ฉบับที่ 264 มาสคารา

        แม้ว่ามาสคาราจะมียอดขายลดลงเพราะมีขนตาปลอมและบริการต่อขนตาเข้ามาแย่งตลาด แต่ค่ายเครื่องสำอางก็ยังส่งผลิตภัณฑ์ใหม่ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่องเพื่อสนองความต้องการของคนทุกเพศทุกวัยที่รักการมีขนตางอนงาม         หากยังคิดไม่ตกว่าจะเลือกมาสคารายี่ห้อไหน ลงทุนเท่าไรถึงจะคุ้มค่า ฉลาดซื้อฉบับนี้มีผลทดสอบเปรียบเทียบมาสคารา 24 รุ่น ที่องค์กรทดสอบระหว่างประเทศ ICRT ได้ทำไว้เมื่อปลายปี 2565 มาเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจ (ติดตามผลการทดสอบเปรียบเทียบมาสคารามาครั้งก่อนหน้านี้ได้ในฉลาดซื้อ  ฉบับที่ 138)    การทดสอบครั้งนี้แบ่งออกเป็น 3 ส่วน        -       การทดลองใช้ โดยผู้ที่เชี่ยวชาญ (ด้านการใช้มาสคารา) ที่ใช้ผลิตภัณฑ์วันละ 1 ครั้ง ต่อเนื่องกัน 30 วัน และตอบคำถามเกี่ยวกับการใช้งาน เช่น การเปิด/ปิด ความถนัดในการจับด้ามแปรง ความหนาและความโค้งงอนของขนตา ความสม่ำเสมอของเนื้อผลิตภัณฑ์บนเส้นขนตา ความเร็วในการแห้ง การติดทนและไม่ทิ้งคราบ ความยากง่ายในการล้างออก และอาการแพ้ที่อาจเกิดขึ้น             -       การให้คะแนนโดยผู้เชี่ยวชาญ โดยดูจากภาพถ่ายดวงตา ก่อนและหลังการใช้มาสคารา        -       การทดสอบในห้องปฏิบัติการซึ่งแบ่งออกเป็น            ·     การตรวจวิเคราะห์หาสารต้องห้ามและปริมาณโลหะหนัก และ            ·     การวัดปริมาณมาสคาราที่เหลือค้างในบรรจุภัณฑ์ (ทดสอบโดยใช้แปรงจุ่มมาสคาราในหลอดแล้วนำมาเช็ดออก ทำซ้ำจนกว่าจะไม่มีสีติดที่กระดาษหรือหลังมือ จากนั้นนำบรรจุภัณฑ์มาชั่งน้ำหนัก ก่อนจะนำไปล้างและเช็ดให้แห้งด้วยสำลีก้าน แล้วนำมาชั่งอีกครั้งเพื่อหาส่วนต่าง) ผลทดสอบที่น่าสนใจ        ·     การทดสอบครั้งนี้พบว่าไม่มีผลิตภัณฑ์ใดที่มีสารเคมีหรือโลหะหนักเช่น ฟอร์มัลดีไฮด์ สารหนู ตะกั่ว แคดเมียม นิกเกิล ฯลฯ เกินปริมาณที่กฎหมายกำหนด ที่น่าสนใจคือตรวจไม่พบสารเหล่านี้เลยในมาสคาราของ Benefit  Lancome  และ Kiko           ·     ในเรื่องของความพึงพอใจและความสามารถในการแปลงลุคขนตาของผู้ใช้ เราพบว่าราคาไม่ใช่ตัวชี้วัดเสมอไป แม้ผลิตภัณฑ์ที่ได้คะแนนสูงสุด YVES SAINT LAURENT Mascara Lash Clash จะมีราคาเกิน 1,300 บาท แต่ ISADORA Build-Up Mascara Extra Volume ที่ได้คะแนนตามมาติดๆ ราคาไม่ถึง 500 บาท และมาสคาราหลายยี่ห้อที่ราคาเกินหนึ่งพันบาท ก็ได้คะแนนในอันดับไม่ดีนัก---ข้อควรระวัง หลีกเลี่ยงการใช้มาสคาราที่เปิดใช้งานมานานเกิน 3 เดือน และไม่ใช้ผลิตภัณฑ์นี้ร่วมกับใคร

สำหรับสมาชิก >
ฉลาดซื้อ เก็บแต้มแลกสินค้า300 Point

ฉบับที่ 247 แฟชั่นต่อขนตาปลอมถาวร

        การเสริมความงามให้ใบหน้าโดดเด่นด้วยขนตาที่หนางอนสวย ยังคงเป็นที่นิยมมากสำหรับสาวๆหลายท่าน ทว่าการต่อขนตาสมัยนี้ไม่ได้ใช้วิธีการในรูปแบบเดิมที่ใช้ขนตาแบบแผงสำเร็จ และแค่เราล้างหน้าก็หลุดออกมาโดยง่าย  ปัจจุบันเป็นเทรนด์ต่อขนตาแบบถาวร ที่ใช้เวลาแค่ 30-60 นาที ขนตาที่ต่อก็สามารถอยู่ได้ถาวรถึง 4-8 สัปดาห์ โดนน้ำก็ไม่หลุด          “ต่อขนตาปลอมแบบถาวร” คือ การนำขนตาปลอม หรือตามร้านจะมีรูปแบบที่เรียกว่า ขนมิงค์ เส้นใยสังเคราะห์หรือขนตารูปแบบอื่นๆ ให้ทางลูกค้าเลือก ซึ่งจะนำมาทากาวและติดไปที่ขนตาเส้นที่ยาวและหนาทีละเส้น  เพื่อให้เกิดการยึดติดกับขนตาจริง โดยการติดขนตานั้นจะเป็นการใช้กาวเฉพาะสำหรับการต่อขนตาแบบนี้เท่านั้น หากใช้กาวอื่น เช่น กาวตราช้าง ไม่สามารถทำได้ อันตรายมากๆ อย่างที่เคยมีข่าวเมื่อหลายปีก่อน ที่มีช่างหัวใสนำกาวตราช้างมาติดแทนกาวที่ใช้โดยเฉพาะ ซึ่งก่อให้เกิดอาการบวมแดง ขนตาติดกันเป็นก้อน ระคายเคืองและลืมตาไม่ขึ้น จนทำให้ขนตาธรรมชาติหลุดออกเกือบทั้งหมด          ความเสี่ยงการต่อขนตาถาวร        ขนตา มีหน้าที่ป้องกันสิ่งแปลกปลอมรอบดวงตามิให้สร้างความระคายเคืองให้แก่ลูกตา เช่น ป้องกันละอองฝุ่น หรือแม้แต่เหงื่อ  แต่เมื่อมีการนำขนหรือวัสดุต่างๆ ที่คล้ายกับขนตาจริงมาตกแต่งเสริมความงามรอบดวงตา อาจจะก่อความเสี่ยงต่อดวงตาได้ ดังนี้        -        เกิดความเสี่ยงจากวัสดุที่ใช้ทำขนตาปลอม ซึ่งอาจสะสมสิ่งสกปรก เชื้อโรค เมื่อนำมาใช้บริเวณแผงขนตา ทำให้เสี่ยงระคายเคืองและเปลือกตาอักเสบ        -        กาวติดขนตามีส่วนผสมสารที่เรียกว่า “ฟอร์มาลดีไฮด์(formaldehyde)” ซึ่งก่อปัญหาแพ้ได้ง่าย เช่น  คันตา เคืองตา ตาอักเสบ ติดเชื้อ ขนตาร่วงหรือถึงขั้นหลุดร่วงถาวร        -        ความเสี่ยงจากการเก็บรักษา ”ขนตาปลอม” ที่ไม่สะอาด ไม่ถูกวิธี  อาจทำให้เกิดการติดเชื้อ เกิดอาการแพ้อย่างหนัก อักเสบ อาจเสี่ยงถึงขั้นทำให้ดวงตาเสียหาย        -        เมื่อต่อขนตาแล้วดึงออกบ่อยๆ อาจทำให้ขนตาจริงหลุดติดออกมา แล้วกระทบถึงการทำลายระบบต่างๆ รอบดวงตา เพราะบริเวณโคนขนตาแต่ละเส้นนั้น จะมีต่อมไขมันและต่อมเหงื่อช่วยผลิตไขมันและน้ำเพื่อไปหล่อเลี้ยงในดวงตา         วิธีดูแลหลังต่อขนตาปลอมถาวร        1.ห้ามขยี้ตา บางคนอาจจะรำคาญหรือไม่ชิน เพราะต่อขนตาเป็นครั้งแรก ยังไงก็ห้ามขยี้เพราะอาจทำให้ขนตาปลอมหลุดออกมาพร้อมขนตาจริง        2.ห้ามโดนน้ำหลังต่อ 24 ชั่วโมง หลังจากนั้นค่อยล้างหน้าด้วยน้ำอุณหภูมิปกติ ห้ามล้างน้ำอุ่นเพราะจะทำให้กาวติดขนตาเสื่อมสภาพ        3.ห้ามใช้ผลิตภัณฑ์ที่เช็ดเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมเป็นน้ำมัน เพราะจะทำให้ขนตาที่ต่อหลุดร่วงเร็วเนื่องจากประสิทธิภาพกาวลดลง        4.งดการดัดขนตาและหรือใช้มาสคาร่ากันน้ำไปก่อน เพราะขนตานั้นเปราะบางมาก การต่อขนยาช่วยให้มีความยาวงอนเด้งอยู่แล้ว หากไปดัดหรือทามาสคาร่าซ้ำก็อาจจะเป็นการทำให้หลุดร่วงเร็วขึ้น

