ฉบับที่ 124 กินมะรุมแนวใหม่ ไม่ต้องปอกเปลือก

  ต้นมะรุมหลังบ้าน พักหลังถูกแม่เก็บมากินบ่อยมากขึ้น ทั้งดอก ยอด และฝักอ่อนๆ  แต่กระนั้นก็ยังคงมีบางฝักที่หลุดเหลือจนจนกลายเป็นฝักแก่ และแตกปริปล่อยให้เมล็ดกลมๆ สีน้ำตาลที่มีปีก ปลิวว่อนและหล่นเกลื่อนกลาดรายรอบพ้นดิน เมล็ดไหนที่ได้ทำเลดี ไม่มีปรกใบของเตยหอม พุ่มพริกขี้หนู และยอดผักบุ้งนาขึ้นคลุม ก็ค่อยโผล่ยอดออกมาให้ฉันได้ทึ้งถอนมันทิ้งไป แม้ใจจะอยากเก็บไว้ให้มันได้โตและอาศัยเก็บกินต่อไป แต่พื้นที่ที่มีอยู่ก็ไม่เอื้อให้ทำได้อย่างใจหวัง  มะรุมต้นนี้อายุเกือบ 2 ปีแล้วกระมัง  หลังจากที่ไปเห็นแม่ค้าขนเข็นเอามันใส่ถุงดินวางขายอยู่ท้ายตลาดสดบางบัวทอง  ช่วงนั้นทั้งต้น และผลิตภัณฑ์จากมะรุมมีอยู่เกลื่อนออกมารับกระแสรักสุขภาพ ทั้งในรูปแคปซูล และชา โดยมีรูปแบบและราคาที่แตกต่างกันไป  แม่ฉันก็ได้ของฝากของกำนัลจากหลานชายที่ห่วงใยใส่ใจสุขภาพคนแก่ และหนึ่งในกระเช้าผลิตภัณฑ์เพื่อความกตัญญูก็มีห่อชามะรุมสำเร็จรูปมาพร้อมกับแคปซูลเม็ดมะรุมที่มีสนนราคาที่จัดได้ว่าแพงแบบกลืนน้ำลายเหนียวกันทีเดียว  ลูก(ที่อยากจะ)กตัญญูแต่ทรัพย์น้อยอย่างฉันก็เลยต้องหันมาพึ่งอะไรที่ถูกกว่า  ดีเสียว่ายังพอมีที่ให้เอาต้นมะรุมสูงแค่พ้นเข่าไปลงหลังบ้านได้  ฉับหอบหิ้วมันมาที่บ้าน จัดการขุดหลุมฉุบฉับ ปลูกและรดน้ำชุ่มอยู่ 2 – 3 วัน แล้วฝากแม่ให้ดูแลต่อ  แล้วหายหัวไปกับหน้าที่การงานอยู่จนครบเดือนจึงกลับบ้าน อย่างนี้ทุกเดือน จน 2 – 3 เดือนผ่านไป มะรุมต้นน้อยโตให้สูงพ้นหัว เริ่มแตกยอด ออกดอก จนมีฝักและเก็บมาสอยกินได้ในช่วงเวลาไม่ถึงปี  ฉันบอกแม่ว่าใบมะรุมขนาดกลางไม่อ่อนไม่แก่ เอาไปทำใบชากินได้สรรพคุณอาจจะดีเทียบเท่าชาสำเร็จ แต่แม่ก็ยังเฉยๆ  แรกๆ แม่ก็เก็บกินแค่ฝัก  รอฝักให้มันใหญ่แต่ไม่ทันปล่อยให้แก่  ฉันชวนแม่ทำต้มจืดฝักมะรุมที่ต้มแบบเดียวกับต้มจืดใบตำลึง แต่ก็ยังเฉยๆ  แต่ทั้งแม่และฉันชอบกินฝักมะรุมแกงส้ม  ถึงกระนั้นแม่ก็ไม่ค่อยชอบแกงมะรุมให้กินแม้ที่ต้นจะมีฝักแกว่งเท้งเต้งต่องแต่งเหมือนไม้ตีกลอง Drumstick Tree สมชื่อของมัน  แม่ว่า “ขี้เกียจปอก เปลือกมันแข็ง”   จนวันหนึ่ง  ญาติผู้ใหญ่จากกรุงเทพฯ อีกคนแวะมาหาแม่ช่วงเทศกาล ช่วงนั้นฉันกลับมานั่งทำงานหน้าจอคอมพ์อยู่ที่บ้านแล้วแหละ  ผู้ใหญ่คุยกันนั่นนี่โน่น