสดงหลักฐานยืนยันว่ามีที่จอดด้วย ชาวเดลลีมีเวลาหนึ่งเดือน ในการแสดงความคิดเห็นก่อนที่นโยบายนี้จะประกาศใช้ เขาคำนวณไว้ว่าถ้าเป็นไปตามสูตรนี้จริง รัฐบาลจะมีรายได้เพิ่มขึ้นถึง 6,000 ล้านรูปี (ประมาณ 3,000 ล้านบาท) ย่างกุ้งได้รถเมล์ใหม่ปีนี้เป็นการดำเนินงานปีแรกของขนส่งมวลชนย่างกุ้ง(Yangon Bus System) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนยกระดับบริการรถสาธารณะให้กับเมืองที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว ด้วยผู้ใช้บริการวันละไม่ต่ำกว่า 2 ล้านคน YBS นำรถเมล์ใหม่มาวิ่งแล้ว 2,600 คัน(2,000 คันเป็นของรัฐ ที่เหลือเป็นของเอกชน) เพื่อนำมาวิ่งแทนรถโดยสารรุ่นเก่าที่ทำงานล่วงเวลามาหลายปีแล้ว ทั้งนี้เจ้าของรถเก่าเหล่านั้นสามารถนำรถไปส่งที่โรงหลอมแล้วรับคูปองไปเป็นส่วนลดในการซื้อคันใหม่ได้ตามแผนนี้ผู้ประกอบการรายเดิมจะมี 3 ทางเลือก ได้แก่ เลิกกิจการ เข้าร่วมเป็นรถของ YBS หรือเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทที่จัดตั้งร่วมกันระหว่างรัฐและเอกชน(PPP) ทั้งนี้โครงสร้างรายได้สำหรับคนขับจะเป็นการรับเงินเดือนแทนการ “ทำยอด” เหมือนก่อนรัฐบาลพม่าจะต้องใช้งบประมาณ 70,000 ล้านจัต(ประมาณ 17,000 ล้านบาท) ในการจัดซื้อรถเมล์ทั้งหมด 3,000 คัน

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 169 กระแสต่างแดน

I’m burning it! องค์กร Fight for 15$ ที่ต่อสู้เพื่อสภาพการทำงานที่ดีและค่าแรงขั้นต่ำที่เป็นธรรม สร้างความฮือฮาอีกครั้งด้วยการเปิดโปง “เรื่องในครัว” ของแม็คโดนัลด์ ร้านฟาสต์ฟู้ดที่มีสาขามากเป็นอันดับสองของอเมริกา องค์กรนี้รายงานว่ามีพนักงานร้านแม็คโดนัลด์ 28 คน จากสาขาใน 19 เมือง เคยได้รับบาดเจ็บจากอุปกรณ์ที่มีอันตรายและมาตรการความปลอดภัยที่หละหลวมในครัวของแม็คโดนัลด์ US Occupational Safety and Health Administration (OSHA) หน่วยงานที่ดูแลเรื่องอาชีวะอนามัยและความปลอดภัยของสหรัฐฯ ยอมรับว่าได้รับเรื่องร้องเรียนดังกล่าวจริงในช่วงสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมา โฆษกของ OSHA กล่าวว่ากำลังสืบสวนหาข้อเท็จจริงเรื่องนี้อยู่ ถ้าพบว่าผิดจริง บริษัทอาจเสียค่าปรับระหว่าง 7,000 ถึง 70,000 เหรียญ (230,000 – 2,300,000 บาท) แล้วแต่ความรุนแรงของข้อหา ก่อนหน้านี้ OSHA เคยสำรวจความเห็นของพนักงานในร้านฟาสต์ฟู้ดในอเมริกาจำนวน 1,426 คน และพบว่าในปีที่ผ่านมา เกือบร้อยละ 80 เคยได้รับบาดเจ็บจากบาดแผลไฟไหม้หรือน้ำร้อนลวก และหนึ่งในสามของคนเหล่านี้ได้รับคำแนะนำจากหัวหน้างานให้ใช้ของใกล้ๆ มืออย่าง เนย มัสตาร์ด มายองเนส หรือซอสมะเขือเทศ ทาแผลบรรเทาปวด! แม็คโดนัลด์ อเมริกา(ซึ่งมีทั้งหมด 14,000 สาขา) บอกว่า บริษัทคำนึงถึงสภาพการทำงานที่ปลอดภัยสำหรับพนักงานเสมอมา แต่ก็พร้อมที่จะพิสูจน์ข้อกล่าวหาดังกล่าว   ทางเลือกที่น้อยลง? Greenpeace Energy ผู้ประกอบการพลังงานหมุนเวียนที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ในเมืองฮัมบูร์ก เยอรมนี เตรียมฟ้องร้องคณะกรรมการสหภาพยุโรป ที่อนุมัติให้ประเทศอังกฤษสร้างโรงงานผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานนิวเคลียร์ได้ บริษัทดังกล่าวทำการศึกษาในรายละเอียดและพบว่า การตัดสินใจของคณะกรรมการฯ ไม่ได้เป็นไปอย่างรอบคอบ ไม่คำนึงถึงผลกระทบต่อราคาพลังงานในยุโรป โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อราคาของพลังงานทางเลือกที่มีต้นทุนสูงกว่าเนื่องจากเป็นการรับซื้อพลังงานจากผู้ผลิตรายย่อยในราคาคงที่ ในขณะที่ไฟฟ้าจากพลังงานนิวเคลียร์ได้รับเงินสนับสนุนต้นทุนการผลิตจากรัฐ ในปี 2006 อังกฤษประกาศสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ที่ฮิงค์ลี่ย์พ้อยนท์ ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ มูลค่าการลงทุนทั้งหมด 40,000 ล้านยูโร ตามแผนการลดการปล่อยคาร์บอน ตามกำหนดการเดิมเขาจะสร้างโรงไฟฟ้า 2 โรงให้เสร็จพร้อมใช้งานก่อนคริสต์มาสปี 2017 แต่เนื่องจากมีผู้คัดค้านจำนวนมาก แผนดังกล่าวจึงยังไม่ได้เริ่ม และในที่สุดรัฐบาลอังกฤษจึงลงขันช่วยเหลือผู้ประกอบการ 22,000 ล้านยูโร การกระทำดังกล่าวทำให้เกิดความไม่เป็นธรรมในการแข่งขันระหว่างบริษัทพลังงานด้วยกัน เพราะการคิดค่าไฟฟ้าไม่ได้คิดจากต้นทุนที่แท้จริงของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์นั่นเอง รายงานดังกล่าวยังระบุว่า เยอรมันจะเป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด เพราะปัจจุบันรัฐบาลเยอรมันเป็นผู้จ่ายส่วนต่างระหว่างราคาพลังงานในตลาดกับราคาพลังงานทางเลือก ที่มีต้นทุนการผลิตสูงกว่า แม้ว่าในเบื้องต้นรัฐบาลเยอรมันอาจจ่ายเพียง 17 ล้านยูโร จากกองทุนพลังงานทางเลือกมูลค่า 20,000 ล้านยูโร ของประเทศ แต่การตัดสินใจของคณะกรรมการฯ อาจทำให้ โปแลนด์ โรมาเนีย หรือลิทัวเนีย อาจเดินหน้าสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ด้วย และนั่นจะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของตลาดพลังงานทางเลือกในเยอรมนีมากขึ้น ใครเอาเนยแข็งของฉันไป? อิตาลีเป็นต้นตำหรับพาเมซานชีส ที่ผู้คนทั่วโลกนิยมชมชอบ แต่เชื่อหรือไม่ว่าปีที่ผ่านมาอิตาลีผลิตชีสดังกล่าวได้เพียง 295,000 ตัน ในขณะที่อเมริกาผลิตออกมาได้มากกว่า 300,000 ตัน กลุ่มเกษตรกรผู้ผลิตพาเมซานชีสในอิตาลี นำโดย Coldiretti ออกมารวมตัวกันที่เมืองโบโลญญา เพื่อประท้วง “ชีสปลอม” เหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัดอุตสาหกรรมการผลิตชีส ที่ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวในแคว้นอิมีเลีย โรมัญญา เมื่อสามปีก่อน และปีที่แล้วราคาส่งก็ลดลงร้อยละ 20 จนเหลือเพียงกิโลกรัมละประมาณ 250 บาท   เอาเป็นว่าตั้งแต่ปี 2007 เป็นต้นมา มีหนึ่งในสี่ของเกษตรกรรายย่อยที่ผลิตชีสดังกล่าวเลิกกิจการไปแล้ว ความจริงแล้ว ชีส “Parmigiano Reggiano” และ “Grana Padano” ได้รับการคุ้มครองการตั้งชื่อจากแหล่งกำเนิดสินค้าจากสหภาพยุโรปอยู่แล้ว เช่น ถ้าจะเรียกตัวเองว่าเป็น Parmigiano Reggiano ของแท้ ต้นตำรับ ก็ต้องเป็นชีสที่ผลิตจากฟาร์มในเมืองพาร์มาหรือพื้นที่รอบๆ เท่านั้น แต่ตอนนี้เกษตรกรอิตาลีทำได้แค่ประท้วง เพราะจะไปเอาผิดกับบริษัทอเมริกันว่าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาก็คงไม่ได้ เพราะคุณพี่เขาทำชีสที่ว่าออกมาขายในชื่อภาษาอังกฤษว่า Parmesan Cheese ซึ่งไม่ได้อยู่ในการคุ้มครอง อันนี้ผู้บริโภคต้องเลือกแล้ว ... ถ้าคุณอยากกินของอร่อยจากอิตาลี ก็ต้องดูชื่อให้ดีนะจ๊ะ   จำกัดเนื้อ ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย นายโจโค วิโดโด ต้องการให้ประเทศของเขาสามารถพึ่งพาตนเองได้ทางอาหาร เขาจึงเริ่มจากการจำกัดการนำเข้าเนื้อวัวจากต่างประเทศ ปีที่แล้วอินโดนีเซียนำเข้าเนื้อวัวถึง 170,000 ตัน แต่ปีนี้ในไตรมาสแรก มีการนำเข้าเพียง 12,000 ตันเท่านั้น ผลกระทบต่อประชากร 240 ล้านคนคือราคาเนื้อวัวที่แพงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากเดิมกิโลกรัมละ 80,000 รูเปียอินโดนีเซีย (ประมาณ 200 บาท) ขึ้นเป็น 105,000 (ประมาณ 260 บาท) และอาจขึ้นไปอีกเมื่อราคาน้ำมันกลับมาเหมือนเดิม นอกจากนี้ยังมีการคาดการณ์ว่าราคาเนื้ออาจเพิ่มขึ้นเป็น 150,000 รูเปียอินโดนีเซีย (370 บาท) ในเดือนรอมฎอนด้วย รัฐบาลเริ่มการจำกัดการนำเข้า แต่ยังไม่มีความเคลื่อนไหวเพื่อส่งเสริมการส่งเสริมการทำฟาร์มวัวเนื้อในประเทศมากนัก และภาวะอาหารแพงนี้อาจนำไปสู่ภาวะเงินเฟ้อในที่สุด ก่อนหน้านี้อินโดนีเซียเคยมีความพยายามเช่นนี้และประสบความล้มเหลวมาแล้ว นอกจากจะขาดแคลนเนื้อวัวเพื่อการบริโภคยังมีปัญหาการคอรัปชั่นของนักการเมืองด้วย(ร้อยละ 40 ของเนื้อวัวที่บริโภคในอินโดนีเซียถูกนำเข้าจากออสเตรเลีย ซึ่งเป็นผู้ส่งออกเนื้อวัวรายใหญ่อันดับสามของโลก)   ความสุขของกิมจิ เด็กเกาหลีเครียดกับการเรียนไม่แพ้ชาติใดในโลก เรื่องนี้มีตัวเลขการสำรวจมายืนยัน สถาบันสุขภาพและสังคมของเกาหลีได้ทำการเปรียบเทียบความรู้สึกของเด็กในวัย 11,13 และ 15 ปี ในเกาหลีกับเด็กๆ ในประเทศอื่นๆ โดยใช้ข้อมูลของรัฐบาลเกาหลีในปี 2013 ประกอบกับรายงานของยูนิเซฟว่าด้วยการสำรวจความรู้สึกเป็นสุขของเด็กๆ ในประเทศที่ร่ำรวย 29 ประเทศที่ทำขึ้นในปี 2009 และ 2010 เมื่อให้เด็กๆ จัดอันดับความกดดันเรื่องการเรียนระหว่างเลข 0 ถึง 4 โดยคนที่เลือกหมายเลข 3 ขึ้นไป จะถือว่าเป็นกลุ่มที่เครียดมาก พบว่า เกาหลีมีเด็กถึงร้อยละ 50 ที่รู้สึกว่าตัวเองเครียดมาก ในขณะที่ค่าเฉลี่ยของการสำรวจคือร้อยละ 33.3  และเด็กที่เครียดเรื่องเรียนน้อยที่สุดคือเด็กในประเทศเนเธอร์แลนด์(ร้อยละ 16.8) ในทางกลับกัน มีเพียงร้อยละ 18.5 ของเด็กๆ ที่เกาหลีเท่านั้นที่ตอบว่า ชอบชีวิตการไปโรงเรียน เป็นอันดับห้าจากล่างสุด รองจากสาธารณรัฐเช็ค ฟินแลนด์ อิตาลี และเอสโตเนีย ส่วนประเทศที่มีเด็กชอบการไปโรงเรียนมากที่สุดได้แก่ ไอร์แลนด์ (ร้อยละ 42.5) แล้วความสุข ความพึงพอใจในชีวิตน้อยๆ ของพวกเขาล่ะ? มีเพียงร้อยละ 60.3 ของเด็กเกาหลีเท่านั้นที่ตอบว่าพึงพอใจ ในขณะที่เด็กๆมากกว่าร้อยละ 80 ในประเทศอื่นๆ ตอบว่าพวกเขาพึงพอใจกับชีวิตของตัวเอง ยกเว้นโปแลนด์ (79.7) และโรมาเนีย (76.6) นักวิจัยของเกาหลีให้ข้อสรุปว่า เด็กๆ ของพวกเขามีสุขภาพกายดีเยี่ยม แต่สุขภาพจิตยังต้องปรับปรุงอีกมาก สืบเนื่องจากการเป็นสังคมที่เอาจริงเอาจังกับการประสบความสำเร็จทางการเรียนนั่นเอง

สำหรับสมาชิก >
ฉลาดซื้อ เก็บแต้มแลกสินค้า250 Point