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 242 กระแสต่างแดน

ส่วนลดความสะดวก        สมาร์ตการ์ดเป็นสิ่งที่มีใช้ในแทบทุกวงการในญี่ปุ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งบัตรโดยสารรถสาธารณะ แต่ผู้พิการหรือผู้ดูแลที่มีสิทธิได้รับส่วนลด กลับไม่สามารถใช้บัตรดังกล่าวกับรถไฟของบริษัทเจแปน เรลเวย์ (JR) ได้        พูดง่ายๆ หากต้องการส่วนลด 50%  ผู้โดยสารต้องแสดงบัตรประจำตัวผู้พิการ/ผู้ดูแล ก่อนซื้อตั๋วจากเจ้าหน้าที่  หรือหากใช้สมาร์ตการ์ดรูดไปก่อน เมื่อถึงที่หมายก็จะต้องติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อขอเงินคืน         กลุ่มพิทักษ์สิทธิผู้พิการในเมืองชิบะ สำรวจพบว่าการเดินทางด้วยรถไฟโดย “ใช้ส่วนลด” นี้ทำให้กลุ่มผู้พิการใช้เวลาเดินทางนานกว่าคนทั่วไป 35 นาที (เที่ยวเดียว) หรือ 56 นาที (ไปกลับ) กรณีผู้ใช้วีลแชร์จะใช้เวลานานขึ้นถึง 71 นาที เนื่องจากต้องหาลิฟต์และตู้รถไฟที่รองรับวีลแชร์ด้วย         ทางกลุ่มฯ ส่งข้อเรียกร้องไปยัง JR หลายครั้ง แต่บริษัทก็บ่ายเบี่ยงด้วยเหตุผลนานาประการ คราวนี้เขาจึงทำหนังสือถึงกระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐาน การขนส่ง และการท่องเที่ยว เพื่อเรียกร้องให้มีสมาร์ตการ์ดสำหรับผู้พิการด้วย     คุณค่าที่อาจไม่ควร        กลางเดือนเมษายนที่ผ่านมาสำนักข่าวซินหัวของรัฐบาลจีนออกมาประณามเหล่า “อินฟลูเอนเซอร์” คนดังบนแพลตฟอร์มโต่วยิน (หรือติ๊กต่อกในเวอร์ชันของจีน) ที่แชร์คลิปโอ้อวดชีวิตเลิศหรู สวนทางกับค่านิยมเรื่องความขยัน ประหยัด และอดทน         “บิ๊กโลโก้” ซึ่งมีผู้ติดตามถึง 27 ล้านคนรีบออกมาขอโทษ บอกว่า “ทำไปโดยไม่ได้คิด” เขาคนนี้โพสต์วิดีโอขณะกินอาหารในร้านหรูและเข้าพักในห้องระดับไฮเอนด์ของโรงแรมต่างๆ         “เสี่ยวหยู” ซึ่งมีผู้ติดตาม 6 ล้านคนก็เช่นกัน เขาทำคลิปนำชมศูนย์พักฟื้นสำหรับคุณแม่หลังคลอด ที่ให้บริการห้องพักขนาด 800 ตารางเมตร พร้อมทีมแพทย์และพยาบาลส่วนตัว รวมถึงนักโภชนาการและแม่บ้าน ในราคาคืนละ 100,000 หยวน (ประมาณ 485,000 บาท)         ซินหัวเตือนเหล่า “ผู้ติดตาม” ให้ระวังอย่าเป็นเหยื่อคนเหล่านี้ที่ทำทุกอย่างเพื่อยอดคลิก โดยไม่รับผิดชอบต่อเยาวชนหรือสังคม         ขณะนี้โต่วยินได้ปิดบัญชีที่มีคอนเทนต์ “บูชาความร่ำรวย” ไปแล้วกว่า 4,000 บัญชี      โปรดใช้ความระมัดระวัง        ในเดือนเมษายน คณะกรรมการด้านความปลอดภัยสินค้าของสหรัฐฯ ออกคำเตือนให้ครอบครัวที่มีเด็กเล็ก หยุดใช้ลู่วิ่งออกกำลังกาย Tread+ ของค่าย Peloton เนื่องจากมีรายงานอุบัติเหตุในเด็กถึง 38 ครั้ง และมีเด็กเสียชีวิตแล้ว 1 ราย         ขณะนี้คณะกรรมการกำลังทำการสอบสวนเพิ่มเติม และให้คำแนะนำผู้บริโภคว่า หากยังต้องการใช้เครื่องออกกำลังกายดังกล่าวต่อไป ก็ต้องมั่นใจว่านำไปตั้งในห้องที่ล็อคประตูกันเด็กเข้าได้         ทางด้านบริษัท Peloton ยอมรับว่าข่าวที่มีเด็กเสียชีวิตขณะใช้เครื่อง Thread+ และอีกรายที่สมองได้รับความกระทบกระเทือนนั้นเป็นความจริง         แต่ก็ตอบโต้ว่า “คำเตือน” ของคณะกรรมการฯ มีข้อมูลที่ยังไม่ถูกต้องนัก และยืนยันว่าผู้บริโภคไม่มีความจำเป็นต้องหยุดใช้อุปกรณ์ที่ว่า หากทำตามคำแนะนำเรื่องความปลอดภัยที่แจ้งไว้ในคู่มืออย่างเคร่งครัด ไม่ส่งแล้วจ้า        เกษตรกรในออสเตรเลียต้องรีบหาช่องทางใหม่ในการจัดส่ง “ผลิตภัณฑ์ที่เน่าเสียได้” ไปสู่ผู้บริโภคโดยตรง เนื่องจากตั้งแต่ 30 มิถุนายน 2564 ไปรษณีย์ออสเตรเลียซึ่งเป็นบริษัทที่รัฐบาลเป็นเจ้าของ จะหยุดให้บริการจัดส่งสินค้าดังกล่าว         เรื่องนี้ส่งผลกระทบต่อหลายธุรกิจที่หันมาจัดส่งสินค้าถึงบ้านโดยตรงตั้งแต่ช่วงโควิด-19 ระบาด รวมถึงร้านอาหารที่เชฟจะใช้วัตถุดิบหายากมารังสรรค์เมนูเอาใจลูกค้าเพื่อสร้างเทรนด์และเปิดโอกาสให้กับเกษตรกรได้ทำตลาด         แน่นอนยังมีอีกหลายพื้นที่ห่างไกลที่ผู้ผลิตอาหารต้องพึ่งพา Australia Post ในการจัดส่ง เนื่องจากไม่มีเจ้าอื่นให้บริการ         บริษัทบอกว่าจำเป็นต้องเลิกจัดส่งสินค้าที่มีการควบคุมอุณหภูมิ เช่น เนื้อสัตว์ ไข่ ปลา ผัก ผลไม้ อาหารแช่แข็ง และผลิตภัณฑ์จากนม เนื่องจากกฎหมายหรือข้อบังคับด้านความปลอดภัยทางอาหารที่ซับซ้อนและแตกต่างกันในแต่ละเขตหรือมลรัฐ  ขอผลข้างเคียง        Consumer NZ หรือองค์กรผู้บริโภคนิวซีแลนด์ ออกมาเรียกร้องให้มีการแสดงข้อมูลเรื่องผลข้างเคียงของ “ซีรัมบำรุงขนตา” ผลิตภัณฑ์ราคาแพงที่มียอดขายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในนิวซีแลนด์ขณะนี้         ใครบ้างจะไม่อยากมีขนตายาวงอนงามสีเข้มในเวลาไม่กี่สัปดาห์ (โฆษณาเขาอ้างว่าอย่างนั้น) แถมผลิตภัณฑ์ซึ่งมีส่วนผสมของโพรสตาแกลนดิน (Prostaglandin) เหล่านี้ยังระบุไว้อีกว่า “ไม่ระคายเคือง” หรือ “คิดค้นสูตรโดยแพทย์” อีกด้วย         ในขณะที่ซีรัมเหล่านี้อยู่ระหว่างการถูกตรวจสอบในสหภาพยุโรป หลังมีรายงานเรื่องผลข้างเคียงในผู้ใช้ เช่น เปลือกตาบวม และอาการแสบร้อนในดวงตา         Consumer NZ ซื้อผลิตภัณฑ์เหล่านี้หลายยี่ห้อมาส่องฉลากดู ก็ไม่พบคำเตือนใดๆ มีเพียงหนึ่งยี่ห้อที่ให้คำเตือนไว้ในสมุดพับเล่มเล็กๆ ในกล่อง ซึ่งหมายความว่าต้องซื้อไปก่อนจึงจะได้ข้อมูล

