ฉบับที่ 220 เครื่องประดับคุมกำเนิด

เป็นที่ทราบกันดีว่า มนุษย์นั้นมีความกำหนัดแทบทุกคน มากน้อยขึ้นกับพันธุกรรม การอบรมและสิ่งแวดล้อม ความข้อนี้สามารถพิสูจน์ได้ถ้าท่านผู้อ่านเป็นผู้ที่ช่างสังเกตความเป็นไปของคนในสังคม ไม่ว่าจะเล็กขนาดในหมู่บ้านหรือใหญ่ถึงระดับประเทศ ดังนั้นเมื่อคุมความกำหนัดได้ยาก สิ่งหนึ่งที่จำเป็นต้องทำให้ได้คือ การคุมกำเนิดเมื่อมีความกำหนัด ซึ่งว่าไปแล้วในทางวิทยาศาสตร์สามารถกล่าวได้ว่า มันไม่ได้ปลอดภัยเสียทีเดียว เนื่องจากมันคือการเข้าไปรบกวนระบบฮอร์โมนของมนุษย์ ซึ่งอาจนำไปสู่การเกิดความผิดปรกติต่าง ๆ ได้        มีข่าวหนึ่งซึ่งอาจเป็นที่ยินดีในระบบการวางแผนครอบครัวสำหรับผู้หญิงวันนี้ เพราะกระบวนการนั้นอาจ “ง่ายเหมือนการใส่ต่างหู” โดยรายงานการวิจัยเรื่อง Pharmaceutical jewelry: Earring patch for transdermal delivery of contraceptive hormone ในวารสาร Journal of Controlled Release ชุดที่ 301 หน้าที่ 140–145 ของปี 2019 ได้อธิบายถึงเทคนิคในการให้ยาคุมกำเนิดผ่านการใช้เครื่องประดับ เช่น ต่างหู (ซึ่งมีแนวโน้มว่า น่าจะใช้ได้กับ นาฬิกาข้อมือ แหวน หรือสร้อยคอด้วย) โดยที่ยาคุมกำเนิดนั้นบรรจุอยู่ในแผ่นอาบยา(transdermal patches) ที่สามารถประกอบเข้าเป็นส่วนของเครื่องประดับเช่น ต่างหู ซึ่งเมื่อสัมผัสกับผิวหนังสามารถทำให้ยาถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้        การทดสอบเบื้องต้นในรายงานการวิจัยนี้แสดงให้เห็นว่า แผ่นอาบยาคุมกำเนิดนั้นสามารถจ่ายตัวยาซึ่งออกฤทธิ์เป็นฮอร์โมนเพศหญิงในปริมาณที่เพียงพอต่อการคุมกำเนิดได้ในสัตว์ทดลอง(จะกล่าวถึงกระบวนการในส่วนต่อไปของบทความ) ซึ่งงานวิจัยในสัตว์ทดลองเพื่อพิสูจน์แนวคิดนี้ ได้รับการสนับสนุนโดยหน่วยงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐอเมริกา(USAID) โดยเป้าหมายต่อไปสำหรับเทคนิคใหม่นี้คือ การปรับปรุงให้สามารถใช้แผ่นอาบยาประกอบกับเครื่องประดับต่างๆ ในการให้ยาคุมกำเนิดผ่านเข้าสู่ชั้นใต้ผิวหนังแก่กลุ่มเป้าหมายจริง และยังอาจเลยไปถึงการให้ยาชนิดอื่นๆ แก่ผู้ป่วยด้วย        เหตุผลประการหนึ่งที่ทำให้การใช้ยาคุมกำเนิดอาจต้องเปลี่ยนวิธีไปจากการกินประจำวันแบบเดิม เพราะมีในบทความเรื่อง Contraceptive Failure in the United States: Estimates from the 2006–2010 National Survey of Family Growth ตีพิมพ์ในวารสาร Perspectives on Sexual and Reproductive Health ชุดที่ 49 หน้าที่ 