ฉบับที่ 264 คลินิกเสริมความงามแอบรูดบัตรเครดิตเกินราคา

        คลินิกเสริมความงามหลายแห่งมักจัดโปรโมชันพิเศษราคาถูก เพื่อดึงดูดให้ลูกค้าเข้ามาใช้บริการในร้านให้ได้ก่อน หลังจากนั้นพนักงานขายจะพยายามโน้มน้าวชักชวนให้ลูกค้าซื้อคอร์สต่อเนื่องในราคาที่แพงกว่าหลายเท่า ผู้บริโภคจึงต้องดูเงื่อนไขและราคาให้รอบคอบจะได้ไม่เจอปัญหาเหมือนอย่างคุณนารี         วันหนึ่งขณะที่คุณนารีนั่งเล่นเฟซบุ๊กอยู่ ก็มีโฆษณาของคลินิกเสริมความงามแห่งหนึ่ง เด้งขึ้นมานำเสนอคอร์สกำจัดขนใต้รักแร้ในราคาโปรโมชั่นพิเศษ เธอจึงสนใจและตัดสินใจเดินทางไปที่คลินิกที่อยู่ในห้างสรรพสินค้าใหญ่แถวลาดพร้าว หลังจากโอนเงิน 1,990 บาท ชำระตามเงื่อนไขโปรโมชั่นแล้วก็นั่งรอคิวรับบริการ ระหว่างนั้นมีพนักงานขาย 2 คนเข้ามาแนะนำว่าโปรโมชั่นนี้ไม่มีประสิทธิภาพในการแก้ไขปัญหา และเสนอขายคอร์สที่ราคาสูงกว่าคือ 23,000 บาท ลดเหลือ 15,000 บาท (ทั้งหมด 12 ครั้ง ไม่มีวันหมดอายุ แถมคอร์ส Cooling Cell ฟรี 1 ครั้ง) แต่เธอปฏิเสธไป         หลังจากนั้น ขณะที่พนักงานกำลังเลเซอร์ขนใต้รักแร้ให้คุณนารีอยู่ พนักงานขายคนเดิมก็เข้ามาขายคอร์สอีกรอบ และจงใจให้พนักงานหยุดให้บริการจนกว่าเธอจะตอบตกลง โดยเสนอคอร์สเดิมในราคาใหม่ที่ 10,000 บาท เธอคำนวณดูแล้วก็คิดว่าคุ้ม จึงตอบตกลง แล้วหยิบบัตรเครดิตส่งให้พนักงานขายไป เพื่อชำระเงินส่วนที่ต้องจ่ายเพิ่มอีก 8,010 บาท (ก็ตอนนั้นกำลังทำเลเซอร์อยู่) เมื่อรับบริการเสร็จแล้ว วันนั้นเธอก็กลับบ้านพร้อมกับใบเสร็จรับเงิน 10,000 บาท โดยไม่ได้เอะใจอะไร         ผ่านไป 2 วัน คุณนารีเพิ่งมาเช็คยอดเงินที่จ่ายไป ถึงได้รู้ว่าพนักงานรูดเงินไป 10,000 บาท ซึ่งเกินราคาที่ตกลงซื้อไว้ เธอจึงได้ติดต่อขอเงินส่วนที่จ่ายเกินไป 1,990 บาทคืน แต่ทางคลินิกปฏิเสธในครั้งแรก และแจ้งภายหลังว่าขอพิจารณาโดยไม่ได้กำหนดวันที่แน่ชัด ทำให้เธอไม่อยากจะใช้บริการคลินิกนี้อีกแล้ว จึงยืนยันขอยกเลิกสัญญาและขอเงินคืน 10,000 บาท แต่ทางบริษัทไม่ยอมคืนเงินให้ โดยอ้างว่าได้ไลน์ไปแล้ว แต่เธอไม่ได้ทักท้วงในตอนนั้นจึงถือว่ายอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้น คุณนารีเห็นว่าข้ออ้างของทางคลินิกไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภค จึงโทรศัพท์มาที่มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคเพื่อขอคำปรึกษา แนวทางการแก้ไขปัญหา         ในกรณีนี้ คุณนารีสามารถขอยกเลิกบริการได้ภายในระยะเวลา 45 วัน นับแต่วันที่ได้รับบริการ โดยดำเนินการตามขั้นตอน ดังนี้         1.นำเรื่องไปบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานที่สถานทีตำรวจในท้องที่         2.