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 200 ดัดขนตาถาวร ปลอดภัยแค่ไหน

ขนตาโค้งงอน เป็นสิ่งที่สาวๆ หลายคนปรารถนา จึงสรรหาสารพัดวิธีมาทำให้สวยสมใจ ซึ่งวิธีที่ได้รับความนิยมมากที่สุดก็หนีไม่พ้นการใช้ที่ดัดขนตา แต่ก็มักจะได้ยินเสียงบ่นตามมาเสมอว่าดัดแล้ว ขนตาไม่โค้งงอนอย่างที่ต้องการ ทำให้ปัจจุบันได้มีอีกหนึ่งวิธีการเข้ามาแก้ปัญหาดังกล่าวนั่นก็คือ การดัดขนตาถาวร ซึ่งจะมีความปลอดภัยมากน้อยแค่ไหน เราลองไปดูกันมาดูความโค้งงอนตามธรรมชาติของขนตากันก่อนหลายคนอาจคิดว่า ขนตามีไว้เพื่อเป็นความสวยงามให้กับดวงตา แต่จริงๆ แล้ว ขนตาทำหน้าที่คอยป้องกันดวงตาของเราจากสิ่งแปลกปลอม ซึ่งตามธรรมชาติขนตาจะมีลักษณะชี้ตรง แต่บางคนขนตาอาจจะงอนขึ้นด้านบนในหนังตาบน และงอนลงล่างในหนังตาล่าง รวมทั้งมีความยาวแตกต่างกันไปตามลักษณะพันธุกรรม ขนตางอนด้วยการดัดถาวร ปลอดภัยแค่ไหนการดัดขนตาถาวร เป็นการใช้น้ำยาดัดหรือกาว เพื่อยกโคนขนตาขึ้นให้มีความโค้งงอนตลอดเวลา ซึ่งสามารถอยู่ได้ประมาณ 1-2 เดือน เหมาะสำหรับผู้ที่มีขนตายาวชี้ตรง ดูไม่สวยงามและต้องการประหยัดเวลาในการแต่งหน้า ทั้งนี้ปัจจุบันบางร้านอาจเรียกวิธีการดังกล่าวว่า Lash lifting (ลิฟติ้ง ขนตา) ซึ่งโฆษณาว่าใช้เซรั่มหรือน้ำยา ที่มีความอ่อนโยนกว่าการดัดขนตาถาวรอย่างไรก็ตามเราต้องไม่ลืมว่า บริเวณดวงตาเป็นอวัยวะที่บอบบาง สามารถเกิดการระคายเคืองได้ง่าย ดังนั้นการใช้สารเคมีใดๆ ในบริเวณดังกล่าว อาจทำให้เกิดการแพ้ ระคายเคืองได้ทั้งนั้น เช่น เปลือกตาบวมแดง อักเสบหรือเกิดโรคที่เปลือกตา ซึ่งส่งผลต่อการเจริญเติบโตของขนตา เช่น ขนตาร่วงผิดปกติ ขนตาเก หักหงิกงอหรือหยุดการเจริญเติบโตได้ ดัดขนตาถาวรอย่างไรให้ปลอดภัยหลายคนอาจเลือกรับบริการดัดขนตาถาวรหรือลิฟติ้ง ขนตาที่สถานบริการความงาม และบางคนก็ที่จะซื้อน้ำยาดัดขนตามาทำเองที่บ้าน ผ่านการซื้อสินค้าจากอินเทอร์เน็ต ซึ่งมักโฆษณาว่าเป็นน้ำยาที่นำเข้าจากต่างประเทศ มีความอ่อนโยน ได้รับมาตรฐานจากหลายองค์กร แต่เราจะแน่ใจได้อย่างไรว่าสินค้าที่นำมาใช้กับดวงตาของเรานั้นมีมาตรฐานจริง ดังนั้นเพื่อความปลอดภัย เราจึงควรตรวจสอบรายละเอียดเบื้องต้นก่อนว่า เป็นสินค้าที่ได้รับมาตรฐาน อย. หรือไม่ ดังนี้1. มีเลขที่จดแจ้งเราต้องไม่ลืมว่า น้ำยา เซรั่ม กาวหรือทรีตเมนท์ ใดๆ ที่ใช้สำหรับดัดหรือยกขนตาให้โค้งงอนในช่วงระยะเวลาหนึ่งได้นั้น จัดเป็นเครื่องสำอางประเภทหนึ่งเช่นกัน ซึ่งต้องได้รับเลขที่จดแจ้งจาก อย. เพื่อแสดงว่าไม่มีส่วนประกอบที่เป็นสารต้องห้าม แต่ไม่ได้หมายความว่าหากผู้บริโภคใช้แล้วจะไม่เกิดอาการแพ้ นอกจากนี้ยังมีผู้ผลิตหลายรายที่แอบลักลอบเติมสารอันตราย ภายหลังการขอเลขที่จดแจ้งแล้วอีกด้วย อย่างไรก็ตามหากมีเลขที่จดแจ้ง เราก็จะสามารถตามตัวผู้ผลิตมารับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้นได้ ทั้งนี้ปัจจุบันเลขที่จดแจ้งจะมีจำนวน 10 หลักและ 13 หลัก โดยไม่อยู่ภายใต้กรอบอย. เช่น XX-X-XXXXXXX ซึ่งวิธีตรวจสอบว่าเป็นสินค้าที่มาจากประเทศใด สามารถดูได้จากตัวเลขหลักที่ 2 โดยหากเป็นเลข 1 แสดงว่าเป็นสินค้าที่ผลิตในประเทศ และหากเป็นเลข 2 แสดงว่าเป็นสินค้านำเข้า รวมทั้งเราควรเข้าไปตรวจสอบความถูกต้องของเลขที่จดแจ้ง ผ่านทางเว็บไซต์ของ อย. ที่ www.fda.moph.go.th และสามารถโทรศัพท์ร้องเรียนสินค้าที่คาดว่าจะไม่ปลอดภัยได้อีกด้วย ผ่านทางสายด่วน อย. 1556 (วันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 08.30 – 16.30 น.)2. มีฉลากภาษาไทย ไม่ว่าจะเป็นสินค้าที่ผลิตในประเทศ หรือสินค้านำเข้าก็ต้องมีฉลากภาษาไทย ซึ่งต้องระบุข้อความให้ครบถ้วน ดังนี้ ชื่อและชนิดของเครื่องสำอาง, เลขที่ใบรับแจ้ง, สารทุกชนิดที่ใช้เป็นส่วนผสม, วิธีการใช้, ชื่อและที่ตั้งของผู้ผลิตหรือนำเข้า, ปริมาณสุทธิ, เลขที่แสดงครั้งที่ผลิต, เดือนปีที่ผลิตและคำเตือน (ถ้ามี)หากเราพบว่าเครื่องสำอางที่เราซื้อมานั้น ไม่มีฉลากภาษาไทย ควรตั้งข้อสังเกตเบื้องต้นไว้ก่อนว่า อาจเป็นเครื่องสำอางที่ไม่ปลอดภัยและไม่ควรเสี่ยงใช้เครื่องสำอางนั้น โดยเฉพาะน้ำยาดัดขนตาที่กฎหมายกำหนดกำหนดไว้ว่า ห้ามนำสารเคมีบางชนิดที่มีความเสี่ยงสูง หรือสามารถก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้บริโภคมาผสม เช่น Thioglycolic acid esters ซึ่งเป็นสารที่อนุญาตให้ใช้เฉพาะในผลิตภัณฑ์สำหรับดัดผมหรือยืดผมเท่านั้น โดยหากนำไปใช้เป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์สำหรับดัดขนตา จะถือว่าเป็นเครื่องสำอางที่มีวัตถุที่ห้ามใช้

