ฉบับที่ 272 รู้ก่อนตัดสินใจ “สักคิ้ว”

        “การสักคิ้ว” เป็นที่นิยมอย่างมากในวงการความสวยความงามของไทย ก็อย่างว่าคิ้วคือมงกุฎของหน้า สาเหตุที่คนนิยมกัน ก็เนื่องจากต้องการแก้ปัญหาบริเวณส่วนคิ้ว เช่น บางคนต้องการสักคิ้วเพื่อแก้ปัญหาคิ้วบางจนเกินไป ไม่มีความมั่นใจหรือบางคนแค่ต้องการเปลี่ยนทรงคิ้วให้ดูสวยขึ้น เป๊ะปังอยู่ตลอดเวลานั้นเอง การสักคิ้วสมัยนี้ก็มีอยู่หลายรูปแบบ ทั้ง 3 มิติ 6 มิติ แบบการฝังสีคิ้วสไตล์เกาหลี เพิ่มโหงวเฮ้งของใบหน้าก็มีหาได้ทั่วไป          อย่างไรก็ตาม หากต้องการสักคิ้วจริงๆ อยากให้ผู้บริโภคศึกษาให้ดีก่อนตัดสินใจสักหน่อย เพราะหากสักพลาดไปแล้วแน่นอนแก้ยากกว่าที่คิด หลายคนคงจะเห็นได้จากข่าวที่มีคนพลาดไปสักคิ้วแล้วได้คิ้วทรงแปลกๆ ให้เห็นกันอยู่บ่อย ฉลาดซื้อ จึงอยากแนะนำ ดังนี้          1. ตรวจสอบร้านสักคิ้วที่เราต้องการใช้บริการ ช่างมีใบรับรองวิชาชีพหรือไม่ ก่อนลงมือสักมีการใส่ถุงมือ หน้ากากอนามัย         2. สถานที่ใช้บริการต้องมีใบอนุญาตประกอบกิจการ (ใบอนุญาตประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ) ซึ่งใบประกอบดังกล่าวจะมีอายุ 1 ปี นอกจากนี้ ภายในร้านต้องสะอาด ถูกอนามัย อยู่ในพื้นที่เปิดเผยเป็นหลักแหล่ง อุปกรณ์ที่ใช้ไม่ควรใช้ซ้ำ         3. อ่านรีวิวก่อนเข้าใช้บริการทุกครั้ง เพื่อศึกษาความน่าเชื่อถือของร้าน และให้แน่ใจว่าการใช้บริการจะปลอดภัย ตรงนี้แนะนำให้เช็กดีๆ         4. สำหรับคนที่แพ้ยาชาไม่ควรสักคิ้ว เนื่องจากการสักคิ้วก่อนลงเข็มจะต้องมีการลงยาชาเพื่อลดอาการเจ็บก่อน         5. ก่อนลงมือสักคิ้ว ควรแจ้งรายละเอียดทรงคิ้วที่อยากได้ให้ชัดเจน ให้ช่างร่างทรงคิ้วให้ดูก่อนยิ่งดีอย่าตามใจช่างเพราะอาจได้ทรงคิ้วที่ไม่ถูกใจ เมื่อสักไปแล้วการแก้ไขภายหลังก็ยากมากขึ้น         6. สำหรับคนที่ชอบเปลี่ยนทรงคิ้วตามกระแสบ่อยๆ อาจจะไม่ตอบโจทย์     ความเสี่ยงในการสักคิ้ว         -  ไม่ได้ทรงคิ้วตามที่ต้องการอาจจะหนาเกินไป เหมือนที่คนทั่วไปเรียกว่า “คิ้วปลิง” นั้นเอง         -  การแก้ไขในภายหลังกรณีที่ทำการสักคิ้วไปแล้ว เช่น การสักคิ้วแบบถาวร ซึ่งอาจจะต้องแก้ด้วยการเลเซอร์ลบรอยสักเท่านั้น มีค่าใช้จ่ายสูง และต้องทำอีกหลายครั้งจนกว่าสีจะจางเป็นปกติ แถมยังอาจมีแผลเป็นตามมาอีกด้วย         -  การเลือกร้านสักที่ไม่ถูกสุขอนามัย ไม่มีมาตรฐาน ทำให้อาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อจากอุปกรณ์ที่ไม่สะอาด         -  มีอาการแพ้สีที่ใช้สัก หรือยาชาโดยที่เราไม่ทราบมาก่อน ทำให้เกิดการอักเสบ คัน หรืออื่นๆ แนะนำว่าอย่าปล่อยทิ้งไว้ให้รีบไปพบแพทย์ทันที         -  ค่าใช้จ่ายในการสักคิ้ว ราคาสูงไม่ได้แปลว่าจะไม่เกิดความผิดพลาด                    นอกจากนี้  การสักคิ้วไม่ได้มีแต่ข้อเสีย ข้อดีก็มี เช่น ช่วยเสริมโหวงเฮ้ง ลดเวลาการเขียนคิ้วแต่งหน้า แก้ปัญหาสำหรับสาวคิ้วบางได้ตามที่กล่าวไปข้างบน แต่สำหรับใครที่ขี้เบื่อหรือชอบเปลี่ยนทรงคิ้ว แต่ยังอยากสักคิ้วจริงๆ  อาจเลือกการสักคิ้วแบบฝังสีฝุ่น ซึ่งเป็นการฝั่งสีคิ้วไปบริเวณบนหนังกำพร้า อยู่ได้ 3-6 เดือนหรือมากกว่านั้นและจะเริ่มจางหายไปเองตามธรรมชาติ เหมาะกับคนที่ต้องการเปลี่ยนทรงคิ้วอยู่เรื่อย แต่อาจจะเหมาะสำหรับคนที่ชอบคิ้วสไตล์เกาหลีเท่านั้น          ทั้งนี้ “สำหรับคนที่ได้ไปสักคิ้วมาแล้ว ก็อยากให้ดูแลโดยการหลีกเลี่ยงไม่ให้โดนน้ำ ทำตามคำแนะนำของช่าง เพื่อลดโอกาสเกิดการติดเชื้อและอักเสบด้วยนะคะ”           ข้อมูลจาก : สักคิ้ว ศึกษาให้ดีก่อนตัดสินใจ - พบแพทย์ (pobpad.com)สักคิ้ว ข้อควรรู้ ขั้นตอน และแนวทางการดูแลตัวเองหลังสัก - พบแพทย์ (pobpad.com)

