ฉบับที่ 168 รู้เท่าทันการกินอาหารตามหมู่เลือด ตอนที่ 2

หมู่เลือดเกิดจากอะไร หมู่เลือดเป็นการแยกแยะเลือดเป็นหมวดหมู่ ปัจจุบันมีระบบหมู่โลหิตมากกว่า 40 ระบบ ระบบหมู่เลือดที่สำคัญ ระบบเอบีโอ (ABO System) และ ระบบอาร์เอช (Rh System) โดยจำแนกตามแอนติเจนที่อยู่บนเม็ดเลือดแดง การค้นพบหมู่เลือดระบบนี้เริ่มในปีค.ศ. 1900 โดย คาร์ลแลนด์ สไตเนอร์ และได้สรุปว่า เลือดคนแบ่งเป็น 3 หมู่ได้แก่ A, B และ O  ต่อมาในปีค.ศ. 1902 วอนเคอ คาสติโล และสเตอลิ ได้ค้นพบหมู่เลือดที่ 4 คือ AB คัดจาก http://th.wikipedia.org/wiki/หมู่โลหิต   ทฤษฎีการกินอาหารตามหมู่เลือดมีที่มาจากไหน ทฤษฎีการกินอาหารตามหมู่เลือดของ ปีเตอร์ เจ. ดี’อดาโม ซึ่งเขียนหนังสือชื่อ  Eat Right for Your Type  นั้น มีแพทย์และนักวิชาการจำนวนมากออกมาคัดค้าน เพราะไม่มีหลักฐานหรืองานวิชาการรองรับเลย  บางคนถึงกับบอกว่า หนังสือของเขานั้นเป็นเหมือนเทพนิยายขายฝัน แต่เนื่องจากแนวความคิดของเขาส่งอิทธิพลต่อประชาชนจำนวนมาก และเกิดกระแสการปฏิบัติการกินอาหารตามหมู่เลือดอย่างกว้างขวางเมื่อสิบกว่าปีก่อนในต่างประเทศ  และอาจเป็นกระแสที่ทำให้ธุรกิจสุขภาพทั้งในต่างประเทศและในประเทศไทยจับแนวความคิดนี้มาทำเป็นธุรกิจบริการด้านสุขภาพและการอบรมต่างๆ ได้ จึงควรทบทวนว่ามีหลักฐานวิชาการรองรับหรือไม่   การทบทวนวรรณกรรมที่เกี่ยวกับการกินอาหารตามหมู่เลือด ในวารสาร  American Journal of Clinical Nutrition 2013; 98(1): 99-104 ได้ตีพิมพ์การทบทวนวรรณกรรมหัวข้อ  Blood type diets lack supporting evidence: a systematic review โดย  Cusack L, De Buck E, Compernolle V, Vandekerckhove P.  โดยทำการค้นหาอย่างเป็นระบบเพื่อตอบคำถามว่า ในมนุษย์ที่แบ่งกลุ่มตามหมู่เลือด การปฏิบัติตามอาหารเฉพาะช่วยปรับปรุงสุขภาพและ/หรือลดความเสี่ยงของโรคเมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่ยึดหรือปฏิบัติด้านอาหารหรือไม่?  ทำการค้นหาใน The Cochrane Library, MEDLINE, and Embase อย่างเป็นระบบ ผลการศึกษาพบว่า  มีบทความ 16 บทที่ถูกจัดออกมาจากบทความทั้งหมด 1,415 บทความที่คัดกรองมา  มีเพียงบทความเดียวเท่านั้นที่พิจารณาว่าเกี่ยวข้องกับเกณฑ์การคัดเลือก  บทความดังกล่าวศึกษาความผันแปรระหว่างการตอบสนองระหว่างโคเลสเตอรอล LDL ของหมู่เลือดต่างๆ ในระบบ MNS ต่ออาหารไขมันต่ำ  อย่างไรก็ตาม การศึกษานี้ไม่ได้ตอบคำถามที่ต้องการ  ไม่พบการศึกษาที่แสดงถึงผลกระทบต่อสุขภาพจากการกินอาหารตามหมู่เลือดเลย ผลสรุปของการศึกษานี้คือ ยังไม่มีหลักฐานในขณะนี้ที่จะยืนยันการอ้างถึงผลดีต่อสุขภาพของอาหารตามหมู่เลือด  ถ้าต้องการหลักฐานสนับสนุน  จำเป็นที่จะต้องทำการศึกษาเปรียบเทียบผลลัพธ์ของสุขภาพระหว่างผู้ที่กินอาหารตามหมู่เลือด(กลุ่มทดลอง) กับผู้ที่กินอาหารตามมาตรฐาน(กลุ่มควบคุม) ในประชากรที่มีกลุ่มเลือดต่างๆ เรื่องนี้ก็เป็นตัวอย่างที่ดีอีกเรื่องหนึ่ง ที่มีการเสนอแนวคิด ทฤษฎีใหม่ๆ หรือแม้กระทั่งผลิตภัณฑ์ตัวใหม่  ออกสู่ประชาชน ผู้บริโภค และตลาดสุขภาพ  โดยที่อาจยังไม่มีหลักฐานเชิงประจักษ์ที่น่าเชื่อถือ  ทำให้ผู้บริโภคหลงเชื่อหรือตกเป็นเหยื่อ  ซึ่งไม่ใช่มีเฉพาะในประเทศที่กำลังพัฒนาเท่านั้น แต่ในประเทศที่พัฒนาแล้วก็ยังมีปรากฎการณ์ให้เห็นเป็นประจำ ก็คงต้องกลับมาที่กาลามสูตรที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงแก่ชาวกาลามะ หมู่บ้านเกสปุตตนิคม แคว้นโกศล กาลามสูตรเป็นหลักแห่งความเชื่อที่พระพุทธองค์ทรงวางไว้ให้แก่พุทธศาสนิกชน ไม่ให้เชื่อสิ่งใดๆ อย่างงมงาย โดยไม่ใช้ปัญญาพิจารณาให้เห็นจริงถึงคุณโทษ หรือดีไม่ดีก่อนเชื่อ

