ฉบับที่ 186 แกงส้มมะละกอปลาทู

หายหน้ากันไปนาน ลืมกระผมไปหรือยังครับ  คราวนี้ฤกษ์งามยามดีจึงขอมาบรรเลงอาหารสไตล์ครัวนางฟ้ากันอีกครั้ง  วันนี้จะชวนกันทำแกงส้มมะละกอใส่ปลาทู   และถ้าท่านที่ชอบแกงส้มอยากทานแกงส้มผักอันใด ก็จัดการได้เลยจ้ะ  เพราะความสำคัญน่าจะอยู่ที่น้ำแกงส้มนี้แหละ     ตัวผมเองนั้นมีโอกาสไปแวะเยี่ยมบ้านเพื่อนสมัยเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายที่อำเภอท่ายาง  จังหวัดเพชรบุรี  แล้วเพื่อนสาวน้ำใจงามเก็บมะละกอสุกและดิบให้ติดไม้ติดมือกลับมาบ้าน พร้อมบอกว่า วันไหนผ่านมาทางนี้แวะมาเอาไปทานได้อีกนะ เพราะบ้านเรามีหลายต้น   ซึ้งใจนัก แถมตัวผมเองยังได้ต้นพริกที่เพาะไว้สำหรับปลูกอีกจำนวนหนึ่ง แหม...ช่างสุขใจเสียจริง  มะละกอสุกก็ทานได้เลย เป็นมื้อเช้าของผม ส่วนมะละกอดิบ 3 ลูกเห็นที่ต้องทำแกงส้มน่าจะดีสุด  และแล้วการโขลกน้ำพริกแกงส้มก็เริ่มขึ้น  เครื่องปรุงมีดังนี้ พริกแห้งตามชอบว่าชอบเผ็ดมากเผ็ดน้อย  เกลือแกงหรือเกลือป่น ครึ่งช้อนโต๊ะ  หัวหอมแดงปลอกเปลือกพร้อม 6-8 หัว  กะปิเคยหรือกุ้ง 1 ช้อน   เครื่องแกงพร้อม ครกพร้อมจะรออะไรอีก เริ่มโขลกน้ำพริกแกงกันเลยครับ  พริกแห้ง หอมแดง เกลือ   โขลกพร้อมกันจนละเอียด จากนั้นตามด้วยกะปิ    แกงส้มมะละกอของเราใส่ปลาทูด้วย   หลังจากแกะเนื้อปลาทูนึ่งที่ซื้อมาจากตลาดจำนวน 5 เข่ง  ขอกันเนื้อปลาทูไว้ 1 เข่งเพื่อนำมาโขลกในพริกแกงส้มที่เราโขลกแล้วเสร็จ  ทำให้ทั้งสองสิ่ง คือพริกแกงส้มและปลาทู กลายเป็นเนื้อเดียวกัน  ถ้าเจอก้างปลาทูก็ควรเก็บออกเพราะอาจมีก้างปลาติดมานะจ้ะ    ลำดับต่อไป นำมะละกอดิบ ปอกเปลือกเขียวออก ล้างยางด้วยน้ำสะอาด และหั่นชิ้นมะละกอ นำไปล้างและแช่น้ำเพื่อให้มะละกอสดเสมอ กะดูแล้วเนื้อมะละกอได้เกือบ 2 กิโลกรัมเป็นแน่   เรามาเริ่มด้วยการเตรียมน้ำแกงส้มกันเลยครับ  ใช้น้ำสะอาดใส่หม้อต้มแกง ตักน้ำพริกที่เราเตรียมไว้ใส่ลงไป หลายท่านคงสงสัยว่าแล้วจะทราบได้อย่างไรมาต้องใช้น้ำเท่าใด ผมก็คงต้องตอบว่าใส่ให้เหมาะสมกับน้ำพริกที่เราเตรียมและมะละกอที่จะใส่ลงไปนะจ้า  