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 211 เรื่อง สัก อย่าสักแต่ทำโดยไม่ประเมินความเสี่ยง

   ระยะนี้มีข่าวเรื่อง สัก มาเป็นกระแสให้ต้องเขียนเตือนใจกันอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นข่าวการติดเชื้อ HIV จากการสัก ซึ่งเป็นเรื่องไม่จริง และข่าวสองสาวไปสักปากกับร้านของพริตตี้ชื่อดังแล้วติดเชื้อโรค จนต้องฟ้องเป็นคดีความกัน   ปัจจุบันนอกจากการสักเพื่อสร้างลวดลายบนผิวหนัง ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำกันมานานแล้ว ยังมีการสักที่นิยมอีกสามอย่างคือ สักคิ้ว สักขอบตาและสักปากสีชมพู โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดจุดด้อยและเพิ่มความสวยงาม โดดเด่นให้แก่ทั้งสามจุดบนใบหน้า ซึ่งเป็นความสวยที่ต้องแลกมาด้วยความเสี่ยง ทั้งผลลัพธ์ที่ไม่เป็นอย่างหวัง เสี่ยงต่อการติดเชื้อ แพ้สารเคมีและอาจเสี่ยงต่อโรคมะเร็งจากโลหะหนักในสีหมึก   ปัญหาการติดเชื้อจากการสัก มีอัตราการเกิดมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะคนจะนิยมสักในจุดที่บอบบางอย่าง ริมฝีปาก โดยการติดเชื้อสาเหตุหลักคือ เครื่องมือที่ไม่สะอาด สถานที่ให้บริการไม่ปลอดเชื้อ นอกจากนี้ก็เกี่ยวกับผลงานของช่างสักที่อาจทำได้ไม่ตรงใจ ซึ่งหากผิดพลาดต้องแก้ไข จะค่อนข้างลำบาก เพราะเมื่อสักไปแล้ว การลบออกทำได้ยากกว่า และยังมีปัจจัยของแต่ละบุคคลด้วย บางคนอาจแพ้สารเคมีในขั้นรุนแรง หรือในเรื่องอนามัยของการดูแลรักษาแผล ถ้าทำได้ไม่ดีเกิดเป็นแผลเป็นที่น่าเกลียดได้     ยังมีความเสี่ยงอีกอย่างหนึ่งที่น่าเป็นห่วงในระยะยาวคือ อาจเสี่ยงจากสีหมึกที่ไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งพบว่ามีส่วนผสมของโลหะหนักหลายชนิด ทั้งตะกั่ว นิกเกิล โครเมียม แมงกานีส สารโลหะหนักเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพหากเกิดการสะสมในร่างกายเป็นเวลานาน เนื่องจากการสักเป็นทางเลือกส่วนบุคคล สีหมึกสำหรับสักในหลายประเทศจึงไม่ได้กำหนดมาตรฐานไว้ ในประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยายังไม่ได้กำหนดให้หมึกสำหรับสักลายเป็นเครื่องสำอางตามพระราชบัญญัติเครื่องสำอางปี 2558 โดยเห็นว่า หมึกสีที่ใช้ในการสักไม่เป็นวัตถุที่ส่งเสริมให้เกิดความสวยงาม    ความสวยที่ต้องแลกด้วยความเสี่ยงนี้ ไม่ว่าคุณจะมีแรงจูงใจใดก็ตาม ควรตระหนักถึงอาการข้างเคียงและอันตรายที่อาจเกิดขึ้นก่อนตัดสินใจทำ  รู้หรือไม่ สถานประกอบการการสักเป็นกิจการที่ต้องควบคุม             ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง กิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ พ.ศ. 2558 ข้อ 3 ให้กิจการดังต่อไปนี้เป็นกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ...     9. กิจการที่เกี่ยวกับการบริการ ...             (18) การประกอบกิจการสักผิวหนังหรือเจาะส่วนหนึ่งส่วนใดของร่างกาย             ผู้ประกอบกิจการต้องขออนุญาตจากหน่วยงานท้องถิ่นให้ถูกต้องเพื่อความปลอดภัยของผู้รับบริการ หากประกอบกิจการที่เป็นอันตรายโดยไม่ได้รับอนุญาต เจ้าของกิจการระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 191 สักการะพระบรมศพในหลวง รัชกาลที่ 9

ภาพการต่อแถวเข้าสักการะพระบรมศพในหลวง รัชกาลที่ 9 ณ บริเวณท้องสนามหลวง เป็นภาพที่แสดงให้เห็นถึงความอาลัยของประชาชนที่หลั่งไหลเดินทางเข้ามาจากจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ ความหนาแน่นของมวลชนยังคงเป็นภาพที่ได้เห็นผ่านการรายงานข่าวของสถานีโทรทัศน์และการรายงานสถานการณ์บนสังคมโซเชียลมีเดียอย่างสม่ำเสมอ บริเวณท้องสนามหลวงในเวลานี้จึงถือว่าเป็นศูนย์รวมของประชาชนทั่วประเทศที่มีจุดมุ่งหมายเดียวกัน นั่นคือ การเข้าสักการะพระบรมศพในหลวง รัชกาลที่ 9สำหรับประชาชนที่ต้องการเดินทางมาสักการะพระบรมศพในหลวง รัชกาลที่ 9 ณ บริเวณท้องสนามหลวง อาจจะไม่รู้ว่าต้องปฏิบัติตัวอย่างไร หรือสามารถต่อแถวจากจุดใด มีประตูตรงจุดใดบ้างบริเวณท้องสนามหลวง ผู้เขียนมีตัวช่วยที่จะทำให้ผู้อ่านรู้ว่าสถานการณ์โดยรอบท้องสนามหลวงในขณะนั้นมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง สถานการณ์เป็นอย่างไรก่อนเดินทางผู้อ่านลองดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น ZONE  เพราะแอพพลิเคชั่นนี้จะบอกรายละเอียดต่างๆ ไว้ในบริเวณท้องสนามหลวงที่เกี่ยวกับการเข้าสักการะพระบรมศพในหลวง รัชกาลที่ 9  ได้แก่ ประตูทางเข้าเพื่อต่อแถวบริเวณสนามหลวง  เวลาในการเปิดประตูทางเข้าสนามหลวง  เวลาในการเปิดปิดการเข้าสักการะพระบรมศพในหลวง รัชกาลที่ 9  บอกข้อมูลการต่อแถว จุดหางแถวที่สามารถไปต่อแถวได้ในเวลานั้น เป็นต้น ซึ่งข้อมูลต่างๆ เหล่านี้จะทำให้รู้ความเคลื่อนไหวตลอดเวลา พร้อมทั้งเป็นการเพิ่มความสะดวกและรวดเร็วอีกด้วยเมื่อเข้าไปในแอพพลิเคชั่น ZONE  ให้กดไปที่ current  zone และให้เลือกข้อมูลเข้าร่วมพิธี ณ ท้องสนามหลวง โดยจะมีข่าวสารต่างๆ ที่เกิดขึ้น  การรับบริจาคหรือการขอความช่วยเหลือต่างๆ  คำแนะนำการเข้าคิวเข้าสักการะพระบรมศพในหลวง รัชกาลที่ 9 การแจ้งจุดขึ้นรถและจุดที่รถออก และจุดขึ้นรถฟรีบริเวณโดยรอบท้องสนามหลวง  จุดบริการมอเตอร์ไซต์  แผนผังเต็นท์ต่างๆ ที่ให้บริการในเรื่องอาหารและคอยช่วยเหลือประชาชนทั้งนี้แอพพลิเคชั่นมีในส่วนของกระดาษคำถาม (Board) เพื่อให้ผู้ใช้แอพพลิเคชั่นแต่ละคนสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นประชาชนที่เดินทางมาจากจังหวัดไหนในประเทศไทยก็ตาม  แอพพลิเคชั่นนี้จะสร้างความอุ่นใจขึ้นเพราะจะทำให้รู้จักพื้นที่โดยรอบท้องสนามหลวงมากขึ้น  และรู้ขั้นตอนการปฏิบัติตนเพื่อเข้าสักการะพระบรมศพในหลวง รัชกาลที่ 9 ได้เป็นอย่างดี

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 166 ลบรอยสัก

