ฉบับที่ 215 เด็ก...ที่มีพ่อแก่

หลายคนมีสัญชาติญาณต้องการมีลูกด้วยสาเหตุนานับประการ ซึ่งผู้เขียนไม่ขอกล่าวในที่นี้ แต่ขอเล่าเพียงว่า โดยส่วนตัวแล้วเมื่อครั้งมีลูกใหม่ๆ นั้นสิ่งที่ประจักษ์แน่คือ รักแม่มากขึ้นอีกหลายเท่าตัว เพราะการเลี้ยงเด็กอ่อนแต่ละคนจนโตนั้น พ่อแม่ที่มีความรับผิดชอบมักรู้สึกทั้งเหนื่อยกายและเหนื่อยใจ จนทำให้เข้าใจได้ว่า ทำไมพระพุทธเจ้าจึงทรงตั้งชื่อพระราชบุตรว่า ราหุล ซึ่งแปลว่า บ่วง ที่ทำให้เราต้องเป็นห่วงประจำ         อย่างไรก็ดียังมีประเด็นที่น่าเป็นห่วงมากขึ้นในปัจจุบันนี้ สำหรับพ่อแม่ที่ไม่คิดมีลูกกวนตัว เพราะสนุกกับงาน สนุกกับรูปแบบชีวิตที่หวือหวา สนุกกับเทคโนโลยีที่อำนวยความสนุก จนวันหนึ่งหลังจากอายุล่วงเลยเข้าสู่วัยแห่งความโรยรา จึงคิดได้ว่า ควรมีลูกเสียที ไม่ว่าจะโดยวิธีธรรมชาติหรือใช้ความสามารถของวิทยาศาสตร์การแพทย์ช่วย ซึ่งถ้าลูกมีสุขภาพดี ร่างกายแข็งแรง โตขึ้นเรียนหนังสือจบ ทำมาหาเลี้ยงตนเองได้ แล้วสุดท้ายกลับมาดูแลพ่อแม่เมื่อแก่ เรื่องราวก็จบลงอย่างสุขสมบูรณ์ แต่ถ้าเคราะห์ร้ายได้ลูกที่ไม่ปรกติ ทุกอย่างไม่เป็นตามที่หวัง ความทุกข์ย่อมมาเยือนสำหรับผู้หญิงเป็นที่รู้กันว่า ถ้ามีอายุมากเกิน 35 ปี เมื่อตั้งท้องแล้วจำเป็นต้องตรวจเซลล์ในถุงน้ำคร่ำว่า มีโครโมโซมผิดปรกติหรือไม่ เพื่อยืนยันว่าเด็กในท้องนั้นมีความปรกติอย่างที่ควรเป็น เพราะไข่ในรังไข่ของผู้หญิงที่อายุเกิน 35 ปีนั้นถือว่าเป็น ไข่ที่เก่าแล้ว (เนื่องจากไข่ทั้งหมดนั้นถูกสร้างไว้ในรังไข่ของเด็กหญิงตั้งแต่ราว 3 เดือนก่อนออกจากท้องแม่ จากนั้นไข่จึงถูกพัฒนาให้สุกพร้อมผสมกับอสุจิเมื่อโตเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์มีฮอร์โมนเพศหญิงต่าง ๆ มาจัดการ) อาจมีการกลายพันธุ์ เนื่องจากในช่วงเวลาที่ไข่ถูกเก็บไว้ในรังไข่นั้น ไข่มีโอกาสสัมผัสสารพิษที่เข้าสู่ร่างกายผู้เป็นแม่ หรือแม่รับการแผ่รังสีที่ทะลุทะลวงถึงเซลล์ไข่แล้วทำให้เกิดความผิดปรกติที่โครโมโซมของไข่ ดังนั้นโอกาสที่เด็กซึ่งเกิดจากแม่มีอายุเลยวัยกลางคนแล้วจึงมีโอกาสผิดปรกติเช่น ดาว์นซินโดรม สูงกว่าเด็กที่มีแม่อายุประมาณ 20 ปีสำหรับผู้ชายในตำราสรีรวิทยาที่ผู้เขียนเคยเรียนมาบอกเป็นทำนองว่า อสุจิของพ่อนั้นสร้างใหม่ทุกครั้งที่ต้องใช้(freshly prepare) แบบวันต่อวัน ผู้เขียนจึงสรุปเองว่า อสุจินั้นไม่น่าเป็นสินค้าค้างสต็อกนาน เหล่าชายชาตรีทั้งหลายจึงร่าเริงคิดเข้าข้างตนเองว่า มีลูกเมื่อใดก็ได้ ตราบใดที่ใจยังสู้ชูสองนิ้วอยู่ ดังนั้นผู้ชายหลายคนที่เมื่อภรรยาคนแรกปิดโรงงานไม่ยอมมีลูกเพราะอายุมากแล้วนั้น เขาต่างหาเหตุเปิดโรงงานใหม่เพื่อให้ได้มีลูกเพิ่มขึ้นมาโดยไม่มีความรู้ว่า ในส่วนหนึ่งของอัณฑะที่เรียกว่า หลอดสร้างอสุจิหรือ seminiferous tubule นั้นมีเซลล์ที่เรียกว่า สเปอร์มาโทโกเนียม (spermatogonium) ซึ่งจะมีฮอร์โมนมาช่วยพัฒนาให้กลายเป็นอสุจิตามความต้องการของร่างกาย ดังนั้นเซลล์ดังกล่าวนี้จึงมีอายุเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนวันหนึ่งที่ชายสูงวัยแล้วแต่ยังต้องการสร้างตัวอสุจิก็จำเป็นต้องใช้เซลล์ที่เก่าเก็บมานาน ซึ่งอาจสัมผัสสารพิษที่เข้าสู่ร่างกายตลอดเวลาของการมีชีวิตหรือรับการแผ่รังสีจากแหล่งต่าง ๆ (เช่นเดียวกับไข่ในรังไข่ผู้หญิง) จนกลายพันธุ์ไปส่งผลให้ตัวอสุจิที่ได้ไม่สูมบูรณ์ดังที่ควรเป็น        บทความเรื่อง Association of paternal age with perinatal outcomes between 2007 and 2016 in the United States: population based cohort study (doi: 10.1136/bmj.k4372) ซึ่งตีพิมพ์ในวารสารออนไลน์ BMJ 2018;363:k4372 ในเดือนตุลาคม 2018 ได้ศึกษาและอภิปรายผลเหมือนเป็นการยืนยันว่า สมมุติฐานของความไม่สมบูรณ์เนื่องจากอสุจิของชายสูงวัยแล้วทำให้ได้ลูกที่ไม่สมบูรณ์นั้นเป็นจริง รวมถึงแม่ซึ่งแม้ยังสาวอยู่แต่ได้ตั้งท้องกับชายสูงวัยก็อาจมีลูกที่สุขภาพที่ไม่ปรกติงานวิจัยดังกล่าวศึกษาในเด็กอเมริกันเกิดใหม่ในช่วงปี 2007-2016 กว่า 40 ล้านคน โดยแบ่งกลุ่มพ่อของเด็กเหล่านี้ออกได้เป็น 5 กลุ่มอายุ คือ อายุน้อยกว่า 25 ปี 25-34, 35-44, 45-54 ปีและอายุมากกว่า 55 ปี ผลการศึกษาชี้ให้เห็นว่า ผู้ชายมีความจำกัดของอายุในการมีลูก โดยเด็กที่มีพ่อสูงวัย (เกิน 45 ปี) มักคลอดก่อนกำหนดพร้อมน้ำหนักแรกคลอดต่ำกว่าเกณฑ์ และมีสุขภาพไม่ค่อยดีเช่น ระบบหายใจไม่ปรกติจึงทำให้มีค่า APGAR score ที่ต่ำ        APGAR score คือ ตัวเลขที่ได้จากการประเมินสภาวะเด็กทารกแรกเกิดใน 1 นาทีแรก ต่อด้วย 5 นาที และ 10 นาที หลังคลอด เป็นการประเมินภาวะการหายใจในทารกประกอบด้วย ลักษณะสีผิว อัตราการเต้นของหัวใจ สีหน้าจากการกระตุ้น การเคลื่อนไหวของทารก และความพยายามในการหายใจ ซึ่งมีค่าคะแนนเต็ม 10 คะแนน ทารกปกติต้องมีคะแนน 7 คะแนนขึ้นไป (ข้อมูลนี้อากู๋บอก)         นอกจากนี้ยังมีอาการผีซ้ำกรรมซัดให้สตรีที่ท้องกับสามีที่มีอายุเกิน 45 ปี ต้องเสี่ยงต่อโอกาสเป็นเบาหวานขณะตั้งท้อง (gestational diabetes ซึ่งส่งผลให้มีความดันโลหิตสูง วิตกกังวล และมักจำต้องทำการผ่าท้องคลอด) เนื่องจากรกที่เชื่อมระหว่างลูกและแม่ทำหน้าที่สร้างฮอร์โมน human placental lactogen แล้วปล่อยเข้าสู่กระแสเลือดของแม่จนอาจก่อให้เกิดภาวะดื้ออินซูลิน เพื่อเพิ่มการใช้พลังงานจากไขมันแล้วสงวนน้ำตาลในเลือดส่งไปให้ทารกในครรภ์ สิ่งหนึ่งที่น่าสนใจคือ เด็กที่เกิดจากแม่ที่มีอาการเบาหวานขณะตั้งท้องแล้วไม่ได้รับการแก้ปัญหาให้เหมาะสมนั้น มักมีน้ำหนักมากผิดปรกติ มีน้ำตาลในเลือดต่ำและเป็นดีซ่าน        ประเด็นสำคัญที่ทำให้จำเป็นต้องมีงานวิจัยเกี่ยวกับผลจากการมีลูกเมื่ออายุมากของพ่อแม่นั้น เป็นเพราะประชาชนทั้งหญิงและชายของสหรัฐอเมริกาขณะนี้ จำเป็นต้องมีลูกเมื่ออายุสูงกว่าเดิมแล้วทั้งนั้น