ฉบับที่ 258 วิธีจัดการสีตกใส่เสื้อผ้าสีขาว

        ฉบับที่แล้วฉลาดซื้อมีวิธีการจัดการกับปัญหากลิ่นของเสื้อผ้าเหม็นอับ มาฉบับนี้ขอต่อเนื่องด้วยวิธีจัดการกับปัญหาเสื้อผ้าสีขาวที่มักโดนสีจากเสื้อสีอื่นๆ ตกใส่มาฝากกันบ้าง         ส่วนใหญ่ปัญหาสีตกใส่ผ้าขาวนั้น สาเหตุมักเกิดจากเวลาที่เราซักผ้าอาจจะลืมแยกผ้าสี ผ้าขาว แล้วนำผ้าทั้งหมดไปแช่และซักรวมกัน  ดังนั้นการป้องกันย่อมดีกว่าการคอยแก้ไข การป้องกันเบื้องต้น มีดังนี้         1.เราควรแยกผ้าสีออกจากผ้าขาวทุกครั้งทำเป็นประจำเพื่อให้ติดเป็นนิสัยยิ่งดี  เพราะเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันผ้าสีตกใส่         2. หากซื้อเสื้อผ้ามาใหม่และเป็นเสื้อผ้าสี ให้ลองนำผ้าจุ่มน้ำให้เปียกหมาดๆ และถูที่บริเวณเสื้อ หากมีติดออกมาแสดงว่าต้องรีบนำผ้าแยกออกจากเสื้อผ้าตัวอื่นๆ           3.หากทำตามแบบที่ 2 แล้วยังไม่ชัดเจนให้เอาเสื้อผ้ามาลองแช่น้ำไว้ก่อนเพื่อดูว่าเสื้อผ้าตัวนั้นสีตกหรือไม่ ถ้าตกก็ควรแยกออกจากเสื้อผ้าตัวอื่นๆ เช่นกัน         4. นำเสื้อผ้าสีสดตัวที่ทดลองแช่น้ำแล้วพบว่าสีตกมาแช่ใส่น้ำที่ผสมเกลือทะเลหรือเกลือสมุทร ทิ้งไว้สัก 6 ชั่วโมงหรือข้ามคืน หลังจากนั้นนำไปซักเพื่อใช้งานตามปกติ ทั้งนี้ หากทำตามวิธีดังกล่าวแล้วพบว่าไม่ได้ผลในส่วนของผ้าสีนั้น  อาจจะต้องเพิ่มปริมาณเกลือมากขึ้น ถ้ายังไม่ดีขึ้นควรแยกซักเดี่ยวๆ ไปเลย         แต่ไม่ว่าเราจะมีวิธีป้องกันยังไง ยังไงคนเราก็อาจพลาดกันได้อาจจะลืมบ้างอะไรบ้าง นำเสื้อผ้าสี ผ้าขาวไปปั่นรวมกันในเครื่องซักผ้าจนสีตกใส่ ก็ลองมาดูวิธีการต่อไปนี้         วิธีแรก คือ ถ้าเป็นผ้าขาวที่เพิ่งถูกสีอื่นตกใส่หมาดๆ อาจจะใช้ผลิตภัณฑ์ซักผ้าขาวตามท้องตลาดเป็นอย่างแรกผสมกับผงซักฟอกแล้วแช่ผ้าทิ้งไว้ 15-20 นาที แล้วลองดูว่าดีขึ้นไหม         วิธีที่สอง ตั้งหม้อใส่น้ำบนเตาไฟ ต้มให้เดือดจากนั้นใส่ผ้าที่สีตกใส่ลงไป แล้วตามด้วยน้ำส้มสายชู สักประมาณให้ได้กลิ่นฉุนนิดๆ ทิ้งไว้สักพักจนสีที่ตกใส่จางลงจนออกหมดจด จึงนำออกจากหม้อ และแช่น้ำเย็นพักไว้แล้วนำมาซักใช้ได้ตามปกติ การใช้วิธีนี้หลังจากซักแล้วอาจจะยังคงมีกลิ่นของน้ำส้มสายชูติดอยู่จางๆ บ้าง ไม่ต้องกังวลใจไปว่ากลิ่นจะติดไว้ตลอดไป เมื่อซักไปเรื่อยๆ กลิ่นก็จะจางหายไปเอง         วิธีที่สาม นำผงซักฟอก น้ำส้มสายชู ผสมเข้าด้วยกันจากนั้นทาไปบริเวณเสื้อผ้าที่เปื้อน จากนั้นขยี้ที่บริเวณที่เปื้อนและทิ้งไว้ซักพักประมาณ 15-20 นาที หรือมากกว่านั้นก็ได้ หลังจากนั้นนำมาซักและใช้งานได้ปกติ           ทั้งนี้  วิธีต่างๆ ข้างต้น ควรต้องระวังเกี่ยวกับเนื้อผ้าด้วย เนื่องจากลักษณะผ้าบางชนิดอาจจะไม่เหมาะสำหรับใช้น้ำร้อนในการซัก ให้มั่นสังเกตตรงป้ายเสื้อไว้ เพราะมีสัญลักษณ์สำหรับวิธีการใช้ที่ถูกต้อง และเพื่อป้องกันไม่ให้เสื้อผ้าเสียหายมากกว่าเดิม นอกจากนี้ ต้องระวังเรื่องส่วนผสมแปลกๆ ที่นำมามิกซ์กันด้วย เพราะบางอย่างอาจสั่งซื้อมาตามอินเทอร์เน็ตเพื่อความสะดวกสบาย แต่ผลิตภัณฑ์นั้นอาจไม่ได้มาตรฐานหรือมีสารเคมีที่ห้ามผสมรวมกับสารอื่นๆ ดังนั้น ควรอ่านฉลากก่อนใช้เพื่อความปลอดภัย ข้อมูลจาก  สุดยอดแม่บ้าน : ป้องกันเสื้อผ้าสีตก  https://www.youtube.com/watch?v=SEADSA7qyzohttps://www.cleanipedia.com/thhttps://homeguru.homepro.co.th/6-ways-to-restore-fading-clothes/

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 257 ทำอย่างไรไม่ให้เสื้อผ้าเหม็นอับ ช่วงหน้าฝน

        ฤดูฝน คือฤดูแห่งความชื้นและเฉอะแฉะ หลายคนที่ต้องเดินทางบ่อยอาจจะไม่ชอบกันสักเท่าไรกับฤดูกาลนี้ เพราะเสี่ยงเจอน้ำท่วมจากฝนตกหนัก น้ำรอการระบายและเสี่ยงเปียกฝนไปทั้งตัวจนเป็นหวัดอีกต่างหาก สำคัญ...หลายคนคงจะมีปัญหากับเรื่องเสื้อผ้าเหม็นอับกันอีกด้วย เนื่องจากการตากผ้าที่บางครั้งเสื้อผ้ายังไม่ทันแห้งดีฝนก็กระหน่ำตกลงมาจนทำให้เสื้อผ้าแห้งไม่สนิท ตามมาด้วยกลิ่นเหม็นอับชื้น ซึ่งหากสวมใส่แค่เสียบุคลิกไม่พอยังอาจเสี่ยงจะเป็นโรคผิวหนังอีกด้วย สวยอย่างฉลาดคราวนี้จึงมีวิธีแก้ปัญหาเสื้อผ้าเหม็นอับมาแนะนำ เพื่อให้การสวมใส่เสื้อผ้าในช่วงหน้าฝนนี้ ปราศจากกลิ่นเหม็นอับกวนใจ         พฤติกรรมที่ส่งผลให้เสื้อผ้ามีกลิ่นเหม็นอับ         นอกจากอากาศชื้นของฤดูฝนที่ทำให้เสื้อผ้าเกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ ยังมีเรื่องของพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้องของเราด้วย ได้แก่        1. เสื้อผ้ายังไม่แห้งดีหรือยังคงชื้นอยู่ แต่เก็บพับเข้าตู้ทันที        2. ตากเสื้อผ้าในที่ร่มอากาศไม่ถ่ายเท (ก็กลัวเปียกฝนนั่นแหละ)        3. เสื้อผ้าเปียกชื้นกลับไม่นำมาตากหรือผึ่งให้แห้งก่อน แต่ใส่รวมไว้ในตะกร้าผ้าจนเหม็นอับ ซึ่งเสี่ยงมีเชื้อรา        4. ซักผ้าที่มีลักษณะเนื้อผ้าหนาแล้วนำขึ้นตากทันทีโดยไม่บิดน้ำออกก่อน        5. ไม่เคยทำความสะอาดเครื่องซักผ้าเลยหรือทำก็น้อยมาก         วิธีป้องกันและแก้กลิ่นเหม็นอับจากเสื้อผ้า         ·     ไม่ควรพับเก็บเสื้อผ้าที่มีความชื้นเข้าตู้ทันที