ฉบับที่ 172 กระแสต่างแดน

ไก่สด คนไม่สดบรรดาเนื้อไก่ที่ขายในซูเปอร์มาร์เก็ตอย่าง Woolworths Aldi และ Coles และที่นำมาประกอบเป็นอาหารในร้านอย่าง KFC Pizza Hut หรือ Subway ในออสเตรเลียนั้น มาจาก “โรงงานนรก” ที่ พนักงานจากไต้หวันและฮ่องกงหลายพันคนทำงานวันละ 18 ชั่วโมง โดยไม่ได้ค่าจ้างล่วงเวลา คนหนุ่มสาวเหล่านี้เข้ามาทำงานด้วยวีซ่าแบบ working holiday ด้วยค่าแรงชั่วโมงละ 11.50 เหรียญ (ประมาณ 300 บาท)พวกเขาอาศัยอยู่ในที่พักที่บริษัท “จัดหา” ให้ โดยหักค่าเช่าสัปดาห์ละ100 (ประมาณ 2,500 บาท) เหรียญต่อคนออกจากรายได้ ข่าวบอกว่าบางที “ที่พัก” ของคนเหล่านี้ ก็มีคนร่วมพักถึงหลังละ 21 คน บริษัท Baiada Group ดังกล่าว ซึ่งเป็นผู้จัดส่งไก่สดให้กับร้านค้าปลีกและร้านอาหารต่างๆ ใช้วิธีจ้างผู้รับเหมาช่วงแบบห่างๆ โดยไม่สนใจรับรู้ความเป็นไปที่เกิดขึ้นในโรงงานเหล่านั้นทั้งเรื่องของสิทธิแรงงานและสวัสดิการที่อยู่อาศัย เมื่อทางการขอข้อมูลอะไรไป ก็ได้กลับมาน้อยมาก หรือไม่ก็เป็นข้อมูลเก่า เช่น ที่อยู่เก่า หมายเลขโทรศัพท์เก่าเพราะบางทีบริษัทที่รับเหมาช่วงเหล่านี้ก็ไม่ได้อัพเดทข้อมูลของตนเอง สิ่งที่ยืนยันได้ ณ จุดนี้คือผู้รับเหมาส่วนใหญ่ (23 จาก 39 ราย) ขาดเสถียรภาพทางการเงิน และมี 4 รายจาก 6 รายใหญ่ที่เลิกกิจการไปแล้ว นอกจากนี้ยังไม่สามารถหาที่มาที่ไปของเงินจำนวนหลายแสนเหรียญได้ ขณะนี้ผู้ดูแลความเป็นธรรมด้านแรงงานกำลังสืบหาตัวทนายความและเจ้าหน้าที่บัญชีที่ช่วยบริษัทนี้ทำเอกสารขึ้นมาตบตาเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ หม้อไฟกับน้ำมันการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วถึงขีดสุดของจีนทำให้นิสัยการกินของผู้คนเปลี่ยนไป ส่วนผสมเดิมๆ อย่างเป็ดหรือไก่ มันออกจะธรรมดาไป ต้องเป็นล็อบสเตอร์ สเต็กนำเข้า หรืออาหารเสริมสร้างภาพลักษณ์อย่าง ตับห่าน มันถึงจะใช่ เมื่อผู้คนไม่นิยมทำอาหารรับประทานเองอีกต่อไป ร้านอาหารแนว “หม้อไฟ” จึงมาแรงไม่แพ้กัน ... ก็มันทั้งสะดวก ทั้งคุ้มค่า เหมาะกับลีลาชีวิตของคนรุ่นใหม่เสียขนาดนั้น  รายงานบอกว่าการรับประทานอาหารแนว “หม้อไฟ” หรือ “ปิ้งย่าง” นี่แหละ ที่เป็นตัวการสำคัญของโรคอ้วนในคนจีน เพราะมันจะอร่อยก็ต่อเมื่อ “เกลือถึง น้ำมันถึง”  เจ้าของร้านหม้อไฟชื่อดังแห่งหนึ่งบอกว่า หม้อไฟหนึ่งชุดอาจใช้น้ำมันถึง 2.5 กิโลกรัม แถมต้องใส่เกลือเพื่อดึงรสชาติอาหารอีกด้วย  การบริโภคเกลือของคนจีนอยู่ในระดับน่าตกใจ คนกวางตุ้งที่ว่ากินจืดแล้วยังบริโภคเกลือเฉลี่ยคนละ 9.1 กรัม/วัน ซึ่งนั่นก็สูงกว่าเกณฑ์ขององค์การอนามัยโลกไปถึงร้อยละ 82 (ส่วนคนทางเหนือบริโภคเกลือเฉลี่ยวันละ 15 -18 กรัมเลยทีเดียว!)