ฉบับที่ 262 จองห้องพัก ตัดบัตรเครดิตเต็มจำนวน...แต่ไม่ได้เข้าพัก!!

เดี๋ยวนี้ เรามักจะได้ยินข่าว เช่นว่า เด็กเผลอกดโหลดแอพดูดเงินออกจากบัญชี  หรือ สารพัดแอพที่ดูดเงินจากธนาคารออนไลน์ได้ของเราได้ง่ายๆ  แต่จริงๆ แล้ว แม้ศึกษาข้อมูลมาอย่างดี ความผิดพลาดจนเสียเงินก็ยังเกิดขึ้นได้ เช่นเรื่องราว คุณพาณิภัค ทิพย์เที่ยงแท้ ที่เธอได้จองที่พักเพื่อไปพักผ่อนกับครอบครัวในช่วงวันหยุดยาวเอเปคระหว่างวันที่ 16- 18 พฤศจิกายน ที่หัวหินที่ผ่านมา ซึ่งการจองที่พักเธอคิดว่าสามารถผ่อนชำระได้ แต่เมื่อเข้าไปจองระบบกลับตัดยอดค่าที่พักเต็มจำนวนจากบัตรเครดิตในครั้งเดียว เมื่อเธอพยายามติดต่อขอยกเลิกการจอง แต่กลับถูกหักเงินและไม่ให้บ้านพักที่จองไว้อีกด้วย เรื่องนี้ แม้ปัญหาจะได้รับการแก้ไขแล้ว แต่คุณพาณิภัคก็อยากส่งต่อเรื่องราว เพื่อให้ผู้บริโภครู้เท่าทัน รักษาสิทธิไม่ให้ใครมาละเมิดได้         “เราไม่ได้ยอมแพ้ เราเลยได้เงินจำนวนนี้คืนมา  เพราะมันก็เป็นสิทธิที่ไม่ควรเสียไปตรงนี้”  ตอนที่ปัญหาเริ่มเกิดขึ้น  มีที่มาอย่างไร          คือช่วงวันที่ 16 – 18  พฤศจิกายน ที่ผ่านมา รัฐบาลประกาศให้เป็นวันหยุดพิเศษ ที่ทำงานเราก็หยุดด้วยเลยอยากพาครอบครัวไปเที่ยว พักผ่อนที่หัวหิน แล้วเลยต้องจองที่พัก เราจึงเลือกใช้บริการกับ Agoda  เพราะว่าใช้กันมานานแล้ว  แล้วเราสอบถามไปที่โรงแรมที่ต้องการไปพักแล้วแพงกว่าราคาใน  Agoda เชคตอนนั้นราคาใน Agoda คือถูกที่สุดเราก็เลยจอง  ตอนนั้นที่จองเป็นบ้าน 1 หลังเลยเพราะไปพักกับครอบครัว มี  3 ห้องนอน แล้วปัญหาเริ่มเกิดขึ้น ตอนไหน ยังไง          คือปกติ  Agoda จะมีให้ผ่อนชำระด้วยบัตรเครดิต คือผ่อนได้ทั้งทางบัตรเครดิต และผ่านทางแอพพลิเคชันของเขา ผ่อนชำระได้  3- 6 เดือน ซึ่งตอนจองเราคิดว่าตอนเลือกชำระเงินก็ต้องมีให้เลือกว่าจะจ่ายเงินอย่างไร แต่พอกดตกลงไปแล้ว มันไม่ได้มีผ่อน กดไปแล้วชำระเต็มจำนวนเลย  45,000  บาท  คือในเว็บไซต์ราคา 45,000 แต่จะมีส่วนต่างที่จะคืนเป็นแคชแบ็กให้ ที่ตัดไปจากบัตรจะตัดไป 43,000 กว่าบาท ตอนที่จองเวลาประมาณ 22.27 น. พอเห็นยอดตัดเด้งเข้ามาที่มือถือ เราเลยรีบยกเลิก  เขาก็ขึ้นมายกเลิกไม่ได้ การจองนี้เป็นการจองที่ยกเลิกไม่ได้ เราเลยโทรไปที่ Agoda  แจ้งว่าเป็นการกดชำระผิด  Agoda ก็บอกว่าให้เราติดต่อไปที่โรงแรมด้วยตัวเอง ถ้าเกิดโรงแรมยินยอมให้ยกเลิก  Agoda ก็ยินดีที่จะคืนเงินให้เต็มจำนวน  แต่ตอนนั้น 4 ทุ่มครึ่งแล้ว  ฝ่าย reservation ของโรงแรมเลิกทำงานไปแล้ว เราเลยติดต่อในวันรุ่งขึ้น ที่ต้องการจะยกเลิกเพราะไม่พอใจ ที่บริษัทบอกว่า สามารถผ่อนชำระได้ แต่ตัดจ่ายในครั้งเดียว         ไม่พอใจที่ตัดยอดเต็มจำนวน   ตรงที่เลือกตรงที่ให้ผ่อนได้  มันหายไป  เราเข้าใจว่าอีกหน้าหนึ่งหรือเปล่า ตอนที่กด เขาบอกว่าห้องพักนี้ผ่อนชำระได้ แต่เข้าไปแล้ว ไม่มีตัวเลือกนั้น  กลายเป็นตัดเต็มจำนวนไปเลย ตอนหลังเราลองทำในคอมพิวเตอร์ก็มีผ่อนชำระ  แต่ไม่สามารถทำได้ในแอพนะ ยังไงก็ทำไม่ได้  ซึ่งตอนนั้นเราก็ไม่ได้ถามปัญหานี้กับบริษัทนะ  ยอมรับว่า เราก็ห่วงแต่เรื่องเงินของเรา แล้วคิดว่าถ้าจบแล้ว จะไม่ได้ใช้บริการแล้ว ถ้าทำผิดอีก แล้วเงินมันเยอะ เราก็รู้สึกว่า ถ้าเงินเยอะ แล้วมีปัญหา กดดันมากกว่าเงินจำนวนน้อย แล้วการติดต่อโรงแรมในวันรุ่งขึ้นเป็นอย่างไร         ฝ่าย reservation ของโรงแรม เขาก็บอกว่า ยินดียกเลิกให้ คืนเงินให้ แต่เขายังไม่เห็นว่ามีการจองนี้เข้ามาเลย          ตรงนี้เราเลยโทรกลับมาที่ Agoda อีกครั้งว่า โรงแรมแจ้งว่ายังไม่มีการจองนี้เกิดขึ้น  ซึ่งถ้ามีเข้าไป โรงแรมจะยกเลิกให้  เราบอกเขาว่า โรงแรมยินดียกให้     โอเค Agoda ก็ให้รออีก  48 ชม.  ผ่านไป เราก็ร้อนใจ มันขึ้นสถานะว่ายังไม่ได้ยกเลิก เราก็โทรกลับไปใหม่ เขาบอกว่าจะติดต่อกลับ อีกวันหนึ่งเขาก็โทรมา เขาใช้คำว่า ‘Property’ ไม่ให้ยกเลิก ซึ่งก็ต้องหมายถึงโรงแรมใช่ไหม  เขาใช้คำนี้ เราเลยบอกว่า ไม่ใช่นะ เพราะได้คุยกับโรงแรมแล้ว  แต่เราก็เอ๊ะ หรือว่าโรงแรมเขาเปลี่ยนคนหรือเปล่า ไม่ใช่คนที่คุยกับเราแล้วเขาเลยไม่ยกเลิกให้เรา เลยโทรกลับไปที่โรงแรมใหม่ แล้วเลยถามชื่อ ว่าคนที่เราคุยด้วย ชื่ออะไร เขาเลยบอกว่า ชื่อคุณคนนี้ .... แล้วเขาบอกว่า เขายินดีให้เราบอก Agoda ได้เลย เขาชื่อนี้ เขายินดียกเลิกให้         สรุปสุดท้าย Agoda พูดว่า การจองนี้ เป็นการจองที่เขาส่งไปให้บริษัท Supplier  อีกเจ้าหนึ่งเป็นคนจองให้  เราเลยบอกว่า เราไม่รับรู้ เราไม่ได้จองผ่านที่อื่น ถ้ารู้ว่าเขาจะไปส่งต่อให้  Supplier แล้วมันยุ่งยากเราจะไม่จอง เพราะว่าเราก็เชื่อถือใน  Agoda  แล้วทางโรงแรมไม่ได้มีปัญหาเลย แล้วตอนนั้น เริ่มแก้ปัญหาอย่างไร          เราเลย อีเมลไปต้นสังกัด ที่สำนักงานใหญ่ Agoda สิงคโปร์  ต้นสังกัด เขาตอบกลับมาอีกว่าเป็นเพราะ ‘Property’ ไม่อนุญาตให้คุณยกเลิกการจอง แล้วเวลาหยุดก็ใกล้เข้ามาก็ยังไม่มีความคืบหน้าอะไร เราเข้าไปจองวันที่ 22 ตุลาคม จนวันที่ 27 ตุลาคม เขามาแจ้งว่าจะไม่คืนเงินให้ เขาจะยืดเงินไว้ทั้งหมด แล้วจนถึงตอนนั้นเราโทรไปที่โรงแรม  โรงแรมก็ยังไม่ได้รับการจองเลย  คือไม่มีการจองเข้าไป  เราเลยโทรกลับไปที่ Agoda อีกครั้งว่า ก็มันยังไม่มีการจอง แล้วจะมายึดเงินเรื่องอะไร  เสียหายอะไรถึงจะมายึดเงิน คือการจองยังไม่สมบูรณ์อะไร  โรงแรมเขาก็ยืนยันว่ามันไม่มีชื่อนี้จองเข้ามา ถามเขาแล้วว่า แล้วมีชื่ออื่นไหมที่จองเข้ามาระหว่างวันที่ 16 – 17 พ.