เขียนเรื่องสักคิ้วไป ก็พบข้อมูลเรื่องการลบรอยสัก ซึ่งน่าสนใจ จึงขอหยิบมานำเสนอเพื่อเป็นข้อมูลสำหรับคนที่ประสงค์จะลบรอยสักออก หรือสำหรับคนที่ยังไม่มีรอยสัก แต่ถ้าคิดจะสักจะได้พึงคิดให้ดีก่อนว่าจะไปสักดีไหม เพราะถ้าสักไปแล้วไม่พอใจอยากเอาลวดลายออกจะได้รู้ว่า ต้องเจอกับอะไร วิธีลบรอยสัก วิธีลบนั้นมีหลากหลาย แบบโหดๆ บ้านๆ คือเปิดผิวหนังบริเวณรอยสัก เพื่อให้เอาสีที่ฝังในชั้นผิวออก เช่น การลบรอยสักด้วยยางพืช ลบด้วยปูนแดง การลบด้วยกรดหรือด่างหรือด้วยสารเคมีแรงๆ หรือแม้แต่ การสักสีที่ใกล้เคียงกับผิวทับลงไป หรือแบบมืออาชีพคือ การผ่าตัดเอาบริเวณที่สักออกแล้วเอาผิวหนังบริเวณอื่นมาปลูกถ่ายแทน ซึ่งรอยสักอาจหายไปได้  แต่ก็แทนที่มาด้วย รอยแผลเป็นแทน(การจางหายหรือภาวะแทรกซ้อนแต่ละวิธีก็มากน้อยต่างกัน) แต่ที่นิยมมากที่สุดเห็นผลดีสุด ณ ปัจจุบัน(เกิดแผลน้อยสุด)  คือ ลบรอยสักด้วยเลเซอร์ ซึ่งถึงจะพูดแบบนี้แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย การลบรอยสักด้วยเลเซอร์ อาศัยหลักการปล่อยพลังงานเลเซอร์ผ่านผิวหนัง(ที่มีรอยสัก) ด้านบนลงไปสู่เม็ดสีที่อยู่ใต้ผิวหนังด้านล่าง แล้วเลเซอร์จะทำให้เม็ดสีของรอยสักนั้นแตกออก จากนั้นเม็ดเลือดขาวของร่างกายก็จะมาเก็บเม็ดสีที่แตกนั้นไป โดยที่ผิวหนังด้านบนนั้นยังปกติและปลอดภัย เครื่องเลเซอร์ที่มีใช้ในเมืองไทย ส่วนใหญ่ที่จะนำมาเพื่อการกำจัดเม็ดสีที่เกิดการการสักนั้นอยู่ในกลุ่มของ Q-Switch หรือการยิงพลังงานในช่วงระยะเวลา 1 ใน 1 พันล้านวินาที (nanosecond) ซึ่งแตกต่างกันไปในส่วนของแหล่งการให้ความยาวคลื่นแสงจำเพาะที่เป็นตัวกำหนด เม็ดสีเป้าหมาย ดังนั้นเครื่องเลเซอร์เครื่องเดียวอาจจะกำจัดเม็ดสีได้ไม่ครบทุกสี เมื่อยิงเลเซอร์ไปยังเม็ดสีเป้าหมายแล้ว เม็ดสีจะเกิดการแตกตัว มีขนาดเล็กลง ทำให้เม็ดเลือดขาวสามารถเก็บกินได้ง่ายขึ้น “โดยทั่วไปการลบรอยสักนั้น แพทย์จะคุยกับคนไข้ก่อนว่า ลบครั้งเดียวไม่หายหมด เนื่องจากรอยสัก แต่ละสีต้องใช้เลเซอร์ต่างเครื่องในการลบ ไม่สามารถลบรอยสัก ได้ทุกสีในเครื่องเดียวกัน ดังนั้นคนไข้ที่สักหลายสี จำเป็นต้องใช้หลายเครื่องมาลบ สีที่ลบง่ายจะเป็นสีดำ สีเขียว แต่ที่ลบยากคือ สีแดง สีเหลือง และสีส้ม ยิ่งในระยะหลังเริ่มหันมานิยมการสักสีเนื้อ หรือสีออกขาวกัน ซึ่งจะลบยากขึ้น โดยเฉลี่ยหากลบเพียงสีเดียวจะอยู่ที่ 5-8 ครั้ง และจะทำทุกๆ 1-2 เดือน เนื่องจากการยิงเลเซอร์แต่ละครั้ง จะเกิดแผลเป็นรอยดำที่ผิวหนัง ซึ่งการหายนั้นขึ้นอยู่กับลักษณะและตำแหน่งของแผล อาจจะมีความไม่สม่ำเสมอของสีผิวที่ลบได้ เพราะเลเซอร์จะไปโดนสีผิวจริงๆ ทำให้โอกาสที่ผิวจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมก่อนการสักนั้น ทำได้ค่อนข้างยาก” (ผศ.พญ.รังสิมา วณิชภักดีเดชา)* ถ้าคุณมีรอยสักแล้วต้องการลบออก ไม่ว่าจะด้วยวิธีใด ควรไปปรึกษาแพทย์ผิวหนังที่ชํานาญ อย่าได้ไปรักษาเอง หรือรักษากับผู้ที่ไม่ใช่แพทย์เป็นอันขาด รอยสักนั้นก็เหมือนประสบการณ์ที่ยากจะทำลาย ดังนั้นคิดให้ดีก่อนทำ เรื่องต้องรู้เมื่อไปลบรอยสัก 1.ขนาดของรอยสักไม่ได้มีผลเท่ากับสีที่ใช้ 2.รอยสักที่นิ้วและข้อเท้า จะแก้ไขได้ยากกว่าก้น ขา หรือหน้าอก 3.บริเวณหลัง หน้าอก หลังลบมักเกิดแผลเป็นง่ายกว่าส่วนอื่น 4.ตำแหน่งใกล้ตา การใช้เลเซอร์ลบอาจเป็นอันตรายต่อจอประสาทตาจนสูญเสียการมองเห็นได้ 5.สักโดยมืออาชีพหรือใช้เครื่องจะลบไม่ยากเท่าการสักของพวกมือสมัครเล่น *ข้อมูล ไม่ง่าย! ลบรอยสักด้วยเลเซอร์ โดย ผศ.พญ.รังสิมา วณิชภักดีเดชา  วันที่ 17 กรกฎาคม 2556 http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9560000087195

สำหรับสมาชิก >
ฉลาดซื้อ เก็บแต้มแลกสินค้า250 Point

ฉบับที่ 164 สักคิ้ว จะไปทำดีไหม??