ชอบน้ำข้นๆ หรือน้ำจางๆ ก็ว่าไปตามชอบ ตั้งหม้อน้ำแกงจนเดือดบนเตาไฟ จากนั้นใส่มะละกอที่เตรียมไว้ลงไป ปรุงรสตามความชอบของแต่ละบ้านเลยครับ แกงส้มก็ต้องใส่น้ำมะขามเปียกด้วยนะ ซึ่งขาดไม่ได้เลยเพราะรสเปรี้ยวของมะขามเปียกนี้แหละทำให้ความเปรี้ยวช่างนุ่มนวลชวนให้ตุ่มรับรสของลิ้นได้ทำงานได้อย่างลงตัว  ผมคนเมืองเพชรจึงใช้น้ำตาลโตนดแท้ของเมืองเพชรบุรีใส่ลงไป 2 ฝ่ามือ  แกงส้มบ้านผมนิยมใส่น้ำตาลลงไปด้วยเพราะชอบทั้งความหวานความเปรี้ยว  และให้มีความเค็มผสมกันอย่างลงตัว ก็จะเกิดรสชาติถูกลิ้นคนถิ่นนี้นะครับผม  จากนั้นจึงนำปลาทูที่เราแกะแล้วใส่ลงไป    ก็จะได้แกงส้มมะละกอใส่เนื้อปลาทูฉีก รสเลิศแบบฉบับครัวนางฟ้า  จากนั้นตักใส่ถ้วยแก้วใสๆ ให้เห็นสีของน้ำแกง เสิร์ฟพร้อมข้าวสวยร้อนๆ  หรือจะหาไข่เจียว  ปลาเค็มทอด มารับประทานร่วมสำรับด้วยก็จะยิ่งลงตัว  มื้อนี้กินไม่หมด มื้อหน้าอุ่นและเติมไหลบัวที่ซื้อมาจากตลาดเมืองเพชร  20 บาทใส่ลงไปเพิ่ม ก็เท่ากับว่าเราจะมีแกงส้มไหลบัวเพิ่มอีก ก่อนลาไปขอแถมสรรพประโยชน์จากแกงส้มในครานี้ ผมเลยนำเกร็ดเล็กๆ ที่น่ารู้ของมะละกอมาฝากด้วย ผลสุก - มีสรรพคุณป้องกันหรือแก้โรคเลือดออกตามไรฟัน การกินเนื้อมะละกอสุก ช่วยเป็นยาระบายอ่อนๆ เพราะไปช่วยเพิ่มจำนวนกากใยอาหาร จึงช่วยแก้อาการแก้ท้องผูก เมื่อมีอาการปวดตามข้อและหลัง รับประทานมะละกอสุกเป็นประจำป้องกันและบำบัดโรคปวดข้อปวดหลังได้ ปวดข้อ ปวดกล้ามเนื้อ ไม่มีแรง ส่วนยางจากผลดิบ – เป็นยาช่วยย่อยโปรตีนและฆ่าพยาธิได้ ถ้าเป็นกลาก เกลื้อน ฮ่องกงฟุตหรือเท้าเปื่อย ใช้ยางของลูกมะละกอดิบทาวันละ 3 ครั้งฆ่าเชื้อราได้ข้อมูล https://th.wikipedia.org/wiki/มะละกอ

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 145 มะละกอ ยาระบายชั้นดีที่หนึ่ง

