ฉบับที่ 151 กระแสต่างแดน

ไถ่บาปให้ชะมด โทนี่ ไวลด์ นักธุรกิจรายแรกที่ทำให้โลกตะวันตกได้รู้จักกับกาแฟขี้ชะมด(ที่ฝรั่งเรียกกันว่า Kopi Luwak) ออกมาชักชวนให้คอกาแฟทั้งหลายเลิกดื่มกาแฟดังกล่าว เขาบอกว่าทุกวันนี้แทบจะไม่มีกาแฟขี้ชะมดแบบดั้งเดิมแล้ว ที่ขายกันอยู่ในอังกฤษ อเมริกา ออสเตรเลีย เกาหลี ญี่ปุ่น หรือสิงคโปร์ตอนนี้ที่ราคากิโลกรัมละเกือบ 25,000 บาทนั้น ส่วนใหญ่ได้จากฟาร์มชะมดเลี้ยง ไม่ใช่ชนิดที่ต้องไปหาเก็บเองตามธรรมชาติเหมือนเมื่อก่อน ก่อนหน้านี้ ชาวไร่กาแฟบนเกาะสุมาตรา อินโดนีเซีย จะออกไปเก็บเมล็ดกาแฟจากมูลของชะมดที่แอบเข้ามาเลือกกินลูกกาแฟสุกแล้วถ่ายออกมา ซึ่งรวมๆ แล้วเก็บมาขายได้เพียงปีละ 500 กิโลกรัมเท่านั้น แต่ปัจจุบันกำลังการผลิตทั่วโลกอยู่ที่ 50 ตันต่อปี ฟาร์มชะมดในอินโดนีเซียที่เลี้ยงชะมดไว้ 240 ตัว สามารถผลิตเมล็ดกาแฟดังกล่าวได้ถึง 7 ตัน โดยปกติแล้วชะมดจะออกหากินโดยลำพังในเวลากลางคืน แต่ “กระบวนการผลิต” กาแฟรสเลิศนี้เป็นการนำพวกมันมาอยู่รวมกันในกรง ทำให้เกิดการต่อสู้เพื่อแย่งอาหาร นำไปสู่แผลเหวอะหวะและการติดเชื้อ  ซึ่งภาพดังกล่าวคือภาพที่สถานีโทรทัศน์บีบีซีนำออกมาเผยแพร่ และทำให้คนอังกฤษรวมถึงโทนี่ ไวลด์ไม่อยากดื่มกาแฟที่ว่าอีกต่อไป   ด้านสมาคมกาแฟขี้ชะมดแห่งอินโดนีเซียก็ออกมาชี้แจงว่า ชะมดมีความเป็นอยู่ที่สะดวกสบายในกรงที่โอ่อ่า ด้วยเนื้อที่ถึง 2 ตารางเมตร และยืนยันว่าฟาร์มกรงโหดที่เป็นข่าวนั้นมีเพียงส่วนน้อยเท่านั้น ตำนานกาแฟชะมดบนเกาะอังกฤษเริ่มขึ้นในปี  1981 เมื่อโทนี่ ไวลด์ ได้อ่านเรื่องของกาแฟโกปิ ลูวะ (ในนิตยสารเนชั่นแนลจีโอกราฟิก) ที่มีความหอมกลมกล่อมด้วยเมล็ดกาแฟจากมูลชะมด ที่มีกลิ่นเฉพาะตัวจากลำไส้และต่อมกลิ่นของมัน เมื่อถึงปี 1991 ที่เขามีตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการจัดซื้อเมล็ดกาแฟของบริษัท เทย์เลอส์ ออฟ ฮาโรเกต ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายชาและกาแฟเจ้าเก่าแก่ของอังกฤษ เขาจึงลองซื้อมา 1 กิโลกรัม เรื่องราวของกาแฟที่เขาซื้อมา เข้าตาสื่อทั้งระดับท้องถิ่นและระดับประเทศ จนเขาต้องสั่งนำเข้ากาแฟดังกล่าวในที่สุด นอกจากกาแฟขี้ชะมดแล้วเรายังมีกาแฟขี้ช้าง กาแฟขี้นก กาแฟขี้ลิง ไว้สนองความต้องการอันดูเหมือนจะไม่มีที่สิ้นสุดของมนุษย์ ณ จุดนี้กาแฟที่แพงที่สุดในโลกคือกาแฟที่ได้จากมูลของตัว Uchunari (คล้ายชะมด) ที่มีถิ่นอาศัยอยู่ในประเทศเปรู ... มันรู้ชะตากรรมของตัวเองหรือยังหนอ ...     