ฉบับที่ 235 พยากรณ์ซ่อนรัก : มีความลับที่อยู่ในใจ เป็นความลับที่อยู่ข้างใน...

        “ความลับ” ก็คือ เรื่องบางเรื่องที่ไม่เล่าไม่บอกออกไปสู่สาธารณะ หรือเป็นความจริงที่มิอาจเปิดเผยได้ แต่จริงๆ แล้ว บ่อยครั้งที่ความลับเองมักพ่วงพามาซึ่งอำนาจและผลประโยชน์ของบุคคลผู้เป็นเจ้าของแห่งความลับนั้นๆ ด้วยเหตุฉะนี้ หากใครก็ตามสามารถเข้าไปสัมผัสล่วงรู้ความลับของบุคคลอื่น ก็อาจหมายถึงการเข้าไปละเมิดล่วงยังพรมแดนแห่งอำนาจหรือผลประโยชน์ของบุคคลนั้นเช่นกัน         ละครโทรทัศน์เรื่อง “พยากรณ์ซ่อนรัก” เป็นตัวอย่างรูปธรรมของการตั้งข้อถกเถียงถึงความสัมพันธ์ระหว่างความลับ อำนาจ และผลประโยชน์แห่งปัจเจกบุคคล         โครงเรื่องหลักของละครดำเนินไปบนตรรกะพื้นฐานที่ว่า “มนุษย์ทุกคนต่างก็มีความลับ” อันสะท้อนนัยทางสังคมว่า ในความสัมพันธ์ระหว่างคนเรานั้น มีลักษณะเหมือนเป็น “เหรียญสองด้าน” ที่พลิกไปมาระหว่างด้านแห่งความเป็น “หน้าฉาก” กับอีกด้านที่เป็น “หลังฉาก”          ในขณะที่ “หน้าฉาก” หรือเสี้ยวส่วนที่คนเรายินยอมเผยให้คนอื่นสัมผัสได้ เพราะเราเองก็มีอำนาจกำหนดเอาไว้ได้ในระดับหนึ่ง แต่ “หลังฉาก” ก็คือ ส่วนเสี้ยวที่ความลับถูกซุกซ่อนเก็บไว้ โดยที่เรามิปรารถนาจะให้ใครอื่นมากล้ำกรายสัมผัสถึง         และเพราะความลับเป็นสิ่งที่ปกปิดอำพรางไว้หลังฉากของชีวิตสามัญชนคนทั่วไป เมื่อ “โรสิตา” หรือ “โรส” นางเอกสาวผู้สืบทอดศาสตร์แห่งการพยากรณ์ มีความสามารถเข้าไปล่วงรู้ความลับของบุคคลที่สามอื่นๆ ทำให้เธอต้องเผชิญกับด้านมืดแห่งการเก็บงำความลับที่ใครต่อใครพากันซ่อนเร้นเอาไว้         เนื่องจากศาสตร์แห่งการพยากรณ์ถือเป็นองค์ความรู้ที่ให้คำตอบในสิ่งที่วิทยาศาสตร์สมัยใหม่ไม่อาจพิสูจน์ได้ และยังเป็นศาสตร์ที่แตกสายพันธุ์ออกไปได้มากมายหลายประเภท ละครก็เลยเลือกสร้างให้โรสเป็นเทพธิดาพยากรณ์แห่ง “กุพชกศาสตร์” หรือผู้มีความสามารถสื่อสารกับดอกกุหลาบ และใช้ดอกกุหลาบทำนายความลับแห่งโชคชะตาของมนุษย์ได้ ด้วยตรรกะที่โรสได้กล่าวเอาไว้ว่า “ไม่มีอะไรในโลกที่กุหลาบไม่รู้ อยู่ที่ว่ากุหลาบจะบอกเราหรือเปล่า”         ละครเริ่มต้นเรื่องด้วยฉากงานวันเปิดตัวคอมมูนิตี้มอลล์แห่งใหม่ของ “พัสสิตา” ที่เชิญโรสให้มาร่วมทำนายดวงชะตาให้กับผู้มีเกียรติในแวดวงชนชั้นนำหลายคนที่ร่วมอยู่ในงาน         ในขณะที่ปุถุชนคนทั่วไปต่างก็มี “ความลับที่ฉันซ่อนไว้ ไม่เคยบอกใคร จนอดใจไม่ไหว” อยู่นั้น ยิ่งหากเป็นกลุ่มคนชั้นนำของสังคมด้วยแล้ว คนกลุ่มนี้ยิ่งจะ “มีความลับที่อยู่ในใจ เป็นความลับที่อยู่ข้างใน” และ “เป็นความลับที่เปิดเผยไม่ได้” ทับทวีคูณขึ้นไปอีก         ดังนั้น หลังจากที่โรสเข้าไปพยากรณ์การเลือกดอกกุหลาบ และเข้าไปล่วงรู้บางส่วนแห่งโชคชะตาทั้งในอดีตและในอนาคตของบรรดาเซเลบริตี้หลายคน ชีวิตของโรสก็เลยตกอยู่ในอันตราย เพราะความลับในชะตากรรมของคนชั้นนำเหล่านี้ต่างสัมพันธ์กับผลประโยชน์อันมากมายมหาศาลของพวกเธอและเขา         เริ่มต้นจาก “ไลลา” สาวนักเรียนนอกผู้กลายมาเป็นดีไซเนอร์ระดับโลก ที่ต้องปกปิดความลับแห่งตัวตนและอัตลักษณ์ว่า อดีตของเธอก็คือ “อีกลอย” สาวอีสานบ้านนอกที่เคยมีสามีเป็นชาวต่างชาติ และชุบตัวเองได้ดิบได้ดีจนมาเป็นเจ้าของห้องเสื้อแบรนด์ดัง         คนที่สองคือ “นันทวดี” ภรรยาของ “นายพลวัฒนา” ที่อดีตเคยผลักพี่สาวตกน้ำจนเสียชีวิต เพื่อจะได้ครอบครองหัวใจของท่านนายพลไว้เพียงผู้เดียว ความลับที่อาจถูกเผยออกมาของเธอจึงเกี่ยวพันกับสถานะครอบครัวและชีวิตคู่ที่ช่างไม่มั่นคงแต่อย่างใด         คนถัดมาคือ “รินรดี” ดาราสาวที่หน้าฉากสวมบทบาทเป็นนางเอกที่แสนดี เก่งกล้า มีความสามารถรอบตัว แต่อีกฝั่งฟากหนึ่ง เธอก็มีหลังฉากเป็นอนุภรรยาเก็บของ “ธนพล” สามีนักธุรกิจของพัสสิตาซึ่งเป็นผู้จัดงานเปิดโครงการคอมมูนิตี้มอลล์ครั้งนี้ หน้าฉากและหลังฉากที่เสมือน “คนละโลก” ดังกล่าว แน่นอนย่อมมีผลต่อชื่อเสียงและความมั่นคงทางอาชีพในแวดวงบันเทิงของเธอ         อีกคนหนึ่งก็คือ “วุฒิกร” นักการเมืองระดับรัฐมนตรี ที่แม้ฉากหน้าจะดูเป็นคนที่ทำงานเพื่อพี่น้องประชาชน แต่เบื้องหลังกลับกลายเป็นชายโฉดที่ใช้มูลนิธิบ้านสงเคราะห์เยาวชนเป็นแหล่งหาเด็กผู้หญิงมาปรนเปรอทางเพศ ความลับเรื่องการทารุณกรรมทางเพศต่อเด็กหญิงที่อาจถูกเผยออกมา ก็ย่อมทำให้อำนาจและตำแหน่งทางการเมืองของเขาสั่นคลอนได้         