ในกรณีของผู้หญิงดังที่กล่าวในตอนต้นแล้วว่า รู้กันมานานว่าอายุที่จะมีลูกนั้นไม่ใช่แค่ตัวเลขที่ไม่สนใจไม่ได้ ผู้เขียนเคยอ่านพบคำแนะนำในวารสารวิชาการเรื่องหนึ่งกล่าวว่า อายุเหมาะที่สุดในการมีลูกสำหรับผู้หญิงคือ ช่วง 20 ปีต้นๆ ซึ่งในความเป็นจริงมักทำไม่ได้เพราะยังเรียนไม่จบปริญญาตรี ยังไม่มีงานที่มั่นคงถาวรจึงมีการเสนอว่า อายุประมาณ 27 ปี ดูเหมาะสมที่สุด ส่วนผู้ชายนั้นแต่เดิมไม่เคยกังวลเรื่องอายุ จึงมักทำหยิ่งไม่รีบมีลูก แต่เมื่องานวิจัยออกมาดังกล่าวข้าง งานก็เข้าซิครับท่านผู้อ่านข้อมูลเกี่ยวกับชีวิตของชาย-หญิงอเมริกันจำนวนหนึ่งระบุว่า เขาเหล่านี้มักมีหนี้ที่กว่าจะชำระหมดก็เป็นช่วงวัยกลางคนตอนปลายๆ หนี้เหล่านี้ ได้แก่ เงินยืมเพื่อการศึกษา(ทำนองเดียวกับ กยศ.) เงินกู้เพื่อซื้ออสังหาริมทรัพย์ เงินกู้เพื่อซื้อรถยนต์ และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ เช่น มือถือ ตลอดจนถึงสร้อยคอ เท่าที่แหล่งเงินกู้ยอมให้ยืม เนื่องจากคนอเมริกันไม่เคยเรียนรู้คำว่า พอเพียง จึงทำให้เป็นหนี้ยาวจนต้องรอถึงช่วงสูงวัยปลอดหนี้จึงคิดถึงการมีลูกเสียที ประเด็นนี้ดูจะคล้ายคนบางอาชีพในประเทศ กูมี ที่มักนิยมเป็นหนี้สหกรณ์เพื่อซื้อของที่อยากได้ให้มีเหมือนคนอื่นเขา ในลักษณะรสนิยมสูงเกินรายได้ จนมีการตั้งกลุ่มประกาศขอชักดาบเงินกู้ต่างๆ ทำให้สังคมที่ได้ยินข่าวนี้พากันสรรเสริญในความเลวที่ตั้งท่าจะกระทำบทเรียนที่อาจถอดออกมาได้จากงานวิจัยเกี่ยวกับการที่เด็กมีพ่อสูงวัยในสหรัฐอเมริกาอาจมีปัญหาด้านสุขภาพนั้น สามารถนำมาประยุกต์กับคนไทยเพียงบางส่วนเท่านั้น เพราะปรากฏว่า อัตราการเกิดของคนในพื้นที่อาณาเขตประเทศไทยนั้นต่ำลงมาก โดยเฉพาะในคนที่มีการศึกษาดีที่มองอนาคตของลูกที่จะเกิดมาไม่ออก จนเมื่อใกล้หมดวัยเจริญพันธุ์แล้ว (แค่) บางคน (ซึ่งเป็นส่วนน้อย) ที่มองเห็นทางออกว่า ลูกที่อาจมีจะทำมาหากินอะไร จึงกระตืนรือล้นอยากมีลูก ส่วนที่เหลือไม่หวังมีลูกก็ได้แต่ก้มหน้ารอรับกรรมเมื่อแก่ต่อไปเพราะคงไม่มีลูกมาดูแล

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 167 กระแสในประเทศ

ประมวลเหตุการณ์เดือนมกราคม 2558 ศาลสั่ง “BTS” ทำลิฟท์ทุกสถานีให้ผู้พิการ ศาลปกครองสูงสุดมีมติ ให้กลุ่มผู้พิการ โดยมูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อการพัฒนาคนพิการ เป็นฝ่ายชนะคดีที่ฟ้องร้องต่อ กทม. และบริษัทระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กรณีร่วมกันก่อสร้างระบบรถไฟฟ้าบีทีเอส (BTS) โดยไม่มีการก่อสร้างลิฟต์และสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับผู้พิการ หลังจากที่ต่อสู้เรียกร้องสิทธิมายาวนาน ตั้งแต่เริ่มมีการสร้างรถไฟฟ้าก่อนเปิดให้ใช้งาน นับเวลารวมแล้วเกือบ 20 ปี โดยมติของศาลมีว่า