7-16 ในปี 2017 ได้ให้ข้อมูลว่า ในการใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดนั้นแม้มีความระมัดระวังที่ดีแล้วอย่างไรก็ตาม โอกาสเกิดปัญหาจากการลืมกินยาก็ยังอยู่ที่ร้อยละ 0.3 และถ้าเป็นกรณีที่ผู้ใช้ยาขาดความระมัดระวังคือ ไม่เตือนตนให้กินยาตามกำหนดแล้ว ความผิดพลาดอาจสูงถึงร้อยละ 9 ทีเดียว        ที่น่าสนใจจากงานวิจัยนี้คือ ถ้าชนิดของยาคุมกำเนิดมีความหลากหลายมากขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการที่แตกต่างของหญิง(หรือชาย) แต่ละคนได้ ก็ควรเป็นเรื่องที่ดีเพราะการสวมเครื่องประดับนั้นเป็นส่วนหนึ่งของกิจวัตรประจำวันของคนที่ทำงานนอกบ้าน แล้วเทคนิคนี้อาจช่วยให้ผู้หญิงบางคนที่อาจติดขัดในข้อบังคับทางศาสนาสามารถ(แอบ) ป้องกันการตั้งครรภ์โดยไม่ตั้งใจจากสามีผู้ไม่ประมาณตนในการมีลูกในยุคที่กล่าวกันว่า การมีลูก 1คน อาจยากจนไปถึง 70 ปี ไม่ใช่แค่ 7 ปี ดังคำโบราณที่เคยกล่าวไว้        จริงแล้วการใช้แผ่นอาบยาเพื่อคุมกำเนิดนั้น ไม่ใช่แนวคิดการให้ยาวิธีใหม่เสียทีเดียว เพราะเป็นการปรับเทคโนโลยีในการใช้แผ่นอาบยาป้องกันอาการเมารถ ช่วยการเลิกสูบบุหรี่ และควบคุมอาการของวัยหมดประจำเดือน แต่นี่เป็นแนวคิดครั้งแรกที่ประยุกต์วิธีการดังกล่าวเข้าไปกับการใช้เครื่องประดับซึ่งน่าจะดึงดูดใจในการใช้ยาได้ง่ายขึ้น        วงการแพทย์นั้นมีประสบการณ์มากมายเกี่ยวกับการสร้างและการใช้แผ่นอาบยาแปะผิวหนังเพื่อจ่ายยาสู่ชั้นใต้ผิวหนังคนไข้ เพียงแต่ในครั้งนี้ต้องการพัฒนาให้แผ่นอาบยามีขนาดเล็กลง (แต่สามารถบรรจุยาที่มีขนาดเพียงพอกับวัตถุประสงค์) จนเนียนพอในการประกอบเข้าเป็นส่วนหนึ่งของเครื่องประดับ ซึ่งต่างหูดูจะดึงดูดใจสาวได้ดีพอกับแหวนวงงาม นาฬิกาสุดหรู หรือสร้อยคอเก๋ ๆ        ในการทดสอบแนวความคิดเกี่ยวกับการให้ยาด้วยวิธีดังกล่าวโดยใช้สัตว์ทดลองนั้น เริ่มจากการใช้ใบหูของหมู (pig) เพื่อทดสอบว่า ยา levonorgestrel (ซึ่งอยู่ในบัญชียาหลักเพื่อใช้ในสูตรยาคุมกำเนิดสตรีขององค์การอนามัยโลก และยานี้กำลังถูกพัฒนาในสูตรที่เอื้อต่อการคุมกำเนิดในบุรุษด้วย) ซึมผ่านได้ดีตามต้องการ จากนั้นนักวิจัยได้ใช้แผ่นอาบยาดังกล่าวแปะหลังใบหูหนูชนิดที่ไม่มีขน (nude rat) เนื่องจากการผ่าเหล่านาน 16 ชั่วโมงแล้วถอดออก 8 ชั่วโมง(เพื่อจำลองการถอดต่างหูระหว่างการนอนหลับของคนทั่วไป) ผลการทดสอบนั้นชี้ให้เห็นว่า แม้ว่าระดับยาในเลือดหนูได้ลดลงบ้างในขณะที่เอาต่างหูออกไป