ผลที่ได้คืออัตราการเกิดโรคอ้วนที่เพิ่มสูงขึ้น ตัวเลขล่าสุดระบุว่า 1 ใน 3 ของประชากรในมณฑลเสฉวนทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ มีน้ำหนักเกิน  คนสวิสเห็นชอบลดภาษีทีวีเช่นเดียวกับในอีกหลายๆ ประเทศ กฎหมายของสวิตเซอร์แลนด์ว่าด้วยโทรทัศน์และวิทยุ กำหนดให้ทุกครัวเรือนจ่ายค่าธรรมเนียมการถือครองเครื่องเล่นวิทยุหรือโทรทัศน์ ปีละ 451 ฟรังก์ (ประมาณ 16,500 บาท)ถึงจะไม่มีเครื่องรับวิทยุหรือโทรทัศน์ ก็ยังต้องเสียค่าธรรมเนียมนั้นอยู่ดี เพราะเขาถือว่ามีการรับชม หรือรับฟังผ่านช่องทางอื่นอย่างแทบเล็ตหรือสมาร์ทโฟนอยู่แล้ว นอกจากครัวเรือนแล้ว บริษัทที่มียอดขายเกินกว่า 500,000 ฟรังก์ก็จะถูกเรียกเก็บค่าธรรมเนียมนี้ด้วย ที่เป็นข่าวขึ้นมาเพราะเขาจัดทำประชามติขอความเห็นว่าควรลดค่าธรรมเนียมนี้ให้เหลือ 400 ฟรังก์ (ประมาณ 14,600 บาท) หรือไม่ ประมาณร้อยละ 50 กว่าๆ เห็นด้วยกับการลดค่าธรรมเนียม (นี่เป็นเสียงจากประชากรในเขตที่พูดภาษาฝรั่งเศส) ส่วนที่เหลือ ซึ่งเป็นประชากรจากเขตที่พูดภาษาเยอรมันและอิตาลี ไม่เห็นด้วย  หมายความว่าต่อไปนี้ผู้คน 3 ล้านครัวเรือนจะประหยัดค่าใช้จ่ายลงไปได้ ในขณะที่งบดำเนินงานของสถานีโทรทัศน์ Swiss Broadcasting Corporation และทีวีสาธารณะเจ้าอื่นๆ ซึ่งไม่รับโฆษณาแต่พึ่งพารายได้จากค่าธรรมเนียมดังกล่าวปีละ 1,300 ล้านฟรังก์ ก็คงจะต้องลดลงเช่นกัน แท็กซี่ราคาเดียวปารีสก็เป็นอีกเมืองที่ผู้โดยสารแท็กซี่มักได้รับประสบการณ์แย่ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อขึ้นแท็กซี่จากสนามบิน การเปิดเลนด่วนสำหรับแท็กซี่ในช่วงที่ผ่านมาก็ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น คนขับก็ถูกร้องเรียนอยู่เป็นประจำเรื่องมีพฤติกรรมไม่สุภาพ ขับวนเพื่อเพิ่มค่าโดยสาร ไปจนถึงไม่ยอมรับการจ่ายเงินด้วยบัตรเครดิต   การเดินทางจากสนามบินเข้าเมืองนั้นมีค่าใช้จ่ายไม่ต่ำกว่า 80 ยูโร (ประมาณ 3,000 บาท) ขึ้นอยู่กับสถานที่และเวลาเดินทาง รัฐบาลฝรั่งเศสจึงมีแผนจะใช้ค่าแท็กซี่ “อัตราเดียว” จากสนามบินชาร์ล เดอ โกล เข้าตัวเมือง (55 ยูโร ถ้าปลายทางอยู่ทางฝั่งซ้ายของเมือง และ 50 ยูโรสำหรับฝั่งขวาของเมือง) เรื่องนี้ถูกใจผู้บริโภคอย่างยิ่ง แต่ไม่ถูกใจสมาคมแท็กซี่เอาเสียเลย เขาให้เหตุผลว่าอัตรานี้ไม่ยุติธรรม บางคนต้องจ่ายแพงไป ในขณะที่บางคนก็จ่ายถูกเกินจริง เขาเสนอว่าการตั้ง “เพดานค่าโดยสารสูงสุด” น่าจะเป็นทางออกที่ดีกว่า เรื่องจะจบอย่างไรต้องติดตามกันต่อ ระหว่างนี้ถ้าคุณไปเที่ยวปารีส ลองใช้รถโดยสาร easyBus ไปก่อน ค่าโดยสารแค่ 2 ยูโร (ประมาณ 80 บาท) เท่านั้น     ราวด์อั้พไม่ได้ไปต่อกระทรวงนิเวศน์ของฝรั่งเศสประกาศห้ามขายยาฆ่าหญ้ายี่ห้อ “ราวด์อั้พ” ในร้านอุปกรณ์ทำสวนแล้ว เพื่อเป็นการประกาศจุดยืนการห้ามใช้สารเคมีของประเทศทั้งนี้เพราะไกลโฟเสท ยาฆ่าหญ้าที่เข้าสู่ตลาดในช่วงปี 70 และปัจจุบันมียอดขายสูงที่สุดในโลกภายใต้ชื่อการค้าว่าราวด์อั้พ ถูกศูนย์วิจัยโรคมะเร็งของสหประชาชาติฟันธงว่า “อาจเป็นสารก่อมะเร็งในมนุษย์” ในรายงานเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา   เพื่อความปลอดภัย เขาแนะนำให้บรรดานักทำสวนหันมาออกแรงถอนหญ้าด้วยตนเอง แน่นอนว่าบริษัทมอนซานโต้ ซึ่งทำเงินได้มหาศาลจากสินค้าตัวนี้ ออกมาแสดงจุดยืนว่าไม่เห็นด้วยกับผลการศึกษาดังกล่าว เนื่องจากเป็นข้อสรุปที่ได้จากข้อมูลที่ไม่ครบถ้วนรอบด้านเมื่อ 2 ปีที่แล้ว รัฐบาลสหรัฐออกมาให้การรับรองว่ายาฆ่าหญ้าดังกล่าวปลอดภัยสำหรับผู้ใช้  

สำหรับสมาชิก >
ฉลาดซื้อ เก็บแต้มแลกสินค้า250 Point