ฉบับที่ 150 สะตอผัดกุ้งสด

เห็นเพื่อนบางคนใน FB ที่ต้องโยกย้ายตัวเองไปทำงานไกลบ่นคิดถึงบ้าน และคนที่บ้าน  ฉันเลยพลอยคิดไปถึงตอนต้องอยู่นอกบ้านไกลๆ สมัยยังเป็นละอ่อนเรียนมหาวิทยาลัย  นั่นเป็นการอยู่ไกลบ้านสุดกู่เกินกว่าจะเทียวเดินทางไป-กลับ จากบ้านต่างอำเภอกับโรงเรียนในจังหวัดในทุกวันจันทร์และศุกร์ ได้อย่างสมัยมัธยม   แต่ตอนเลือกที่เรียนต่อผ่านการสอบเอ็นทรานซ์สมัยนั้นฉันก็คิดว่าอดทนไปเรียนไกลๆ ก่อนแล้วค่อยกลับมาทำงานแถวบ้าน  แต่การงานที่ฉันอยากทำกับบ้านก็อยู่ไกลจนต้องทำใจ และเฝ้าแต่หาวิธีขยับขยายช่องทางจนกลับเข้ามาทำงานในบ้านได้เมื่อวัยกลางคน ระหว่างที่กลายเป็นคนไกลบ้าน สิ่งที่คิดถึงบ่อยๆ คงไม่พ้นของที่เคยกิน เมนูที่สุดโปรด  และเป็นไปโดยปริยายว่าเมื่อได้ลิ้มลองอาหารแบบที่เคยคุ้นกับการกินก็มักอดไม่ได้ที่จะต้องเปรียบเทียบกันทั้งรสชาติ หน้าตา และองค์ประกอบ  บางครั้งก็ได้รู้เลยไปถึงกรรมวิธีการปรุงและเคล็ดลับต่างๆ ของบรรดาแม่ครัวต่างถิ่น  ทำให้เรื่องราวที่ประกอบกับสิ่งที่จะกินกลายเป็นรสที่เติมแต่ง จนกลิ่นรสแปลกแปร่งจากที่คุ้นเคยกลายเป็นของใหม่ให้ได้ลองลิ้น และหากติดใจก็รับเอามากินต่อไปจนเป็นความคุ้นเคยแบบใหม่  เช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ฉันเองจำไม่ได้แล้วว่า รสแรกสัมผัสของอาหารต่างถิ่นอย่าง สะตอผักกุ้งสด เมนูนี้ เป็นอย่างไร   ตั้งแต่จำความ  โต เล่น และเรียนอยู่ในถิ่นตัวเองจนจะอายุ 20 ปี ก็ยังไม่เคยได้กินสะตอสักครั้ง จนกระทั่งเรียนมหาวิทยาลัยปี1 ฉันและเพื่อนอีกเกือบทั้งคณะกว่า 200 คน ที่นั่งรถไฟแบบเหมายกตู้ จากขอนแก่นไปสงขลา นั่นแหละฉันจึงได้กินอาหารใต้แบบ ปักษ์ใต้ของแท้  แต่ก็นานกว่าจะได้ลอง ทั้งๆ ที่ในโรงอาหารของมหาวิทยาลัย และโรงเตี๊ยมเล็กๆ ข้างคณะจะมีอาหารใต้หลายเมนูขายอยู่   เพราะส่วนใหญ่ มัวแต่ทดลอง “สารพัดตำ” ที่เพื่อนๆ เจ้าถิ่นแนะนำให้เรากินเสียมากกว่า   หลังจากได้กินอาหารต้อนรับของเพื่อน นักศึกษา มอ.เจ้าถิ่น  มื้อแรกและมื้อต่อๆ มา กลิ่นรสสะตอก็กลายเป็นอาหารอีกจานที่เริ่มจะทำความคุ้นชิน ทั้งการกินแบบผัดกับกุ้งและน้ำพริกกะปิ  ทั้งแบบกินสดและแบบดองน้ำเกลือ กินกับน้ำพริก  ขนมจีน และกับข้าวแกงราดข้าว   จำได้ว่าขึ้นรถไฟเที่ยวกลับ เพื่อนกลุ่มใหญ่ของฉันเกือบ 20 คน ตกลงกันว่าจะหิ้วสะตอกองใหญ่กลับมากินกันที่ขอนแก่นด้วย สะตอสดกินแนมกับตำส้ม และสารพัดตำรสแซ่บ และกลิ่นสะตอผัดกุ้งฟุ้งกระจายที่บ้านเพื่อนเจ้าถิ่นในตัวเมืองขอนแก่นอยู่หลายมื้อทีเดียวเชียว   จะว่าไปคนอีสานก็ออกจะคุ้นกับรสสะตอที่ใกล้เคียงกับฝักกระถิ่น ที่คนอีสานนิยมกินเมล็ดอ่อนของมันกับตำส้มสารพัด รวมไปถึงบรรดาแจ่ว บอง และขนมจีนน้ำยาป่า ผิดแต่ว่าขนาดใหญ่และรสจัดกว่าเท่านั้น    ส่วนบางคนที่ไม่ชอบเพราะกลิ่นแรงๆ ของสะตอที่เหลือค้างอยู่ในปาก แก้ได้ไม่ยาก โดยเอาใบฝรั่งที่หน้าบ้านเพื่อนนั่นแหละมาเคี้ยว(ปัจจุบันต้นฝรั่งหาไม่ได้ง่าย แต่กาแฟดำชงแก่ๆ แบบไม่ใส่น้ำตาลหรือน้ำนมสด ดื่มล้างปากหลังเมนูนี้  สำทับอีกทีด้วยหมากฝรั่งก็ช่วยขจัดกลิ่นมันไปได้) ตอนแรกที่รู้จักสะตอก็จากการกิน  กินในรั้วมาหวิทยาลัย  จนกระทั่งได้ทำงานและแวะเวียนไปพบผู้คนในถิ่นใต้ จึงได้รู้จักสะตอที่มีต้นสูงใหญ่  กระบวนการเก็บเกี่ยวที่ต้องใช้แรงงานอย่างมาก  ทำให้ไม่แปลกใจเลยที่ช่วงเวลาสะตอออกใหม่ๆ  การซื้อ-ขาย  สะตอ ราคาของสะตอยอดฮิตถึงได้พุ่งสูงขึ้นไป แทบจะเรียกว่า “นับเม็ดขาย” กันเลยทีเดียว   หากอยากกินแต่มีอาการโรคทรัพย์จางก็จำต้องรอจนกระทั่งช่วงเข้าฤดูที่สะตอออกชุกจัดๆ เหมือนกับผลิตผลทางการเกษตรทั่วๆ ไปนั่นแหละราคาจึงค่อยๆ ลดลงมาตามหลักอุปสงค์-อุปทาน  ครั้นพอสะตอราคาถูกถูกมากๆ เข้าก็เตรียมตั้งน้ำต้มเกลือดองสะตอเก็บไว้กินยามอยากตอนหายากกันอีกที ฉันยังจำได้อีกว่า คราวแรกที่เอาสะตอกลับมาฝากแม่ที่บ้าน  และบอกแม่ว่าอยากกินผัดสะตอ  แม่ก็รับสะตอไป พยักหน้า ไม่ว่าอะไรตามนิสัยคนไม่พูด แต่พร้อมจะจัดให้ตามรีเควสท    จนกระทั่งตกค่ำแม่เรียกกินข้าวนั่นแหละ  ฉันจึงได้รู้จักกับผัดสะตอที่แปลกไปจากที่คาดว่าจะได้กินในตอนแรก แต่ไม่แปลกไปจากความคุ้นชินจากการนั่งกินข้าวในครัวกับแม่ สะตอกุ้งของแม่ หน้าตาดูคล้ายกับถั่วฝักยาวผัดพริกแกง  เมนูประจำบ้านจานโปรดที่แม่มักผัดกินเองอยู่บ่อยๆ  ไปซะงั้น มื้อค่ำวันนั้นฉันเลยได้นั่งโม้เรื่องสะตอที่ฉันเคยไปเจอไปกินในถิ่นปักษ์ใต้ และที่อีสานให้แม่ฟังได้เป็นคุ้งเป็นแคว ถึงตอนนี้  ที่ฉันกลับมาอยู่กับแม่ยามวัยชรา อยู่โยงแต่กับบ้าน  ทำงานหากินอยู่แต่แถวๆ บ้าน  และไปไหนไกลเกินกว่าการ ไป-กลับ ภายใน 1 วันโดยไปค้างที่ไหนไม่ได้  ฉันว่ากินสะตอแล้วอาการกำเริบอยากจะไปเที่ยวอย่างสมัยเรียน และทำงานใหม่ๆ กะเขามั่งเหมือนกัน มันก็อย่างนี้แหละเพื่อนเอ๋ย ... ฉันรำพึงก่อนจะเลื่อนเม้าท์ผ่านข้อความของเพื่อนไปเฉยๆ ซะงั้น   สะตอผัดกุ้ง สะตอผัดกุ้งสดจานนี้  เหลือกินมาจากน้ำพริกกะปิกับสะตอสด  ที่ฉันชอบกินเม็ดสดๆ ที่มีเปลือกหุ้มรสฝาดด้วย  เพื่อนคนใต้บอกฉันว่ามันช่วยดับกลิ่นแรงๆ ของสะตอ แต่ฉันชอบรสฝาดที่เปลือกของมันมากกว่าจะกังวลกับกลิ่นค้างตัวหลังกิน ส่วนประกอบที่ใช้ มีน้ำพริกกะปิก้นถ้วยที่เหลือ 2 – 3 ช้อนโต๊ะ  , น้ำมันถั่วเหลือง 2 ช้อนโต๊ะ , สะตอสดแกะเอาแต่เม็ด  1 ถ้วย ,  กุ้งสดแกะเปลือกผ่าหลังดึงเอาเส้นดำออกแล้วล้างสะอาด 7 – 8 ตัว , น้ำสะอาดนิดหน่อย วิธีทำ ตั้งกระทะไฟแรง ใส่น้ำมันรอให้ร้อนจัดจึงตักน้ำพริกลงไปผัด ใส่กุ้ง ผัดจนกุ้งเริ่มสุกตัวขาว จึงใส่สะตอ พลิกตะหลิวไวๆ เติมน้ำให้พอขลุกขลิก แล้วดับไฟตักเสิร์ฟ

สำหรับสมาชิก >
ฉลาดซื้อ เก็บแต้มแลกสินค้า250 Point