ควรเก็บเข้าตู้เฉพาะเสื้อผ้าที่แห้งสนิทเท่านั้น แน่นอนว่าปกติคงไม่มีใครที่พับผ้าเปียกชื้นเข้าตู้ แต่บางทีรีบร้อนไม่รู้ว่ามีเสื้อผ้าตัวไหนบางที่อาจมีส่วนที่ไม่แห้งสนิท ดังนั้นควรเช็กแต่ละตัวให้ดีก่อนเก็บเข้าตู้เสื้อผ้า        ·     ควรตากผ้าในที่มีแดดและรับลม มีอากาศถ่ายเทมากๆ  และตากผ้าให้มีระยะห่างกันไม่ใกล้หรือติดกันมากเกินไป        ·     หากตากฝนมาจนเสื้อผ้าเปียกชื้น ควรที่ถอดออกและนำไปตากให้แห้งก่อน หรือควรนำไปซักทันที เพื่อป้องกันเชื้อราและป้องกันผ้าไม่ให้เหม็นอับ ห้ามนำไปใส่ตะกร้าและปล่อยทิ้งเอาไว้หลายวัน        ·     การซักผ้าที่มีลักษณะหนาๆ ควรที่จะมีการอบผ้าก่อนตาก        ·     เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ซักผ้าที่มีตัวช่วยลดกลิ่นอับของเสื้อผ้า ซึ่งปัจจุบันมีหลายยี่ห้อ        ·     เครื่องซักผ้ามักเป็นสิ่งสุดท้ายที่หลายๆ คนมองข้าม เพราะถ้าหากไม่ทำความสะอาดเลยก็เป็นสาเหตุก่อให้เสื้อผ้าของเราเหม็นอับได้เช่นกัน ดังนั้น ควรทำความสะอาดเครื่องซักผ้าสม่ำเสมอ โดยใช้ผงทำความสะอาดเครื่องซักผ้าที่มีขายในร้านค้าทั่วไปโดยเฉพาะ หรือถ้าหากไม่มีสามารถใช้  เบกกิ้งโซดา น้ำส้มสายชู แอมโมเนียแทนได้          ถ้าพบว่าเสื้อผ้าของเรานั้นได้เหม็นอับแล้ว วิธีแก้มีดังนี้ ใช้น้ำส้มสายชูลดกลิ่นอับโดยใช้สัก 2-3 ถ้วยผสมกับน้ำและแช่ผ้าไว้ก่อนซัก 1 ชั่วโมง และซักด้วยผงซักฟอกและน้ำยาปรับผ้านุ่มตามปกติ  หรืออาจจะซักผ้าตามปกติหลังจากนั้นนำไปต้มในน้ำเดือดสัก 15 นาทีหรือมากกว่านั้น   ทั้งนี้สามารถใช้น้ำยาซักผ้าขาวที่มีส่วนผสมของโซเดียมไฮโปคลอไรด์ได้ในกรณีเป็นผ้าขาว ส่วนข้อควรระวังในการใช้น้ำยาซักผ้าขาวคือ ไม่ควรแช่ผ้าลินิน ฝ้าย เรยอน นานจนเกินไป นอกจากนี้เบกกิ้งโซดาก็ช่วยได้เช่นกัน             หากพบว่าเสื้อผ้าตัวเองนั้นมีกลิ่นเหม็นอับ ก็ไม่ควรสวมใส่เสื้อผ้าตัวนั้นเพราะอาจทำร้ายคนข้างๆ จากกลิ่นไม่พึงประสงค์และยังอาจเสี่ยงที่จะเป็นโรคผิวหนัง เช่น เชื้อรา กลากเกลื้อน หรืออาการคันต่างๆ อีกด้วย

อ่านเพิ่มเติม >


ฉบับที่ 235 หน้าฝนระวังอาการภูมิแพ้เชื้อรา