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 108 กระแสในประเทศ

ประมวลเหตุการณ์เดือนมกราคม 255310 ม.ค. 53แฟชั่นขนตาปลอม เสี่ยงตาบอดกระทรวงสาธารณสุข ฝากเตือนถึงสาวๆ ที่นิยมติดขนตาปลอม ให้ระวังเรื่องความสะอาดเป็นสำคัญ เพราะขนตาปลอมที่ดูแลไม่ดีอาจเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรค ซึ่งจะมีผลทำให้ตาดำอักเสบ เสี่ยงต่อตาบอด ดังนั้นก่อนใส่ต้องล้างมือให้สะอาด ไม่ควรใช้ขนตาปลอมร่วมกับคนอื่น หรือใส่ต่อเนื่องกันนานๆ และหากมีอาการแพ้หรืออักเสบต้องรีบไปพบจักษุแพทย์ทันที ด้านนายแพทย์ ฐาปนวงศ์ ตั้งอุไรวรรณ จักษุแพทย์ประจำโรงพยาบาลพระนั่งเกล้า กล่าวว่า ขนตาปลอมและกาวติดขนตา ที่มีวางจำหน่ายอยู่ขณะนี้ มีราคาตั้งแต่ 10 บาท ถึง 300 บาท มีทั้งที่ผลิตได้ตามมาตรฐานถูกต้องตามหลักวิชาการ และไม่ได้มาตรฐาน ขนตาปลอมมีทั้งอ่อนนุ่มไปจนถึงแข็งมาก มีหลากหลายรูปแบบ เช่น เป็นแผงเส้นตรง เส้นสานกัน แบบเป็นช่อ ฯลฯ ซึ่งกาวที่ใช้ติดขนตาปลอม ต้องมีคุณภาพดี ผลิตถูกต้องตามหลักวิชาการ มีส่วนประกอบสำคัญที่เหมาะกับการใช้เฉพาะที่ และต้องระบุฉลากชัดเจนว่าใช้กับดวงตาเท่านั้น หากใช้กาวอื่นมาติด อาจเป็นอันตรายได้ -------------------------------------------------------------------------------------------------------- 15 ม.ค. 53อย. คุมเข้มข้าวนำเข้านพ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เปิดเผยว่า ภายหลังการประกาศลดอัตราภาษีสินค้าเกษตรตามข้อผูกพันภายใต้ความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน (AFTA) มีผลให้ผลิตผลทางการเกษตร 23 ชนิด ลดภาษีการนำเข้าลงเหลือร้อยละ 0 ตั้งแต่ 1 มกราคม 2553 เป็นต้นไป ซึ่งในเรื่องของข้าวนั้น หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องได้เตรียมมาตรการรองรับอย่างเต็มที่ โดยได้มีการกำหนดมาตรการกำกับดูแลและติดตามการนำเข้าข้าว 5 มาตรการคือ 1) กำหนดคุณสมบัติของผู้นำเข้าข้าวและพิจารณาชนิดข้าวที่จะนำเข้าเพื่อใช้เป็นวัตถุดิบ 2) ต้องมีใบรับรองแหล่งกำเนิดสินค้า 3) กำหนดด่านนำเข้า 4) กำหนดระยะเวลาการนำเข้า 5) กำหนดมาตรฐานคุณภาพข้าว มาตรการด้านสุขอนามัยที่เข้มงวดตามกติกาสากลและเงื่อนไขปลอด GMOs ในส่วนของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ถ้ามีการอนุญาตนำเข้าข้าวเพื่อจำหน่ายผู้บริโภคโดยตรง ต้องได้รับอนุญาตนำเข้าจาก อย.และต้องมีฉลากระบุรายละเอียด เช่น ชื่ออาหาร ชื่อที่ตั้งของผู้ผลิตหรือผู้แบ่งบรรจุ ชื่อที่ตั้งของผู้นำเข้าและประเทศผู้ผลิต ปริมาณสุทธิ และส่วนประกอบที่สำคัญ เป็นต้น ----------------------------------------------------------------------------------------------------------- 17 ม.ค. 53เตือนคนชอบฟังเพลงเสียงดัง เสี่ยงหูตึงกระทรวงสาธารณสุขเตือนคนที่ชอบฟังเพลงจากหูฟังเสียงดังๆ ระวังเสี่ยงเกิดอาการหูตึง หูหนวก เนื่องด้วยปัจจุบันประเทศไทยมีวัยรุ่นจำนวนมากนิยมฟังเพลงจากเครื่องเล่นเพลงดิจิตอลพกพาต่างๆ ซึ่งปกติระดับเสียงที่ปลอดภัยต่อประสาทหูของคนเราคือไม่เกิน 80 เดซิเบล หากเกินกว่านี้จะส่งผลเสียต่อหู คือทำให้เกิดอาการหูอื้อ หูตึง หูหนวก แต่จากพฤติกรรมการฟังเพลงของวัยรุ่ยในปัจจุบันมีภาวะเสี่ยงต่อการเกิดอันตรายกับระบบประสาทหูอย่างมาก เนื่องจากส่วนใหญ่นิยมฟังเพลงประเภทที่มีจังหวะเร็ว เสียงเบสดังกระแทกหนักๆ และมีความดังเกิน 80 เดซิเบล เป็นเวลานานๆ ซึ่งสอดคล้องกับรายงานการสำรวจการได้ยินของวัยรุ่นยุโรปที่ปัจจุบันอยู่ในภาวะเสี่ยงอันตรายจากการใช้หูฟังมากกว่า 10 ล้านคน ด้วยพฤติกรรมที่ชอบฟังเพลงจากหูฟังเสียงดังๆ เช่นกัน ----------------------------------------------------------------------------------------------------------- 28 ม.ค. 53เทรนด์ใหม่มิจฉาชีพ!? หลอกโอนเงินตู้ ATMนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เชิญหน่วยงานต่างๆ รวม 23 หน่วยงาน เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สมาคมธนาคารไทย กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) กรมสรรพากร สำนักงานประกันสังคม (สปส.) ฯลฯ เพื่อหารือและวางแนวทางแก้ไขปัญหาประชาชนถูกหลอกลวงให้ทำธุรกรรมผ่านตู้เอทีเอ็ม ซึ่งปัจจุบันพบว่า ยังมีมิจฉาชีพหลอกลวงต่อเนื่อง มีการปรับเปลี่ยนและพัฒนารูปแบบให้มีความน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น โดยข้อมูลของกรมสรรพากรพบว่า ตั้งเดือนมกราคม -ธันวาคม 2551 มีผู้เสียหายร้องเรียนว่าตกเป็นเหยื่อทั้งสิ้น 2,662 ราย ขณะที่ช่วงเดือนมกราคม - มิถุนายน 2552 มีถึง 5,088 ราย ในส่วนของดีเอสไอ ได้รับเรื่องร้องเรียนและรับเป็นคดีพิเศษ 37 ราย มูลค่าประมาณ 2.6 ล้านบาท ทั้งนี้ ที่ประชุมได้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลของคนร้ายที่มีการพัฒนามากขึ้น จากเดิมอ้างเป็นเจ้าหน้าที่กรมสรรพากร ติดต่อเพื่อคืนภาษี เปลี่ยนเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคาร หรือเจ้าหน้าที่บัตรเครดิต เพื่อยืนยันการใช้บริการ หรือการบริการคืนเงิน อีกทั้งยังออกอุบายให้มีการสั่งซื้อสินค้า และชักชวนร่วมลงทุน ดังนั้นเพื่อไม่ให้เราต้องตกเป็นเหยื่อของเหล่ามิจฉาชีพ เราจะควรศึกษาและติดตามข้อมูล กลโกงใหม่ๆ ของกลุ่มผู้ไม่หวังดี เพื่อให้เรารู้เท่าทันก่อนภัยมาถึงตัว--------------------------------------------------------------------------------------------------------------- จับหนุ่มรับฉีดยาผิวขาวใช้รถเก๋งเป็นคลินิก อย.