ย.  โรงแรมบอกว่า ไม่มีเลย ไม่มีชื่อใครจองเข้ามา ทาง  Agoda  ยืนยันอีกว่าเขาจะไม่คืนแต่เขาจะช่วยนั่นนี่ คือเขาจะคืนเงินให้เรา 70 % อีก 30% เขาจะหักไว้คือประมาณ 12,000   เราบอกว่าไม่รับ เพราะว่าเขายังไม่ได้ทำอะไรให้เลยจะหักเงินไป เฉยๆ 12,000 ได้ยังไง  เขาบอกว่าให้รับไปเถอะ เพราะว่าวันนี้ Supplier ยอมแค่นี้  แต่ว่าถ้าเลยวันนี้ไปเขาไม่รับประกันว่าจะคืนเงินให้หรือเปล่า เขาอาจไม่คืนให้เลยก็ได้  เราเลย อ่ะ ไม่เป็นไร  เดี๋ยวเราจะฟ้องเพราะว่าทุกอย่างมันยังไม่เกิดขึ้น  เขายังไม่ได้เสียอะไร   นั่นคือจุดเปลี่ยนที่แบบ ปัญหานี้แก้เองไม่ได้แล้ว  ต้องการความช่วยเหลือ          ถึงตอนนี้ เรายังพยายามนะ สุดท้ายเราก็บอกว่า งั้นเอาแบบนี้ได้ไหม ถ้าคืนเงินให้ไม่ได้จริงๆ   คุณเอาห้องให้เราได้ไหม ให้เราไปพักในราคานี้ก็ได้  เพราะ เราก็เสียเงินไปแล้วจริงไหม  เขาบอกว่า ทำให้ไม่ได้ เขาจะหักเงินเท่านั้น  คือเขาไม่คุย เขาจะหักเงินเท่านั้น  คือห้องก็ไม่ให้  คือเขาไม่ให้อะไรเลย  เราเลยไม่โอเคแล้ว   ตอนนั้น Agoda  สำนักงานที่ไทยหรือ สิงคโปร์ที่บอกว่าจะหักเงินไว้ 30%         ตอนแรกคือ Agoda Thailand  เป็นอีเมลที่เขาตอบโต้มา แต่ก็ Agoda สิงคโปร์ด้วยที่ตอบกลับมา  เราเลยบอกว่า เราไม่รับนะ  เราไม่โอเค แล้วเลยเข้ามาร้องเรียนที่มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค   งั้นปัญหาจริงๆ  น่าจะอยู่ที่บริษัท Supplier ไม่ได้เข้าไปจองกับโรงแรม        ใช่   สุดท้าย พอใกล้ถึงเวลาจริงๆ เราต้องไปจองอีกเว็บหนึ่ง  เพราะว่าใกล้วันที่จะเข้าไปพักแล้ว เราจองไปตอนสายๆ  พอจองแล้วโทรไปถามตอนเที่ยง มีชื่อเราแล้ว โรงแรมได้รับจองแล้ว   แต่จาก Agoda   ยังไม่ไปขึ้นอยู่ดี  ก็เหมือนจริงๆ แล้วไม่ได้จองให้เรา   แล้วพอตัดสินใจว่าไม่ยอม คุณพาณิภัค เข้าไปร้องเรียนที่ไหนบ้าง          มาร้องเรียนที่มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคทางระบบร้องเรียน และ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคออนไลน์ (สคบ)  แค่ 2 ที่นี้  เข้ามาร้องเรียนช่วง  1 พ.ย.  ก่อนเข้าพักไม่นาน เพราะมูลนิธิยังโทรกลับมาถามว่า ใกล้ถึงช่วงที่เราจะเข้าพักแล้ว มีอะไรคืบหน้าไหม   ระหว่างนั้น มูลนิธิเข้าไปดำเนินอะไรบ้าง        มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ได้โทรเข้าไปที่บริษัท  Agoda จากที่เราให้เบอร์ไว้ ซึ่ง Agoda เขาไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลในรายละเอียดกับมูลนิธิฯ ได้ เพราะไม่ใช่คนที่จองเข้าพัก  มูลนิธิเลยบอกว่าจะส่งจดหมายไปที่บริษัท Agoda เลย        ส่วนทาง  สคบ.