ฉบับที่ 160 ครีมลดริ้วรอย ของใครนะเวิร์กสุด

อะไรเอ่ย ... มาช้าไม่ว่า ไม่มาเลยยิ่งดี? แต่ถ้ามันมาแล้วก็ถึงเวลาที่ ฉลาดซื้อ จะพาสมาชิกไปพิสูจน์ประสิทธิภาพครีมบำรุงผิวที่อ้างว่าสามารถลบเลือนลายเส้นที่แวะมาฝังตัวบนใบหน้าของเราได้ ว่ามันสามารถทำได้อย่างที่อ้างหรือไม่ และถ้าจะลงมือควักกระเป๋า เราควรเลือกยี่ห้อไหน … ครีมลดริ้วรอยในการทดสอบครั้งนี้เป็นครีมที่ติดอันดับขายดีในยุโรปและเอเชีย (ซึ่งมีฮ่องกง และเกาหลีใต้ส่งตัวอย่างเข้าร่วมทดสอบด้วย) ทั้งยี่ห้อที่ซื้อผ่านเคาน์เตอร์ในห้างสรรพสินค้า ซูเปอร์มาร์เก็ต และร้านขายยาทั่วไป วิธีการทดสอบ ทดสอบโดยองค์กรทดสอบระหว่างประเทศ (International Consumer Research& Testing) ครั้งนี้มีอาสาสมัครเข้าร่วมทดสอบทั้งหมด 995 คน ทั้งหมดเป็นผู้หญิงเชื้อสายคอเคเซียนที่อายุระหว่าง 31 – 70 ปี (อายุเฉลี่ยของอาสาสมัคร คือ 53 ปี) แต่ละผลิตภัณฑ์จะมีผู้ทดลองใช้ 30 – 31 คน หลังจากอาสาสมัครใช้ผลิตภัณฑ์วันละ 2 ครั้ง (เช้า-ค่ำ) เป็นเวลา 1 เดือน (ที่ไม่โดนแสงแดดเลย) ทีมวิจัยได้วัดความยาวและความลึกของริ้วรอย เพื่อเปรียบเทียบกับค่าก่อนการใช้ นอกจากนี้ยังตรวจวัดความชุ่มชื้นของผิวหนังด้วยวิธี corneometry สอบถามความพึงพอใจของอาสาสมัครที่ใช้ผลิตภัณฑ์ และการพิจารณาความถูกต้องของฉลากด้วย สัดส่วนการให้คะแนน (คะแนนเต็ม 100) ริ้วรอยลดลง       ร้อยละ 50 ผิวนุ่มชุ่มชื้น       ร้อยละ 25 ผู้ใช้พึงพอใจ*      ร้อยละ 15 ฉลากถูกต้อง**   ร้อยละ 10 *ลักษณะเนื้อครีม ความเหนียว ความมัน การซึมลงสู่ผิว กลิ่น **มีชื่อ/ที่อยู่ผู้ผลิต วันผลิต/วันหมดอายุ ปริมาตร ส่วนประกอบ ข้อควรระวัง ฯ จากการทดสอบครั้งนี้ เราพบว่ายังไม่มีครีมยี่ห้อไหนได้คะแนนในระดับ 5 ดาว ครีมที่ดีที่สุดในการทดสอบครั้งนี้คือ EUCERIN Hyaluron-filler ที่ได้คะแนนในระดับ 4 ดาว ส่วนที่เหลือส่วนใหญ่ได้คะแนนในระดับ 3 ดาวเท่านั้น และที่น่าสนใจคือ มีผลิตภัณฑ์ที่ให้อาสาสมัครทดสอบ 2 ตัวที่เป็นครีมบำรุงผิวธรรมดาที่ไม่ได้อ้างสรรพคุณลดริ้วรอย แต่ได้คะแนนจากการทดสอบค่อนข้างดีคือ NIVEA Pure natural soin de jour hydratant* และ VICHY Aqualia thermal* ดีกว่าครีมราคาแพงอีกหลายยี่ห้อด้วย     //

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 76 ทดสอบครีมลดริ้วรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้า

ในบรรดาผลิตภัณฑ์ครีมบำรุงผิวที่ใช้ ๆ กันอยู่ นอกจากครีมเพื่อผิวขาวหรือไวท์เทนนิ่งซึ่งเป็นที่นิยมมาพักใหญ่ ๆ แล้ว  ผลิตภัณฑ์เพื่อต่อต้านและลดริ้วรอยบนใบหน้าก็เป็นเครื่องสำอางอีกชนิดหนึ่งที่กำลังเป็นที่นิยมในหมู่สาว ๆ และหนุ่ม ๆ หลายคนทราบกันดีว่า ผลิตภัณฑ์เหล่านี้มีราคาค่อนข้างสูง ยิ่งยี่ห้อที่มีเคาน์เตอร์ในห้างเป็นของตัวเองก็ยิ่งแพงขึ้นไปอีก  แต่จากการที่คนบางคนไม่อยากให้ตัวเองดูแก่กว่าวัย ซ้ำยังอยากให้ผิวหน้าดูอ่อนเยาว์ ปราศจากริ้วรอย เหมือนกับพรีเซ็นเตอร์ในโฆษณา หลาย ๆ คนจึงยอมควักกระเป๋าจ่ายไม่อั้นเพื่อให้ได้ผิวประเภท “โกงอายุ” มาประดับใบหน้ากัน ผลก็คือ ทำให้ยอดขายของผลิตภัณฑ์เพื่อต่อต้านและลดริ้วรอยเหล่านี้เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว จากสถิติมูลค่าการตลาดของครีมบำรุงผิวซึ่งอยู่ที่ 6,000 ล้านบาทนั้น พบว่าเป็นมูลค่าการตลาดของครีมต้านริ้วรอยถึงร้อยละ 40 โดยเติบโตขึ้นจากปีที่แล้วถึงร้อยละ 60 เลยทีเดียว   แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ในบรรดาผลิตภัณฑ์ครีมลดริ้วรอยที่วางขายกันอยู่ ยังไม่มีใครทราบถึงประสิทธิภาพการทำงานที่แท้จริงของมันเลย และต่อไปนี้คือผลการทดสอบที่ทำโดยองค์การทดสอบระหว่างประเทศ ICRT (International Consumer Research and Testing) โดยผลการทดสอบชิ้นเดียวกันนี้ ได้รับการตีพิมพ์เผยแพร่ใน นิตยสารคอนซูเมอร์ รีพอร์ท (Consumer Reports) ของสหรัฐอเมริกา และ นิตยสารเคอ ชัวร์ซี (Que Choisir) ของฝรั่งเศส ซึ่งเป็นเจ้าภาพร่วมส่งตัวอย่างเข้าทดสอบ ในฉบับเดือนมกราคมที่ผ่านมาซึ่งจะช่วยไขปริศนาว่าครีมลบริ้วรอยหลาย ๆ ยี่ห้อที่เราพบเห็นทั่วไป หรือที่บางคนอาจกำลังใช้อยู่ทุกเช้าเย็นนั้น มีประสิทธิภาพเหมือนที่ได้โฆษณาไว้จริงแท้แน่นอนแค่ไหน และคุ้มค่ากับเงินที่เสียไปหรือไม่ผลที่ได้จากการทดสอบ 1.ไม่มีผลิตภัณฑ์ใดจัดเป็นครีมลดริ้วรอยที่ดีที่สุดได้ จากคะแนนรวม 100 คะแนนโดยวัดผลจาก 3 ปัจจัยหลัก คือ ประสิทธิภาพในการลดริ้วรอย , ประสิทธิภาพในการบำรุงผิว และการไม่ทำให้เกิดอาการแพ้ พบว่าจาก 13 ผลิตภัณฑ์มีเพียง 4 ผลิตภัณฑ์เท่านั้นที่ได้รับคะแนนเกินครึ่ง ซึ่ง Diadermine Expert rides เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับคะแนนสูงสุด แต่ก็ได้เพียง 62 คะแนน เท่านั้น อันดับสองคือ Oil of Olay Olay Regenerist 61 คะแนน , อันดับสามคือ Lancôme Renergie 56 คะแนน โดยผลิตภัณฑ์เหล่านี้มีประสิทธิภาพในการลดริ้วรอยในขั้นดีแต่ไม่ถึงกับดีมาก แต่มีประสิทธิภาพในการบำรุงในขั้นดีมากและไม่พบว่าทำให้เกิดอาการแพ้แก่ผู้ทดสอบ  และอันดับสี่คือ Roc Retin-OX 54 คะแนน มีประสิทธิภาพในการลดริ้วรอยและประสิทธิภาพในการบำรุงอยู่ในขั้นดี แต่พบว่าทำให้เกิดอาการแพ้มากโดยมีผู้ทดสอบหยุดใช้ถึง 5 คนจากจำนวน 20 คน2.