เตือนอันตรายอย. ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เข้าจับกุมหนุ่มปริญญาตรีลักลอบฉีดสารผิวขาว โดยไม่มีใบประกอบวิชาชีพเวชกรรม อาศัยรถเก๋งของตัวเองเป็นคลินิกเถื่อนเคลื่อนที่ ไปรอรับลูกค้าที่ลานจอดรถในห้างสรรพสินค้า โดยค่าฉีดจะอยู่ที่เข็มละ 1,200 – 1,800 บาท ซึ่งจากการตรวจค้นในกระโปรงท้ายรถ พบของกลางทั้ง เข็มฉีดยา หลอดฉีดยา น้ำเกลือ ยากลูตาไธโอนในหลอดแก้วหลายสิบหลอด วิตามินซีแบบน้ำ วิตามินบีรวมแบบน้ำ รกแบบฉีด อาหารเสริมชนิดเม็ดบรรจุกล่องพลาสติก ประเภทแอลคาเนทีน กลูตาไธโอน และคอลลาซีพลัส รวม 50 กล่อง ซึ่งจากการสอบสวนผู้ต้องหามีความผิดหลายข้อหา ตั้งแต่ขายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาต ขายยาที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยา ประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยไม่ได้ขึ้นทะเบียนและรับอนุญาต และประกอบกิจการและดำเนินการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต นพ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวเตือนว่า ขณะนี้มีการแอบฉีดยาผิวขาวหรือกลูตาไธโอนในสถานเสริมความงามหลายแห่ง เพราะมีความนิยมมากในกลุ่มวัยรุ่นที่อยากมีผิวขาว ซึ่งไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าเป็นยาจริงหรือไม่ อีกทั้งวิธีในการฉีดยังไม่มีการศึกษามาก่อนว่าควรได้รับในปริมาณเท่าใด ระยะเวลาในการฉีดควรห่างหรือบ่อยขนาดไหน ดังนั้นการฉีดในขณะนี้จึงเป็นเพียงการคาดเดาทั้งสิ้น ซึ่งอาจจะเกิดอันตรายอย่างมากต่อผู้ที่รับบริการ โดย อย.จะสุ่มตรวจและจับกุม ซึ่งหากพบว่ามีที่ใดทำผิดกฎหมายมีสิทธิ์ได้รับโทษหนัก “ฉลาดซื้อ” เคยลงบทความเรื่อง “สารกลูตาไธโอน” ในคอลัมน์ “สวยอย่างฉลาด” นิตยสารฉลาดซื้อ ฉบับที่ 83 เดือนมกราคม 2551 ที่อธิบายว่าการ “ใช้กลูตาไธโอนเพื่อช่วยให้ผิวขาว อาจเกิดผลข้างเคียงจากการยับยั้งการสร้างเซลล์เม็ดสีให้ผิวหนัง การฉีดเข้าเส้นหรือเข้ากล้ามเนื้อเช่นเดียวกับการรักษาโรคต่างๆนั้น อาการข้างเคียงของผิวขาวจะเป็นเพียงอาการชั่วคราวเท่านั้น นอกจากนี้การที่ร่างกายได้ รับสารกลูตาไธโอนเป็นเวลานาน ๆ จะทำให้เม็ดสีเมลานิน ทั้งที่ผิวหนังและที่จอตาลดลง ทำให้จอตารับแสงได้น้อยลง เสี่ยงต่อการมองเห็นได้ในอนาคต” --------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ฟ้องกรมทางหลวงและคณะรัฐมนตรีเพิกถอนสัมปทานโทลล์เวย์3 กุมภาพันธ์ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค เครือข่ายองค์กรผู้บริโภค สถาบันพัฒนานักกฎหมายสิทธิมนุษยชน นักศึกษา และประชาชนผู้เสียหายจากการขึ้นค่าผ่านทางโทลล์เวย์ ร้องต่อศาลปกครองกลาง ฟ้องอธิบดีกรมทางหลวง ปลัดกระทรวงคมนาคม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และคณะรัฐมนตรี เพิกถอนสัญญาสัมปทาน เอื้อประโยชน์ให้บริษัทเอกชนใช้อำนาจรัฐได้ตามอำเภอใจโดยไม่ต้องขอความเห็น จากรัฐและสาธารณชนในการขึ้นค่าบริการสาธารณะ รวมทั้งขัดรัฐธรรมนูญที่ไม่ขอความเห็นจากองค์การอิสระคุ้มครองผู้บริโภค จากการที่บริษัทดอนเมืองโทลล์เวย์ขึ้นค่าผ่านทางจาก 55 บาทเป็น 85 บาท ในเดือนธันวาคมที่ผ่านมานั้น จนก่อให้เกิดความเสียหายเดือดร้อนต่อสาธารณะชนทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคมและจิตใจที่เกิดจากความเครียดจากค่าใช้จ่ายการจราจร และปัญหาจราจร การฟ้องร้องครั้งนี้ มีจุดประสงค์เพื่อ ให้ศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่งเพิกถอนการขึ้นค่าบริการ โดยให้กรมทางหลวงคิดค่าผ่านทางที่กำหนดบนพื้นฐานของต้นทุนการให้บริการจาก ผู้ใช้บริการสาธารณะ และให้เพิกถอนบันทึกข้อตกลง ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและรัฐธรรมนูญ รวมถึงให้เพิกถอนมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งให้บรรเทาทุกข์ชั่วคราว เพื่อให้จ่ายค่าบริการโทลล์เวย์ในอัตราเดิมจนกว่าคำพิพากษาจะถึงที่สุด ซึ่งในสัญญาสัมปทานนี้ กลุ่มผู้บริโภคและนักวิชาการด้านกฎหมาย พบว่ามีความฉ้อฉล เอารัดเอาเปรียบผู้บริโภค ไม่รักษาผลประโยชน์สาธารณะ ขัดต่อสิทธิและแนวนโยบายแห่งรัฐตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ ขัดหลักกฎหมายมหาชน และทำให้เกิดความเสียหายต่อรัฐและประชาชนโดยรวม หลายข้อ เช่น การคืนผลตอบแทนกลับสู่รัฐ กำหนดอยู่ในราคาที่ต่ำมาก เมื่อเปรียบเทียบกับการใช้ทรัพย์สินของรัฐตลอดระยะเวลาสัมปทาน 25 ปี คิดเพียงวันละประมาณ 22 บาท หรือ 8,000 บาทต่อปี ขณะที่บริษัทฯมีรายได้โดยเฉลี่ย 4.4 ล้านบาทต่อวัน บริษัทฯ เพิ่มรายได้ให้กับกิจการตนเอง โดยไม่คำนึงถึงปัญหาการจราจรบนถนนวิภาวดีรังสิต ด้วยการขยายช่องเก็บอัตราค่าผ่านทางยกระดับโทลล์เวย์หลายช่อง ทำให้จำนวนช่องจราจรบนถนนวิภาวดีรังสิตที่ใช้สำหรับการจราจรทางปกติลดลง เพราะต้องแบ่งทางจราจรดังกล่าวไปใช้สำหรับการขยายช่องเก็บอัตราค่าผ่านทางยกระดับข้างต้น และในระหว่างการดำเนินการก่อสร้างทางยกระดับบริษัทฯ มิได้ใช้ความระมัดระวังและไม่คำนึงถึงผลเสียหายที่จะเกิดขึ้นต่อทรัพย์สิน สาธารณะในระยะยาว ส่งผลให้เกิดความเสียหายบนถนนวิภาวดีรังสิตส่วนช่องจราจรด้านในติดกับเสา ตอม่อ และทำให้เกิดความเสียหายบนพื้นผิวจราจรเป็นลักษณะลูกคลื่นตลอดเส้นทาง ซึ่งเป็นอันตรายต่อผู้ขับขี่รถยนต์บนถนนวิภาวดีรังสิต อีกทั้ง ยังใช้งบประมาณของรัฐในการซ่อมแซมบำรุงพื้นผิวจราจรตลอดเส้นทางอย่างต่อเนื่อง เป็นต้น