เล็กๆ ไม่ ใหญ่ๆ โกง เป็นที่รู้กันดีว่าการจัดงานเลี้ยงตามธรรมเนียมจีนนั้นต้องยิ่งใหญ่อลังการและอาหารต้องหรูเลิศ ประเทศจีนมีค่าใช้จ่ายในการจัดงานเลี้ยงที่หน่วยงานรัฐเป็นเจ้าภาพถึงปีละ 300,000 ล้านหยวน หรือประมาณ 1,000,000 ล้านบาท ประธานาธิบดี สี จิ้น ผิง จึงประกาศห้ามสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ และข้าราชการทหารจัดงานเลี้ยงโดยใช้เงินหลวงเด็ดขาด นี่เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายปราบปรามคอรัปชั่น นโยบายดังกล่าวสั่นสะเทือนธุรกิจส่งออกอาหารแห้ง(โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หูฉลาม หอยเป๋าฮื้อ และรังนก) มิใช่น้อย อย่างน้อยบริษัทจดทะเบียนของฮ่องกง 2 บริษัท ได้แจ้งต่อผู้ถือหุ้นถึงความเสี่ยงที่ผลกำไรจากการประกอบการในปีนี้อาจลดลงเพราะมาตรการรัดเข็มขัดและปราบปรามคอรัปชั่นของรัฐบาลพรรคคอมมิวนิสต์ของจีนแผ่นดินใหญ่ นโยบายนี้ยังเกี่ยวข้องไปถึงเทศกาลไหว้พระจันทร์ที่เพิ่งจะผ่านไป  รัฐบาลจีนประกาศห้ามการให้ของขวัญกันด้วยขนมไหว้พระจันทร์ชนิดหรูหรา ที่ทำให้สงสัยได้ว่าเป็นการให้สินบนมากกว่าการให้เพื่อแสดงความรัก ความหวังดี ปีนี้ขนมไหว้พระจันทร์ชนิดที่ใส่หูฉลาม หอยเป๋าฮื้อ รังนก หรือแม้แต่ใส่เงิน หรือทองลงไป จึงไม่ค่อยมีให้เห็นในตลาดแล้ว ข่าวบอกว่าชนิดที่ยังขายดี ที่คนซื้อไปเป็นของขวัญให้กันเป็นชนิดที่ราคาประมาณ 1,000 บาท ลืมบอกไปว่า รัฐบาลจีนเปิดสายด่วนให้ประชาชนโทรเข้าไปแจ้งเมื่อพบเห็นพฤติกรรมการจับจ่ายใช้สอยฟุ่มเฟือยของข้าราชการด้วย   คราบที่ซักไม่ออก มาดูความคืบหน้าจากกรณีตึกรานาพลาซ่า ที่บังคลาเทศถล่มทับคนงานเสียชีวิตไปไม่ต่ำกว่า 1,000 คนกันบ้าง มีการประเมินไว้ว่าจะต้องมีการให้เงินชดเชยไม่ต่ำกว่า 56 ล้านยูโรแก่เหยื่อของโศกนาฏกรรมครั้งนี้ ล่าสุดข่าวบอกว่า ขณะนี้ยังมีผู้เสียชีวิตอีกประมาณ 300 รายที่ยังไม่สามารถพิสูจน์ดีเอ็นเอได้ ตามระเบียบแล้วรัฐบาลจะจ่ายเงินช่วยเหลือประมาณ 600,000 บาท ให้แก่ญาติของเหยื่อที่ผ่านการตรวจดีเอ็นเอแล้วเท่านั้น เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมามีการประชุมที่เมืองเจนีวา ระหว่างองค์กรที่รณรงค์เรื่องความเป็นธรรมต่อคนงานในโรงงานผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูปกับบรรดาเจ้าของแบรนด์เสื้อผ้าที่จ้างผลิตโดยโรงงานในตึกรานาพลาซ่า แต่การประชุมครั้งนั้นถือว่าล้มเหลว เพราะมีเพียงหนึ่งในสามของบริษัทดังกล่าวเข้าร่วมประชุม เจ้าใหญ่อย่าง Walmart  Benetton  และ Mango  ไม่ได้เข้าร่วมพูดคุยแสดงท่าที จะมีก็เพียงบริษัท Primark สัญชาติไอร์แลนด์เท่านั้นที่รับปากจะจ่ายเงินชดเชยเท่ากับเงินเดือนสามเดือนให้กับผู้บาดเจ็บหรือครอบครัวผู้เสียชีวิต ซึ่งเป็นการจ่ายเพิ่มเติมจากการให้เงินชดเชยเบื้องต้นกับผู้เคราะห์ร้ายรายละ 6,000 บาท ในเดือนกรกฎาคม บังคลาเทศ ซึ่งมีโรงงานเสื้อผ้าสำเร็จรูปถึง 4,500 โรง