ราคาหรือยี่ห้อ หรือคำโฆษณา ไม่ใช่ตัวชี้วัดถึงประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ แท้จริงแล้ว “ผลิตภัณฑ์ควบคุม” ในการทดสอบครั้งนี้ คือ ครีมบำรุงผิว Oil of Olay สูตรดั้งเดิม ซึ่งมีคะแนนทดสอบ 33 คะแนนอยู่อันดับที่ 11 ราคาเพียง 253 บาทซึ่งเป็นราคาต่ำที่สุดของผลิตภัณฑ์ทั้งหมดที่นำมาทดสอบ แต่ปรากฏว่าผลิตภัณฑ์อย่าง La Prairie Cellular  ซึ่งมีราคาถึง 6 พันกว่าบาทนั้น กลับมีประสิทธิภาพที่ใกล้เคียงกันมาก โดยได้คะแนนทดสอบ 34 คะแนนอยู่อันดับที่ 10 นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์ที่กล่าวอ้างว่าช่วยลบเลือนริ้วรอยบนผิวหน้าได้ก็ยังได้คะแนนทดสอบต่ำติดท้ายตารางเสียด้วยซ้ำ คือ Roc Retinol Correxion Deep Wrinkle 31 คะแนน อยู่อันดับที่ 12  และ Nivéa visage Q10 Advanced Wrinkle Reducer 27 คะแนน อันดับที่ 13และเมื่อดูคะแนนโดยรวมทั้ง 13 ผลิตภัณฑ์แล้ว ประสิทธิภาพในการลดริ้วรอยไม่ได้แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดนัก หน้าที่หลัก ๆ ของครีมเหล่านี้ยังคงเป็นผลิตภัณฑ์ในการบำรุงผิว รักษาความชุ่มชื้นเสียมากกว่า 3. ความพึงพอใจของผู้ใช้กับการโฆษณาส่วนใหญ่แล้วอยู่ในระดับดี ถึงดีมาก แต่ก็เป็นเพียงความรู้สึกของผู้ใช้เท่านั้น ซึ่งมักจะถูกมาใช้ประโยชน์เพื่อการโฆษณาของผลิตภัณฑ์เหล่านี้ ดังกรณีตัวอย่างของครีม Klein-Becker USA ความจริงแล้วสิ่งที่ผู้บริโภคควรเข้าใจคือ รอยเหี่ยวย่นบนใบหน้านั้น เกิดได้ทั้งจากปัจจัยภายนอกอย่างรังสีดวงอาทิตย์ และปัจจัยภายใน คืออายุที่มากขึ้น หรือความเครียดของเรานั่นเอง และเมื่อเกิดริ้วรอยขึ้นแล้ว ไม่มีเครื่องสำอางใด ๆ ที่จะสามารถลบเลือนได้ง่าย ๆ เราจึงควรหันมาป้องกันที่สาเหตุ ด้วยการใช้ครีมกันแดด และใช้ชีวิตให้มีความเครียด หรือความกังวล น้อยที่สุด การออกกำลังกายอย่างเหมาะสมจะช่วยได้มากKlein-Becker USA Strivectin-SD Intensive Concentrate for Existing Stretch Marks  เป็นครีมสัญชาติอเมริกัน ที่ตั้งใจทำขึ้นมาเพื่อให้เป็นครีมลดรอยแตกลายของผิวหนัง ครีมยี่ห้อนี้โด่งดังมากในฝรั่งเศส และได้รับการจัดอันดับว่าเป็นครีมที่ลบริ้วรอยที่มีประสิทธิภาพที่สุดมาแล้ว จากการสำรวจความเห็นของสาวฝรั่งเศส 264 คน เมื่อเดือนกันยายนปีที่ผ่านมา !! แต่เมื่อดูจากผลทดสอบแล้ว กลับพบว่าประสิทธิภาพในการลดริ้วรอยอยู่แค่ระดับปานกลางเท่านั้นเอง อยู่ลำดับที่ 8 จาก 13 ผลิตภัณฑ์ แต่ราคาขายคิดเป็นเงินไทย 3,450 บาทจัดว่าแพงทีเดียวเมื่อเทียบกับประสิทธิภาพของมันหน้าที่ของสารชื่อดังในเครื่องสำอาง1.    