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 178 ขนตาสั้น - บาง ทำอย่างไรดี

“ขนตา” นอกจากจะมีความสำคัญในการป้องกันฝุ่นละออง หรือเหงื่อไม่ให้ทำอันตรายต่อดวงตาแล้ว ยังเป็นสิ่งจำเป็นในการสร้างความมั่นใจให้กับสาวๆ หลายคน เพราะคนที่ขนยาวงอนยามกะพริบตา ดุจผีเสื้อยามกระพือปีกบินนั้น ย่อมเป็นที่สะดุดตา ชวนหลงใหล อย่างไรก็ตามความยาวของขนตาขึ้นอยู่กับกรรมพันธุ์เป็นหลัก คนที่ขนตาสั้นหรือบางจึงต้องสรรหาวิธีในการเพิ่มขนาดของขนตา เช่น ติดขนตาปลอม ปัดมาสคาร่า หรือต่อขนตากึ่งถาวร แต่วิธีต่างๆ เหล่านั้นจะปลอดภัยมากแค่ไหน เราคงต้องลองมาชั่งน้ำหนักความเสี่ยงกันดูค่ะ มารู้จักขนตาตามธรรมชาติกันสักนิดปกติเราจะมีขนตาบนมากกว่าขนตาล่างประมาณ 2 เท่า หรือ 120 ต่อ 80 เส้น ซึ่งขนตาก็เหมือนกับเส้นผมที่มีการหลุดร่วงทุกวัน และจะยิ่งชะลอการเจริญเติบโตเมื่อเราอายุมากขึ้น นอกจากนี้ก็มักจะมีสีแตกต่างกันไปตามเชื้อชาติ อย่างไรก็ตามแม้กรรมพันธุ์จะทำให้ความยาวของขนตาเราไม่เท่ากัน แต่คนที่มีขนตาบาง สั้น หรือแหว่งจริงๆ ก็ยังสามารถใช้ชีวิตตามปกติ ไม่ได้มีผลเสียอะไรต่อการดำเนินชีวิต สารพัดวิธีเพื่อขนตายาวปัจจุบันหากเราต้องการเพิ่มความหนายาวของขนตาก็สามารถทำได้ ด้วยวิธีที่กึ่งถาวรและไม่ถาวรดังนี้ 1. การปัดมาสคาร่าและการติดขนตาปลอมวิธีการนี้ง่ายและเสียค่าใช้จ่ายน้อยที่สุด เพราะเป็นการใช้เครื่องสำอางที่สามารถล้างออกได้ ทำให้ผลข้างเคียงน้อย แต่หากเราเผลอใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีคุณภาพ หรือล้างเครื่องสำอางเหล่านั้นไม่สะอาด ก็สามารถทำให้รูขุมขนบริเวณดวงตาอุดตัน เปลือกตาอักเสบและขนตาจริงหลุดร่วงได้ หรืออาจเกิดอาการอื่นๆ ที่เรารู้จักกันดีอย่างตากุ้งยิงได้เช่นกัน   นอกจากนี้การใช้กาวติดขนตาปลอมก็สามารถทำให้แพ้ได้ เพราะในสารประกอบของกาวติดขนตา มีหลายชนิดที่เป็นส่วนประกอบสำคัญของกาวติดวัสดุอื่นๆ เช่น ไม้ พลาสติก ซึ่งนายแพทย์ฐาปนวงศ์ ตั้งอุไรวรรณ จักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญประจำโรงพยาบาลพระนั่งเกล้า ให้ความเห็นไว้ว่า กาวที่ใช้ต่อขนตาอาจทำให้เกิดอาการแพ้ หรือเกิดการอักเสบระคายเคืองที่ผิวเป็นตุ่มพุพองเล็กๆ และเป็นหนองได้ ดังนั้นจึงควรใช้กาวติดขนตาแต่พอดีและเว้นระยะการใช้บ้าง เพราะทุกครั้งที่เราถอดขนตาปลอมออก จะทำให้ขนตาจริงของเราหลุดร่วงมาด้วย และควรป้องกันการแพ้เบื้องต้นด้วยการใช้สินค้าที่ได้รับมาตรฐาน อย. 2. การต่อขนตาปลอม การต่อขนตาเป็นเพิ่มความยาวและหนาที่ไม่ถาวร โดยเป็นการนำวัสดุต่างๆ เช่น เส้นใยสังเคราะห์ เส้นไหม ขนสัตว์ (ขนมิ้งค์ ขนม้า) หรือเส้นผม ต่อเข้ากับขนตาจริงในรูขนตาของเรา มีข้อดีคือทำให้เราขนตายาวตั้งแต่ตื่นนอนและดูเป็นธรรมชาติ ทั้งนี้อายุการใช้งานขึ้นอยู่กับการดูแลรักษาของแต่ละคน อย่างไรก็ตามวิธีการนี้ก็สามารถทำให้เกิดผลข้างเคียงได้มากกว่า เช่น ตาบวมแดงอักเสบ เพราะติดเชื้อจากกาวหรือวัสดุที่นำมาต่อ หรือเปลือกตาอักเสบ เพราะมีการสะสมของเชื้อโรคบริเวณแผงขนตา ซึ่งหากเราขยี้ตาจนทำให้วัสดุหลุดเข้าไปในดวงตา ก็อาจทำให้เป็นแผลและติดเชื้อที่กระจกตาดำได้ หรือตามความเห็นของนายแพทย์ฐาปนวงศ์ กล่าวว่า ไอระเหยของกาวอาจทำให้แสบตาจนถึงขั้นตาอักเสบและทำให้ต่อมขนตาฝ่อ ส่งผลให้ขนตาหยุดงอกใหม่ หรือหยุดการเจริญเติบโตทันที นอกจากนี้ พญ.กุลกานต์ อมรพัฒนา แพทย์ด้านศัลยกรรมปลูกถ่ายรากผม ก็ได้ให้ความเห็นต่อการต่อขนตาด้วยเส้นผมของตนเองว่า วิธีการนี้ไม่เป็นที่นิยมเท่าใดนัก เนื่องจากสภาพเส้นผมจะมีความยาวไม่จำกัด จึงต้องหมั่นตัดเล็มปลายขนตาเสมอ ทั้งยังมีต่อมเหงื่อที่เยอะกว่า ซึ่งอาจทำให้เกิดการอักเสบกลายเป็นสิว หรือมีรังแค เช่นเดียวกับบนหนังศีรษะได้ 3. การใช้เซรั่มบำรุงขนตา วิธีการนี้สาวๆ ฝั่งอเมริกาเป็นคนนำกระแสมาสู่บ้านเรา เพราะเคยมีการรีวิวไว้อย่างมากมายว่า ใช้แล้วทำให้ขนตาดูหนา ยาวและดกดำขึ้นได้จริง อย่างไรก็ตามกระแสดังกล่าวก็ได้เริ่มซาลงไป เมื่อบางคนใช้แล้วเกิดอาการข้างเคียง เช่น คัน ตาแดง เปลือกตาคล้ำ หรือม่านตาเปลี่ยนสี เพราะได้มีการตรวจสอบแล้วว่า เซรั่มนั้นมีส่วนผสมของสาร Bimatoprost ที่ใช้เป็นยาสำหรับรักษาโรคต้อหิน ซึ่งสามารถส่งผลแทรกซ้อนให้ขนตาของผู้ใช้ยาวและหนาขึ้นได้ ผู้ผลิตยาหลายรายจึงดึงสารที่ใช้ในยารักษาต้อหินดังกล่าว มาเป็นส่วนผสมของเซรั่มขนตายาวนั่นเอง ทำให้ภายหลังองค์การอาหารและยาของอเมริกา หรือ FDA ก็ได้ออกมาตรวจสอบ รวมทั้งควบคุมเซรั่มบำรุงขนตายาว และอนุมัติให้ขายได้เฉพาะบางยี่ห้อเท่านั้น โดยแนะนำให้ผู้บริโภคใช้เมื่ออยู่ในดุลพินิจของแพทย์อีกด้วย เพิ่มขนตาให้ปลอดภัยอย่างไรดีแม้หลายวิธีจะมีความเสี่ยงมากน้อยต่างกัน แต่อาการแพ้ต่างๆ ก็ขึ้นอยู่กับลักษณะเฉพาะตัวบุคคล (คนอื่นใช้แล้วไม่แพ้ แต่เราใช้แล้วอาจจะแพ้) และวิธีการใช้ด้วยเช่นกัน ซึ่งควรมีความระมัดระวังเรื่องความสะอาดเป็นหลัก นอกจากนี้ก็ควรบำรุงขนตาให้แข็งแรงด้วยวิธีธรรมชาติ อย่างการรับประทานอาหารที่มีกรดโฟลิคสูงอย่าง ตับ ผักใบเขียว หรือยีสต์ในนมเปรี้ยว หรือธาตุสังกะสีในอาหารทะเล ถั่ว นมและไข่ เป็นต้น   ข้อมูลอ้างอิง : http://www.pharmacy.mahidol.ac.th/knowledge/files/0207.pdf คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล /สำนักสารนิเทศ กระทรวงสาธารณสุขhttp://pr.moph.go.th/iprg/include/admin_hotnew/show_hotnew.php?idHot_new=36401  

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 127 มาสคาร่าและขนตางอนยาว

  มาสคาร่า เป็นเครื่องสำอางที่ช่วยเน้นให้ดวงตาคมและเข้มขึ้น ช่วยเพิ่มความหนาและความยาวให้ขนตาดูดกดำ บางครั้งก็สามารถใช้ตกแต่งขนคิ้วได้เช่นกัน มีเอกสารอ้างอิงการใช้มาสคาร่าจากสมัยอียิปต์โบราณ กรีกและชาวโรมัน ส่วนใหญ่ใช้กันมากในหมู่ดาราหนังที่มีการแสดงบนเวที ปัจจุบันเป็นความนิยมในสังคม ตั้งแต่วัยรุ่นจนถึงสาวใหญ่  สูตรตำรับของมาสคาร่า มีการพัฒนามาหลายยุคหลายสมัย ในอดีต(ค.ศ.1933) มีคนถึงขั้นตาบอดและถึงตายในที่สุดจากการใช้มาสคาร่าที่มีองค์ประกอบของสารเคมีที่รุนแรง ทำให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา สหรัฐอเมริกาต้องเข้าควบคุมผลิตภัณฑ์ประเภทเครื่องสำอางอย่างเข้มงวดตั้งแต่ปี ค.ศ.1938 เป็นต้นมา  ปัจจุบันมาสคาร่ามีพัฒนาการไปมากเพื่อให้สะดวกต่อผู้บริโภคในการใช้งาน องค์ประกอบหลักทางเคมีพื้นฐานที่คล้ายๆ กันในหลายๆ ยี่ห้อคือ เม็ดสี น้ำมัน ไขหรือขี้ผึ้ง และสารกันเสีย รวมทั้งสารบำรุงเส้นขนให้แข็งแรง เช่น วิตามิน โปรตีน  เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีสูตรตำรับชนิดที่กันน้ำและชนิดไม่กันน้ำ คุณสมบัติของมาสคาร่าที่ช่วยให้เส้นขนตายืดยาวขึ้นและหนาขึ้น โดยใช้องค์ประกอบทางเคมีของสารกลุ่มไนล่อนหรือไมโครไฟเบอร์พวกเส้นไหมเรยอน และสารจำพวกแป้งเปียกเพื่อให้มาสคาร่าเหนียวข้น เส้นขนตาจะได้หนาขึ้นอย่างที่เห็น  ข้อควรระวัง การใช้มาสคาร่าและการต่อขนตาให้ยาวและหนาขึ้น  1. ระวังโฆษณามาสคาร่าที่ชวนเชื่อว่าขนตาจะยาวอย่างรวดเร็ว เนื่องจากความต้องการของผู้บริโภคที่ต้องการเห็นผลในระยะเวลาสั้นๆ ทำให้มีการนำสารเคมีที่เป็นตัวยาในการรักษาโรคความดันตาสูงผิดปกติมาใส่ในมาสคาร่า ซึ่งผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจัดอยู่ในประเภท ‘ยา’ ไม่ใช่เครื่องสำอาง การนำมาใช้เป็นมาสคาร่าในคนที่ไม่เป็นโรค จะก่อให้เกิดอันตรายต่อเยื่อบุลูกตา สีม่านตาเปลี่ยน ตาบวมและอักเสบ และมีผลข้างเคียงต่อผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ ตัวยาสำคัญชนิดนี้มีประสิทธิผลทำให้เส้นขนดกดำและหนาอย่างรวดเร็วในระยะเวลาเพียงไม่กี่วัน ดังนั้นหากมีโฆษณาชวนเชื่อเช่นนี้ขอให้ระมัดระวังและหลีกเลี่ยงสินค้าดังกล่าว สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา สหรัฐอเมริกา ออกมาประกาศเตือนเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2011 ที่ผ่านไปถึงข้อห้ามการโฆษณาชวนเชื่อดังกล่าว และให้ผู้บริโภคระวังสินค้าประเภทนี้   2. เปลี่ยนแปรงปัดขนตาบ่อยๆควรเปลี่ยนแปรงปัดขนตา หลังการใช้งานนาน 4-6 เดือน หรือหากพบกลิ่นเปลี่ยนแปลง ควรทิ้งทันทีรวมทั้งผลิตภัณฑ์ที่เหลือทันที เพราะองค์ประกอบทางเคมีของมาสคาร่าจะขึ้นเชื้อจุลินทรีย์ได้ง่าย หากใช้ต่อจะทำให้ตาอักเสบ คันและบวมเพราะติดเชื้อได้   3. ใช้กาวติดขนตาอย่างระมัดระวังการต่อเส้นขนตา นอกจากมาสคาร่าแล้ว ยังมีการใช้ขนตาปลอมทำเป็นแผงโดยใช้เส้นใยไนลอนหรือโพลีเอสเตอร์และใช้เทปกาวเพื่อแปะติดกับหนังตาบน อาการข้างเคียงที่พบทั่วไปคือ ทำให้ขนตาธรรมชาติหลุดร่วงง่าย ในบางรายที่ใช้ขนตาปลอมติดเป็นประจำ ขนตาธรรมชาติหลุดร่วงไปหมดอย่างถาวรก็มี นอกจากนี้เทปกาวอาจทำให้หนังตาระคายเคืองและอักเสบได้หากใช้ไม่ถูกต้อง และบางรายอาจมีอาการระคายเคืองจากการแพ้เทปกาว