คิ้ว เขาเปรียบเป็นมงกุฎของใบหน้า สตรียุคใหม่จะกังวลกันมากหากตนเองคิ้วบาง หลายคนในกระเป๋าเครื่องสำอางจึงแทบขาดดินสอเขียนคิ้วไม่ได้ เพราะถ้าไม่มีคิ้วแล้วจะขาดความมั่นใจทันที จริงๆ ความงามของคิ้วก็ขึ้นอยู่กับยุคสมัย ดูอย่าง โมนาลิซ่า เธอไม่มีคิ้วยังถูกยกย่องให้เป็นหญิงงาม หรือบางยุคการกันคิ้วให้ดูคมเรียวบางก็จัดว่าเป็นความงามแห่งยุคสมัย สำหรับสาวไทยปัจจุบันไม่มีอะไรจะฮิตเท่า คิ้วหนาๆ แบบสาวเกาหลีอีกแล้ว ยิ่งใหญ่ ยิ่งหนา เขาว่าทำให้ใบหน้าดูเด็กลง บวกกับเทคนิคการสักคิ้วในปัจจุบัน ก็ก้าวหน้าไปมาก ไม่ทำให้ดูหลอกตาแบบสมัยก่อนที่พอสักคิ้วดำปื้นไปแล้ว ปรากฏว่า คนที่ไปสักคิ้วถาวรมาต้องทนมีคิ้วแบบนั้นกันไปนานมาก แก้ไขยาก จนแลดูประหลาดทำให้ดูน่ากลัวมากกว่าน่ามอง การสักคิ้วยุคใหม่นั้น มีให้เลือกทั้งแบบสักถาวร สักกึ่งถาวร และแบบเพนต์หรือสไลด์คิ้ว ซึ่งไม่ได้ฝังสีลงไปใต้ชั้นผิวหนังเหมือนการสักทั่วไป แต่เป็นลักษณะระบายสีไปที่คิ้วมากกว่า(แต่ติดทนกว่าการเขียนคิ้ว) ฉลาดซื้อเห็นว่า การสักคิ้วกำลังมาแรง เลยจะขอพาคุณผู้อ่านไปท่องโลกของการสักคิ้วกันบ้าง เผื่อใครสนใจจะไปทำ จะได้มีข้อมูลไว้ตัดสินใจ การสักคิ้ว สักคิ้วก็เหมือนการสักลวดลายบนผิวหนังบริเวณอื่นของร่างกาย คือการใช้เข็มแทงเข้าไปในผิวหนัง เพื่อนำหมึกสีลงสู่เนื้อเยื่อและสะสมไว้บริเวณนั้น สักคิ้วมีขึ้นก็เพื่อช่วยให้คิ้วได้รูปและมีสีที่เข้มจนเห็นเป็นทรงคิ้วที่ชัดเจน เพื่อแก้ไขปัญหากวนใจสำหรับคนที่มีคิ้วบางหรือคิ้วแหว่ง สักคิ้วจะมีทั้งแบบ สักถาวรและกึ่งถาวร สักคิ้วถาวรข้อดีคือ ทำแล้วคงกระพันถาวรสมชื่อ ถ้าได้รูปทรงสวยงามแล้ว คุณก็ไม่ต้องเขียนคิ้วอีก แม้เวลาหน้าเปลือยคิ้วก็ยังเด่นออกหน้าออกตา แต่มันจะดูไม่เป็นธรรมชาติเอามากๆ และไม่อาจเปลี่ยนเทรนด์ได้ เพราะลงสีแบบถาวรไปแล้ว ยิ่งถ้าทำมาแล้วไม่สวย ไม่เท่ากันสองข้าง ฯลฯ หากจะแก้ไขต้องทำเลเซอร์ลบออกเท่านั้น หรือใช้การเพนต์คิ้วช่วยบดบังความไม่น่ามอง ดังนั้นสักคิ้วถาวรจึงลดความนิยมลงไป แต่ราคาไม่แพง อันนี้คือจุดขาย ยุคนี้กำลังฮิต สักคิ้ว 3 มิติ 6 มิติ หรือแม้แต่ 8 มิติ จริงๆ ก็คือแบบเดียวกัน(6 มิติ 8 มิติเอาไว้เรียกเพิ่มราคา อาจเพิ่มลูกเล่นเข้าไปนิดหน่อย) สักคิ้ว 3 มิติ เป็นการสักคิ้วกึ่งถาวร เพียงแต่วิธีการสักจะทำให้คิ้วดูเป็นธรรมชาติมากกว่าการสักธรรมดา โดยจะสักให้เป็นเส้นๆ เสมือนว่ามีขนคิ้วจริง คือให้ดูเหมือนว่า เราได้เพิ่มเส้นขนคิ้วลงในแนวขนคิ้วเดิม (คล้ายการวาดภาพเหมือนหน้าคนในกระดาษ แต่สัก 3 มิติคือวาดลงบนคิ้วคนจริงด้วยเครื่องสัก) ข้อดีของการสักแบบนี้คือ ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น สามารถเปลี่ยนทรงได้บ้างโดยการเขียนคิ้วเพิ่มเติม