ฉบับที่ 222 ความเคลื่อนไหวเดือนสิงหาคม 2562

รู้ยัง ตรวจสอบราคายา รพ.เอกชนได้แล้ว        ‘กรมค้าภายใน’ จัดให้ระบบตรวจสอบราคายา 356 โรงพยาบาลออนไลน์ขึ้นเว็บ-คิวอาร์โค้ด แบ่งระดับสี เขียว-เหลือง-แดง เทียบระหว่างโรงพยาบาลได้ โดยผ่านลิงค์เว็บไซต์กรมการค้าภายใน หรือสแกนคิวอาร์โค้ดที่โรงพยาบาล จากนั้นจะต้องพิมพ์คำค้นเป็นชื่อยาภาษาอังกฤษ และสามารถเลือกเปรียบราคายาระหว่างโรงพยาบาลได้ https://hospitals.dit.go.th/app/drug_price_search.php คลิกเลย กทม. ลุยตรวจ 48 สวนสนุกในกรุงเทพฯ พบ 16.67% สอบตกเกณฑ์มาตรฐาน         ผลสำรวจสวนสนุกในพื้นที่กรุงเทพฯ จำนวน 48 แห่ง พบว่ามีใบอนุญาตก่อสร้างและใบอนุญาตประกอบกิจการ 33 แห่ง ไม่มีใบอนุญาต 15 แห่ง และในจำนวนนี้มีที่ไม่ผ่านเกณฑ์การตรวจประเมินสุขลักษณะ 8 แห่ง ซึ่งจะต้องเร่งแก้ไข เพื่อความปลอดภัยต่อผู้ใช้บริการที่ส่วนใหญ่เป็นเยาวชน          กรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้มอบหมายให้สำนักงานเขตต่างๆ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมกิจการและตรวจสุขลักษณะ ความปลอดภัย และอาชีวอนามัย ประเภทกิจการสวนสนุกในกรุงเทพ ฯ จำนวน 48 แห่ง ในพื้นที่ 26 เขต ตั้งแต่เดือน เม.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งพบว่ามีใบอนุญาตก่อสร้างอาคารและใบอนุญาตประกอบกิจการ 33 แห่ง ไม่มีใบอนุญาต 15 แห่ง จึงได้แจ้งให้ดำเนินการขอใบอนุญาตให้ถูกต้องภายใน 15 วัน หากไม่สามารถดำเนินการให้เรียบร้อยจะสั่งระงับการให้บริการ และมีโทษปรับสูงสุด 50,000 บาท นอกจากนี้ยังมีสวนสนุกที่ตั้งเป็นการชั่วคราวตามลานกิจกรรมหรืองานต่างๆ ประมาณ 7-30 วัน ที่ต้องขออนุญาตเช่นกัน ซึ่งต้องเข้าไปกวดขันดูแลอย่างใกล้ชิด เนื่องจากโครงสร้างชั่วคราวมีข้อจำกัดด้านอายุการใช้งาน กทม. จึงได้กำชับให้เขตดำเนินการตรวจสอบอย่างเข้มงวด สสส. เผยไทยมีนักดื่ม 22.5 ล้านคนสูงสุดในรอบ 5 ปี ชี้รณรงค์งดเหล้าเข้าพรรษาช่วยการดื่มลง 10%         กลายเป็นธรรมเนียมปฏิบัติในช่วงเทศกาลเข้าพรรษาของทุกปี  โดยจากการสำรวจพบว่านักดื่มไทยมีกว่า 22.5 ล้านคน สูงสุดในรอบ 5 ปี ซึ่งการรณรงค์งดเหล้าเข้าพรรษาช่วยการดื่มลง 10% ประเทศประหยัดถึง 10,724 ล้านบาท          ปี 2562 สสส.หรือสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ รณรงค์ผ่านแคมเปญ “ตับจะกลับมาดี พรรษานี้เริ่มงดเหล้า” จากการสำรวจสถานการณ์การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของสำนักงานสถิติแห่งชาติ ช่วงปี 2544 - 2560 พบว่าคนไทยมีแนวโน้มการดื่มลดลงจาก 32.7% ในปี 2544 เหลือ 28.4% ในปี 2560 ประกอบกับการสำรวจภาวะสุขภาพอนามัยของประชาชนไทยโดยวิธีการตรวจร่างกาย ครั้งที่ 5 ปี 2557 มีผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์ในระดับอันตรายลดลงเหลือ 3.4% ลดจากปี 2547 ที่อยู่ที่ 9.1% ข้อมูลนี้สะท้อนให้เห็นว่าตลอดกว่า 10 ปีที่ผ่านมา แนวโน้มการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ของคนไทยโดยรวมลดลง สอดคล้องกับข้อมูลค่าใช้จ่ายในการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของคนไทย โดยสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่ลดลงจาก 151,607 ล้านบาท ในปี 2548 เหลือ 142,230 ล้านบาท ในปี 2560 ขณะที่การรณรงค์ให้คนไทยลด ละ เลิก ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก็มีทิศทางที่ดี โดยเฉพาะโครงการงดเหล้าเข้าพรรษา ซึ่งได้รับความสนใจอย่างกว้างขวางและมีผู้เข้าร่วมจำนวนมากในทุกปีสคบ.อำนาจล้น ดีเดย์ 25 สิงหาคม กม.คุ้มครองผู้บริโภคบังคับใช้แล้ว        พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภคฉบับใหม่นี้ เพิ่มเรื่องความคล่องตัวด้วยการมอบอำนาจแก่ท้องถิ่นมากขึ้น มีการปรับโครงสร้างกรรมการบริหารใหม่และเพิ่มอำนาจของกรรมการให้มากขึ้นเปิดโอกาสให้ภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม   รวมถึงยังมี กรรมการด้านความปลอดภัยที่เข้ามาดูแลเรื่องสินค้าบริการและเฝ้าระวังให้ผู้บริโภค ด้วย  นอกจากนั้นยังมีการกำหนดเรื่องการโฆษณาในมาตรา 29 ให้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้นและเพิ่มโทษปรับ 2 - 10 เท่าในกรณีการทำผิดเมื่อเปรียบเทียบกับพ.ร.บ. ฉบับปี พ.ศ. 2556         พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค(ฉบับที่4) พ.ศ. 2562 จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 25 สิงหาคม นี้ โดยเพิ่มอำนาจให้ คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ที่ถูกปรับโครงสร้างใหม่ ประกอบด้วย นายกรัฐมนตรีเป็นประธานกรรมการ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีและปลัดในทุกกระทรวงรวมถึงผู้ทรงคุณวุฒิอีกไม่เกิน 8 คนและผู้แทนความรู้ผู้เชี่ยวชาญจากภาควิชาการภาคประชาชนและภาคผู้ประกอบธุรกิจอย่างน้อยภาคละ 2 คน ด้วยโครงสร้างนี้ หน่วยงานจะจัดการปัญหาได้เร็วขึ้น เพราะจะมีตัวแทนจากทุกกระทรวงเข้ามาจัดการปัญหาได้โดยตรง อีกทั้งยังให้อำนาจกับเลขาธิการสคบ. สามารถพิจารณาและสั่งดำเนินคดีได้โดยไม่ต้องผ่านกระบวนการพิจารณาของคณะกรรมการหากพบว่าปัญหานั้นเข้าเกณฑ์ความผิด         สองมีการเพิ่มอัตราโทษปรับให้สูงขึ้นหนึ่งเท่าในทุกมาตรา อีกทั้งกรณีสินค้าและบริการที่เป็นอันตรายจะมีการกำหนดหลักเกณฑ์มาตรการ   ดังนั้นเมื่อผู้ประกอบธุรกิจผลิตสินค้าที่เกี่ยวข้องกับชีวิตหรือร่างกายก็ต้องมั่นใจว่าสินค้าหรือบริการนั้นปลอดภัยเพราะ พ.