สำหรับสมาชิก >
ฉลาดซื้อ เก็บแต้มแลกสินค้า250 Point

ฉบับที่ 138 มาสคารา

ฉลาดซื้อฉบับนี้มีผลการทดสอบเปรียบเทียบมาสคารา ที่องค์กรผู้บริโภคในยุโรปร่วมกับองค์กรทดสอบสากล ICRT ทำไว้ มาฝากสมาชิกสาวน้อยสาวใหญ่ของเรา มีทั้งยี่ห้อที่มีจำหน่ายในประเทศไทยและที่ยังไม่ได้เข้ามาทำตลาด แต่รู้ไว้ไม่เสียหลายเพราะตลาดเครื่องสำอางบ้านเรานั้นมียี่ห้อใหม่ๆ เข้ามาตลอดเวลา หลายคนอาจจะอยากรู้ผลทดสอบของเครื่องสำอางจากเกาหลี เลยต้องบอกไว้ก่อนว่าเงินถึงเมื่อไร (ด้วยเงินจากค่าสมาชิกรายปีของเรา) ฉลาดซื้อจะจัดส่งตัวอย่างไปร่วมทดสอบกับเขาทันที มาสคารา ทั้ง 11 ยี่ห้อ ได้คะแนนรวมไม่ต่างกันมากนัก แต่อาจจะได้คะแนนในแต่ละประเภทแตกต่างกันเล็กน้อย แล้วแต่ว่าสาวๆ คนไหนจะให้ความสำคัญกับประสิทธิภาพในด้านใดมากกว่ากัน บางคนชอบให้ขนตาหนา บางคนเน้นขนตายาว บางคนต้องการความมั่นใจว่ากันน้ำได้ดี หรือบางคนต้องการผลิตภัณฑ์ที่ล้างออกง่ายไม่เสียเวลา เป็นต้น ใครชอบแบบไหนดูได้ในผลทดสอบหน้าถัดไป การทดสอบครั้งนี้เขาทดสอบหาการปนเปื้อนของจุลินทรีย์และสารเคมีอันตรายหรือโลหะหนักด้วย ทุกยี่ห้อปลอดจุลินทรีย์ ยกเว้น Rimmel และทุกยี่ห้อปลอดสารเคมีอันตรายหรือโลหะหนักยกเว้น Lumene   H&M Full Lashes  12ml ราคา 120 บาท (10 บาท/ml) ขนตาหนา                                  3 ขนตายาว                                  4 ขนตางอน                                  4 ดูเป็นธรรมชาติ                           4 สวยนาน                                    4 กันน้ำได้ดี                                  3 ใช้ง่าย/สะดวก                            3 ล้างออกง่าย                               4           Gosh Show Me Volume  12ml ราคา 290 บาท (24บาท/ml) ขนตาหนา                                  4 ขนตายาว                                  4 ขนตางอน                                  4 ดูเป็นธรรมชาติ                           4 สวยนาน                                    4 กันน้ำได้ดี                                  3 ใช้ง่าย/สะดวก                            4 ล้างออกง่าย                               4         Maybelline Jade The Colossal Volum' Express Mascara  10ml ราคา 270 บาท (27 บาท/ml) ขนตาหนา                                  4 ขนตายาว                                  4 ขนตางอน                                  4 ดูเป็นธรรมชาติ                           4 สวยนาน                                    5 กันน้ำได้ดี                                  2 ใช้ง่าย/สะดวก                            4 ล้างออกง่าย                               4     Rimmel Max BoldCurves Extreme Volume & Lift Mascara  8ml ราคา 260 บาท (32.5บาท/ml) ขนตาหนา                                  4 ขนตายาว                                  4 ขนตางอน                                  4 ดูเป็นธรรมชาติ                           4 สวยนาน                                    4 กันน้ำได้ดี                                  3 ใช้ง่าย/สะดวก                            3 ล้างออกง่าย                               4       MaxFactor False Lash Effect Fusion Volume & Length  13ml ราคา 465 บาท (35.7บาท/ml) ขนตาหนา                                  4 ขนตายาว                                  4 ขนตางอน                                  4 ขนตาดูเป็นธรรมชาติ                   4 สวยนาน                                    4 กันน้ำได้ดี                                  3 ใช้ง่าย/สะดวก                            3 ล้างออกง่าย                               4       Lumene Blueberry Volume Mascara  7ml ราคา 315 บาท (45บาท/ml) ขนตาหนา                                  4 ขนตายาว                                  4 ขนตางอน                                  4 ดูเป็นธรรมชาติ                           4 สวยนาน                                    4 กันน้ำได้ดี                                  4 ใช้ง่าย/สะดวก                            4 ล้างออกง่าย                               3       L'Oréal Volume Million Lashes  9ml ราคา 425 บาท (47.2บาท/ml) ขนตาหนา                                  4 ขนตายาว                                  4 ขนตางอน                                  4 ดูเป็นธรรมชาติ                           4 สวยนาน                                    4 กันน้ำได้ดี                                  3 ใช้ง่าย/สะดวก                            4 ล้างออกง่าย                               4       Nilens jord Jumbo Volume Mascara  13ml ราคา 620 บาท (47.6 บาท/ml) ขนตาหนา                                  4 ขนตายาว                                  4 ขนตางอน                                  4 ดูเป็นธรรมชาติ                           3 สวยนาน                                    4 กันน้ำได้ดี                                  3 ใช้ง่าย/สะดวก                            3 ล้างออกง่าย                               4       La Roche-Posay Respectissime Volumizing Mascara Waterproof 8.3ml ราคา 520 บาท (62.6บาท/ml) ขนตาหนา                                  4 ขนตายาว                                  4 ขนตางอน                                  4 ดูเป็นธรรมชาติ                           4 สวยนาน                                    4 กันน้ำได้ดี                                  4 ใช้ง่าย/สะดวก                            4 ล้างออกง่าย                               4       Dr. Hauschka Volume Mascara            6ml ราคา 945 บาท (157.5บาท /ml) ขนตาหนา                                  3 ขนตายาว                                  3 ขนตางอน                                  3 