กทม. และบริษัทระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ต้องจัดทำลิฟต์ที่สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสทั้ง 23 สถานี (ปัจจุบันมีเพียง 5 สถานี ได้แก่ สยาม หมอชิต ช่องนนทรีย์ สนามกีฬาแห่งชาติ และอ่อนนุช โดยแต่ละสถานีมีลิฟต์เพียง 1 ตัวเท่านั้น) และให้จัดทำอุปกรณ์สิ่งอำนวยความสะดวก ทั้ง 23 สถานี รวมทั้งจัดทำอุปกรณ์สิ่งอำนวยความสะดวกบนรถไฟฟ้า โดยให้จัดที่ว่างสำหรับเก้าอี้เข็นคนพิการ ให้มีความกว้างไม่น้อยกว่า 120 ซม. และให้ราวจับสูงจากพื้นไม่น้อยกว่า 80 ซม. บริเวณทางขึ้นลงและติดสัญลักษณ์คนพิการไว้ทั้งในและนอกตัวรถที่จัดให้สำหรับคนพิการ ตามกฎกระทรวงฉบับที่ 4 (พ.ศ.2542) ออกตามความใน พ.ร.บ.การฟื้นฟูสมรรถภาพคนพิการ พ.ศ.2534 และตามระเบียบคณะกรรมการฟื้นฟูสมรรถภาพคนพิการว่าด้วยมาตรฐานอุปกรณ์หรือสิ่งอำนวยความสะดวกโดยตรงแก่คนพิการ พ.ศ.2544 ทั้งนี้ให้ดำเนินการตามคำสั่งศาลให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปี หลังจากมีคำพิพากษา   ไม่อยาก “ซิมดับ” รีบไปลงทะเบียน ใครที่เป็นผู้โทรศัพท์เคลื่อนที่แบบเติมเงิน แล้วยังไม่เคยลงทะเบียนซิม ต้องอ่านข่าวนี้ให้ดี เพราะ กทสช. ออกประกาศชัดเจนแล้ว หากใครยังไม่ยอมนำซิมไปลงทะเบียนก่อนวันที่ 31 ก.ค. 2558 ซิมจะถูกระงับการใช้งานโทรเข้า-โทรออกไม่ได้ เรื่องการบังคับให้ผู้ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบเติมเงิน หรือ prepaid ต้องลงทะเบียนซิมนั้น เป็นไปตามประกาศตั้งแต่สมัย กทช. เพื่อผลในเรื่องของความปลอดภัย ทำให้ทราบถึงข้อมูลของผู้ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่แต่ละหมายเลข รวมทั้งเป็นผลดีในเรื่องของการคุ้มครองผู้บริโภคด้วย ช่วยในความสะดวกเวลาใช้สิทธิหรือร้องเรียนปัญหาต่างๆ อย่างเช่น การย้ายค่ายเบอร์เดิม ผู้ใช้โทรศัพท์มือถือแบบเติมเงินที่ยังไม่เคยลงทะเบียนซิม สามารถลงได้โดยนำซิมการ์ดที่ต้องการลงทะเบียนและบัตรประชาชนนำไปติดต่อขอลงทะเบียนได้ที่ศูนย์บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่เครือข่ายที่เราใช้บริการอยู่   “ไอโอดีน” ในวิตามินรวมสำหรับคนท้องตกมาตรฐานเพียบ มี “ทั้งขาด – ทั้งเกิน” กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์เผยผลตรวจวิตามินรวมผสมเกลือแร่สำหรับหญิงตั้งครรภ์ จำนวน 13 ตัวอย่าง ทั้งที่ผลิตในประเทศและนำเข้าจากต่างประเทศ พบผิดมาตรฐาน 9 ตัวอย่าง (ร้อยละ 69) โดยพบว่าแต่ละตัวอย่างมีปริมาณไอโอดีนในแต่ละเม็ดแตกต่างอย่างมาก บางเม็ดยาตรวจไม่พบไอโอดีนเลย ขณะที่บางเม็ดพบปริมาณไอโอดีนสูง 40 เท่าของปริมาณที่แจ้งไว้ ไอโอดีนถือว่า 1 ในสารอาหารสำคัญสำหรับหญิงตั้งครรภ์ เพราะช่วงตั้งครรภ์หากมารดาขาดสารไอโอดีนจะส่งผลกระทบต่อพัฒนาการทางสมองและระบบประสาทของเด็กทารกได้ จึงกลายเป็นช่องทางให้มีผู้ผลิตอาหารเสริมผสมไอโอดีนออกมาขาย แต่จากผลทดสอบที่ได้จะเห็นว่าผลิตภัณฑ์ที่วางจำหน่ายอยู่ส่วนใหญ่ไม่ได้มาตรฐาน อาจส่งผลร้ายต่อสุขภาพของผู้ที่กินได้ ซึ่งหลังจากนี้ทาง อย.