ฉบับที่ 144 ซอสมะเขือเทศเชอร์รี่ ของคุณชาวนาฯ

เตรียมตัวไปเยี่ยมผู้ใหญ่ แต่เตลิดเลยไปบ้านคุณชาวนา ลูกหลานพญาคันคากที่สุพรรณบุรีเสีย  เลยได้ของฝากจากคุณชาวนาฯ มาฝากท่านผู้อ่าน   ผู้ใหญ่ที่ว่านั้น เป็นชาวนาสูงวัย 2 ราย ที่ฉันเคยได้ไปขออาศัยศึกษาข้อมูลความรู้เรื่องนาฟางลอยเมื่อ 2 ปีก่อน   รายแรกที่แวะไปเยี่ยม  เป็นคู่สามี-ภรรยา  วัย 60 ปี   ที่ทำนามาตลอดชีวิต  ตอนที่ไปหานั้นทั้งคู่อยู่ในนาทั้งที่เป็นเวลาบ่ายสี่โมงกว่าๆ แล้ว  เราคุยทักทายกันเบื้องแรกอยู่ไม่กี่นาทีประสาคนไม่เจอหน้ากันนานหลายเดือน  สักพักป้าแกเลยพาไปนั่งหลบเงารถแทรกเตอร์พ่วงบนคันนา  จึงได้รู้ว่านอกจากโครงการจำนำข้าวจะสร้างความพึงพอใจในด้านการผลิตของแก แล้ว  แกเพิ่งนำเงินกำไรจากการขายข้าวไปดาวน์รถคันแรกให้กับลูกชายคนสุดท้ายที่เพิ่งได้งานทำในบริษัท หลังจากช่วงที่ว่างงานลูกชายคนนี้เคยมาช่วยงานในนาบ้างเป็นครั้งคราว  แต่เขาก็ไม่ได้ชอบงานนาสักเท่าไหร่   ทั้งลุงและป้าก็อยากให้เขาได้งานที่สบายกว่าเป็นชาวนา     ฝ่ายลุงก็ยังอดเปรยให้ฉันฟังไม่ได้ว่าบริษัทของลูกชายนั้นเขี้ยว  หาคนเข้าไปทำงานก็ต้องมีรถไปด้วย บริษัทไม่ยอมซื้อให้  ยอมจ่ายแต่ค่าน้ำมัน   อีกรายเป็นชาวนาวัย 70 กว่า  ที่นอกจากทำนาปีในช่วงฤดูนาปีแล้ว  ยังปล่อยให้คนเช่าทำนาปรังของตัวเองในช่วงฤดูนาปรังด้วย   ส่วนรอบๆ บ้านของแกก็มีบ่อปลา เลี้ยงไก่ ปลูกกล้วย ผลไม้ และผักสวนครัวไว้กินตามประสาคนไกลตลาด    สิ่งที่น่ายินดีไปกับแกด้วย  คือลูกชายคนโตที่แกส่งเรียนจนเป็นเจ้าหน้าที่เทคนิคการแพทย์ในโรงพยาบาลอำเภอนั้นมาหลายปี เก็บเงินเก็บทองได้ก้อนใหญ่กลับมาซื้อที่นาแปลงใกล้ๆ บ้านไว้ 30 ไร่  และพ่อลูกสองคนได้ใช้โอกาสตระเวนไปดูงานชาวนาดีเด่นอย่าง คุณชัยพร พรหมพันธุ์ , คุณทองเหมาะ แจ่มแจ้ง  และที่อื่นๆ เพื่อเตรียมความพร้อมจะมาเป็นชาวนา   แต่คุณลุงแกก็ยังแย้มออกมาว่า ต้องดูก่อนเรื่องน้ำที่ปีนี้ว่าแล้งมากและอาจจะเบิกที่ทำนาปรังไม่ได้  และถึงทำนายังไม่ได้การมีที่ดินที่รู้แต่แรกว่าถนนเส้นใหญ่จะตัดผ่านใกล้ๆ บริเวณนั้น มันช่างการเป็นการเก็งกำไรที่คุ้มค่า  ถึงไม่ได้ทำนา ราคาที่ดินก็ขึ้นมาอยู่ดี แม้บริเวณทุ่งนาแห่งนี้จะถูกประกาศให้เป็นแอ่งรับน้ำนองในช่วงที่เกิดอุทกภัยในเขตเมืองก็ตาม   ฟังข่าวดีของผู้ใหญ่ชาวนาที่ฉันไปเยี่ยมแล้วอดแช่มชื่นใจไปกับแกด้วยไม่ได้   นี่ไม่รวมความครึ้มอกครึ้มใจที่ได้ของฝากแสนอร่อยของคุณชาวนาฯ เพื่อนฉันด้วยนะนี่   ของฝากจากคุณชาวนาฯ ที่ว่า เป็นซอสมะเขือเทศโฮมเมท ที่คุณชาวนาฯ ปลูกเองเคี่ยวเอง กินอร่อยเองภายในครอบครัวแล้วยังมีเหลือแบ่งมาให้ฉันได้ทดลองกิน    แค่ได้ดมก็หอมเหลือใจ  มันมีกลิ่นของอบเชยลอยอวลมากระทบจมูกแล้วชวนน้ำลายไหล