ฉบับที่ 266 แอปพลิเคชั่น Alljit เพื่อนดูแลใจ

        เมื่อเกิดภาวะความเครียดขึ้นภายในใจ ซึ่งอาจมีสาเหตุมาจากหลายปัจจัยที่แตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล จนทำให้เกิดความกดดันในการดำเนินชีวิตได้ไม่มากก็น้อย ทั้งนี้เมื่อเกิดความเครียดจนถึงระดับหนึ่ง การปล่อยวางและหาวิธีขจัดความเครียด ความกดดันเหล่านั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างหนึ่ง เพื่อลดระดับความเครียด โดยควบคุมให้ความเครียดนั้นอยู่ในระดับที่รับได้จนไม่ก่อนให้เกิดอันตรายกับตนเอง         ความเครียดสะสม ก่อให้เกิดภาวะอันตรายทำลายสุขภาพ เช่น มีโอกาสเกิดความดันโลหิตสูง ผลต่อเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจ ก่อให้เกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตามมา โรคเครียดลงกระเพาะ กระทบต่อการนอนหลับ หรือหากนอนหลับก็หลับไม่สนิท ทำให้มีอาการอ่อนเพลีย หงุดหงิดง่าย เกิดอาการปวดหัวไมเกรน ภาวะความเครียดที่เกิดขึ้นนานๆ อาจกลายเป็นภาวะซึมเศร้าได้ ซึ่งส่งผลต่อทางด้านร่างกาย และจิตใจ         ฉบับนี้จึงขอมาให้กำลังใจและแนะนำตัวช่วยผ่านแอปพลิเคชันที่มีชื่อว่า Alljit (ออลจิต) ผู้ช่วยที่คอยให้คำปรึกษาปัญหาด้านจิตใจในทุกเรื่อง ทั้งเรื่องส่วนตัว ครอบครัว การเงิน การงาน หรือความรัก โดยสามารถเลือกรูปแบบความต้องการได้ ได้แก่ การประเมินความรู้สึกด้วยตนเอง ความต้องการกำลังใจ การแลกเปลี่ยนเรื่องราว การฟังพอตแคสต์ (Podcast คือ ข้อความเสียงประเภทหนึ่งที่คล้ายกับการจัดรายการวิทยุโดยจะมีผู้ดำเนินรายการเพียงคนเดียวหรือหลายคนมาแบ่งปันความรู้และประสบการณ์ในด้านต่างๆ) และพูดคุยกับแอดมิน         การประเมินความรู้สึกด้วยตนเอง แบ่งออกเป็น 3 หมวด คือ ความเครียด ความเศร้า และการหมดไฟการทำงาน ที่ลักษณะการประเมินความรู้สึกด้วยคำถาม ส่วนความต้องการกำลังใจ แบ่งเป็นหมวดแชทเล่าความในใจ โดยสามารถเลือกคู่แชทและปิดบังตัวตนได้ เพื่อพูดคุยความในใจที่เกิดขึ้น หมวดกลุ่มพูดคุย ซึ่งเป็นการพูดคุยในรูปแบบกลุ่ม         การแลกเปลี่ยนเรื่องราว จะเป็นการเขียนข้อความตามที่ต้องการและเผยแพร่ทั่วไป โดยทุกคนที่เข้ามา สามารถแสดงความคิดเห็นได้ และการฟังพอตแคสต์ (Podcast) ผ่านหมวดหมู่หนังและซีรีย์ รีวิวหนังสือ อารมณ์และความรู้สึก ชีวิตในวัยรุ่น ดนตรี คุยกับนักจิตวิทยา จิตวิทยาชีวิตคู่ และฟังก่อนนอน ซึ่งแต่ละหมวดจะมีนักจิตวิทยาที่เชี่ยวชาญเฉพาะมาแบ่งปันให้ฟังเพื่อช่วยเยียวจิตใจในช่วงที่อ่อนแอ         ลองสำรวจตนเองสม่ำเสมอ เพื่อให้รู้เท่าทันอารมณ์และควบคุมอารมณ์ของตนเองได้ ให้สังเกตว่าถ้าหากคุณมีอาการอารมณ์แปรปรวน รู้สึกกลัว เครียด กังวล เบื่อ เฉยชา หงุดหงิดง่าย นอนไม่ค่อยหลับ หลับไม่สนิท รู้สึกไม่กระปรี้กระเปร่า ไม่สดชื่น เฉื่อยชาลง ขาดสมาธิในการทำงาน มีอาการหลงๆ ลืมๆ รู้สึกท้อแท้หมดหวัง รู้สึกไร้ค่า หรืออาการอื่นใดที่ใกล้เคียง ให้รีบลดระดับความเครียดทันที