        ฝนตกหนักน้ำท่วมขังและบ้านที่อับชื้น ไม่เพียงทำให้อารมณ์ไม่สดชื่น มันอาจเสี่ยงกับอาการภูมิแพ้เชื้อราด้วย  ซึ่งคนที่รู้ตัวว่ามีอาการภูมิแพ้อากาศคงไหวตัวทัน เมื่อเริ่มหายใจอึดอัด น้ำตาไหล หรือเกิดหอบหืดกำเริบ แต่หลายคนอาจเพิ่งเริ่มหรือเพิ่งเคยมีอาการ ก็ขอให้ระมัดระวังและเร่งป้องกันก่อนกลายเป็นปัญหาใหญ่        ในสิ่งแวดล้อมมีเชื้อราลอยอยู่ในอากาศทั่วไป ซึ่งมีทั้งชนิดก่อให้เกิดโรคและไม่ก่อให้เกิดโรค แต่เชื้อราบางชนิดอาจทำให้เกิดโรคได้ถ้าร่างกายอ่อนแอ ปกติคนแข็งแรงมักไม่ก่ออาการ แต่ในคนที่มีอาการภูมิแพ้อาจจะมีอาการน้ำมูกไหล หายใจไม่ออก น้ำตาไหล หอบหืด มีผื่นผิวหนังอักเสบ และมักจะกำเริบในช่วงที่มีอากาศเย็นและชื้น เพราะมีเชื้อราเป็นตัวกระตุ้น โดยสปอร์ของเชื้อราสามารถกระจายไปได้ในอากาศ เราจึงควรทราบถึงแหล่งที่มาของเชื้อราเหล่านี้ และพยายามกำจัดให้หมดไปจากบริเวณบ้าน         เชื้อราชอบอยู่ตามที่ชื้นและอับทึบ         ห้องน้ำ ห้องครัวหรือในพื้นที่ส่วนที่ใช้ในการชำระล้าง ต้องหมั่นทำความสะอาดและทำให้แห้ง มีอากาศถ่ายเทสะดวก ไม่ปล่อยให้ชื้นแฉะตลอดเวลา        ห้องที่ใช้เครื่องปรับอากาศเป็นประจำจะเป็นที่ที่มีความชื้นมาก เชื้อราเกิดขึ้นได้ง่าย ควรหมั่นตรวจตราเปิดให้อากาศถ่ายเท ตัวเครื่องปรับอากาศต้องทำความสะอาดบ่อยๆ เพราะอาจมีเชื้อราสะสมอยู่ได้         ตู้เย็น หลายครั้งที่สะสมอาหารไว้เป็นจำนวนมากในตู้เย็นแล้วรับประทานไม่ทัน อาหารบางอย่างก่อให้เกิดเชื้อรา ถ้าพบทิ้งทันที ห้ามรับประทาน วิธีป้องกันง่ายๆ คือ ไม่สะสมอาหารจนรับประทานไม่ทัน        ต้นไม้ ปัจจุบันนิยมปลูกต้นไม้ในบ้านเพื่อช่วยฟอกอากาศ แต่รู้ไหมว่าดินที่ใช้ปลูกก็เป็นแหล่งที่ก่อเกิดเชื้อราได้ ควรวางไว้ในตำแหน่งที่แดดส่องถึง รดน้ำแต่พอชุ่มไม่บ่อยเกินไป แต่หากเป็นผู้ที่มีอาการภูมิแพ้ไม่ควรนำต้นไม้วางไว้ในบ้าน อีกอย่างที่อาจคาดไม่ถึงคือ ดอกไม้ประดับ ดอกไม้บูชาพระ หากเหี่ยวเฉาแล้วควรรีบทิ้งไป ไม่ปล่อยไว้เพราะเป็นแหล่งเพาะเชื้อราได้เช่นกัน         สํารวจเชื้อราหลังน้ำท่วม         หน้าฝนหลายบ้านระบายน้ำไม่ทัน น้ำท่วม หลังคารั่ว ควรต้องสังเกตว่ากลายเป็นแหล่งเพาะเชื้อราหรือไม่ อาจทําได้ง่ายมองหาว่า ผนังมีรอยเปื้อนหรือมีลักษณะเชื้อราขึ้นหรือไม่ และวิธีดมกลิ่น กลิ่นเชื้อราเป็นกลิ่นเหม็นอับทึบหรือเหม็นคล้ายกลิ่นดิน ทั้งนี้หากสงสัยว่ามีเชื้อราควรให้ใช้หลักว่า สิ่งของใดที่ไม่สามารถกําจัดเชื้อราได้หมดจดให้ทิ้ง โดยเฉพาะวัสดุที่มีรูพรุน ซึ่งไม่สามารถชะล้างและทําให้แห้งได้จะกลายเป็นแหล่งเพาะเชื้อรา ส่วนผ้าที่เกิดเชื้อราฝังอยู่ หากยังเสียดายต้องฆ่าเชื้อด้วยการต้มด้วยน้ำร้อนก่อนจึงจะนํามาใช้อีก         หลังน้ำลดต้องรีบทําความสะอาดพื้นและผนังโดยการขัดล้างให้เร็วที่สุดภายใน 24 - 48 ชั่วโมง อย่าทิ้งไว้จนเกิดคราบรา กรณีเกิดคราบราขึ้นแล้ว