พาให้คิดไปไกลว่าจะทำอะไรกินดีระหว่าง พาสต้าของชอบ กับพิซซ่าที่พอจะหาสูตรแป้งในอินเตอร์เน็ตได้ แต่ไม่มีเตาอบสำหรับมัน   คุณชาวนาฯ ปลูกมะเขือเทศเชอร์รี่ไว้  ทั้งกินเองและเก็บเมล็ดพันธุ์ไว้บรรจุเป็นซองสวยงามจำหน่ายทั้งตามงานของเหล่าชาว GREEN ตามแต่จะมีโอกาส และทางอินเตอร์เน็ตผ่านโซเชียลมีเดีย อย่าง Facebook  ด้วย  พอมีผลผลิตเหลือเยอะเกินจัดการ ก็เปิดค้นหาทั้งรูปแบบและวิธีการแปรรูปจากอินเตอร์เน็ต  แล้วก็เอารูปผลิตภัณฑ์มาอวดกันใน Facebook   หลังจากทั้งได้ดูภาพใน Facebook  ได้ดมและได้กินซอสของจริงแล้ว ฉันว่าผู้ที่สนใจก็อาจจะเอาไปทดลองทำได้ง่ายๆ ไม่ยากเลย   ส่วนประกอบ มะเขือเทศเชอร์รี่สุก                   2              ถ้วย หอมหัวใหญ่                           1              ถ้วย น้ำส้มสายชู                            2              ช้อนโต๊ะ น้ำสะอาด                              ½             ถ้วย เกลือป่น                               1              ช้อนชา อบเชย                               2 – 3          ชิ้น   วิธีทำ นำมะเขือเทศและหอมหัวใหญ่ใส่น้ำ ปั่นด้วยเครื่องปั่นน้ำผลไม้  แล้วเทใส่หม้อเคลือบ  ใส่ส่วนผสมที่เหลือทั้งหมดลงไปในหม้อ ตั้งไฟอ่อนๆ เคี่ยวสัก 30 นาที โดยคนตลอดเวลา  แล้วปิดเตาไป  ยกลง ตั้งให้เย็น   จากนั้นนำไปกรองด้วยกระชอนตาละเอียด หรือกระชอนร่อนแป้ง  กรองเอาแต่น้ำซอสไว้ใช้   สูตรนี้คุณผู้อ่านอาจจะปรับแต่งรสชาติได้เองตามชอบโดยการชิมแล้วค่อยๆ ปรุงเพิ่ม   ถ้าทำในปริมาณมากโดยเก็บใส่ขวดแก้วสะอาดมีฝาปิดแช่ไว้ในตู้เย็น   เมื่อต้องการนำมาใช้ปรุงอาหาร หรือใช้เป็นเครื่องจิ้ม จึงเทแบ่งมาใช้   ฉันทดลองนำซอสมะเขือเทศทำเองของคุณชาวนามาทาขนมปังเป็นแยมกินก็อร่อยดี  ปิ้งขนมปังให้กรอบแล้วทา  จะเสริมเพิ่มแฮมโบโลน่า และ Cheddar Cheese  ลงไปด้วยก็ได้ตามอัธยาศัย   นึกแผลงขึ้นมาอีกนิดก็เอาซอสทาขนมปังแล้วเอากุ้งสดที่ล้างสะอาดผ่ากลางตัวเอาเส้นดำกลางหลังออกมาวางแผ่หรา    แล้วเรียงด้วยถั่วแขกหั่นแฉลบ ของคุณชาวนาฯ นั่นแหละลงไป  โปะด้วย  Cheddar Cheese  ที่หั่นเป็นริ้วๆ แล้วยกไปใส่ไมโครเวฟอบแป๊บเดียวก็ได้กิน   เสียแต่ว่า ขนมปังที่รองมันบางและใส่ซอสมากไปนิด เลยออกจะแฉะไป  เลยกะว่าจะลองปิ้งขนมปังให้เกรียมกรอบก่อน ค่อยบรรจงทาซอส เรียงชิ้นถั่วแขกแล้วเอาเข้าเวฟใหม่คราวหน้า   นี่ยังเสียดายว่าฉันเพลินชิมซอสไปนิด  ถ้ามีเหลือมากกว่านี้   เอาตับหมูบดละเอียดแล้วเอาลงไปเคี่ยวไฟอ่อนๆ ให้ตับสุก  ก็จะได้เป็นแยมตับกับซอสเชอร์รี่ เอาไว้ทาขนมปังกินยามเร่งด่วนก็คงจะดีไม่น้อยทีเดียว

สำหรับสมาชิก >
ฉลาดซื้อ เก็บแต้มแลกสินค้า250 Point