แต่ความเข้มข้นของยาที่เหลืออยู่ในช่วงต่ำสุดนั้นก็ยังดูว่าเข้มข้นพอต่อการออกฤทธิ์คุมกำเนิดได้        แผ่นอาบยาที่ใช้ทดสอบโดยนักวิจัยนั้นมีสามชั้น โดยชั้นแรกเป็นวัสดุที่ยาไม่สามารถซึมผ่านได้ มีกาวที่สามารถยึดให้ติดกับเครื่องประดับ สำหรับชั้นกลางของแผ่นอาบยานั้นประกอบด้วยยาคุมกำเนิดในรูปที่สามารถผ่านวัสดุชั้นที่สามที่มีกาวยึดช่วยยึดเกาะกับผิวหนังแล้วให้ยาผ่านซึมเข้าใต้ผิวหนัง เพื่อเข้าสู่กระแสเลือดได้ตามต้องการ ในรายงานการวิจัยกล่าวว่า แผ่นอาบยาที่ใช้ศึกษานั้นมีขนาดประมาณหนึ่งตารางเซนติเมตร สามารถเกาะผิวหนังของสัตว์ทดลองได้อย่างแน่นหนา ดังนั้นการใช้ต่างหูหรือเครื่องประดับอื่นที่เหมาะสมจึงอาจเป็นแนวทางที่มีประโยชน์มากที่สุดสำหรับการให้ยา        ในที่สุดแล้วถ้าวิธีการนี้ใช้ได้สำเร็จในการคุมกำเนิดของมนุษย์ แผ่นอาบยาที่แปะบนต่างหูจำต้องมีการเปลี่ยนเป็นระยะๆ ที่เหมาะสมเพื่อให้ผู้ใช้ได้รับยาในระดับที่มีประสิทธิภาพในการคุมกำเนิด ซึ่งทำให้ผู้รับยาสามารถเปลี่ยนต่างหูได้ตามชอบใจโดยใช้แผ่นอาบยาเดิมได้ วิธีการนี้ควรเป็นแรงดึงดูดให้มีการรับยาในลักษณะที่ลดโอกาศผิดพลาดเหมือนการกินหรือฉีดแบบเดิม ๆ        ข้อมูลในงานวิจัยกล่าวประมาณว่า การปรับเปลี่ยนวิธีให้ยาคุมกำเนิดนี้มีวัตถุประสงค์ที่เป็นประโยชน์อย่างมากในประเทศกำลังพัฒนาที่การเข้าถึงบริการให้ยาคุมกำเนิดทั้งชนิดกินหรือที่ออกฤทธิ์นานเป็นยาฉีดยังเป็นปัญหา ทั้งนี้เพราะสตรีคงสนใจกับเครื่องประดับที่ให้ยาได้มากกว่าการกินยาหรือใช้อุปกรณ์การแพทย์ เช่น ห่วงคุมกำเนิด โดยตรง งานวิจัยที่จำเป็นต้องตามมาคือ การศึกษาว่า กลุ่มสตรีในพื้นที่ต่างกันนั้นมีรสนิยมหลักแบบใดในการเลือกเครื่องประดับใช้ เพื่อให้การบริหารการใช้ยาไม่มีความจำกัดที่ความชอบในรูปแบบของเครื่องประดับ        ประเด็นที่น่าสนใจอีกประการคือ นอกจากการศึกษาดูประสิทธิภาพและความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์ของเครื่องประดับคุมกำเนิดแล้ว ยังจำเป็นต้องศึกษาถึงปัจจัยทางสังคมและความเป็นปัจเจกบุคคลที่เข้ามามีบทบาทกับผู้หญิง โดยเฉพาะในพื้นที่ที่การคุมกำเนิดเป็นข้อห้ามในชีวิตประจำวันผู้ทำการวิจัยได้ให้ความหวังว่า แนวทางการให้ยาแบบนี้ควรมีการศึกษาถึงการใช้ยาชนิดอื่นที่ต้องได้รับเป็นประจำ โดยมีความจำเป็นที่ต้องศึกษาว่า ยาแต่ละชนิดนั้นต้องยังมีประสิทธิภาพด้วยปริมาณที่ต่ำพอที่จะบรรจุในพื้นที่ที่จำกัดของแผ่นแปะซึ่งจะนำไปใช้ร่วมกับเครื่องประดับต่าง ๆ

อ่านเพิ่มเติม >