ต้องเร่งกำจัด ควรล้างด้วยน้ำและสบู่หรือผงซักฟอกเพื่อขจัดสิ่งสกปรกออกก่อนแล้วตามด้วยการขัดล้างด้วยน้ำยา ถ้าเป็นการขัดผนังปูนหรือพื้นผิวที่หยาบควรขัดด้วยแปรงชนิดแข็ง น้ำยาฆ่าเชื้อรามีจำหน่ายในท้องตลาดหลายชนิด ชนิดที่หาซื้อง่ายและราคาไม่แพง คือน้ำยาดับกลิ่นไลโซล หรือน้ำยาฟอกฝ้าขาวเช่น คลอร็อกซ์ เป็นต้น ระหว่างทําความสะอาดให้เปิดประตูหน้าต่างเพื่อระบายอากาศ และเปิดพัดลมเพื่อช่วยให้แห้งโดยเร็ว กรณีกำจัดเชื้อราไม่ออกเป็นคราบฝังแน่นตามผนังควรเปลี่ยนใหม่ ไม่ทาสีทับ         เชื้อรานอกบ้าน        หลีกเลี่ยงการสูดดมสปอร์ของเชื้อรา ง่ายๆ โดยใช้ผ้าปิดปากหรือจมูก แนะนำเป็นการสวมหน้ากากอนามัย (จะป้องกันได้ดีกว่าชนิดที่ทำจากผ้า)        ตรวจร่างกาย         บางคนไม่เคยมีประวัติของโรคภูมิแพ้แต่มีอาการหอบ ไอและเหนื่อยเมื่อถึงฤดูฝน หากสงสัยตัวเอง แนะนำว่าควรไปพบแพทย์ เพื่อวินิจฉัยว่าเป็นเพียงไข้หวัดหรือเป็นโรคภูมิแพ้ ถ้าเป็นภูมิแพ้ควรไปพบแพทย์เฉพาะทางด้านโรคภูมิแพ้เพื่อตรวจว่าแพ้อะไรบ้าง จากนั้นก็ต้องคอยหลีกเลี่ยงตัวกระตุ้นซึ่งจะเป็นวิธีที่ดีกว่าการใช้ยามาตามแก้เมื่อมีอาการแพ้เกิดขึ้น         เราสามารถควบคุมความชื้นได้ โดยอาจจะใช้อุปกรณ์วัดระดับความชื้น เครื่องดูดความชื้น ซึ่งสามารถหาซื้อมาใช้ได้ทั่วๆ ไป แต่ในการเลือกซื้อและนำมาใช้งานก็ควรศึกษาผลให้ดี เพราะในระดับความชื้นที่น้อยเกินไปหรือมากเกินไป ก็สามารถส่งผลเสียให้กับร่างกายได้ทั้งนั้น

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 175 น้ำ....ไม่ธรรมดา

ความกังวลเกี่ยวกับการที่หน้าแล้งต่อหน้าฝนปีนี้ คนเมืองกรุงอาจขาดน้ำประปาได้หมดไปแล้ว เพราะผู้ว่าการประปานครหลวงออกมายืนยันว่า คนเมืองหลวงจะมีน้ำใช้แบบสบายต่อไปอีกปี (ส่วนปีหน้าค่อยว่ากันใหม่ แบบว่าคิดถึงอนาคตทีละช็อต) แล้วผู้เขียนก็รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เห็นข่าวเรื่อง “เตือนแชร์ดื่มน้ำรวด 2 ลิตร แพทย์ชี้อันตราย-เสี่ยงสูง !!” ในหนังสือพิมพ์ออนไลน์ของมติชน เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 เวลา 08:40:47 น.เนื้อข่าวรายงานว่า มีการแชร์ข้อมูลแนะนำวิธีดูแลสุขภาพมากมาย ซึ่งบางอย่างมีความแปลกประหลาดเช่น ล่าสุดมีการระบุว่า "ดื่มน้ำอุ่นอย่างน้อยลิตรครึ่ง หรือมากกว่านั้นจะส่งผลดีต่อร่างกาย โดยในช่วงแรกอาจจะเริ่มจากทีละนิดก่อน เช่น ดื่มน้ำอุ่น 1 ลิตรครึ่ง ภายใน 1 ชั่วโมง (ให้ดื่มรวดเดียวหมดภายใน 2-3 อึดใจ) โดยน้ำอุ่นจะส่งผลดีต่อระบบทางเดินหายใจ น้ำจะเข้าไปชำระล้างสิ่งสกปรกต่างๆ ที่มีอยู่ในร่างกายออก เพื่อให้ทำงานได้ตามปกติ ช่วยเรื่องความชุ่มชื้น เนื่องจากน้ำอุ่นช่วยขยายหลอดเลือดและเพิ่มอัตราการไหลเวียนเลือด ส่งผลดีต่อโรคเกาต์ ความดัน คอเลสเตอรอล" จากประเด็นดังกล่าวนักข่าวมติชนได้สัมภาษณ์อธิบดีกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ซึ่งกล่าวประมาณว่า ผู้บริโภคไม่ควรเชื่อข้อมูลเหล่านี้ เพราะการดื่มน้ำนั้นควรขึ้นอยู่กับน้ำหนักตัวของแต่ละคน และการดื่มน้ำนั้นไม่น่าเกี่ยวกับการรักษาโรค เพราะคุณสมบัติของน้ำต่อร่างกายคือ หล่อเลี้ยงเซลล์และปรับสมดุลของร่างกาย โดยในคนปรกติหากดื่มน้ำมากๆ ไตก็จะทำงานและขับออกมาในรูปปัสสาวะมาก แต่ผู้ที่เป็นโรคไตต้องระวังอาจทำให้เกิดอาการบวมน้ำ หรือผู้ป่วยโรคหัวใจอาจหัวใจวายได้เช่นกัน นอกจากนี้ในข่าวเดียวกันยังบอกอีกว่า อธิบดีกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุขก็ได้กล่าวว่า การดื่มน้ำมากถึง 2 ลิตร ในครั้งเดียวคงทำให้จุกมากกว่าจะช่วยรักษา มะเร็ง วัณโรค เพราะดูเกินจริงกว่าการบอกว่า ดื่มน้ำช่วยให้ระบบขับถ่ายดีซึ่งน่าจะถูกต้องกว่า นอกเหนือจากความกลัวดังกล่าวข้างต้นแล้ว คนทั่วไปยังมีความกลัวกันอีกว่า น้ำดื่มอาจไม่สะอาดพอสำหรับร่างกาย เพราะข่าวการปนเปื้อนของระบบน้ำประปาที่มีการแตกรั่วจนน้ำใต้ดินเข้าปนเปื้อน หรือการปนเปื้อนในแหล่งน้ำดิบเพื่อผลิตน้ำประปาได้เกิดขึ้นในหลายประเทศทั่วโลก จึงทำให้พบว่า หลายๆ บ้านมีเครื่องกรองน้ำ ทั้งที่เป็นเครื่องที่กรองน้ำประปาให้สะอาดขึ้น แต่บางครั้งกลับเป็นเครื่องที่กรองน้ำแล้วได้น้ำที่ปนเปื้อนมากกว่าเดิม เช่น เครื่องกรองน้ำผ่านหินภูเขาไฟจากบางประเทศ ที่กล่าวข้างต้นนั้นเป็นแค่ตัวอย่างความตระหนกในระดับธรรมดา แต่มีความตระหนกในระดับวิลิสมาหราที่บางคนต้องการ น้ำดื่มที่เป็นอะไรมากกว่าน้ำธรรมดา โดยเฉพาะคนมีสตางค์และพอมีความรู้ทางเคมีของน้ำบ้าง กลับต้องการน้ำมหัศจรรย์ระดับโมเลกุล เพื่อให้เกิดสิ่งมหัศจรรย์ในร่างกายตน ความมหัศจรรย์ของน้ำนั้นที่มีการมโน แบบหลากหลายละลานตาบนเน็ทนานพอควรแล้ว ดังนั้นผู้เขียนจึงขอนำท่านผู้อ่านไปหาความรู้เพิ่มเติมจากเว็บที่หลายท่านคงคุ้นเคยดี เพราะเป็นเว็บที่ให้ข้อมูลเพื่อลดความเสี่ยงการถูกหลอกให้เสียเงิน เว็บนั้นคือ www.quackwatch.com เรื่องเกี่ยวกับน้ำ...