ทำหนังสือบอกยกเลิกสัญญาและขอคืนเงิน (ส่งภายใน 45 วันนับตั้งแต่ทำสัญญา) โดยทำเป็นไปรษณีย์ตอบรับ สำเนาถึงมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค         3.ทำจดหมายถึงธนาคารเจ้าของบัตรเครดิตเพื่อปฏิเสธการจ่ายเงิน โดยให้ทำเป็นแบบไปรษณีย์ตอบรับเช่นเดียวกัน และสำเนาถึงมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค         4.ถ้ามีข้อความกำหนดไว้ว่า ไม่สามารถยกเลิกได้ ถือว่าข้อความในสัญญานั้นไม่เป็นธรรม        5. ถ้าทางคลินิกไม่ยกเลิกให้ตามที่ผู้ร้องทำหนังสือไป ผู้ร้องสามารถฟ้องเป็นคดีผู้บริโภคได้ โดยไม่ต้องเสียเงินค่าธรรมเนียมศาลหรือค่าขึ้นศาลแต่อย่างใด

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 223 คลินิกเสริมสวยเปิดใหม่เซลล์ขายแหลกแต่ทำไม่ได้จริง

        ได้ชื่อว่าเซลล์ตำแหน่งนี้วัดกันที่การขาย ใครหาลูกค้าได้มากรายได้ก็มากตามขึ้นไป ผู้บริโภคหลายคนจึงถูกเซลล์ปั่นจนหวั่นไหว เสียเงินไปแบบคิดไม่ทันจนเจ็บใจมาก็เยอะ ครั้งนี้เป็นอีกครั้งหนึ่งที่มีเรื่องมาเล่าให้ฟัง         คุณพบรัก เผอิญไปพบเจอเซลล์หรือพนักงานขายของคลินิกเสริมความงามแห่งใหม่เข้าอย่างจังในระหว่างเดินเที่ยวในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง พนักงานหญิงสองคนประกบหน้าหลัง ชักชวนให้ตรวจหน้าแบบฟรีๆ เพื่อดูสภาพผิวว่าเป็นอย่างไรบ้าง คุณพบรักไม่ทันคิดอะไรนัก คิดว่าฟรีก็ดีเหมือนกันไม่ได้ตรวจสภาพผิวหน้าตัวเองนานแล้ว ลองดูสักหน่อยไม่เสียหาย         โอ้ สุขภาพผิวคุณดีจังเลย ไม่ใช่คำตอบที่คุณพบรักได้รับแต่เป็นผลตรงกันข้าม พนักงานแจ้งว่า สุขภาพผิวหน้าแย่มากๆ ทางคลินิกของเราขอรับอาสามาเป็นผู้ดูแลปัญหานี้ให้ พอถามไปว่าต้องทำอย่างไร พนักงานก็ขอบัตรเครดิตพร้อมแนะนำคอร์สหนึ่งให้ในราคา 7,000 บาท จากนั้นก็รูดบัตรเสร็จสิ้นกระบวนการ คุณพบรักได้สลิปบัตรมาพร้อมใบเสร็จชั่วคราวอย่างงงๆ พร้อมคำสัญญาของพนักงานว่า ระหว่างนี้คลินิกยังไม่พร้อมให้บริการ คุณพบรักต้องรอ 3 เดือนจึงจะไปใช้บริการได้         ผ่านมาเกือบสามเดือนพนักงานที่ขายคอร์สให้ได้โทรมานัดให้ไปที่คลินิกเพื่อตรวจสภาพผิวอีกครั้ง แต่พอใกล้วันจริง “นางบอกว่า อย่าเพิ่งมาดีกว่าเพราะกลิ่นสียังไม่ทันจาง และทางหน่วยงานรัฐยังเข้ามาตรวจสอบไม่เสร็จ ไว้เป็นสัปดาห์หน้านะคะ” คุณพบรักจึงได้แต่รอต่อไป         ในวันนัดจริงเมื่อคุณพบรักมาถึงคลินิกก็พบเรื่องน่ารำคาญใจหลายเรื่อง ตั้งแต่มีการนัดคนมาใช้บริการในวันดังกล่าวจำนวนมาก คุณพบรักต้องรอถึง 1 ชั่วโมงกว่าจะถึงคิวของตัวเอง พอกำลังจะเริ่มรับบริการ ก็ยังต้องรอเครื่องมือจากห้องอื่น