  มะละกอนี่ไม่ใช่พืชพื้นเมืองบ้านเรา เขามีถิ่นกำเนิดจากแถบอเมริกาใต้โน้น เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมาไทยราวๆ กรุงศรีอยุธยาตอนปลาย แล้วแตกลูกหลานทิ้งไว้จนกลายเป็นเหมือนพืชพื้นเมือง มะละกอนั้นกินได้ทั้งผลดิบและสุก ผลดิบใช้ทำอาหารได้หลายชนิด โดยตัวที่ฮิตติดลมมากๆ ก็คือ ส้มตำ สุดยอดอาหารไทยยอดนิยมตลอดกาล ซึ่งสรรพคุณของเนื้อมะละกอดิบนั้นเป็นยาช่วยย่อยที่ดี ใครที่กินส้มตำก็จะไม่ค่อยพบอาการท้องอืด เฟ้อ ให้อึดอัดรำคาญ   แต่ที่อยากแนะนำคราวนี้คือ เนื้อมะละกอสุก ใครที่มีปัญหาเรื่องการขับถ่าย แนะนำให้กินมะละกอสุกครับ มะละกอสุกนั้นรสชาติดี และมีประโยชน์มาก วิตามินซีก็สูง และยังมี “ไลโคพีน” สารต้านอนุมูลอิสระชื่อดังอยู่มากอีกด้วย เจ้าไลโคพีนนี้มีอยู่ในผลไม้ไม่กี่ชนิด ผลไม้ไทยที่มีไลโคพีนมากๆ ก็ได้แก่ ส้มสายน้ำผึ้ง แตงโมและมะละกอนี่แหละ โดยเฉพาะมะละกอสุกพันธุ์แขกดำ (ว่ากันว่าไลโคพีนอาจช่วยป้องกันมะเร็งได้หลายชนิด)   มะละกอนั้นเป็นผลไม้ที่ราคาไม่แพงและหารับประทานได้ง่าย คุณประโยชน์ต่างๆ ก็โดดเด่น โดยเฉพาะเรื่องระบายท้อง ถ้ากินมะละกอสุกได้บ่อย ยาถ่ายนี่แทบไม่ต้องไปพูดถึง เพราะมะละกอสุกเป็นยาระบายชั้นดีที่หนึ่งแล้ว  แต่แม้มีข้อดีมาก ก็มีข้อที่ต้องระวังกันบ้าง บางคนที่กินมะละกอสุกมากเกินไปเป็นระยะเวลานานๆ  ก็อาจเกิดภาวะผิวเหลืองขึ้นได้เหมือนกัน เพราะสารมีสีพวก carotenoid ที่มีมากในมะละกอมันเข้าไปสะสมในร่างกายมากเกินไป แต่ไม่ต้องกังวลมากเลิกกินสักพักภาวะนี้ก็หมดไป คนอีกกลุ่มที่อาจต้องระวังบ้างกับการกินมะละกอสุกก็คือ ผู้ป่วยโรคไต เพราะผู้ป่วยกลุ่มนี้ต้องจำกัดปริมาณน้ำ มะละกอสุกนั้นเห็นเนื้อแน่นๆ ก็จริง แต่มีน้ำอยู่ในปริมาณค่อนข้างมากคือ ใน 130 กรัมจะมีน้ำอยู่ถึงเกือบ 117 กรัมทีเดียว   สำหรับหน้าร้อนนี้ ถ้าเบื่อๆ กินมะละกอแบบธรรมดาๆ ขอเชิญชวนปั่นน้ำมะละกอกินครับ    สูตรคือ มะละกอสุก 1/2 ลูก น้ำผึ้ง 1/2 ถ้วย เกลือป่น 1/4 ช้อนชา และน้ำต้มสุก 3 ถ้วย วิธีทำ ปอกเปลือกมะละกอล้างให้หมดยาง ฝานเอาเมล็ดออก หั่นชิ้นเล็ก ๆ จากนั้นใส่เนื้อมะละกอสุกลงในโถปั่นใส่น้ำต้ม น้ำผึ้ง เกลือ ปั่นให้ละเอียด แล้วตักน้ำแข็งใส่แก้ว เทน้ำมะละกอใส่เสิร์ฟเย็น ๆ หรือจะแช่เย็นก็ได้ ช่วยคลายร้อนได้ดี

อ่านเพิ่มเติม >