ฉบับที่ 179 กระแสในประเทศ

สรุปความเคลื่อนไหว เดือนมกราคม 2559อย.ยืนยันไม่เคยขึ้นทะเบียน “ยาฉีดสลายไขมัน” อย.ออกมายืนยันไม่เคยมีการขึ้นทะเบียนยาใดๆ ที่มีคุณสมบัติเพื่อสลายไขมัน หลังจากพบว่ามีการโฆษณาฉีดสารสลายไขมันจากผู้ที่แอบอ้างเป็นหมอ หรือ “หมอกระเป๋า” ที่ไม่ได้มีความรู้เรื่องการรักษาใดๆ แต่รับฉีดยาให้กับผู้ที่ติดต่อซื้อบริการ ซึ่งถือเป็นเรื่องอันตรายมาก อาจรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตตามที่เคยปรากฎเป็นข่าวบนหน้าหนังสือพิมพ์ อย.ย้ำว่าการที่ผลิตภัณฑ์ใดจะได้รับการขึ้นทะเบียนตำรับยาจะต้องผ่านการพิจารณาในด้านการควบคุมคุณภาพ ประสิทธิภาพ และความปลอดภัยของยา โดยต้องผ่านการตรวจสอบให้เป็นไปตามหลักวิชาและข้อกำหนดตามกฎหมาย ผลิตภัณฑ์สลายไขมันซึ่งใช้วิธีฉีดเข้าสู่ร่างกายที่มีจำหน่ายและบริการอยู่เป็นผลิตภัณฑ์ผิดกฎหมาย การฉีดสารแปลกปลอมเข้าสู่ร่างกายอาจทำให้เกิดการแพ้ขั้นรุนแรง เป็นอันตรายถึงขั้นเสียชีวิต การจะเข้ารับบริการฉีดสารใดๆ เพื่อผลเรื่องความสวยความงามหรือผลต่อสุขภาพนั้น ควรเข้ารับบริการจากสถานพยาบาลที่ถูกต้องตามกฎหมาย ได้รับอนุญาตในการประกอบกิจการสถานพยาบาลเท่านั้นเพื่อความปลอดภัย   ปปง.สั่งยึดทรัพย์ “แคลิฟอร์เนีย ว้าว” แล้วหลังจากเป็นคดีมาตั้งแต่ปี 2555 ในที่สุดคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ก็ได้ทำการดำเนินการยึดทรัพย์ บริษัท แคลิฟอร์เนีย ว้าว เอ็กพีเรียนซ์ จำกัด (มหาชน) ในการกระทำความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน หลังจากทำการปิดสถานบริการออกกำลังกายชื่อดัง “แคลิฟอร์เนีย ว้าว” โดยไม่มีการแจ้งให้กับผู้ใช้บริการทราบล่วงหน้า แถมไม่มีการดำเนินการชดเชยใดๆ ให้กับสมาชิกที่มีมากกว่า 500 ราย มูลค่าความเสียหายหลาย 10 ล้านบาท  ซึ่งผู้เสียหายได้ร่วมตัวกันโดยมีมูลนิธิเพื่อผู้บริโภครับเป็นตัวแทนในการดำเนินการฟ้องร้องตามกฏหมาย จากการตรวจสอบเส้นทางการเงิบพบว่าบริษัทแคลิฟอร์เนีย ว้าว เอ็กพีเรียนซ์ จำกัด (มหาชน) ในช่วงที่มี นายเอริค มาร์ค เลอวียน เป็นกรรมการบริษัทอยู่ด้วยนั้น ได้มีการโอนเงินจากบริษัท แคลิฟอร์เนีย ว้าว เอ็กพีเรียนซ์ จำกัด (มหาชน) ไปซื้อที่ดิน จำนวน 5 แปลง โดยมีบริษัท ฟิตเนส เอสเตท จำกัด เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าบริษัท ฟิตเนส เอสเตท มีรายชื่อของนายเอริค มาร์ค เลอวีน เป็นกรรมการบริษัท แม้ต่อมาได้มีการเปลี่ยนกรรมการบริษัท มีบริษัท ละติจูด 43 จำกัด เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ แต่จากการตรวจสอบพบว่า บริษัท ละติจูด 43 จำกัด มีบุคคลผู้รับประโยชน์ที่แท้จริง คือ นายเอริค มาร์ค เลอวีน ทั้งนี้ โดยการหลอกลวงนั้น