ร.บ. ฉบับนี้กำหนดให้เมื่อผู้ประกอบธุรกิจทำให้ผู้บริโภคได้รับความเสียหายจากการใช้สินค้าหรือบริการ บทลงโทษจะเปรียบเทียบความผิดไม่ได้ กล่าวคือเมื่อพบความผิดของผู้ประกอบธุรกิจจะมีการเสนอให้คณะกรรมการพิจารณาและฟ้องดำเนินคดีทันที         สามการให้อำนาจกับท้องถิ่นเพื่อให้สามารถดำเนินการได้ครอบคลุมทุกพื้นที่ ไม่ต้องส่งเรื่องมายังหน่วยงานกลางซึ่งทำให้ล่าช้า และเงินค่าปรับที่ได้มาจากการกระทำผิดไม่ต้องส่งให้ส่วนกลางแต่ให้กับพื้นที่เพื่อจะได้นำไปสร้างความเข้มแข็งให้กับพื้นที่และยังทำให้สามารถดำเนินการแก้ไขปัญหาได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ไทยติดกลุ่มผู้นำเข้าขยะพลาสติกสูงสุดในโลก         แต่ละปีคนไทยทิ้งขยะรวมกันกว่า 27 ล้านตัน เทียบเท่ากับช้างกว่า 5.56 ล้านตัว เฉพาะ กทม. ทิ้งมากเกือบถึง 1 ใน 5 ของทั้งประเทศ ที่ชวนให้ต้องตื่นตัวคือไทยอยู่ในกลุ่มผู้นำเข้าขยะพลาสติกมากที่สุดของโลก          ขยะยังคงเป็นปัญหาใหญ่ระดับชาติที่ยังหาทางกำจัดให้หมดสิ้นไม่ได้ ซึ่งเมื่อดูจากข้อมูลสถานการณ์ขยะมูลฝอยและของเสียอันตราย โดยกรมควบคุมมลพิษ พบว่าปริมาณขยะในไทยยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยปี 2561 มีกว่า 27.8 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 1.64% จากปี 2560 ปัจจัยจากการมีประชากรเพิ่มขึ้น ชุมชนเมืองขยายตัว รวมถึงการส่งเสริมการท่องเที่ยว และการบริโภคที่เพิ่มมากขึ้น เฉพาะในกรุงเทพฯ มีปริมาณ 4.85 ล้านตัน คิดเป็น 17% ของขยะมูลฝอยทั้งประเทศ         อย่างไรก็ดีพบว่า การจัดการขยะมูลฝอยถือว่ามีแนวโน้มที่ดีขึ้น ถึงอย่างนั้นมีขยะพลาสติกเพียง 5 แสนตันจาก 2 ล้านตันที่ถูกรีไซเคิล ที่น่าตกใจคือมีขยะที่ถูกกำจัดอย่างไม่ถูกต้องถึง 27% ประกอบกับการลักลอบทิ้งในพื้นที่สาธารณประโยชน์ ทำให้ขยะจากบกปะปนสู่ทะเล ซึ่งส่วนใหญ่เป็นขยะพลาสติก จึงส่งผลกระทบกับสิ่งมีชีวิตดังที่เกิดเหตุการณ์เป็นข่าวเศร้าต่างๆ         ในส่วนของเสียอันตรายจากชุมชนก็เพิ่มขึ้น 3.2% จากปี 2560 ส่วนใหญ่เป็นซากผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งได้รับการจัดการอย่างถูกต้องเพียง 13% เท่านั้น นอกจากนี้ มีกากของเสียอุตสาหกรรมเข้าสู่ระบบการจัดการยังลดลง 33% โดยมากเป็นกากอุตสาหกรรมที่ไม่เป็นอันตราย