เรตินอล เป็นญาติห่าง ๆ กับกรดวิตามินเอ ซึ่งสามารถทำให้ริ้วรอยจางลงด้วยการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวหนังแท้ เรตินอลสามารถใช้เป็นส่วนผสมในเครื่องสำอางได้ เพราะทำให้เกิดอาการแพ้น้อยกว่า ในขณะที่กรดวิตามินเอนั้นมีการทำงานเข้มข้น (และมีผลข้างเคียงคืออาการระคายเคือง ในคนที่ผิวแห้ง) จัดเป็นยาและต้องมีการควบคุมความเข้มข้นในการใช้  เป็นสารที่ไวต่อแสงมาก อาจทำให้ผิวหน้าแดง คัน หรือแสบได้ จึงเหมาะกับการใช้ทาในเวลากลางคืนเท่านั้น 2.    คิวเท็น (Q 10) เป็นสารที่ผิวของคนเรามีอยู่แล้วตามธรรมชาติ ทำหน้าที่ให้พลังงานกับเซลล์ และเป็นตัวต่อต้านอนุมูลอิสระ เพียงแต่เมื่อเราอายุมากขึ้นหรือได้รับแสงแดดมาก ๆ สารตัวนี้จะลดลง ผู้ผลิตนิยมใช้สารตัวนี้ในครีมสำหรับผิวที่แพ้ง่าย เพราะไม่ทำให้เกิดอาการระคายผิวเหมือนสารในตระกูลวิตามินเอ นั่นเอง3.    คอลลาเจนและอิลาสติน เป็นโปรตีนเรามีอยู่แล้วใต้ชั้นผิวหนัง ทำหน้าที่ควบคุมความยืดหยุ่นและความสามารถในการอุ้มน้ำของผิวหนัง แต่คุณภาพของโปรตีนเหล่านี้จะเสื่อมสภาพลงไปตามอายุที่เพิ่มขึ้น 4.    กรด AHA (Alpha Hydroxy Acids) และ BHA (Beta Hydroxy Acids) เป็นกรดที่สกัดได้จากผลไม้ สามารถทำให้เซลล์ผิวที่ตายแล้วบนผิวหนังชั้นบนหลุดออก ทำให้ผิวดูเรียบเนียนและใสขึ้น 5.    วิตามินอี นิยมใช้กันมากในครีมบำรุงผิว เพราะพบว่านอกจากจะเป็นสารบำรุงทำให้ผิวชุ่มชื้น ช่วยป้องกันอันตรายจากรังสีอุลตร้าไวโอเล็ตแล้ว ยังสามารถป้องกันการเกิดอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นตัวการทำให้เกิดริ้วรอยได้ด้วย วิตามินอีสามารถละลายในไขมันผิวหนัง และดูดซึมเข้าสู่ผิวหนังได้ดี 6.    วิตามินซี เป็นอีกหนึ่งในสารต้านอนุมูลอิสระ ผู้ผลิตนิยมใช้เป็นส่วนผสมทั้งในครีมสำหรับกลางวันและกลางคืน เนื่องจากไม่ทำปฏิกิริยาต่อแสงแดด วิตามินซีนั้นดีตรงที่ไม่ทำให้เกิดอาการแพ้และมีคุณสมบัติในการให้ผิวขาวใสขึ้น แต่คุณสมบัติต่างๆเหล่านี้ เป็นประโยชน์ต่อผิวน้อยมาก เนื่องจากวิตามินซีเป็นวิตามินประเภทที่ละลายในน้ำ จึงไม่สามารถแทรกซึมเข้าสู่ชั้นผิวหนังได้ ประสิทธิภาพการลดริ้วรอยของเครื่องสำอางต่างกันแค่ไหน โดยทั่วไปแล้วส่วนผสมน่าจะเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุด ที่มีผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของครีมลบริ้วรอย แต่ถ้าดูจากผลการทดสอบครั้งนี้ จะเห็นว่า ส่วนผสมของครีมกับประสิทธิภาพโดยรวมของครีม มีความสัมพันธ์กันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพราะทั้งผลิตภัณฑ์ที่ได้คะแนนสูงที่สุด และคะแนนต่ำที่สุดต่างก็มี เรตินอล เป็นส่วนผสมทั้งคู่  ------------------------------------------------------------------------------------------------ •    ในแต่ละปี คนอเมริกันใช้เงินกว่า 1 พันล้านเหรียญ (สามหมื่นหกพันล้านบาท) เพื่อซื้อผลิตภัณฑ์ลดริ้วรอย •    โดยเฉลี่ยแล้ว คนฝรั่งเศสหนึ่งคนจะใช้จ่ายเงินในการซื้อเครื่องสำอางและน้ำหอม คนละ 100 ยูโร (ประมาณ 4,700 บาท) ต่อปี •    ร้อยละ 70 ของผู้หญิงฝรั่งเศส ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว และร้อยละ  38 ของผลิตภัณฑ์ที่ซื้อนั้นเป็นผลิตภัณฑ์ลดริ้วรอย ------------------------------------------------------------------------------------------------ ผิวหนังเกิดริ้วรอยมีสาเหตุจากอะไร สาเหตุของการเกิดริ้วรอยบนผิวหนัง นั้นเกิดจากการที่ผิวหนังสูญเสียความชุ่มชื้น ซึ่งปัจจัยที่ทำให้ผิวหนังเสียความชุ่มชื้นมีสองประการได้แก่ 1.    รังสีจากดวงอาทิตย์  และ2.    การลดลงของฮอร์โมนเพศ เมื่อเรามีอายุมากขึ้น ทำให้เซลล์ผิวหนังของขาดความยืดหยุ่น ความสามารถในการอุ้มน้ำลดลง และความเครียด ที่เป็นตัวการทำให้เซลล์ผิวเสื่อมเพราะขาดสารอาหารที่จำเป็น กระบวนการทดสอบ   ระยะเวลาทดสอบ 12 สัปดาห์  (13 มีนาคม – 16 มิถุนายน 2549) สถาบันทดสอบ Institut Dr. Schrader Creachem GmbH ประเทศเยอรมนี ผู้เข้าร่วมการทดสอบ เพศหญิง อายุระหว่าง 30 ถึง 70 ปี  มีสุขภาพผิวดี ไม่เคยได้รับการฉีดโบทอกซ์ หรือคอลลาเจน และไม่เคยใช้ผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่อาจมีผลต่อสภาพผิวหนัง ในช่วงสามสัปดาห์ก่อนการทดสอบ (ไม่ว่าจะเป็นโดยการรับประทาน หรือการใช้ภายนอก) ผลิตภัณฑ์ที่ทดสอบ 13 ผลิตภัณฑ์ลดริ้วรอย ที่ติดอันดับขายดีที่สุดในผรั่งเศส และสหรัฐอเมริกา (11 ผลิตภัณฑ์ เป็นครีมที่แยกใช้เฉพาะกลางวันและกลางคืน ที่เหลืออีก 2 ผลิตภัณฑ์ เป็นครีมประเภทที่ใช้ได้ทั้งกลางวันและกลางคืน) จะใช้ผู้ทดสอบ 20 คนต่อหนึ่งผลิตภัณฑ์ วิธีทดสอบ ผู้ร่วมการทดสอบในแต่ละผลิตภัณฑ์ จะได้รับครีม 2 ตัวอย่าง เพื่อใช้ทาบนใบหน้าทั้งกลางวันและกลางคืน โดยไม่ทราบว่าทั้ง 2 ตัวอย่างเป็นผลิตภัณฑ์ใด ครีมตัวอย่างที่หนึ่ง เป็นผลิตภัณฑ์ควบคุมที่ผู้ทดสอบจะได้รับเหมือนกันทุกคน ใช้ทาบนใบหน้าด้านหนึ่ง (ในการทดสอบครั้งนี้ ครีมควบคุมได้แก่ ครีมบำรุงผิวธรรมดา ที่ไม่ได้มีส่วนผสมเพื่อการลดริ้วรอย) ครีมตัวอย่างที่สอง เป็นผลิตภัณฑ์ทดสอบ ซึ่งผู้ทดสอบ จะใช้ทาลงบนใบหน้าอีกด้านหนึ่ง ผู้ร่วมการทดสอบทุกคนจะทำความสะอาดผิวหน้าด้วยวิธีเดียวกัน ได้แก่การล้างหน้าด้วยผลิตภัณฑ์ล้างหน้าชนิดเดียวกัน ในตอนเย็น และล้างหน้าด้วยน้ำเปล่า (ที่อุณหภูมิห้อง) ในตอนเช้า คำอธิบายตาราง(1) ราคา เป็นราคารวมทั้งผลิตภัณฑ์สำหรับกลางวัน และกลางคืนของต่างประเทศ แปลงค่าเป็นเงินบาท  (2) คะแนนโดยรวม เต็ม 100 คะแนน โดยวัดผลจาก 3 ปัจจัย คือ 80 คะแนน จากประสิทธิภาพในการลดริ้วรอย10 คะแนน จากประสิทธิภาพในการบำรุงผิว10 คะแนน จากการที่ครีมไม่ทำให้เกิดอาการแพ้(3) ประสิทธิภาพในการลดริ้วรอย ประเมินจาก1. ความเปลี่ยนแปลงของจำนวนรอยย่น  รวมถึงความยาว ความลึก และความหยาบกร้านของผิว หลังการใช้เป็นเวลา 12 สัปดาห์2. ภาพถ่ายรอยย่นบริเวณหางตาของผู้ทดสอบ ก่อน ระหว่าง และหลังการใช้เกณฑ์ให้คะแนนแบ่งเป็น ต่ำ , พอใช้ , ดี , ดีมาก(4) ประสิทธิภาพในการบำรุงผิว ประเมินจากปริมาณน้ำที่วัดได้ในผิวหนัง หลังจากการใช้เป็นเวลา 12 สัปดาห์ เกณฑ์ให้คะแนนแบ่งเป็น ต่ำ , พอใช้ , ดี , ดีมาก(5) การทำให้เกิดอาการแพ้ วัดจากจำนวนผู้เข้าทดสอบที่ต้องเลิกใช้เพราะเกิดอาการแพ้ เกณฑ์ให้คะแนนแบ่งเป็น ไม่พบ หมายถึงไม่มีผู้ทดสอบที่หยุดใช้ผลิตภัณฑ์พบ หมายถึงมีผู้ทดสอบที่หยุดใช้ ไม่เกิน 2 คนพบมาก หมายถึงมีผู้ทดสอบที่หยุดใช้ มากกว่า 2 คน(6) ความพึงพอใจต่อประสิทธิภาพการลดริ้วรอย ผู้ทดสอบตอบแบบสอบถามด้านความพึงพอใจ ในสัปดาห์ที่ 4 และ 12 เกี่ยวกับ ความชุ่มชื้น ความเรียบลื่น และความยืดหยุ่นของผิวหนัง และการจางหายไปของริ้วรอย ที่ผู้ทดสอบรู้สึกได้(7) ความพึงพอใจต่อตัวเนื้อครีม เช่น ลักษณะของเนื้อครีม กลิ่น ความสม่ำเสมอในการกระจายตัวเนื้อครีม การซึมลงสู่ผิวหนัง และลักษณะของผิวหน้าหลังทาครีม เกณฑ์ให้คะแนนความพึงพอใจ แบ่งเป็น  ต่ำ , พอใช้ , ดี , ดีมาก   ผลการทดสอบเครื่องสำอางที่อ้างว่ามีประสิทธิภาพในการลดริ้วรอยบนใบหน้า   ผลิตภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์จากประเทศ ราคา(1) (บาท)   คำโฆษณาบนบรรจุภัณฑ์   คะแนนรวม(2) ประสิทธิภาพในการลดริ้วรอย(3) ประสิทธิภาพในการบำรุงผิว(4) การทำให้เกิดอาการแพ้(5) ความพึงพอใจของผู้ใช้ ความพึงพอใจต่อประสิทธิภาพการลดริ้วรอย(6) ความพึงพอใจต่อตัวเนื้อครีม(7) 1 Diadermine Expert rides ฝรั่งเศส 529 เสริมสร้างเนื้อเยื่อ ให้ริ้วรอยตื้นขึ้น   62 ดี ดีมาก ไม่พบ ดี ดีมาก 2 Oil of Olay Olay Regenerist อเมริกา       721 เผยผิวใหม่ ทีละเซลล์ เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว ทำให้ผิวเนียนนุ่ม 61 ดี ดีมาก ไม่พบ ดีมาก ดีมาก 3 Lancôme Renergie ฝรั่งเศส  อเมริกา   3,154 ซ่อมแซมผิว เพิ่มความกระชับ ต่อต้านริ้วรอย 56 ดี ดีมาก ไม่พบ ดี ดี 4 Roc Retin-OX   ฝรั่งเศส   851 บำรุงผิว รักษาริ้วรอย อย่างเข้มข้น 54 ดี ดี พบมาก ดีมาก ดี 5 Neutrogena Neutrogena Visibly Firm   อเมริกา 613 สูตรปรับปรุงใหม่ เพื่อผิวที่กระชับ เต่งตึงขึ้น 47 ปานกลาง ดี พบ ดี ดี 6 Avon Anew Alternative         ฝรั่งเศส  อเมริกา 1,748 ดูแลริ้วรอยที่เกิดจากวัยอย่างเข้มข้น 44 ปานกลาง ดีมาก พบ ดีมาก ดี 7 L'Oreal Paris Dermo Expertise Wrinkle De-Crease with Boswelox ฝรั่งเศส  อเมริกา   592 ปรับลดริ้วรอยที่เกิดจากการแสดงอารมณ์ ทำให้ผิวหน้าเรียบเนียนขึ้น 42 ปานกลาง ดีมาก พบ ดี ดี 8 Klein-Becker USA Strivectin-SD Intensive Concentrate for Existing Stretch Marks ฝรั่งเศส  อเมริกา 3,450 ทำให้ผิวดูเรียบ กระชับขึ้น รอยแตกลายดูจางลง พิสูจน์แล้วว่าได้ผล โดยร้อยละ 93 ของผู้ทดลองใช้ 40 ปานกลาง ดี ไม่พบ ดี พอใช้ 9 L'Oreal Paris Dermo Expertise RevitaLift Anti-Wrinkle & Firming Cream ฝรั่งเศส  อเมริกา   494 ประสิทธิภาพ การทำงานล้ำลึก 38 ปานกลาง ดีมาก ไม่พบ ดี ดีมาก 10 La Prairie Cellular ฝรั่งเศส  อเมริกา 6,042 เสริมสร้างเนื้อเยื่อ 34 ต่ำ ดี พบ ดี ดี 11 Oil of Olay Active hydrating cream – original   อเมริกา     253 เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว 33 ต่ำ ดีมาก พบ ดี พอใช้ 12 Roc Retinol Correxion Deep Wrinkle อเมริกา 721 ลบเลือนริ้วรอยจากการแสดงอารมณ์ และริ้วรอยลึก 31 ต่ำ ดีมาก พบ ดีมาก ดี 13 Nivéa visage Q10 Advanced Wrinkle Reducer ฝรั่งเศส  อเมริกา     484 ลดริ้วรอยได้อย่างมีประสิทธิภาพ ป้องกันการเกิดริ้วรอยใหม่ ปรับสภาพผิวอย่างเข้มข้น 27 ต่ำ ดีมาก ไม่พบ ดี พอใช้

อ่านเพิ่มเติม >