ไม่ธรรมดานั้น ใน www.quackwatch.com มีบทความซึ่งจะพาท่านทะลุผ่านมิติไปยังเว็บอื่น ๆ เพื่อให้ได้ทราบว่า “จิตมนุษย์นี้ไซร้ ยากแท้หยั่งถึง ที่จะกินเงินจากท่าน” โดยบทความนั้นชื่อ Index of Water-Related Frauds and Quackery บทความนี้สั้นมากๆ เพราะมีแค่ข้อมูลที่จะทำให้ท่านสามารถก้าวต่อไปถึงเว็บไซต์อื่น ที่นำเอาน้ำที่อ้างว่าไม่ธรรมดามาหลอกลวงเอาสตางค์จากผู้บริโภค เว็บที่ผู้เขียนสนใจชื่อ www.chem1.com/CQ/clusqk.html ของศาสตราจารย์ด้านเคมีท่านหนึ่งที่เกษียณอายุแล้วแต่มีความรู้สึกว่า การหลอกหากินเกี่ยวกับน้ำนั้นมันน่าสมเพศ จนต้องออกมาแถลงความจริงที่ประชาชนควรทราบในเว็บดังกล่าวนั้นกล่าวถึงคำ ๆ หนึ่งคือ Cluster water ซึ่งคำว่า cluster นั้น Cambridge Advanced Learner’s Dictionary ให้ความหมายว่า a group of similar things that are close together, sometimes surrounding something ซึ่งถ้าพูดเป็นไทยแบบเข้าใจง่าย ๆ น่าจะหมายถึง การที่โมเลกุลของน้ำมารวมอยู่เป็นกลุ่มที่ค่อนข้างซับซ้อน ในขณะที่อาจารย์สอนเคมีพื้นฐานได้สอนว่า โมเลกุลของน้ำในสภาวะปรกติที่เป็นของเหลวนั้นจะมีพันธะที่เรียกว่า พันธะไฮโดรเจน (hydrogen bonding) ต่อโมเลกุลของน้ำเข้าเป็นสาย ซึ่งมีความหมายต่างจากน้ำที่เรียกว่า cluster water ซึ่งเป็นคำบัญญัติโดย Doctor Masuro Emoto หนึ่งในสุดยอดของผู้คิดค้นวิจัยเกี่ยวกับ วิทยาศาสตร์เทียม (Pseudoscience) ที่ Wikipedia บันทึกประวัติความเป็นมาและผลงานเพื่อเป็นเยี่ยงอย่างให้ผู้สนใจเข้าไปอ่าน การโฆษณาชวนเชื่อเกี่ยวกับ cluster water นั้นน่าทึ่งอึ้งเสียวเพราะบอกว่า น้ำนั้นเสมือนมีจิตวิญญาณ น้ำที่มาจากแหล่งต่างกันสามารถมีผลึกรูปแบบต่างกันเมื่อดูจากกล้องจุลทรรศน์ โดยอาจเป็นผลึกเหมือนหิมะหรือผลึกรูปแบบอื่น ๆ และเมื่อผ่านกรรมวิธีต่าง ๆ เช่น การให้น้ำได้ฟังเพลง การบรรยายที่ดี (น่าจะหมายถึงการฟังเทศน์เพื่อนิพพานที่เป็นอัตตา) หรือแม้แต่ (น้ำได้) เห็นภาพที่กำหนดไว้ ซึ่งพูดแบบตรงไปตรงมาคือ ปรมาจารย์ชาวญี่ปุ่นผู้นี้คิดว่า น้ำนั้นมีจิตวิญญาณรับรู้สิ่งที่ดีเลวจากสิ่งแวดล้อมได้ ดังนั้นถ้าเราได้ดื่มน้ำที่มาจากสิ่งแวดล้อมที่ดี ร่างกายก็จะดีด้วย และน้ำที่ว่านี้สามารถบำบัดโรคเรื้อรังต่างๆ ได้ ซึ่งถ้าเป็นจริงโรงเรียนแพทย์ต่างๆ ก็ควรถูกปิดเพื่อความประหยัด แล้วนำงบประมาณไปใช้เรื่องอื่นที่สำคัญของประเทศ (ความคิดเรื่องน้ำประหลาดนี้อาจเข้ามาในประเทศไทยแล้ว ใครใคร่เชื่อก็เชื่อเถอะ เพราะมันคงไม่ต่างไปจากการกราบไหว้เห็ดรูปพญานาคเพื่อขอหวย) ในเรื่องของ cluster water นั้น มีเรื่องที่เหลือเชื่อเกิดขึ้นคือ มีชายคนหนึ่งได้ทำการจดลิขสิทธิ์เครื่องผลิต