จะต้องมีการควบคุมคุณภาพผลิตภัณฑ์ยาและอาหารเสริมที่มีสารไอโอดีนเป็นองค์ประกอบ และต้องมีการกำหนดข้อบ่งใช้กับสตรีมีครรภ์เพื่อความปลอดภัยต่อผู้ใช้   “สปาหอยทาก” เจอ “อีโคไล” วิวัฒนาการเรื่องความสวยความงามมีมาได้ไม่สิ้นสุดจริงๆ ที่มาสร้างความฮือฮาแบบสุดๆ ก็คือ “สปาหอยทาก” ที่จับเอาหอยทากมาไต่บนใบหน้า เพราะเชื่อว่าที่ตัวหอยทากมีสารช่วยบำรุงผิวหน้าเป็นสูตรลับจากฝรั่งเศส แต่งานนี้ดูไม่ชอบมาพากล เพราะหลายคนตั้งคำถามถึงเรื่องความสะอาดและความปลอดภัย ร้อนถึงกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) ต้องรุดเข้าไปตรวจสอบ สปาหอยทากนี้ตั้งอยู่ที่ จ.เชียงใหม่ มีเจ้าของเป็นชาวฝรั่งเศส โดยนอกจากจะเปิดให้บริการในลักษณะเป็นร้านเสริมสวยที่ใช้หอยทากมาไต่ที่ผิวหน้าแล้วนั้น ยังมีฟาร์มหอยทากจำนวนกว่า 3 หมื่นตัว โดยเจ้าของระบุว่า เดิมนำเข้าแม่พันธุ์มาจากฝรั่งเศสประมาณ 100 ตัว แล้วค่อยมาขยายพันธุ์ที่เมืองไทย ซึ่งหลังจากการตรวจสอบโดยกรมประมง พบว่ามีเชื้ออีโคไลปนเปื้อนในตัวอย่างหอยทากที่นำไปตรวจ นอกจากนี้ยังอาจมีความผิดฐานนำเข้าสัตว์โดยผิดกฎหมาย ส่วนเรื่องของของเปิดบริการสถานเสริมความงาม พบเรื่องการใช้เครื่องมือแพทย์โดยผู้ที่ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญหรือไม่ได้รับใบอนุญาต และสถานบริการดังกล่าวยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนกับ สบส. แค่จดทะเบียนการค้ากับกระทรวงพาณิชย์เท่านั้น ใครที่จะไปใช้บริการก็ขอให้ระวังเรื่องของเชื้ออีโคไลให้ดี เพราะเป็นเชื้อที่ผลต่อระบบทางเดินอาหาร อาจทำให้ท้องร่วงรุนแรงได้   จับตากฎหมาย “จีเอ็มโอ” หวั่นเอื้อประโยชน์บรรษัทเมล็ดพันธุ์ข้ามชาติ มูลนิธิชีววิถี (BIOTHAI) คณะกรรมการองค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค ภาคประชาชน นักวิชาการ กลุ่มธุรกิจอาหาร และกลุ่มเกษตรอินทรีย์ ร่วมกันจัดเวทีเสวนา จับตาการผลักดัน “ร่าง พ.ร.บ.ความปลอดภัยทางชีวภาพ พ.ศ....” หวั่นเอื้อประโยชน์บรรษัทเมล็ดพันธุ์ข้ามชาติ ซึ่งหลังจากที่คณะทำงานศึกษาแนวทางการนำสิ่งมีชีวิตดัดแปลงพันธุกรรม (GMO) และผลิตภัณฑ์มาใช้ใน ประเทศไทย ได้มีมติร่วมกันว่า การทดลองเรื่องจีเอ็มโอนั้นให้กลับไปใช้มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2550 ที่มีเงื่อนไขควบคุมการทดลองจีเอ็มโอในภาคสนามที่เข้มงวด เช่น ต้องทำรายงานผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ต้องทดลองในสถานที่ของราชการเท่านั้น ต้องรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่ และนักวิชาการ และคณะรัฐมนตรีต้องเป็นผู้อนุมัติให้มีการทดลองเป็นรายกรณี ซึ่งจากข้อกำหนดนี้ จะส่งผลลบกับกลุ่มบรรษัทเมล็ดพันธุ์ข้ามชาติ ที่หวังจะนำเมล็ดพันธุ์จีเอ็มโอเข้ามาขายในประเทศไทย ทำให้การพลักดัน “ร่าง พ.