โดยได้นำกลับมาใช้ประโยชน์ด้วยการเผาเพื่อผลิตเป็นพลังงานไฟฟ้า         นายประลอง ดำรงค์ไทย อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ กล่าวว่า แม้การจัดการขยะอย่างถูกต้องจะเพิ่มขึ้น แต่ยังไม่เพียงพอ เพราะยังไม่มีกฎระเบียบการคัดแยกของเสียอันตรายออกจากขยะทั่วไป รวมถึงมีการลักลอบนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์และเศษพลาสติก ซึ่งมีผล กระทบต่อสิ่งแวดล้อม จึงนำไปสู่การยกเลิกนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์ 422 รายการ รวมถึงยกเลิกการนำเข้าเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ใช้แล้ว ยกเว้นกระทรวงอุตสาหกรรมเห็นชอบ และได้จัดทำโรดแมป การจัดการขยะพลาสติกปี 2562-2570 โดยลดและเลิกใช้พลาสติก 7 ชนิด ภายในปี 2565

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 146 กระแสต่างแดน

  ชื่อนี้ไม่ได้มีไว้ขาย ฮ่องกงออกกฎหมายห้ามไม่ให้บริษัทที่มีข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า ให้หรือขายข้อมูลดังกล่าวกับบริษัทขายตรงโดยไม่ขออนุญาต เรื่องนี้มีที่มาจากการร้องเรียนโดยลูกค้าบัตรสมาร์ทการ์ด Octopus ที่เป็นที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายในการจ่ายค่าโดยสารและชำระค่าสินค้า/บริการต่างๆ ข่าวบอกว่าลูกค้าแต่ละคนได้รับการติดต่อเฉลี่ยคนละ 1.7 ครั้งจากบริษัทที่เป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับบริษัทออคโทพุส โฮลดิ้งส์ ซึ่งออกมายอมรับว่าได้ขายข้อมูลของลูกค้า 1.9 ล้านคน ไปในราคา 44 ล้านเหรียญฮ่องกง (ประมาณ 166 ล้านบาท) ลูกค้าบัตร “ปลาหมึก” (ร้อยละ 95 ของคนอายุระหว่าง 16 – 65 ปี) และลูกค้าบริษัทบัตรเครดิตหรือธุรกิจอื่นๆ อีกมากมาย ต่างก็สรรเสริญระเบียบใหม่ เพราะจะได้ไม่ต้องรับโทรศัพท์เสนอขายสินค้าให้หงุดหงิดใจ กฎหมายว่าด้วยความเป็นส่วนตัวฉบับปรับปรุงนี้ กำหนดบทลงโทษสำหรับการให้ข้อมูลส่วนตัวของลูกค้ากับบุคคลอื่นโดยไม่ขออนุญาตไว้ที่ 1 ล้านเหรียญ และจำคุก 5 ปี ที่สำคัญ แม้ลูกค้าจะเคยอนุญาตให้บริษัทนำข้อมูลของตัวเองไปใช้ได้ แต่ถ้าเบื่อการถูกโทรหาขึ้นมาเมื่อไร ก็สามารถยกเลิกได้เลย   เนื้อพึ่งป่าข่าวดีสำหรับชาวโลก อัตราการทำลายผืนป่าอะเมซอนลดลงอย่างมากหลังจากรัฐบาลบราซิลได้เฝ้าระวังและปราบปรามอย่างจริงจังในช่วง 24 ปีที่ผ่านมารัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมบอกว่าปีที่แล้วมีการทำลายป่าน้อยที่สุดนับตั้งแต่เริ่มโครงการมา ตัวอย่างเช่น การทำลายป่าในรัฐมาตู โกรสซู ลดลงร้อยละ 31 ในขณะที่ในรัฐปาราลดลงถึงร้อยละ 