ทำให้ประชาชนหลงเชื่อสมัครเข้าเป็นสมาชิกพร้อมจ่ายเงินเป็นค่าสมัครและใช้บริการ ก่อนจะปิดกิจการหนีหายไป จากพยานหลักฐานทั้งหมด จึงเชื่อว่าบริษัท แคลิฟอร์เนีย ว้าว เอ็กพีเรียนซ์ จำกัด (มหาชน) กับพวกมีความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน ตามประมวลอาญาแห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 ปปง. จึงมีมติอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดรายบริษัท แคลิฟอร์เนีย ว้าว เอ็กพีเรียนซ์ จำกัด (มหาชน) กับพวกไว้ชั่วคราว เป็นที่ดินในจังหวัดพังงาจำนวน 5 รายการ รวมประมาณ 17 ไร่ รวมราคาประเมินทั้งสิ้นประมาณ 88,332,500 บาท จากนี้ก็จะมีการดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป อิเกีย เรียกคืนของเล่นเด็กอิเกีย ร้านขายเฟอร์นิเจอร์และอุปกรณ์ตกแต่งบ้านที่มีสาขาไปทั่วโลก ล่าสุดอิเกียประเทศไทยได้เรียกคืนสินค้า “ไม้กลองและกลองทังก์ดรัม รุ่น LATTJO/ลัททิโอ” หลังมีรายงาน 6 ฉบับจากพนักงานอิเกียที่ระบุว่า หัวยางบนไม้กลองอาจหลุดหรือหมุนออกมาได้ และอาจติดคอเป็นอันตราย หากเด็กเล็กกลืนลงคอด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ แม้ว่าสินค้านี้จะผ่านการทดสอบและรับรองตามมาตรฐานความปลอดภัยสำหรับของเล่น แต่เมื่อมีการตรวจสอบในภายหลังแล้วพบว่าสินค้าอาจเกิดอันตราย อิเกียจึงจำเป็นต้องใช้มาตรการเบื้องต้นคือการเรียกคืนสินค้าและหยุดการจำหน่ายสินค้าดังกล่าว ที่ผ่านมา อิเกียประเทศไทยได้มีการเรียกคืนสินค้ามาแล้วหลายรายการ เช่น ชิงช้า รุ่น GUNGGUNG/ยุงยุง เนื่องจากพบว่าอุปกรณ์แขวนชิงช้าไม่ผ่านข้อกำหนดด้านคุณภาพ หรือแม้สินค้าประเภทอาหารอย่าง พาสต้ารูปกวางเอลก์ (PASTAÄLGAR) และพาสต้าโฮลเกรนรูปกวางเอลก์ (PASTAÄLGAR FULLKORN) เนื่องจากมีส่วนผสมของถั่วเหลืองแต่ไม่ได้ระบุไว้บนฉลาก ซึ่งอาจเป็นอันตรายกับผู้แพ้ถั่วเหลือง ปี 58 จับยาปลอม-อาหารเสริมโม้สรรพคุณ มูลค่ารวมถึง 180 ล้านบาทในปี 2558 ที่ผ่านมา มีข่าวคราวเรื่องของการตรวจจับผลิตภัณฑ์สุขภาพผิดกฎหมาย ทั้งอาหารเสริมและยาปรากฏตามสื่อต่างๆ เป็นจำนวนมาก เหมือนกับว่าปราบเท่าไหร่ก็ไม่หมด ยิ่งจับก็ยิ่งเจอ เป็นการแสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคไทยเรายังตะหนักถึงเรื่องอันตรายของยาและอาหารเสริมหลอกลวงสรรพคุณกันไม่มากพอ ทำให้เกิดเป็นช่องทางให้พ่อค้า-แม่ค้าที่ไม่หวังดีนำสินค้าอันตรายมาหลอกขาย มีข้อมูลในปี 2558 ที่ผ่านมา อย.