ร.บ.ความปลอดภัยทางชีวภาพ พ.ศ....” นี้จึงเป็นเครื่องมือของเหล่าบรรษัทข้ามชาติ ที่ลดทอนความเข้มงวดในการควบคุมการใช้เมล็ดพันธุ์จีเอ็มโอในประเทศ ทั้งนี้เมล็ดดัดแปลงพันธุกรรมหรือ จีเอ็มโอนั้น ถูกทำให้เชื่อว่าจะเป็นเมล็ดพันธุ์ที่ให้ผลผลิตที่ดีกว่าเมล็ดพันธุ์ทางธรรมชาติปกติ แต่นั่นเป็นเพียงการสร้างมายาคติของบรรษัทผู้ถือสิทธิเมล็ดพันธุ์จีเอ็มโอเท่านั้น การใช้เมล็ดพันธุ์จีเอ็มโอเกษตรกรจะต้องซื้อจากบรรษัทเจ้าของสิทธิ ไม่สามารถเพาะได้เองเหมือนเมล็ดพันธุ์ตามธรรมชาติ ซึ่งในอนาคตจีเอ็มโออาจจะกลายเป็นเครื่องมือที่ถูกนำมาใช้ในการกีดกันทางการค้า เมล็ดพันธุ์จีเอ็มโอจะทำลายเมล็ดพันธุ์ทางธรรมชาติอื่นๆ ที่สำคัญคือเมืองไทยเราเป็นเมืองเกษตร มีความอุดมสมบูรณ์ในการเพาะปลูกพืชพรรณต่างๆ อยู่แล้ว จึงไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่จะต้องพึ่งพาเมล็ดพันธุ์จีเอ็มโอจากต่างชาติ โดยหลังจากนี้จะมีการทำหนังสือถึงคณะรัฐมนตรี และสภานิติบัญญัติแห่งชาติให้ชะลอการพิจารณาร่างกฎหมายฉบับนี้เอาไว้ก่อน โดยจะขอให้มีการเปิดรับฟังความคิดเห็นจากสาธารณะ และปรับปรุงเนื้อหาที่จะไม่เป็นการทำร้ายเกษตรกร ภาคธุรกิจ และผู้บริโภคในประเทศ  

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 177 กระแสต่างแดน

ขับช้าลดมลพิษ?ต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา เทศบาลเมืองมาดริด ประเทศสเปน ประกาศลดอัตราความเร็วสูงสุดบนท้องถนนเหลือ 70 กิโลเมตร/ชั่วโมง (จากเดิม 90 กิโลเมตร 100 กิโลเมตร และ 120 กิโลเมตร ต่อชั่วโมงแล้วแต่ประเภทของถนน) ... นี่ถือเป็นครั้งแรกของเมืองนี้เลยทีเดียวเทศบาลมาดริดออกประกาศดังกล่าว หลังจากพบว่าระดับไนโตรเจนไดออกไซด์ใน 11 สถานีตรวจวัด (จากทั้งหมด 24 สถานี) ทั่วเมือง มีค่าสูงเกินเกินกำหนด 200 ไมโครกรัม ซึ่งถือว่าเป็นอันตรายต่อผู้อยู่อาศัย เขาถึงขั้นประกาศให้ชาวเมืองที่มีปัญหาระบบทางเดินหายใจงดออกกำลังกายในที่โล่งแจ้งกันไปสักพัก การปราศลดความเร็วนั้นเป็นหนึ่งในความพยายามที่จะลดมลพิษ แต่ถ้าวิธีนี้ยังไม่ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงใดๆ ขั้นต่อไปเขาจะประกาศห้ามผู้ที่ไม่ได้อยู่อาศัยในเขตใจกลางเมืองนำรถเข้ามาจอดในเมืองด้วย นี่ยังไม่นับว่าทุกวันนี้ เวลาชาวมาดริดเขาขับรถไปไหนมาไหน ก็จะเจอแต่ป้ายบิลบอร์ดที่ขอร้องให้คนช่วยกันจอดรถไว้บ้าน แล้วหันมาใช้การขนส่งสาธารณะเพื่อช่วยกันลดมลภาวะด้วย ถามว่าเรื่องนี้เข้าตานักสิ่งแวดล้อมไหม เขาตอบเลยว่าด้วยความยินดี เพียงแต่ยังรู้สึกว่าวิธีลดปริมาณก๊าซไนโตรเจนไดออกไซด์ในบรรยากาศของเมืองนี้ได้ดีที่สุดคือการห้ามใช้รถยนต์ไปเลยมากกว่า    ของแท้อยู่ยากชาวเวียดนามบริโภคน้ำปลาปีละประมาณ 200 ล้านลิตร คิดเป็นมูลค่าประมาณ 12,600 ล้านบาท