เขาก็มีหนังสือเป็นจดหมายลงทะเบียนจะขอให้เรียกบริษัท Agoda  เข้ามาชี้แจง ท่าทีของบริษัทเปลี่ยนไปไหม  เมื่อมีหลายหน่วยงานเข้าไป         ใช่ๆ  เพราะตอนแรก  เขาไม่ติดต่อกลับมาอีกเลย เราก็โอเค ในเมื่อคุณไม่คืนเงินนะ เราก็จะดำเนินการฟ้องร้อง คือไม่มีติดต่อกลับมาอีกเลย     ไม่มีบอกว่าจะช่วยเหลือหรืออะไรอย่างไร  จนวันเข้าพักผ่านไป เขาก็ไม่ติดต่อกลับมา  จนมีหนังสือกลับมาจาก สคบ. แล้วมูลนิธิโทรมาบอกว่า  Agoda  บอกว่าจะติดต่อกับมูลนิธิ เป็นหนังสือภายใน  10 ม.ค.         สุดท้ายวันที่ 25 ธันวาคม บริษัทโทรมาบอกว่า  เขาเห็นว่าเราเป็นลูกค้าชั้นดี เขาจะคืนเงินให้เต็มจำนวน แล้วไม่นาน อีเมลก็เข้ามา เราเข้าไปดู เขาคืนเงินมาแค่  70%  เราเลยโทรไปถามว่า จากที่โทรมาบอกว่าจะคืนให้เต็ม 100% นะ  เขาบอกว่า ตอนแรกเขายอมแค่  70%  แต่ตอนนี้เขาโอเคแล้ว อีกยอดหนึ่งจะเข้ามา แล้วอีกประมาณ  3-4 วัน ก็ได้อีกยอดหนึ่ง 30% จำนวน  11,999  สุดท้ายคือได้ครบ ภายในเดือน ธ.ค. ตอนนี้ก็ได้เงินคืน ครบหมดแล้ว ตอนนี้ปัญหาได้รับเงินคืนแล้ว แต่เป็นเรื่องที่อยากบอกเล่า เพราะอะไร          เพราะเขาบอกว่า ยกเลิกแล้ว ไม่มีสิทธิ์ดึงห้องกลับมา เราเลยถามว่า เราต้องเสียเงินไปฟรีๆ เลยหรือ  โดยที่เขาไม่ได้ทำอะไร เหมือนเอาเงินเราฟรี เขาไม่ยอมเลย จนมูลนิธิช่วย เขียนจดหมายไปหาเขา  เลยมีฟีดแบ็คกลับมา   เราคิดว่าถ้าตัวเราเอง คงไม่สามารถทำอะไรได้ เขาปฏิเสธการคืนเงินอย่างเดียวเลย  แล้วเราไปที่ สคบ. ออนไลน์ ด้วย เลยได้คืนมา อยากฝากอะไรถึง ผู้บริโภคที่อาจได้ทำธุรกรรมแบบนี้บ้าง         ฝากว่าเรื่องบางอย่างที่ไม่เป็นธรรม  ก็อย่าคิดว่าจะไม่มีที่ไหนช่วยเหลือได้  เราลองหาข้อมูลก่อน เพราะอย่าง มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค หรือ สคบ. เราก็หาข้อมูลด้วยตัวเอง  ที่ไหนที่จะดูแล คุ้มครองสิทธิของผู้บริโภคได้  เราก็หาข้อมูลจาก google  แล้วเข้าไปปรึกษาไป แล้วเราไม่ได้ยอมแพ้ เราเลยได้เงินจำนวนนี้คืนมา  เพราะมันก็เป็นสิทธิ์ที่ไม่ควรเสียไป

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 240 บอกว่าไม่เอาห้องที่โดนบล็อกวิว