44แต่บราซิลก็ยังสูญเสียพื้นที่ป่าฝนเมืองร้อนไปประมาณ 4,600 ตารางกิโลเมตรในปี 2012 เพราะในรัฐที่ยังไม่เข้มงวดนั้น การทำลายป่ายังคงมีอัตราเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่นในรัฐอาเกร มีการทำลายป่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 10  รัฐอามาโซนัส ร้อยละ 29 และรัฐโตกันตินส์ ร้อยละ 33สาเหตุหลักๆ ที่ทำให้เกิดการทำลายป่าคือการลักลอบนำไม้ไปขาย การเกิดไฟป่า และการเพิ่มพื้นที่การเกษตร เช่นการปลูกถั่วเหลืองและการทำปศุสัตว์เรื่องนี้ถ้าถามองค์กรพิทักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างกรีนพีซ เขายืนยันว่าสิ่งที่ทำให้เกิดการตัดไม้ทำลายป่ามากที่สุดคือการทำปศุสัตว์นั่นเอง และหลายคนก็เห็นด้วยจึงทำให้เกิดกระบวนการ “เลือกกินเนื้อ” เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อมขึ้นบรรดาซูเปอร์มาร์เกตต่างๆ ในบราซิลขานรับแนวทางใหม่นี้ ด้วยการร่วมมือกันไม่รับเนื้อสัตว์จากไร่ปศุสัตว์ที่อยู่ในเขตป่าฝนมาขาย ร้านเล็กๆ ก็กำลังจะทำเช่นเดียวกันและนั่นหมายความว่าต่อไปนี้เนื้อสัตว์ต่างๆ จะต้องมีการติดฉลากระบุที่มาเพื่อให้ผู้บริโภคที่ไม่ต้องการส่งเสริมการทำลายป่า สามารถเลือกได้ด้วย  ก่อนซื้อยาต้องกล้าถามการสำรวจราคายาโดยองค์กรผู้บริโภคของไอร์แลนด์ ได้ข้อสรุปว่าถ้าผู้ป่วยหรือญาติ “เดินดูให้ทั่ว” ก่อนตัดสินใจซื้อยา พวกเขาจะสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้เท่าตัวเชียวนะผู้บริโภคไอร์แลนด์ซึ่งมีค่าใช้จ่ายด้านยารักษาโรคคนละประมาณ 30 ถึง 50 ยูโร ต่อเดือน ยังไม่ค่อยตระหนักในเรื่องนี้ผลสำรวจร้านยา 45 แห่ง ทั้งที่เป็นแฟรนไชส์และเป็นร้านทั่วไป ระบุว่าโดยเฉลี่ยแล้วยาตัวเดียวกันอาจมีราคาขายต่างกันได้มากกว่าร้อยละ 10 ขึ้นอยู่กับร้านที่ซื้อ ยาตัวที่พบว่าราคาต่างกันมากที่สุดนั้นต่างกันถึงร้อยละ 199ตัวอย่างเช่น ยาสำหรับรักษาฝีในกระเพาะอาหารมีราคาตั้งแต่ 22 – 49 ยูโร (830 – 1,850 บาท) และนี่เป็นราคาในเมืองวอเตอร์ฟอร์ดเท่านั้นเมืองที่ยามีราคาแพงที่สุดคือดับลิน ส่วนเมืองที่ขายยาถูกที่สุดได้แก่เมืองกัลเวย์ที่สาธารณรัฐไอร์แลนด์นั้น ประชาชนเป็นผู้รับผิดชอบจ่ายค่ายาและค่ารักษาพยาบาลเองในกรณีที่ค่าใช้จ่ายไม่เกิน 144 ยูโร (ประมาณ 5,400 บาท) แต่ส่วนที่เกินจากนั้นรัฐบาลจะเป็นผู้รับผิดชอบ   ไม่ซื้อก็จ่ายมา ใช่ว่าทุกคนจะได้ประโยชน์จากความรุ่งเรืองของการค้าอิเล็กทรอนิกส์ ผู้คนเดี๋ยวนี้สามารถเชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ทได้ทุกที่ทุกเวลาและสามารถสั่งซื้อสินค้าให้มาส่งถึงบ้านโดยไม่ต้องลุกไปไหน