แต่เชื่อหรือไม่ว่าร้อยละ 75 ของน้ำปลาที่บริโภคกันอยู่นั้นเป็นน้ำปลาผสม น้ำปลาแท้ร้อยเปอร์เซ็นต์แบบดั้งเดิมกำลังจะหายไปจากตลาดเวียดนาม ผู้บริหารระดับสูงของโรงงานน้ำปลาแท้ยี่ห้อยอดนิยม ที่เป็นที่รู้จักกันในเวียดนามมานานก็ยังออกมาให้สัมภาษณ์ยอมรับว่ารายได้ของบริษัทในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ลดลงไปถึงร้อยละ 30 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า เขาบอกว่ามีเพียงผู้บริโภคที่เข้าใจเรื่องน้ำปลาจริงๆ เท่านั้นที่ยังควักกระเป๋าซื้อน้ำปลาแท้แบบดั้งเดิมแม้จะราคาแพงกว่า ในขณะที่คนส่วนใหญ่มักเลือกน้ำปลาราคาถูก ที่ได้ของแจกของแถมหรือส่วนลดมากกว่า ผลิตภัณฑ์ยอดนิยมของบริษัทก็ถูกเบียดตกชั้นในซูเปอร์มาร์เก็ตไปหลายตัวแล้วจะให้ของดีมีราคาถูกก็เป็นไปได้ยาก เขาบอกว่ากระบวนการทำน้ำปลาของโรงงานต้องเริ่มตั้งแต่จัดซื้อเกลือแล้วปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 1 ปีให้หมดกลิ่นของแม็กนีเซียมก่อน จึงนำมาหมักกับปลาในช่วงเดือนเมษายนถึงสิงหาคม แล้วจึงนำมาบรรจุขายได้ ในขณะที่โรงงานน้ำปลาผสมแค่ซื้อน้ำปลาแท้มาเติมรสแล้วผสมออกมาขายได้วันละหลายแสนลิตร มันก็ต้องถูกกว่าเป็นธรรมดา บางที่ทำออกมาขายได้ในราคาเพียงขวดละ 8,000 ด่อง(13 บาท) เท่านั้น   ด้วยกำลังซื้อที่ลดลงของผู้คน ซูเปอร์มาร์เก็ตรายใหญ่ จึงกดดันให้ผู้จัดส่งน้ำปลาแท้เหล่านี้ลดราคาลงประมาณร้อยละ 25 ทำให้หลายเจ้าตัดสินใจไม่วางแผงในห้าง และอีกหลายเจ้าก็มีทีท่าว่าจะเลิกผลิตน้ำปลาแท้ไปเลย ทำให้มีเพียงบริษัทใหญ่ๆ ที่ทำน้ำปลาผสมเท่านั้นที่ยังอยู่ได้ และบริษัทเหล่านี้ทุ่มเงินมหาศาลไปกับการโฆษณาและการตลาดเป็นหลัก ไม่ใช่คุณภาพของน้ำปลา รถนักเรียนต้องรับรองผลิตภัณฑ์ล่าสุดที่กำลังจะได้รับการรับรองจากสมาคมผู้บริโภคสิงคโปร์ Consumer Association of Singapore (CASE) คือรถนักเรียน หลังจากมีกรณีร้องเรียนในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา 39 กรณี ประมาณ 10 กรณีเป็นเรื่องของการปิดกิจการกะทันหันของผู้ประกอบการรถนักเรียนหลังจากเรียกเก็บเงินจากผู้ปกครอง อีก 6 กรณีเป็นการขอขึ้นราคาหลังจากได้ทำสัญญากันไปแล้ว ส่วนที่เหลือเป็นเรื่องของคุณภาพบริการและการคิดราคาค่าบริการแพงเกินไป  พ่อแม่ผู้ปกครองและเด็กๆ ที่จะมีชีวิตที่ดีขึ้น เมื่อสมาชิก 18 รายของสมาคมรถนักเรียนสิงคโปร์ Singapore School Transport Association เข้าร่วมลงนามในโครงการรับรองดังกล่าวกับ CASE ว่าปัญหาต่างๆที่ว่ามานั้นจะไม่เกิดขึ้นอีก หนึ่งในเงื่อนไขการรับรองคือการให้ผู้ประกอบการวางเงิน 100,000 เหรียญ(ประมาณ 2.5 ล้านบาท) เป็นประกันกรณีที่เลิกกิจการไว้ด้วย การรับรองนี้จะมีผลในอีก 6 เดือนข้างหน้า ใส่แล้วร้อน  ในที่สุดโรงงาน KinTai Garment ในกรุงพนมเปญ ผู้ผลิตเสื้อผ้าให้กับแบรนด์อาร์มานี ได้ประกาศปิดกิจการลงอย่างเป็นทางการแล้ว