และสุดท้ายก็วกเข้ามาคุยกันเรื่องสุขภาพ คุยมาคุยไปก็ไปจดจ่อกันที่เรื่องอาหาร ลุงแกอยู่กรุงเทพฯ เสียนานแต่ชีวิตวกกลับมากินอาหารแบบบ้านๆ เพราะด้วยวัยบวกรสนิยมที่ติดลิ้นแกมา แกว่าแกชอบกินมะรุมแกงส้ม  ฉันเลยได้ทีคุยกับแก  แต่กะกระทบชิ่งไปที่แม่ แม่ที่มีรสนิยมการกินที่แสนจะอนุรักษ์นิยม ทั้งรูปแบบการปรุงและรสลิ้นมาตรฐาน  ชี้ชวนกับลุงว่ามะรุมเราเห็นอยู่นี่หนาใช่ว่าจะกินได้แต่ฝักอ่อนแบบเคยๆ แกก็เออออห่อหมกใบยอไปกับฉันอย่างถูกคอ ก็มะรุม สุดยอดสรรพคุณเรื่องแหล่งวิตามินเอที่บำรุงสายตา ที่มีมากกว่าแครอทถึง 3 เท่า มีโพแทสเซียมที่บำรุงสมองและระบบประสาทมากกว่ากล้วย และมีวิตามินซีสูง  แค่ลวกให้สุกในวิธีแบบไหนเพื่อให้เอาเข้าปากได้อย่างอร่อยก็ได้ประโยชน์แต็มๆ แล้ว ทั้งต่อตา กระดูก และระบบประสาท    แต่ที่เขาฮิตเป็นกระแสเพราะว่ามะรุมมันมีสารต้านอนุมูลอิสระมากมายหลายชนิด และคาดว่าจะช่วยให้เกิดฤทธิ์ชะลอความแก่ แต่ในทางวิชาการก็ยังไม่พบรายงานการวิจัยเกี่ยวกับมะรุมในด้านนี้ ซึ่งในด้านการตลาดแบบไทย-ไทย จริงไม่จริงแค่ไหน ต่างก็โหนกระแสสารต้านอนุมูลอิสระทำกำไร คุณสมบัติพื้นฐานง่ายๆ ที่มีในมะรุมเลยถูกทำให้กลายเป็นหวือหวา  จนลืมไปว่าอะไรที่ใกล้ๆ ตัว ทำง่าย กินง่าย ยังมีอยู่ที่ก้นครัว  ลุงกลับกรุงเทพฯ ไปแล้ว  หลังจากนั้น  บางวันฉันเห็นยอดอ่อนและดอกมะรุม ลอยน้ำกอดคออยู่กับใบตำลึงและดอกขจรในชามต้มจืดหมูสับใส่กุ้งแห้ง  บางวันแกงส้มผักรวมของแม่จะมีดอก ยอดและฝักอ่อนๆ ของมะรุมรวมอยู่ในนั้น   ผัดผักบางวันก็มีฝักอ่อนมะรุมปนจนบางครั้งฉันนึกสับสนว่ามันเป็นถั่วฝักยาวหรือว่าฝักมะรุม   แต่ที่บ่อยที่สุด อาจจะเพราะเอามากินง่ายสุดด้วยก็คือ ผักลวกจิ้มน้ำพริกกะปิ น้ำพริกเผาป่า และน้ำปลาร้าหลน ฝักมะรุมอ่อน  อ่อนชนิดที่จะเอาไปลวกกินไม่ต้องปอกเปลือก  นี่แม่คิดเอง  คิดแบบคนแก่ที่มีพื้นฐานการทำอาหารให้ลูกกินมาตลอดชีวิตของแม่  คนแก่ที่ยังไม่ถึงขนาดยักแย่ยักยัน ที่ยังสร้างสรรค์จากสุขภาพที่ทำให้แม่ไม่ค่อยอยากจะขยันจะปอกเปลือกแข็งๆ ของมันมาทำกินนั่นแหละ  ฉันยังนึกอยู่ว่า  ถ้าไม่มีต้นมะรุมปลูกอยู่ที่บ้าน และแม่ยังคงขยันและไม่แก่  ก็ไม่แน่ว่าจะได้กินมะรุมอ่อนๆ แบบของแม่นี่หรือเปล่า?

สำหรับสมาชิก >
ฉลาดซื้อ เก็บแต้มแลกสินค้า250 Point