สักคิ้ว 3 มิติ จะอยู่ได้นานประมาณ 3 ปี สีจะเริ่มจางลงไปเรื่อยๆ ซึ่งบางคนก็อาจรู้สึกมีปัญหาขึ้นมาอีกเมื่อคิ้วที่สักมามีสีไม่กลืนกับสีของขนคิ้วจริง(สีด่าง) จนดูหลอกตา และงานสักคิ้ว 3 มิติ ราคาแพงกว่าสักคิ้วถาวรนะคะ เพราะคนสักเขาถือว่าต้องใช้ฝีมือมากกว่า ละเอียดกว่าการสักถาวร ---------------------------------------------------------------------------------------- ข้อดีของการสักคิ้ว คิ้วสวยได้รูปทรง แก้ไขจุดบกพร่อง คิ้วบาง, คิ้วแหว่ง, คิ้วตก ประหยัดเวลาในการแต่งหน้า ไม่ต้องเสียเวลากับการเขียนคิ้วอีก ไม่ต้องแต่งหน้ามากถ้าหากมีโครงคิ้ว สวยเข้ม เพียงแต่งหน้าเบาๆ ก็เอาอยู่   ข้อเสียของการสักคิ้ว เจ็บ เพราะต้องใช้เข็มแทงเข้าผิวหนัง แต่สักแบบกึ่งถาวรหรือ 3 มิติ จะเจ็บน้อยลงหน่อย แต่ก็ขึ้นกับสภาพของผิวแต่ละคน มีโอกาสแพ้เนื่องจากสีที่ใช้ หรือเกิดแผลอักเสบ และมีโอกาสติดเชื้อหากใช้เข็มไม่สะอาดหรือใช้เข็มร่วมกับผู้อื่น เพราะต้องแทงเข็มเข้าไปในชั้นผิวหนังหรือเนื้อเยื่อของร่างกาย สักถาวร เปลี่ยนทรงคิ้วไม่ได้อีกเลย และถ้ามีปัญหาจะแก้ไขยาก ต้องทำเลเซอร์ลบเท่านั้น สักกึ่งถาวร หรือ 3 มิติ สีจะติดอยู่เฉลี่ย 3 ปี ถ้าอยากจะเปลี่ยนทรงคิ้วใหม่ จะไม่สามารถทำได้ทันทีนอกจากเขียนเพิ่มด้วยดินสอ สัก 3 มิติความคงทนของลายเส้น ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล เนื่องจากเป็นการสักลงบนผิวหนังชั้นหนังแท้ไม่ถึงเนื้อเยื่อ งานสักเป็นงานช่างฝีมืออย่างหนึ่ง ถ้าเลือกไม่ดีเจอช่างไม่เก่ง งานเข้านะคะ โอกาสคิ้วไม่สวยมีเยอะ ต้องเลือกให้ดี ยังมีการทำคิ้วให้สวยเข้ม สวยนานอีกแบบ โดยไม่เจ็บตัวมากอย่างการสัก เรียกว่า การเพนต์สีหรือสไลด์คิ้ว คราวหน้ามาติดตามกันค่ะ

สำหรับสมาชิก >
ฉลาดซื้อ เก็บแต้มแลกสินค้า250 Point

ฉบับที่ 177 ขอเป็นเจ้าสาวสักครั้งให้ชื่นใจ : ในโลกนี้ไม่มีความจริงแบบสมบูรณ์

นับตั้งแต่ศตวรรษที่ 15 เป็นต้นมา กรอบความคิดแบบ “วิทยาศาสตร์” ดูเหมือนจะเข้ามาครอบงำ และให้คำอธิบายความจริงในชีวิตของมนุษย์เราเอาไว้อย่างเข้มข้น     หลักการทางวิทยาศาสตร์เชื่อว่า ในโลกนี้มี “ความจริงแบบสมบูรณ์” หรือที่ภาษาอังกฤษอาจเรียกว่า “absolute truth” ดังนั้น หน้าที่ของนักวิทยาศาสตร์ก็คือ ต้องพยายามพิสูจน์ถึงสัจจะความจริงแบบสมบูรณ์และเป็นความจริงเพียงหนึ่งเดียวนี้ โดยปราศจากอคติใดๆ เข้ามาแปดเปื้อนปะปน     ภายใต้หลักการดังกล่าว หากความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว คำตอบต่อสรรพสิ่งจึงต้องเป็นหนึ่งเดียว ถ้าไม่ใช่คำตอบว่า “yes” ก็ต้องเป็น “no” หรือถ้าไม่ใช่ “ขาว” ก็ต้องเป็น “ดำ” อย่างใดอย่างหนึ่ง โดยมิอาจย้อนแย้งเป็นสองอย่างได้ในเวลาเดียวกัน