ก่อนหน้านั้นมีข่าวออกมาเป็นระยะว่าสภาพการทำงานที่นี่สุดแสนจะทานทน ด้วยการไม่มีระบบระบายอากาศจึงทำให้อุณหภูมิในพื้นที่ทำงานบางครั้งสูงเกิน 37 องศา เป็นเหตุให้พนักงานสาวน้อยสาวใหญ่เป็นลมคาจักรเย็บผ้ากันไปบ่อยๆ  แต่ต่อมาในเดือนมิถุนายน พนักงานก็ได้เฮ เพราะโรงงานประกาศจะติดตั้งระบบสปริงเคิลเพื่อทำให้โรงงานเย็นสบายขึ้น แถมยังจะให้โบนัสตามอายุงาน และทำสัญญาจ้างระยะยาวจากเดิมที่เป็นสัญญาจ้างแบบแค่ 3-6 เดือนด้วยน่าเสียดายที่เฮกันได้ไม่นาน เจ้าของโรงงานซึ่งเป็นบริษัทสัญชาติไต้หวันก็โยกออเดอร์จากอิตาลีไปยัง Golden Plus Textile โรงงานใหม่ที่ตั้งอยู่ในเมืองกันดาลแทน แล้วก็ประกาศปิดโรงงานแห่งเดิมไป พนักงานหลายร้อยคนจึงต้องตกงาน ผู้นำสหภาพฯ ของโรงงาน KinTai Garment บอกว่า แม้โรงงานประกาศว่าจะจ่ายเงินที่ค้างไว้ให้กับพนักงานทุกคน แต่เธอเชื่อว่าเงินที่โรงงานเตรียมไว้ไม่เพียงพอจ่ายพนักงานแน่นอน ข่าวบอกว่าโรงงานติดค้างค่าจ้างและโบนัสไม่ต่ำกว่า 50,000 เหรียญ (ประมาณ 1.8 ล้านบาท)ที่น่าเจ็บใจไปกว่านั้นคือเธอและเพื่อนๆ พบว่า บริษัทไปประกาศรับพนักงานจำนวนมากที่เมืองกันดาล เพราะต้องการขยายกิจการ แถมยังบอกว่าก็ไม่ได้ห้ามพนักงานเก่ามาสมัคร ใครไม่อยากย้ายมาจากพนมเปญก็ช่วยไม่ได้ ... อ้าว     “เตรียมตัวตั้งครรภ์” นาทีนี้ในประเทศจีน ผลิตภัณฑ์ไหนก็ไม่ฮิตไปกว่าคำว่า “ผลิตภัณฑ์สำหรับผู้ต้องการตั้งครรภ์” แล้ว หลังจากรัฐบาลประกาศยกเลิกนโยบาย “ลูกคนเดียว” เมื่อวันที่ 29 ตุลาคมที่ผ่านมา สถิติคำค้น “เตรียมตัวตั้งครรภ์” ในเว็บไซต์ของอาลีบาบา ในสัปดาห์ที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 148 จากช่วงเวลาเดียวกันในปีที่ผ่านมา หลังบรรดาคู่สมรสทราบว่าพวกเขาสามารถมีบุตรได้ 2 คนผลิตภัณฑ์ยอดฮิต 3 อันดับแรกที่ถูกซื้อในอาลีบาบา ได้แก่ ชุดตรวจการตั้งครรภ์ ชุดคำนวณวันไข่ตก ชุดตรวจการตกไข่ด้วยน้ำลาย ข้อมูลนี้ยังบอกอีกว่าผู้คนในภาคเหนือและภาคกลางมีความสนใจอยากมีลูกคนที่สองมากกว่า คนในเมืองใหญ่ๆ อย่าง ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ หรือกวางโจว  ทั้งนี้เพราะผู้คนในเมืองเล็กๆ รู้สึกว่าด้วยค่าครองชีพที่ถูกกว่า พวกเขาจึงน่าจะสามารถเลี้ยงดูลูกคนที่สองได้โดยไม่ลำบาก ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ สื่อจีนรายงานว่าแผนนี้สร้างความสั่นสะเทือนไปทั่วยุทธภพ ราคาหุ้นทั้งในตลาดหุ้นจีนและตลาดหุ้นในต่างประเทศต่างก็พากันถีบตัวสูงขึ้น นโยบาย “ลูกคนเดียว” ที่ใช้มากว่า 35 ปีสามารถป้องกันการเกิดของเด็กได้ไม่ต่ำกว่า 400 ล้านคน แต่ถ้าดูโครงสร้างประชากร ณ ปัจจุบัน จะพบว่าร้อยละ 9 ของประชากรจีน มีอายุมากกว่า 65 ปี และเด็ก 1 คน จะต้องเป็นผู้ดูแล พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา และ ยาย ... เรียกว่า 1 ต่อ 6 กันเลยทีเดียว  

อ่านเพิ่มเติม >