แม้จะเห็นว่ามันไม่ค่อยถูกต้องเพราะเครื่องมืออาจติดเชื้ออะไรก็ได้จากคนที่ใช้บริการก่อนหน้าตนเอง แต่นอนบนเตียงไปแล้วจะร้องเรียนอะไรก็ทำไม่ได้ จึงต้องปล่อยเลยตามเลย แถมระหว่างนวดหน้าอยู่ เซลล์ยังโทรเข้ามาขอโทษที่ให้ลูกค้ารอนาน “มันใช่เวลาไหม” คุณพบรักหงุดหงิดอยู่ในใจ        เมื่อใช้บริการนวดหน้าเสร็จ พนักงานแจ้งให้ไปรออีกห้องหนึ่งก่อน เมื่อมาที่ห้องนี้ก็กลายเป็นห้องสำหรับการขายโปรโมชั่น(อีกแล้ว) คุณพบรักมีความขยาดอยู่จึงไม่สนใจโปรที่พนักงานเสนอ จนพนักงานงัดทีเด็ดบอกว่า โปรนี้พิเศษมากๆ ลูกค้าจ่ายเพียง 23,000 บาท รวมกับของเดิม 7,000 บาท เท่ากับ 30,000 บาท แต่จะได้รับบริการในระดับเดียวกับการจ่ายคอร์ส 90,000 บาท และจะมอบบริการพิเศษให้คุณพบรักสามารถผ่อนบัตรเครดิต 0% ได้อีกด้วย โอ้ คุ้มมากคุณพบรักคิดจึงตอบตกลงไป พร้อมรูดเงินไป 13,000 บาท เนื่องจากวงเงินวันนั้นไม่พอ จึงค้างไว้ก่อน 10,000 บาท         อย่างไรก็ตาม การผ่อนชำระ 0% นั้น พนักงานแจ้งภายหลังว่า ไม่สามารถทำได้ ขั้นต่ำคือคุณพบรักต้องผ่อนกับบัตรเครดิตที่ดอกเบี้ย 0.89%         คุณพบรักตอนนี้เริ่มพบว่า ไม่ไหวจะเคลียร์แล้ว พนักงานขายทำไม่ได้จริงสักอย่างที่สัญญาไว้ จึงทำหนังสือขอยกเลิกสัญญาไปที่คลินิกและทำหนังสือปฏิเสธการจ่ายเงินกับธนาคารเจ้าของบัตร ทางธนาคารแจ้งว่าอย่างไรก็ตามจะต้องให้ทางคลินิกยกเลิกสัญญาก่อนจึงจะปิดหนี้บัตรเครดิตให้ คุณพบรักจึงไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ และดำเนินการติดต่อกับคลินิกเพื่อขอยกเลิกสัญญาพร้อมขอเงินคืน แนวทางแก้ไขปัญหา         คุณพบรักดำเนินการแจ้งร้องเรียนไปที่สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค กรมสนับสนุนบริการสุขภาพและมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคพร้อมๆ กัน ต่อมา ทางคุณพบรักแจ้งกับทางศูนย์พิทักษ์สิทธิว่า  ได้ไปเจรจากับทางคลินิกที่ สคบ.แล้ว บริษัทฯ จะคืนเงินให้ 70% ในส่วนของ 13,000 บาท คือ 9,100 บาท ส่วนที่เหลือ คือ 7,000 บาทแรกนั้น เนื่องจากมีการรับบริการไปแล้ว 1 ครั้ง จึงขอให้คุณพบรักไปใช้บริการต่อในส่วนนั้น บริษัทฯ อ้างว่า ส่วนที่หัก 30% คือค่าดำเนินการที่จะขยายคอร์สจาก 30,000 เป็น 90,000 บาท ส่วน 7,000 ก่อนหน้าตามเงื่อนไขของบริษัทฯ หากมีการใช้บริการไปแล้วจะไม่คืนเงินส่วนที่เหลือต้องใช้บริการไปจนจบคอร์สนั้นๆ         คุณพบรักไม่อยากยุ่งยากจึงรับข้อเสนอดังกล่าว

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 215 เมื่อบอร์ดวุฒิศักดิ์คลินิกประชุมแก้ปัญหาลูกค้ากว่า 6 เดือน

            ปีที่ผ่านมามีข่าวการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารและการปิดตัวหลายสาขาของคลินิกเสริมความงาม เจ้าของสโลแกน “เพราะความสวยรอไม่ได้” วุฒิศักดิ์คลินิก ทำให้ผู้บริโภคที่เสียเงินซื้อคอร์สเสริมความงามได้รับความเดือดร้อนจำนวนมาก ซึ่งคนหนึ่งที่ได้รับผลกระทบนี้ก็คือ คุณปราง ที่ต้องรอวุฒิศักด์คลินิกแก้ปัญหากว่าครึ่งปี          เพราะชื่อเสียงก่อนหน้านี้ของวุฒิศักดิ์คลินิกและจำนวนสาขาที่มีมากมาย ทำให้คุณปรางไว้ใจและซื้อคอร์สเสริมความงาม ที่เรียกว่า เลเซอร์และอัลตราดีฟ ในราคา 24,000 บาท เมื่อเดือนมีนาคม 2561 ณ สาขาเซ็นทรัลขอนแก่น แต่พอเดือนถัดมาคลินิกสาขานี้ก็ปิดตัวลง แจ้งเพียงว่าให้ลูกค้าไปใช้บริการต่อที่คลินิกสาขาบิ๊กซี ขอนแก่น ซึ่งคุณปรางเล่าว่า “ใช้บริการไม่ได้เลย ไปทีไรคิวเต็มบ้าง ไม่มีพนักงานบ้าง ยาหมด หมอไม่อยู่...” ทำให้คุณปรางต้องขับรถไปใช้บริการถึงเดอะมอลล์ โคราช และที่เหนื่อยใจที่สุดก็คือคุณปรางไม่สามารถติดต่อกับคอลเซนเตอร์ของวุฒิศักดิ์คลินิกได้เลย จึงต้องมาขอคำปรึกษาที่ศูนย์พิทักษ์สิทธิของมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค แนวทางแก้ไขปัญหา         ศูนย์พิทักษ์ฯ ได้รับการร้องเรียนเดือนพฤษภาคมจึงติดต่อไปยังคอลเซนเตอร์ของวุฒิศักดิ์คลินิก ซึ่งเป็นไปตามที่คุณปรางระบุคือ ไม่สามารถติดต่อได้ จึงใช้อีเมล์ติดต่อไปตามที่ได้รับแจ้งข้อมูลไว้ และติดต่อไปยังเบอร์ของสำนักงานหลัก จึงได้คุยกับพนักงาน ทางพนักงานแจ้งว่า ขอให้ผู้ร้องคือคุณปรางส่งเอกสารร้องเรียนไปที่สำนักงานหลักที่กรุงเทพฯ และทางสำนักงานจะนำเรื่องเข้าที่ประชุมพิจารณาเพื่อคืนเงินให้ ซึ่งคุณปรางก็ปฏิบัติตามที่ได้รับคำแนะนำ ต่อมาในเดือนกรกฎาคม ศูนย์พิทักษ์ฯ ได้ติดตามข้อมูลกรณีร้องเรียนของคุณปรางกับทางสำนักงานหลัก ได้รับแจ้งว่าเรื่องการพิจารณาเพื่อคืนเงินยังไม่คิวของคุณปราง ขณะนี้(เดือนกรกฎาคม) ยังเป็นคิวของผู้ร้องขอคืนเงินที่ยื่นเรื่องในเดือนกุมภาพันธ์อยู่          ทางศูนย์พิทักษ์ฯ พยายามติดตามเรื่องให้คุณปรางโดยตลอดพบว่า เรื่องของคุณปรางยังอยู่ในระหว่างพิจารณา จนวันที่ 21 ธันวาคม 2561 เมื่อติดต่อไปจึงได้รับแจ้งจากพนักงานว่า ยังไม่มีการประชุมบอร์ดในขณะนี้และไม่ทราบว่าจะประชุมเมื่อใดเพราะผู้บริหารไปต่างประเทศ อีกอย่างหนึ่งยอดเงินของคุณปรางเหลือที่ต้องคืนอยู่เพียง 936 บาท จึงแนะนำว่าให้กลับไปใช้บริการต่อที่สาขาบิ๊กซีขอนแก่นหรือเปลี่ยนเป็นสินค้าแทน เมื่อทางศูนย์ฯ นำเรื่องแจ้งต่อคุณปรางตามที่ได้รับคำตอบมา คุณปรางก็ขอยุติเรื่อง เพราะไม่สะดวกและเบื่อการรอคอยคำตอบจากวุฒิศักดิ์คลินิกแล้ว “มันนานเกินไป” 

อ่านเพิ่มเติม >