และนักวิทยาศาสตร์ก็ต้องพิสูจน์ความจริงแท้ข้อนี้ออกมาให้เห็นเป็นหลักฐานเชิงประจักษ์แจ้งแก่สายตาให้ได้เท่านั้น     แม้วิธีคิดเช่นนี้จะครอบงำโลกทัศน์ของมนุษย์มานานหลายศตวรรษ แต่ทว่า ทฤษฎีความจริงแบบสมบูรณ์นี้ก็ถูกท้าทายเรื่อยมาโดยตลอด และที่สำคัญ ก็ยังถูกตั้งคำถามผ่านสายตาของตัวละครอย่าง “วีว่า” สาวนักเรียนนอกเจ้าของ “วรรณวิวาห์เวดดิ้ง” บริษัทรับจัดงานแต่งงานแบบครบวงจรด้วยเช่นกัน     ด้วยความใฝ่ฝันตั้งแต่วัยเด็ก วีว่าปรารถนาที่จะโตขึ้นด้วยกราฟชีวิตที่มุ่งไปข้างหน้า และเมื่อถึงเวลาอันเหมาะสม เธอก็อยากจะสวมชุดเจ้าสาวสุดหรู และมีพิธีแต่งงานที่สุดแสนจะโรแมนติก โดยเฉพาะกับคำมั่นสัญญาของคู่หมั้นอย่าง “ลาภิศ” ที่ให้ไว้ว่า เมื่อเขาเรียนจบจากเมืองนอกกลับมา จะขอเธอแต่งงานทันที     จากความฝันวัยเยาว์และคำสัญญาของคู่หมั้น วีว่าจึงคิดเสมอว่า คำตอบในชีวิตของคนเราจะต้องเป็นเส้นตรงเท่านั้น และมีสิ่งนี้เป็นสัจจะความจริงแบบสมบูรณ์เพียงหนึ่งเดียว     แต่ทว่า โชคชะตาก็ไม่ได้ขีดเส้นตรงเส้นเดียวให้กับมนุษย์อย่างวีว่าได้เดินเสมอไป หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง ในขณะที่หลักการวิทยาศาสตร์มีแนวโน้มจะเชื่อว่า เหตุผลของมนุษย์ย่อมมีเหตุผลหลักได้เพียงข้อเดียว แต่วีว่าเองกลับพบว่า ถ้ามีเหตุผลข้อ ก.ไก่ เกิดขึ้นได้ ก็ใช่ว่าเหตุผลแบบ ข.ไข่ ค.ควาย หรือ ง.งู จะอุบัติขึ้นไม่ได้เช่นกัน     ดังนั้น ภายหลังจากการสิ้นลมของ “คุณปู่จรัส” โดยไม่คาดฝัน ทำให้เหตุผลและเส้นกราฟชีวิตของวีว่ากลับตาลปัตรไปจนหมด วีว่าผู้ที่ทุกคนคาดว่าจะได้ครอบครองทรัพย์สินของวงศ์ตระกูล กลับพบว่าคุณปู่ของเธอได้ยกมรดกและกิจการทั้งหมดให้กับลูกบุญธรรมอย่าง “ปูรณ์” ผู้มีศักดิ์เป็นอาของวีว่าในอีกทางหนึ่ง     เมื่อมรดกในพินัยกรรมเปลี่ยนมือไป ทั้งลาภิศและ “คุณหญิงแขอุไร” ผู้เป็นมารดาจึงเป็นเดือดเป็นร้อน เพราะหมายหมั้นปั้นมือที่จะเป็นเจ้าของกองมรดกและธนาคารไทยธนกิจ ลาภิศจึงตัดสินใจล้มเลิกการแต่งงานกับวีว่า ในขณะที่คุณหญิงแขอุไรก็สะบั้นความสัมพันธ์กับตระกูลวรรณดำรงไปในทุกๆ ทาง     ความจริงบางอย่างที่เราเห็นอยู่ใน “หน้าฉาก” ว่าบริสุทธิ์และเบ็ดเสร็จสมบูรณ์ ก็อาจจะมีความจริงอีกชุดหนึ่งซึ่งเป็น “หลังฉาก” และปนเปื้อนไปด้วยอคติกับผลประโยชน์อยู่ ซึ่งนั่นก็คือสัจธรรมที่วีว่าค่อยๆ ได้เรียนรู้ แบบที่เธอประกาศกับ “คุณย่าพริ้มเพรา” และญาติผู้ใหญ่ภายหลังจากถูกยกเลิกงานวิวาห์ว่า “ก็อย่างที่วีว่าบอก...เรื่องมรดกทำให้วีว่าได้รู้ว่า ใครที่รักวีว่าจริงๆ หรือใครที่รักวีว่าเพราะเงิน...”     