        คุณแสงเดือนเข้าชมโครงการคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่งย่านสุขุมวิท ซึ่งตัวอาคารอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้ามาก เดินจากคอนโดไปสถานีเพียงแค่ 150 เมตร เป็นโครงการที่ตึกบางโซนสร้างเสร็จแล้วและมีผู้คนจับจองค่อนข้างมาก เมื่อสอบถามรายละเอียดจากพนักงานขาย โดยคุณแสงเดือนต้องการห้องชุดแบบหนึ่งห้องนอน ที่มีทัศนียภาพที่เปิดโล่ง (ไม่โดนบล็อกวิว) คือเมื่อมองจากห้องออกไปแล้วไม่มีอาคารหรือตึกสูงมาบดบังสายตา ซึ่งถือเป็นเรื่องหลักที่เธอต้องการ         พนักงานแนะนำห้องในตึกโซนซีให้เธอ เมื่อเธอขอไปชมห้องเพื่อให้แน่ใจว่าได้อย่างที่แจ้งพนักงานไป ทางพนักงานปฏิเสธบอกว่า แม้อาคารโซนซีเสร็จแล้ว แต่อยู่ระหว่างการตรวจสอบไม่เปิดให้เข้าชมแต่ห้องที่แนะนำไม่ถูกบล็อกวิวแน่นอนเพราะอยู่ชั้น 10 ซึ่งรอบด้านอาคารมีตึกพาณิชย์ซึ่งสูงไม่เกินสี่ชั้น อย่างไรก็ตาม คุณแสงเดือนก็ขอให้พนักงานช่วยถ่ายรูปมาให้ดูได้ไหม ซึ่งพนักงานก็ปฏิเสธอ้างเรื่องที่ไม่สามารถเข้าไปในพื้นที่ได้         ด้วยทำเลที่ดีและราคาที่น่าสนใจอยู่ในเกณฑ์ที่ต้องการพอดี เธอจึงตัดสินใจซื้อสิทธิการจองห้องจากเจ้าของสิทธิเดิม และทำเรื่องราวสินเชื่อต่างๆ จนผ่าน และได้กรรมสิทธิในห้องชุดดังกล่าวที่เธอเลือกไว้ตามคำแนะนำของพนักงานขาย         แต่เมื่อได้เข้าตรวจดูห้องชุด กลับพบว่า ไม่เป็นตามที่ตั้งใจ เมื่อมองจากห้องก็เจออาคารพาณิชย์บดบังทัศนียภาพที่วาดหวังไว้ จึงแจ้งให้ทางโครงการฯ รับผิดชอบแก้ไขเรื่องให้เป็นตามวัตถุประสงค์ของเธอ ทางโครงการฯ ปฏิเสธอ้างว่า เมื่อมีการโอนกรรมสิทธิในห้องชุดแล้ว ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขได้ อย่างไรก็ตามเพื่อความสบายใจของผู้ร้องทางโครงการฯ ยินดีช่วยเหลือด้วยการติดต่อหาคนมาซื้อห้องชุดดังกล่าวให้         คุณแสงเดือนจึงทำหนังสือขอยกเลิกสัญญา และแจ้งร้องทุกข์กับทางสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ต่อมา ทาง สคบ.แจ้งว่า ขอยุติเรื่องของเธอ เพราะไม่เข้าข่ายว่าคุณแสงเดือนเป็นผู้บริโภค ด้วยเหตุว่าห้องชุดดังกล่าวคุณแสงเดือนจะปล่อยเช่าให้กับชาวต่างชาติ เธอจึงนำเรื่องไปฟ้องร้องดำเนินคดีด้วยตนเอง         ต่อมาทางศาลเห็นว่าเธอฟ้องร้องแบบไม่มีทนายความ จึงให้เธอหาทนายมาว่าความเพื่อไม่ให้เสียเปรียบ เธอจึงปรึกษาขอให้ทางศุนย์พิทักษ์สิทธิผู้บริโภคช่วยเหลือ แนวทางการแก้ไขปัญหา        โดยหลักของประมวลกฎหมายแพ่ง มาตรา 158 การแสดงเจตนาโดยสำคัญผิดในสิ่งซึ่งเป็นสาระสำคัญแห่งนิติกรรมเป็นโมฆะ ความสำคัญผิดในสิ่งซึ่งเป็นสาระสำคัญแห่งนิติกรรมตามวรรคหนึ่ง ได้แก่ ความสำคัญผิดในลักษณะของนิติกรรม ความสำคัญผิดในตัวบุคคลซึ่งเป็นคูกรณีแห่งนิติกรรมและความสำคัญผิดในทรัพย์สินซึ่งเป็นวัตถุแห่งนิติกรรม เป็นต้น ในส่วนทางคดียังอยู่ระหว่างพิจารณา

อ่านเพิ่มเติม >