สำหรับสมาชิก >
ฉลาดซื้อ เก็บแต้มแลกสินค้า250 Point

ฉบับที่ 167 รู้เท่าทันการกินอาหารตามหมู่เลือด ตอนที่ 1

ในช่วงหลายปีมานี้ มีการชักชวนให้กินอาหารตามหมู่เลือดหรือกรุ๊ปเลือดกันอย่างไม่ลืมหูลืมตา โดยอ้างว่าจะเกิดประโยชน์ต่อสุขภาพและเป็นการลดน้ำหนัก ทำให้ร่างกายสวยงาม  การกินอาหารตามหมู่เลือดดีจริงหรือไม่ เกิดประโยชน์ตามที่กล่าวอ้างหรือเปล่า  มีรากฐานความเชื่อหรือความรู้จากแหล่งใด?  เรามารู้เท่าทันกันเถอะ ที่มาของความเชื่ออาหารตามหมู่เลือดนั้น กล่าวอ้างว่า ช่วยลดน้ำหนักและทำให้สุขภาพดีขึ้น  ความเชื่อนี้เกิดจากนักธรรมชาติบำบัดชื่อ ปีเตอร์ เจ. ดี’อดาโม  เขาอ้างว่า อาหารที่เรากินจะทำปฏิกิริยากับหมู่เลือด  ถ้าเรากินอาหารที่เหมาะกับหมู่เลือด ร่างกายจะย่อยอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น  เราจะน้ำหนักลดลง มีพลังงานมากขึ้น และช่วยป้องกันโรคได้ ดี’อดาโมเขียนหนังสื่อชื่อ Eat Right for Your Type ได้ยืนยันว่า เลคติน(โปรตีนที่จับกับคาร์โบไฮเดรต    เลคตินทำให้จดจำเซลล์ คาร์โบไฮเดรต และโปรตีนได้ นอกจากนี้ยังสามารถจับตัวกับแบคทีเรียและไวรัส)   ซึ่งทำปฏิกิริยาแตกต่างกันกับแอนติเจนตามหมู่เลือดแต่ละหมู่นั้น อาจไม่เข้ากันและเป็นอันตราย  ดังนั้นการเลือกอาหารที่เหมาะกับหมู่เลือด A, AB, B และ O  จึงเป็นสิ่งสำคัญในการลดปฏิกิริยาที่เกิดจากเลคตินเหล่านี้ อาหารตามหมู่เลือดของปีเตอร์ เจ. ดี’อดาโมหมู่เลือด O ดี’อดาโมอธิบายว่าเป็น พวกนักล่า เขาแนะนำให้คนหมู่เลือดนี้กินอาหารที่มีโปรตีนสูง  เขาอ้างว่าหมู่เลือดนี้เป็นหมู่เลือดที่เป็นหมู่เลือดแรก เกิดขึ้นเมื่อ 30,000 ปีก่อน แม้ว่างานวิจัยจะบ่งชี้ว่า หมู่เลือด A เป็นหมู่เลือดที่เก่าแก่ที่สุด  อาหารโปรตีนสูงได้แก่ เนื้อไม่ติดมัน สัตว์ปีก ปลาและผัก  ธัญพืช ถั่ว และผลิตภัณฑ์จากนมเล็กน้อย  นอกจากนี้ เขายังแนะนำให้กินผลิตภัณฑ์เสริมอาหารหลายอย่างเพื่อช่วยอาหารท้องเสียและอื่นๆ ซึ่งคนหมู่เลือด O มักจะมีปัญหา หมู่เลือด A ดี’อดาโมเรียกหมู่เลือดนี้ว่า เกษตรกรหรือผู้เพาะปลูก เขาเชื่อว่าหมู่เลือดนี้เกิดขึ้นหลังจากการเกิดเกษตรกรรมขึ้นเมื่อ 20,000 ปีก่อน  เขาแนะนำให้คนหมู่เลือดนี้กินอาหารที่เน้นผักและปราศจากเนื้อแดง  อาหารที่ใกล้เคียงกับมังสวิรัติ อาหารสำหรับหมู่เลือดนี้ ไม่มีเนื้อสัตว์ ให้กินผักและผลไม้  ถั่วและถั่วที่มีไขมันและโปรตีนสูง และธัญพืชที่ไม่ขัดสี  ถ้าเป็นไปได้ ควรเป็นอินทรีย์และสด  คนหมู่เลือด A จะมีระบบภูมิคุ้มกันไว หมู่เลือด B ดี’อดาโมเรียกหมู่เลือดนี้ว่า ชนเผ่าเร่ร่อน ซึ่งประมาณการว่าหมู่เลือดนี้เกิดเมื่อ 10,000 ปีก่อน  เขากล่าวว่า คนหมู่เลือดนี้จะมีระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงและระบบย่อยอาหารที่ยืดหยุ่น  เขาอ้างว่าคนหมู่เลือดนี้เป็นคนหมู่เลือดเดียวที่สามารถเติบโตได้ดีจากผลิตภัณฑ์นม  ซึ่งค่อนข้างตรงกันข้ามกับข้อเท็จจริงว่า หมู่เลือดนี้มักจะมาจากเอเชีย (โดยเฉพาะจีน หรืออินเดีย)  การแพ้นมพบได้มากที่สุดในชาวเอเชีย อเมริกาใต้ แอฟริกา และพบน้อยที่สุดในกลุ่มที่มาจากยุโรปเหนือหรืออินเดียตอนตะวันตกเฉียงเหนือ อาหารสำหรับหมู่เลือดนี้   ให้หลีกเลี่ยงข้าวโพด ข้าวสาลี บัควีท เลนทิล มะเขือเทศ ถั่วลันเตา และงา  เนื้อไก่อาจก่อปัญหา ควรกินผักใบเขียว ไข่ เนื้อบางประเภท และนมไขมันต่ำ หมู่เลือด AB ดี’อดาโมเรียกหมู่เลือดนี้ว่า คนลึกลับ และเชื่อว่าเป็นหมู่เลือดที่วิวัฒนาการใหม่ล่าสุด และเกิดขึ้นไม่เกิน 1,000 ปีก่อน  อาหารสำหรับคนหมู่เลือดนี้ ให้กินระหว่างหมู่เลือด A และ B อาหารสำหรับหมู่เลือดนี้ ได้แก่ เต้าหู้ อาหารทะเล ผลิตภัณฑ์นม และผักสีเขียว  คนหมู่เลือด AB  มีกรดในกระเพาะอาหารน้อย  ควรหลีกเลี่ยงกาเฟอีน แอลกอฮอล์ เนื้อรมควัน ฉบับหน้า โปรดติดตามอ่านว่า มีหลักฐานทางการแพทย์ยืนยันความเชื่อนี้หรือไม่ อย่างไร 

อ่านเพิ่มเติม >