cluster water ซึ่งอ้างว่าน้ำที่ได้จากเครื่องมีลักษณะการเรียงโมเลกุลเป็นวงเกาะติดสารอินทรีย์ที่ทำหน้าที่เป็นแกนกลางได้แก่ โปรตีน สายกรดอะมิโน (น่าจะหมายถึงเป็บไตด์) สารสกัดจากว่านหางจระเข้และอื่น ๆ โดยใช้เทคนิคต่าง ๆ ที่ทำให้ดูน่าเชื่อถือว่า เป็นน้ำชนิดที่ร่างกายสามารถนำไปใช้ปรับปรุงอวัยวะภายในต่าง ๆ ท่านผู้สนใจอ่านรายละเอียดได้ในเรื่อง How is Clustered Water™ made? สามารถอ่านได้จากเว็บ www.chem1.com/CQ/clusterpats.html โดยขอให้ยึดกาลามสูตร 10 ของพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่งด้วยนอกจากนี้ยังมีการเสนอน้ำที่ดีอย่างสมบูรณ์แบบ (Perfect water) แก่ผู้บริโภคที่ซื้อสินค้ายี่ห้อหนึ่ง ซึ่งเป็นเครื่องปรับสภาพน้ำของบริษัทหนึ่งในสหรัฐอเมริกา บริษัทนี้อ้างว่าสามารถเปลี่ยนโครงสร้างของน้ำเพื่อทำให้พลังงานของน้ำเปลี่ยนไป จนสามารถขจัดความทรงจำที่เป็นพิษ (toxic memory) ได้ อีกทั้งน้ำที่ถูกเปลี่ยนโครงสร้างไปแล้วนั้นสามารถทำให้เซลล์ได้น้ำนิ่ม (soft water) ซึ่งผู้เขียนก็นึกไม่ออกว่าน้ำนี้เป็นอย่างไรเว็บดังกล่าวข้างต้นให้ข้อมูลเกี่ยวกับกรรมวิธีผลิตน้ำชนิดพิเศษซึ่งดูแปลกดี โดยเริ่มต้นจากการเอาน้ำไปต้มจนได้ไอน้ำ แล้วนำไอน้ำไปผ่านสนามแม่เหล็กจนไอนั้นกลั่นตัวเป็นหยดน้ำที่อุณหภูมิมากกว่า 0 องศาเซลเซียสภายใต้แสงอินฟราเรดไปจนถึงแสงอัลตร้าไวโอเล็ท ก็จะได้น้ำวิเศษสมปรารถนาคำโฆษณาสินค้าที่เป็นเครื่องมือปรับโครงสร้างน้ำในลักษณะต่างๆ นั้นมักเหมือนกันคือ น้ำที่ผ่านเครื่องมือจะทำให้สภาพร่างกายกลับคืนสู่สภาพที่ดีเหมือนยังหนุ่มสาวผลเสียเนื่องจากสนามแม่เหล็กไฟฟ้า (เรื่องนี้น่าสนใจเพราะทุกท่านนั้นต่างก็อยู่ในสนามพลังอะไรต่อมิอะไร ทั้งวิทยุ โทรทัศน์ มือถือ ตลอดจนถึงสนามแม่เหล็กจากสายไฟฟ้าแรงสูงที่ผ่านกลางหมู่บ้าน ดังนั้นอาจมีใครสักคนที่จะนำสิ่งเหล่านี้ไปเป็นข้ออ้างในการชวนให้ท่านผู้อ่านซื้อสินค้าประเภทนี้) เพิ่มระบบภูมิต้านทาน ทำให้ผิวกลับสู่สภาพเต่งตึง (โดยอุปกรณ์มีลักษณะเป็นฝักบัวอาบน้ำ) เป็นต้น ท่านที่สนใจคิดว่าทนอ่านข้อความลักษณะนี้ได้สามารถไปที่ www.thewellnessenterprise.com ซึ่งคงต้องตัดสินเองว่าเชื่อได้หรือไม่ ที่ซ้ำร้ายคือ ยังมีน้ำอีกหลายชนิดเช่น photonic structured water, ultra-hydrating super liquid, MRET water, hexagonal water, Energized Vibrational Healing Water และอื่น ๆ อีกสุดจะพรรณนา กำลังดาหน้าเข้ามาหาท่านในอนาคต  

สำหรับสมาชิก >
ฉลาดซื้อ เก็บแต้มแลกสินค้า250 Point