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 240 ความเครียดกับการบำบัดด้วยกลิ่น

        รู้ไหมว่า ความเครียดเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผิวหมอง ผิวอักเสบหรือแม้แต่ผิวหยาบกร้าน ดังนั้นนอกจากการบำรุงผิวพรรณด้วยครีมบำรุงต่างๆ แล้ว การขจัดความเครียดก็ส่งผลให้สุขภาพผิวดีขึ้นได้ด้วย ตั้งแต่โบราณกาลมาการใช้กลิ่นหรือการดมกลิ่น เป็นวิธีการหนึ่งที่ถูกนำมาใช้เพื่อช่วยบำบัดภาวะเครียดหรือบรรเทาอาการเจ็บป่วยบางอย่าง สวยอย่างฉลาดรวบรวมวิธีลดความเครียดด้วยศาสตร์สุคนธบำบัดมาฝาก         กลิ่นช่วยกระตุ้นความทรงจำขึ้นมาได้ ทำให้ระลึกถึงเหตุการณ์ ประสบการณ์ และสภาวะต่างๆ ที่เคยมีได้ดี บางคนอาจจำกลิ่นอาหารที่พ่อแม่เคยทำให้รับประทานสมัยเด็กได้ หรือกลิ่นของดินหลังฝนตกใหม่ๆ ทำให้หลายคนจดจำหรือระลึกถึงครั้งที่ยังอยู่อาศัยใกล้ชิดกับธรรมชาติป่าเขา ท้องนาท้องไร่ การนำธรรมชาติกลับมาสู่ชีวิตด้วย “กลิ่นจากธรรมชาติ” จึงทำให้เกิดภาวะผ่อนคลายหรือ “ความสุข” ขึ้นมาได้พืชพรรณต่างๆ นั้นสามารถสกัดเอาแก่นหรือ essence ออกมาได้ผ่านการทำเป็นน้ำมันหอมระเหย ซึ่งผ่านการพิสูจน์มาแล้วว่า สามารถช่วยบรรเทาภาวะเครียด ลดความวิตกกังวล เพิ่มระดับความจำ หรือแม้แต่การบรรเทาอาการเจ็บปวดได้ เมื่อนำมาใช้อย่างถูกต้อง         วิธีการเลือกใช้น้ำมันหอมระเหย         1.เลือกผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ น้ำมันหอมระเหยจากธรรมชาติจะใช้คำว่า Pure Essential Oil ในขณะที่น้ำมันหอมระเหยสังเคราะห์จะใช้คำว่า Aromatic Oil FragranceOil หรือ Perfume Oil        2.หลีกเลี่ยงการกินหรือทาบริเวณปาก เนื่องจากน้ำมันหอมระเหยเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้ภายนอก จึงไม่ควรกินหรือทาบริเวณเนื้อเยื่ออ่อนเด็ดขาด         3.