ติดอยู่เรื่องเดียวคือเราอยากจะจับต้องสินค้าตัวเป็นๆ ที่เราเห็นในจอภาพก่อนตัดสินใจ ผู้บริโภคจำนวนไม่น้อยใช้วิธีไปเดินดูจริงของในห้าง แล้วค่อยกลับบ้านมาสั่งจากหน้าจอเพราะมั่นใจว่ามันถูกกว่า ทำให้ยอดขายของร้านออฟไลน์ทั้งหลายตกลงไปไม่น้อย บางร้านเลยใช้วิธีแก้เผ็ดพวกที่ “เข้ามาดู” อย่างเดียว ด้วยการเก็บค่าธรรมเนียมการเข้าชมคนละ 5 เหรียญ (150 บาท) เสียเลย นี่เป็นตัวอย่างจากร้าน Celiac Supplies ร้านจำหน่ายอาหารสำหรับคนที่แพ้กลูเตน  ในเมืองบริสเบน ออสเตรเลีย (แต่ถ้าคุณซื้อของในร้านด้วย ก็ไม่ต้องเสีย 5 เหรียญนะ) การซื้อของออนไลน์ของชาวออสซี่นับว่าไม่น้อยเลยทีเดียว ข่าวระบุว่ายอดใช้จ่ายเฉลี่ยต่อคนอยู่ที่ 2,108 เหรียญ (64,500 บาท) ต่อปี และร้อยละ 73 ของคนในกลุ่มอายุ 35 – 44 ใช้บริการนี้ ร้อยละ 69 ของคนในกลุ่มอายุ 25 – 34 ก็นิยมบริการนี้ แม้แต่ในกลุ่มที่อายุ 65 ปีขึ้นไป ก็ยังมีถึงร้อยละ 40 ที่ช็อปออนไลน์ โดยสิ่งที่นิยมมากที่สุดได้แก่การซื้อทัวร์ จองที่พัก รองลงมาได้แก่ซีดี/ดีวีดีเพื่อความบันเทิง ตามด้วยเสื้อผ้า และเครื่องประดับ     ต่างคนต่างมอง ผู้อยู่อาศัยอพาร์ทเมนท์หรู Haeundae Hyundai I’Park จำนวน 13 คนร่วมกันฟ้องบริษัทก่อสร้างฮุนได ดีเวลลอปเมนท์ โทษฐานที่มาสร้างโรงแรมบดบังทิวทัศน์อันงดงามที่พวกเขาเคยได้เห็น แถมยังทำให้พวกเขารู้สึกถูกคุกคามความเป็นส่วนตัวด้วย วิวที่หายไปนั้นเป็นเพราะการสร้างตึกโรงแรมปาร์ค ไฮแอท ปูซาน ในพื้นที่ฝั่งตรงข้ามที่ห่างจากอพาร์เมนท์ของพวกเขาประมาณ 20 เมตร นอกจากโรงแรมจะบังวิวแล้ว เขาบอกว่าแขกของโรงแรมยังสามารถมองเข้ามาเห็นห้องนอน ห้องนั่งเล่นหรือแม้แต่ห้องน้ำของพวกเขาได้สบายๆ เรียกว่าจะเปลี่ยนเสื้อ ถอดผ้า ก็ต้องคอยระแวงระวังเพราะอาจมีคนจ้องอยู่ ส่วนคนในอพาร์ทเมนท์ก็สามารถมองกลับไปเห็น “ความเป็นไป” ในโรงแรมได้ชัดเจนเช่นกัน บางห้องถึงกับติดป้ายบนหน้าต่างตัวเองทำนองว่า “กรุณาอย่าฟีทเจอริ่งกัน” ฉันเห็นนะ คนกลุ่มนี้ตัดสินใจไปฟ้องศาลหลังจากไม่มีเสียงตอบรับจากเจ้าของอพาร์ทเมนท์ ซึ่งพวกเขามองว่าไม่มีความรับผิดชอบและทอดทิ้งลูกค้าทันทีที่ขายห้องได้ พนักงานบริษัทอสังหาริมทรัพย์แห่งหนึ่งซึ่งไม่ประสงค์จะออกนาม บอกว่าคนเหล่านี้ไม่น่าจะมาร้องเรียนเรื่องความเป็นส่วนตัวหรือการสูญเสียวิว เพราะพวกเขารู้ดีอยู่แล้วตั้งแต่ตอนที่มาซื้ออพาร์ทเมนท์ว่าเจ้าของโครงการมีแผนจะสร้างโรงแรม แถมยังบอกว่าที่ออกมาบ่นกันตอนนี้คงเพราะหาเงินมาผ่อนห้องไม่ทัน แถมจะขายก็ไม่ได้ราคาอย่างที่ตั้งใจด้วย ก็ ... นะ ต่างคนต่างมองไปก่อนแล้วกัน //

อ่านเพิ่มเติม >