ไม่เพียงแต่วีว่าจะได้เข้าใจว่า ความจริงโดยสมบูรณ์หรือจริงแท้โดยปราศจากอคติเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้เลยนั้น อีกด้านหนึ่ง การปรากฏตัวของ “คุณลึกลับ” ชายในชุดสีขาว ที่จะเป็นเทพก็ไม่ใช่ ผีก็ไม่เชิง หรือเป็นนิมิตมายาอะไรบางอย่าง ก็ยิ่งตอกย้ำให้วีว่าได้พบความเป็นไปไม่ได้ของสิ่งที่เธอเคยเข้าใจว่าเป็น “ความจริงหนึ่งเดียว” อย่างชัดเจนยิ่งขึ้นอีก     เพราะพลันที่วีว่าถูกมือปืนยิงจนนอนสลบเป็นเจ้าหญิงนิทรา ในจังหวะเดียวกับดารานางแบบอย่าง “มุกริน” ที่ฆ่าตัวตายเพราะผิดหวังจากความรักที่มีต่อลาภิศ วิญญาณของมุกรินได้หลุดพ้นไปสู่สัมปรายภพ แต่ทว่าไฟล์ดวงจิตของวีว่ากลับถูก “install” เข้ามาอยู่ในร่างของ “มุกริน แม็กซ์เวลล์” แทน จนกลายเป็นจุดเริ่มต้นแห่งปมปัญหาใหม่ในชีวิตของวีว่าขึ้นมา     ในด้านหนึ่ง วีว่าในร่างของมุกรินอาจจะได้ค้นพบความจริงในชีวิตของตัวละครอื่นๆ ที่มีบางด้านซ่อนเร้นอยู่เป็นเบื้องหลัง ไม่ว่าจะเป็นลาภิศผู้มีบาดแผลจากการถูกมารดากำหนดชะตาชีวิตจนแทบเดินไปทางอื่นไม่ได้ มุกรินที่เบื้องหน้าของชีวิตดาราซึ่งต้องยิ้มสู้กล้องอยู่ตลอดเวลา แต่ด้านหลังก็เคยดำเนินชีวิตผิดพลาดเพราะทำแท้งมาก่อน ไปจนถึงคุณย่าพริ้มเพราที่เกลียดหลานบุญธรรมอย่างปูรณ์ เพียงเพราะความเจ็บปวดจากความรักที่ฝังรากมาตั้งแต่วัยสาว     แต่ในเวลาเดียวกัน วีว่าก็ยังได้เข้าใจอีกข้อเท็จจริงด้วยว่า ในขณะที่มนุษย์เรามี “โลกความจริงทางกายภาพ” แบบที่วิทยาศาสตร์พยายามพิสูจน์จับต้องออกมาให้ได้ แต่ก็ยังมี “โลกความจริง” อีกชุดหนึ่ง (หรืออาจจะเรียกว่า อีกภพหนึ่ง) ของคุณลึกลับที่ดำเนินคู่ขนานไป และวิทยาศาสตร์ก็มิอาจหยั่งรู้ถึงความจริงดังกล่าวได้เลย     เมื่อวีว่าพยายามจะขอความช่วยเหลือจากอาปูรณ์ให้กู้ไฟล์ดวงจิตของเธอกลับคืนสู่ร่างจริงๆ เขาเองก็แสดงให้เห็นว่าตนเชื่อมั่นอยู่ตลอดว่า เหตุผลและโลกความจริงต่างภพที่คู่ขนานกับโลกทางกายภาพแบบนี้คือสิ่งที่เป็นไปไม่ได้เลย     จนกระทั่งวีว่าในร่างมุกรินเลือกที่จะกระโดดลงน้ำประหนึ่งจะฆ่าตัวตาย เธอก็ได้ “พิสูจน์” ให้อาปูรณ์ประจักษ์เห็นว่า โลกความจริงที่เราสัมผัสด้วยสายตา ก็เป็นเพียงความจริงชุดหนึ่งๆ เท่านั้น และเป็นชุดความจริงหนึ่งที่อยู่ท่ามกลางความจริงอีกมากมายหลายชุด ซึ่งมนุษย์อาจจะเข้าถึงด้วยอายตนะแห่งตนได้ยากยิ่งนัก     จนเมื่อมาถึงบทสรุปของเรื่องที่วีว่าได้บรรลุการ “ขอเป็นเจ้าสาวสักครั้งให้ชื่นใจ” ของอาปูรณ์ ภาพฉากความจริงที่ทั้งคู่ฮันนีมูนสวีทหวานบนเรือสำราญกลางทะเล ซึ่งละครบรรจงตัดสลับกับภาพความจริงของลาภิศและมุกรินที่ได้ลงเอยเคียงคู่ความรักกันในอีกภพหนึ่ง ก็ไม่ต่างจากการให้คำตอบกับคนดูอย่างเราๆ ว่า ในโลกที่เราเห็นและจับต้องกันอยู่ทุกวันนี้ อาจไม่มีความจริงใดๆ ที่จะกลายเป็นความจริงแบบสมบูรณ์หนึ่งเดียวได้เลย

อ่านเพิ่มเติม >