และคนสุดท้ายก็คือธนพล นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ที่เพื่อผลประโยชน์แล้ว เขาสามารถทำทุกอย่างได้ ตั้งแต่หลอกลวงภรรยา ไปจนถึงลอบฆ่า “ครูสมปอง” ผู้ที่ล่วงรู้ความลับว่า นายทุนใหญ่รายนี้คอยเป็นนายหน้าจัดส่งเด็กผู้หญิงป้อนบำเรอกามารมณ์ของรัฐมนตรีวุฒิกร เพื่อแลกเปลี่ยนกับผลตอบแทนทางธุรกิจของตน         ตัวละครในกลุ่มคนชั้นนำมากมาย ต่างก็มีความลับที่สัมพันธ์กับอำนาจและผลประโยชน์ เพราะกว่าที่พวกเธอและเขาจะขึ้นมามีฐานะทางเศรษฐกิจและทุนสัญลักษณ์ชื่อเสียงหน้าตา หน้าตักของคนกลุ่มนี้ก็สูงยิ่งๆ ขึ้นไป ดังนั้น เมื่อโรสมีนิมิตหยั่งรู้ความลับที่ปกปิดไว้ ก็เท่ากับไปสร้างแรงกระเทือนต่อผลประโยชน์ของคนกลุ่มนี้ที่วางแผนไล่ล่าเพื่อปิดปากนางเอกของเราในทุกวิถีทาง        และที่น่าสนใจก็คือ ในขณะที่โรสเข้าไปสัมผัสรู้ชะตาชีวิตของผู้อื่น แต่อีกด้านหนึ่ง แม้แต่ตัวเธอเองก็มีความลับบางอย่างที่ซ่อนเร้นเอาไว้ด้วยเช่นกัน เพราะเมื่อ “ธีรุตม์” พระเอกของเรื่องเลือกหยิบดอกกุหลาบมาให้โรสเสี่ยงทาย โรสก็ไม่เพียงแต่ได้เห็นชะตาชีวิตของเขา หากยังสัมผัสถึงความลับแห่งอนาคตที่ชายหนุ่มผู้นี้ได้ถูกลิขิตให้กลายมาเป็นคู่ชีวิตของเธอในฉากจบ         ในขณะที่แก่นแกนของละคร “พยากรณ์ซ่อนรัก” ดูจะยืนยันในประโยคที่ตัวละครทั้งหลายต่างพูดย้ำอยู่บ่อยๆ ว่า “ไม่มีใครหนีโชคชะตาพ้น แม้แต่กับคนทำนายโชคชะตา” และบทบาทของผู้พยากรณ์ดวงชะตาก็ต้องยืนอยู่บนหลักการที่ว่า “คนเราเปลี่ยนแปลงโชคชะตาไม่ได้ แต่ผ่อนหนักเป็นเบาได้” แต่คู่ขนานกันไปกับความคิดดังกล่าว ละครก็ทำให้เราเรียนรู้ว่า ความลับที่ไม่ลับช่างมีความหมายบางอย่างแฝงฝังอยู่มากมาย         อันที่จริง คนไทยสมัยก่อนเคยให้คำตอบเรื่องความลับเอาไว้ว่า “ช้างตายทั้งตัวเอาใบบัวปิดไม่มิด” หรือ “หากน้ำลดเดี๋ยวตอก็จะผุดขึ้นมาเอง” เพราะ “ความลับย่อมไม่มีในโลก” แต่ถึงที่สุดแล้ว ตราบใดที่ความลับของบุคคลมีผลประโยชน์กำกับเอาไว้เป็นเบื้องหลัง ตราบนั้นเจ้าของความลับที่ยิ่งเป็นคนชั้นนำที่อยู่ “ยิ่งสูงยิ่งหนาว” ก็ต้องทำทุกอย่างเพื่อรักษาความลับ อำนาจ และผลประโยชน์แห่งตนเอาไว้นั่นเอง

อ่านเพิ่มเติม >