ได้ร่วมกับกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) ได้ทำการการจับกุมและดำเนินคดีที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์อาหาร ยา และเครื่องสำอางจำนวน 101 ครั้ง พบผู้กระทำความผิดจำนวน 148 ราย จำนวนของกลาง 1,019 รายการ คิดเป็นมูลค่า 185.55 ล้านบาท แยกเป็น ยา มูลค่าของกลาง 31.17 ล้านบาท จำนวน 729 รายการ, อาหาร มูลค่าของกลาง 151.21 ล้านบาท จำนวน 181 รายการ, เครื่องสำอาง มูลค่าของกลาง 2.45 ล้านบาท จำนวน 84 รายการ, วัตถุอันตราย มูลค่าของกลาง 5 แสนบาท จำนวน 11 รายการ, วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท มูลค่าของกลาง 1.7 แสนบาท จำนวน 13 รายการ และยาเสพติด 5 หมื่นบาท จำนวน 1 รายการ นอกจากนี้ ในปี 2558 อย. ยังมีการเผาทำลายของกลางผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ไม่ใช่ยาเสพติด ซึ่งมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว รวมทั้งสิ้น 132 คดี น้ำหนัก 32,730 กิโลกรัม คิดเป็นมูลค่าของกลางกว่า 100 ล้านบาท NGO ร้องรัฐบาลตรวจ สสส. ต้องโปร่งใส อย่าให้ประชาชนต้องเสียประโยชน์“ขบวนการสร้างเสริมสุขภาพภาคประชาชน” ประกอบด้วย 20 เครือข่าย อาทิ ชมรมแพทย์ชนบท เครือข่ายผู้บริโภค เครือข่ายเด็กเยาวชนและครอบครัว เครือข่ายงดเหล้าและบุหรี่ เครือข่ายเกษตรและความมั่นคงทางอาหาร เครือข่ายแรงงานนอกระบบ เครือข่ายผู้ป่วย เครือข่ายนักวิชาการปฏิรูประบบสุขภาพ ฯลฯ ร่วมกันแถลงการณ์เพื่อแสดงจุดยื่นต่อกรณีการปลดบอร์ดกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ หรือ สสส.ตามคำสั่งของ คสช. รวมถึงกรณีการสั่งชะลอโครงการกว่า 2,000 โครงการที่ภาคประชาชนรับงบสนับสนุนจาก สสส. ซึ่งส่งผลกระทบอย่างมากต่อการทำงานด้านพัฒนาสังคม งานพัฒนาสังคมหลายๆ ด้านต้องใช้พลังในการทำงานจากภาคประชาชน ซึ่งที่ผ่านมามีงานที่ทำโดยภาคประชาชนแล้วเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาที่ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการทำงานด้านการยกระดับการดูแลสุขภาพของคนในชุมชน การให้ความรู้เรื่องการคุ้มครองผู้บริโภค เรื่องการเท่าทันสื่อ เรื่องสิทธิมนุษยชน ฯลฯ ซึ่งการทำงานทุกอย่างจำเป็นต้องมีงบประมาณในการทำงานซึ่งที่ผ่านมา สสส. ถือเป็นหน่วยงานหลักที่ค่อยทำหน้าที่สนับสนุนองค์กรภาคประชาชนในการทำงานด้านสังคมมาโดยตลอด หากรัฐบาล คสช. ยืนยันที่จะเปลี่ยนแปลงบทบาทการทำงานของ สสส. และยุติการสนับสนุนทุนให้กับกลุ่มองค์กรเครือข่ายที่ทำงานด้านพัฒนาสังคม ย่อมจะส่งผลกระทบอย่างมากต่อการพัฒนาและการเสริมสร้างความรู้ความเข้มแข็งของคนในประเทศอย่างแน่นอน นายมนัส โกศล ประธานสภาองค์การลูกจ้างพัฒนาแรงงานแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การออกมาแสดงจุดยืนร่วมกันครั้งนี้ ไม่ได้ออกมาเพื่อปกป้องบอร์ด สสส. แต่มาเพื่อประชาชน เพราะการเหมารวมตรวจสอบทุกโครงการทำให้ประชาชนเสียประโยชน์ การตรวจสอบสามารถทำได้แต่ต้องโปร่งใสและยุติธรรม การปฏิรูป สสส. ต้องมีภาคประชาชนเจ้าไปมีส่วนร่วมด้วย

อ่านเพิ่มเติม >