ได้ประกาศใช้กฎหมายแรงงานฉบับใหม่ที่ให้ความคุ้มครองสิทธิของลูกจ้างและเข้มงวดกับมาตรการเพื่อความปลอดภัยในการทำงานมากขึ้น   หมูกระป๋อง เพื่อคนที่คุณรัก เทศกาลไหว้พระจันทร์ของคนเกาหลีใต้ ไม่ต้องพึ่งพามูนเค้กหรือขนมไหว้พระจันทร์แต่อย่างใด เพราะสิ่งที่เขาอยากได้มากที่สุดคือ สแปม ไม่ใช่ชนิดที่หลอนคุณในคอมพิวเตอร์ แต่เป็นสแปม เนื้อหมูอัดกระป๋อง ที่คนเกาหลีได้รู้จักเป็นครั้งแรกเมื่ออเมริกาเข้ามาตั้งฐานทัพสมัยสงครามเกาหลี มันเป็นอะไรที่ดังกว่าโคคาโคล่าหรือเค เอฟ ซี และเป็นของขวัญที่ได้รับแล้วอบอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก ห้างต่างๆ จึงนิยมจัดแพ็คเก็จเป็นกล่องหรือตะกร้าของขวัญสวยหรูไว้ให้ซื้อกันได้สะดวก ชุดหนึ่งประมาณสองพันกว่าบาท  แม้ในอเมริกามันจะเป็นอาหารสำหรับคนรายได้น้อย แต่ที่นี่มันเป็นของโปรดของคนมีอันจะกิน คนเกาหลีเขายังมีสูตรอาหารที่ใช้เจ้าสแปมเป็นวัตถุดิบอยู่ไม่น้อย แต่ที่นิยมกันสุดๆ ได้แก่ “สตูว์กองทัพบก” (ดูจากชื่อแล้วน่าจะใหญ่กว่า “โจ๊กกองปราบ”) ตำรับนี้เกิดขึ้นช่วงหลังสงคราม  สแปมเป็นอาหารยอดนิยมที่มีการลักลอบนำออกมาจากกองทัพมาปล่อยในตลาดมืดมากที่สุด และชาวบ้านก็นิยมเอามาใส่ซุปรสแซ่บสไตล์เกาหลี ซึ่งยังเป็นที่นิยมมาจนถึงทุกวันนี้ ร้านอาหารที่เชี่ยวชาญเมนูจากสแปมนั้นมีอยู่ทั่วไป แต่ถ้าจะให้ได้อารมณ์ท่านว่าต้องไปชิมสตูว์ดังกล่าวจากร้านที่ตั้งเรียงรายบนถนนที่ติดกับกองทัพฯ นั้นแล     รถเขียวเอื้ออาทร ก่อนหน้านี้ไม่นานรองประธานาธิบดีของอินโดนีเซียประกาศแผนลดปัญหาการจราจรให้กับเมืองจาการ์ต้า ตามแผนดังกล่าวนั้นเขาบอกว่า จะมีการนำระบบ ERP (Electronic Road Pricing) หรือการคิดค่าธรรมเนียมการใช้ถนนตามพื้นที่มาใช้ในจาการ์ต้า พร้อมกันนี้จะเพิ่มจำนวนรถประจำทาง เพิ่มความเข้มงวดให้เลนรถประจำทางมีแต่รถประจำทางจริงๆ นอกจากนั้นเขาจะปรับกฎเกณฑ์และเพิ่มค่าธรรมเนียมในการจอดรถริมถนนด้วย นี่เป็นเพียงบางส่วนของแผนที่มีถึง 17 ขั้นตอน แต่ขณะเดียวกันรัฐบาลก็ประกาศลดภาษีให้กับผู้ที่ซื้อรถยนต์ที่ผลิตในอินโดนีเซีย ที่มีราคาไม่เกิน 100 ล้านรูเปียห์ (ประมาณ 320,000 บาท) ที่วิ่งได้ 20 กิโลเมตรต่อน้ำมัน 1 ลิตร แผนนี้เข้าทางรถอีโคคาร์สองรุ่น ได้แก่ โตโยต้า Agya และไดฮัทสุ Ayla ที่ขณะนี้มียอดจองรวมกัน 18,000 คัน ... และผู้ประกอบการบอกว่าถึงสิ้นปีน่าจะมียอดจองประมาณ 30,000 คัน คนที่มึนที่สุดกับนโยบายนี้คือผู้ว่านครจาการ์ต้า ที่ในที่สุดตัดสินใจส่งจดหมายไปขอให้มีการทบทวนนโยบายรถเขียวเอื้ออาทรที่ว่านี้โดยพลัน เพราะเขามองว่าท้องถนนจาการ์ต้าคงรับมือกับรถใหม่ที่จะออกมาไม่ไหว และมันคงจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะปฏิบัติตามแผน 17 ขั้นตอนที่ว่า   //

อ่านเพิ่มเติม >