ห้ามใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน เพราะอาจส่งผลกับยาที่กิน (เสริมฤทธิ์หรือลดฤทธิ์ยา) และอาจเกิดการเสพติดซึ่งไม่ก่อให้เกิดผลดี        4.ไม่ควรใช้กับเด็กโดยเฉพาะทารกและเด็กวัยหัดเดิน และผู้ที่มีความเสี่ยงแพ้หรือไวต่อน้ำมันหอมระเหย         วิธีใช้น้ำมันหอมระเหย         มีหลายวิธีแต่ที่ได้รับความนิยม คือการใช้เครื่อง aroma diffuser หรือเครื่องพ่นไอน้ำ โดยผสมน้ำมันหอมระเหยลงไปในน้ำเพื่อให้ไอน้ำที่ออกมาเป็นตัวนำน้ำมันหอมระเหยออกมา ทำให้กลิ่นสามารถอยู่ในอากาศรอบตัวได้หลายชั่วโมงเหมาะกับการใช้ในห้องปิด         หรือการนำขวดใส่น้ำมันที่เสียบก้านไม้ โดยก้านไม้ด้านหนึ่งจุ่มอยู่ในน้ำมันที่ผสมแล้ว กลิ่นจะกระจายออกมาผ่านกิ่งไม้นี้ ซึ่งมีแบบสำเร็จรูปขายหรือทำเองง่ายๆ ด้วยการหา ขวดแก้วหรือเซรามิกที่มีขนาดพอเหมาะปากขวดแคบ กิ่งไม้แห้งที่ยาวสองเท่าของขวด  จากนั้นให้ผสมน้ำมันหอมระเหยกลิ่นที่ชอบร่วมกับน้ำมันที่จะใช้เป็นตัวนำ (น้ำมันมะพร้าว น้ำมันมะกอก) ในสัดส่วนน้ำมันหอมระเหย 30% และน้ำมันตัวนำ 70% แล้วเทส่วนผสมลงในขวด ใส่ก้านไม้ลงไปรอประมาณ 2-3 ชั่วโมง ให้ก้านซึมซับน้ำมันไว้เต็มที่ จากนั้นกลับด้านก้านไม้ ให้ด้านที่ชุ่มน้ำมันอยู่ด้านบน กลับก้านไม้เมื่อกลิ่นจางลงหรืออาทิตย์ละครั้ง และอีกวิธีหนึ่งคือ การจุดเทียนหอม ทั้งนี้วิธีการขึ้นอยู่กับความสะดวกและไลฟ์สไตล์ส่วนบุคคล ซึ่งทั้งสามวิธีสามารถนำพากลิ่นให้ช่วยนำอารมณ์ ความรู้สึก และประสบการณ์แห่งป่าและธรรมชาติกลับมาสู่เรา รวมถึงทำให้เราได้รับประโยชน์จากสารสกัดต่าง ๆ จากพืชพรรณนานาชนิดได้อีกด้วย  แหล่งข้อมูล วิธีใช้น้ำมันหอมระเหยจาก “หนังสือเปิดใจให้ธรรมชาติ” หน้า 91-95

อ่านเพิ่มเติม >


ฉบับที่ 224 เครียดทำหมดสวย

        ขณะกำลังเค้นสมองคิดว่า “สวยอย่างฉลาด” ฉบับนี้จะนำเสนอเรื่องอะไรดี ก็เริ่มรู้สึกตัวว่าหัวคิ้วชนกันแน่น และกล้ามเนื้อใบหน้าเกร็งนิดๆ ใช่แล้ว อาการเครียดนั่นเอง นี่แหละศัตรูตัวร้ายอันดับต้นๆ ที่ทำให้เราหมดสวย         ไปค้นนิยามเรื่องความเครียดจากกรมสุขภาพจิต ได้ความว่า  ความเครียดนั้นเป็นปฏิกิริยาของร่างกายที่ตอบโต้ต่อสภาพแวดล้อม  ความเครียดเป็นประสบการณ์เฉพาะตัวของแต่ละบุคคลในสภาวการณ์อย่างเดียวกันร่างกายจะแสดงออกเวลามีความเครียดโดยมีความดันโลหิตสูงขึ้นกว่าปกติชีพจรเต็นเร็วขึ้น หายใจถี่ขึ้น  หัวใจจะทำงานมากขึ้น  และกล้ามเนื้อจะเกร็ง ปฏิกิรยาเหล่านี้เรียกโดยรวมว่าเป็นปฏิกิรยาของการ “จะสู้หรือจะถอยหนี ”         ความจริงเมื่อเกิดความเครียดมันจะส่งผลเสียต่อสุขภาพทั้งกายและใจ แน่นอนว่าผิวพรรณย่อมได้รับผลตามไปด้วย ลองมาสังเกตชัดๆ ว่ามีอะไรบ้าง         กลิ่นตัวแรง เวลาวิตกกังวลร่างกายจะหลั่งเหงื่อออกมามาก ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของกลิ่นตัว         แผลอักเสบ บางคนเวลาเครียดอาจเผลอแกะสิว เกาเนื้อตัวอย่างรุนแรงจนเกิดแผลและกลายเป็นผิวอักเสบ        บางคนความเครียดจะแสดงทางร่างกายด้วยอาการผมร่วง รังแคที่ผิวหน้า(เซ็บเดิร์ม)        ริ้วรอยเหี่ยวย่น เมื่อเครียดหัวคิ้วที่ย่นเข้าหากันจนเกิดร่องรอยลึก บางคนก็นอนไม่พอส่งผลให้ขอบตาดำคล้ำ        ที่กล่าวถึงนี้มีสาเหตุจากความเครียด และพอรู้สึกตัวว่าร่างกายไม่ปกติ ผิวพรรณไม่สดใส แก่ก่อนวัย ก็ยิ่งทำให้พลอยเครียดมากไปกว่าเดิม          การบำรุงผิวเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดจากความเครียด        แน่นอนว่าต้องไปกำจัดที่ต้นตอ คือ กำจัดความเครียดให้พ้นไป เมื่อร่างกายผ่อนคลาย จิตใจไม่วิตกกังวล การฟื้นฟูสภาพของผิวก็ไม่ยาก แต่ใช่ว่าจะกำจัดความเครียดกันได้ง่ายๆ บางคนไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่า กำลังอยู่ในสภาวะเครียด ฉะนั้นเราก็ต้องดูแลป้องกันผิวพรรณในระหว่างที่ค้นหาทางจัดการกับความเครียดเสียก่อน         สิว อาจเกิดจากอาการท้องผูก หรือฮอร์โมนที่ร่างกายหลั่งออกมาในช่วงเครียด ทางแก้คือรับประทานอาการที่มีกากใยสูง อาหารที่มีโพรไบโอติกช่วยเรื่องการระบาย ในส่วนผิวหน้าอย่าแกะเกาหรือใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่รุนแรง อาจงดแต่งหน้าเพื่อให้ผิวได้ผ่อนคลายบ้าง         ผิวแพ้ง่าย เกิดผด ผื่นแดง อาการลมพิษอ่อน เนื่องจากภูมิคุ้มกันลดลง ควรรักษาตามอาการ ใช้ยาให้เหมาะสม อย่าปล่อยให้เกิดแผลอักเสบ         ถุงใต้ตาหรือขอบตาคล้ำ เพราะนอนไม่หลับ ดูแลด้วยผลิตถนอมผิวรอบดวงตา(อายครีม) หรือวิธีธรรมชาติอย่างการใช้แตงกวา ถุงชาวางบนผิวเปลือกตา (ควรศึกษาวิธีก่อนใช้) ผมลีบแบนหรือแตกปลาย เพราะอาจไม่มีเวลาหรือจิตใจจะดูแลเส้นผม ควรใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงและหาเวลาดูแลเส้นผมมากขึ้น         ผมหลุดร่วง อาจเกิดจากการขาดสารอาหาร เนื่องจากเครียดจนไม่ได้กินอาหารที่มีประโยชน์ ต้องใช้การบำรุงทั้งจากภายใน รับประทานอาหารให้ครบห้าหมู่ เพิ่มพวกโปรตีนมากขึ้น และดูแลภายนอกด้วยการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่รุนแรงต่อเส้นผม          หลักๆ คือสังเกตและให้เวลากับการดูแลตัวเอง อย่าปล่อยให้ความเครียดทำให้หมดสวยนะคะ

อ่านเพิ่มเติม >