ดูเป็นธรรมชาติ                           4 สวยนาน                                    3 กันน้ำได้ดี                                  2 ใช้ง่าย/สะดวก                            4 ล้างออกง่าย                               4         Helena Rubinstein Lash Queen Mascara Waterproof  7ml ราคา 1,400 บาท (200บาท/ml) ขนตาหนา                                  4 ขนตายาว                                  4 ขนตางอน                                  3 ดูเป็นธรรมชาติ                           4 สวยนาน                                    4 กันน้ำได้ดี                                  5 ใช้ง่าย/สะดวก                            4 ล้างออกง่าย                               4       ตำนาน “มาสคารา” ยุคอียิปต์ มาสคาราพิทักษ์วิญญาณ คนอียิปต์โบราณ (ช่วง 3,400 – 30 ก่อนคริสตกาล) ทั้งชายและหญิงจะเขียนตาด้วยถ่านและใช้ “มาสคารา” เพื่อทำให้ดวงตาดูลึกขึ้น ด้วยความเชื่อที่ว่าดวงตาเป็นหน้าต่างของวิญญาณมนุษย์ เพื่อไม่ให้วิญญาณชั่วร้ายแทรกซึมเข้ามาได้โดยง่าย จึงต้องซ่อนดวงตาไว้ให้ดี  คนในยุคนั้นใช้ผงถ่าน เมล็ดอัลมอนด์ มูลจระเข้ น้ำ และน้ำผึ้ง มาผสมเป็น “มาสคารา” และใช้กระดูกสัตว์หรืองาช้างเป็นแปรงปัด บางตำราอธิบายว่า เนื่องจากคนอียิปต์โบราณถือว่าดวงตาเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แม้แต่ รา เทพแห่งดวงอาทิตย์ก็ยังถูกแทนสัญลักษณ์ด้วยรูปดวงตา การเขียนตาให้ดำขึ้น จึงหมายถึงการดึงดูดความสนใจขององค์เทพมาสู่ตนเองได้มากขึ้นด้วย ยุคโรมัน มาสคารารับรองพรหมจรรย์ เมื่อ 100 ปีก่อนคริสตกาล “มาสคารา” เคยทำหน้าที่ๆ สำคัญกว่าเครื่องสำอางมาแล้ว คนโรมันเชื่อว่าการมีเพศสัมพันธ์มากเกินไป เป็นสาเหตุให้ขนตาหลุดร่วง ดังนั้นหญิงสาวจึงต้องพิสูจน์พรหมจรรย์หรือความซื่อสัตย์ต่อสามี (ที่ไปรบที่อื่นเป็นเวลานาน) ด้วยการมีขนตาที่หนาและดำขลับนั่นเอง “มาสคารา” สูตรโรมันประกอบด้วยกลีบกุหลาบ เมล็ดอินทผลัม เขม่า และพลวง ยุควิคทอเรียน มาสคาราเพื่อลุคสวยสมบูรณ์แบบ ม าสคารากลับมาอินเทรนด์อีกครั้งในยุควิคทอเรียน (ค.ศ. 1830 – 1839) เมื่อสาวๆ หันมานิยมการมีขนตาที่ดูดำและหนาเป็นแพ กว่าออกจากบ้านได้ แต่ละนางจะต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงในการทำสวย เดาว่าพวกนางน่าจะมีเวลาว่างมากทีเดียว เพราะมีเวลาผสมเครื่องสำอางเอาไว้ใช้เองด้วย “มาสคารา” สูตรวิคทอเรีย ทำจากการนำผงถ่านลงไปเคี่ยวรวมกับลูกอัลเดอร์เบอรี่ ยุคของปิโตรเลียมเจลลี ปิโตรเลียมเจลลีได้รับการจดทะเบียนในปีค.ศ. 1872 หลายปีต่อมามันจะถูกนำมาใช้เป็นส่วนผสมสำคัญของมาสคาราที่เราใช้กันในปัจจุบัน ยูจีน ริมเมล ก่อตั้งบริษัทเมย์บิลีนขึ้นในปี 1915 เครื่องสำอางชิ้นแรกที่บริษัทนี้ผลิตออกจำหน่ายในอีก 2 ปีต่อมา คือมาสคารา นั่นเอง มาสคารายุคแรกเกิดจากการผสมผงถ่านกับปิโตรเลียมเจลลี และยังไม่มีใครสามารถคิดค้นมาสคาราชนิดกันน้ำที่ปลอดภัยพอสำหรับผู้บริโภคได้ก่อนช่วงปีค.ศ. 1960 - 1969 ถ้าสาวๆ ต้องการมาสคาราที่ติดทนนาน พวกเธอต้องใช้มาสคาราผสมน้ำมันสนซึ่งทั้งเหม็นและทั้งเสี่ยงต่ออาการแพ้ด้วย ------------------------------------------------------------------------------- จุลินทรีย์ในมาสคารา เชื้อแบคทีเรียที่อยู่ในดวงตา เช่น สเตรปโตค็อกคัส และ สตาฟิโลค็อกคัส มีโอกาสที่จะติดอยู่กับแปรงปัดและปนเปื้อนในบรรจุภัณฑ์ของมาสคาราได้ เราจึงไม่ควรใช้มาสคาราร่วมกับใคร และไม่ควรเก็บไว้นานเกินไปด้วย โดยทั่วไปผู้ผลิตจะใส่สารกันเสีย/กันเชื้อราในผลิตภัณฑ์ แต่สารเหล่านี้มีอายุเพียง 3 เดือนเท่านั้น ------------------------------------------------------------------------------- นาทีนี้มาสคาราถูกสังคมคาดหวังไว้สูง ถ้าอยากโด่งดังในสังเวียนของมาสคาราแล้วละก็คุณจะต้องมาพร้อมคำสัญญาว่าจะทำให้ผู้ใช้สร้างความตกตะลึงให้กับฝูงชนได้ด้วยขนตายาวเฟื้อยและงอนงามในสามโลก ที่ผ่านมาจึงมีโฆษณามาสคาราหลายชิ้นถูกองค์กร Advertising Standards Agency ของอังกฤษสั่งหยุดเผยแพร่ เนื่องจากนำเสนอขนตานางแบบที่ดู ยาว หนาและงอนงามด้วยเทคโนโลยีดิจิตัล จนเข้าข่ายเกินจริงไปหน่อย ตั้งแต่โฆษณาของ ลอรีอัล ในปี 2007 ที่มีเพเนโลปี ครูซ เป็นพรีเซ็นเตอร์ หรือโฆษณาของริมเมล ในปีเดียวกันที่มี เคท มอส เป็นนางแบบ ต่อมาในปี 2010 โฆษณาของริมเมล ที่มีพรีเซ็นเตอร์เป็นจอร์เจีย เมย์ แจกเกอร์ ก็ถูกแบนอีก เช่นเดียวกับโฆษณาของคัฟเวอร์ เกิร์ล ที่มีนิโคล ฟอกซ์ ผู้ชนะจากรายการยอดนางแบบอเมริกาเป็นพรีเซ็นเตอร์เมื่อปีที่แล้ว ------------------------------------------------------------------------------- งานวิจัยของบริษัทพร็อคเตอร์แอนด์แกมเบิ้ล ระบุว่า ร้อยละ 40 ของคนที่ใช้มาสคารา ต้องการให้ขนตาดูหนาขึ้น จึงเป็นกลุ่มที่ใช้มาสคาราเปลืองมากๆ  โดยทั่วไปผู้หญิงจะปัดขนตาแต่ละข้างประมาณ 6 ครั้ง แต่กลุ่มนี้จะปัดถึง 30 – 40 ครั้งเพื่อให้ได้ขนตาหนาแน่นสมใจ

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 153 กระแสต่างแดน

มาดริดอาจต้องคิดใหม่ ช่วงนี้ชาวเมืองมาดริดมีเรื่องให้ได้เซ็งกันอย่างต่อเนื่อง เพิ่งจะได้ทราบข่าวร้ายว่าไม่ได้รับเลือกให้เป็นเจ้าภาพจัดกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อนในปี 2020 ไปได้ไม่นาน ล่าสุดพนักงานกวาดถนนและเก็บขยะในเมืองก็พากันประท้วงหยุดงานอีก ผู้ประท้วงไม่พอใจที่เทศบาลประกาศปลดพนักงานกว่า 1,135 คน (จากทั้งหมด 7,000 คน) และลดเงินเดือนพนักงานที่ยังได้ทำงานต่อลงไปเกือบร้อยละ 40  รวมถึงบริษัทที่รับเหมางานจากเทศบาลก็บอกเลิกจ้างคนงานไป 350 คนแล้วเช่นกัน ทั้งหมดเป็นผลจากการที่ส่วนหน่วยงานราชการต้องรัดเข็มขัดตัดงบประมาณ   หลายฝ่ายมองว่าเรื่องนี้สะท้อนให้เห็นการบริหารจัดการที่แย่มากของนายกเทศมนตรี อนา โบเทลลา เธอเลือกที่จะไม่พูดถึงการแก้ปัญหาเรื่องการจ้างงานหรือการเพิ่มค่าแรง แต่กลับขู่ผู้ประท้วงว่าถ้าไม่กลับไปจับไม้กวาดมาทำงานต่อภายใน 48 ชั่วโมง เธอจะเลิกจ้างพวกเขาไปเลย เนื่องจากไม่มีการกวาดถนนหรือเก็บขยะมาตั้งแต่วันที่ 5 พฤศจิกายน ภาพเมืองหลวงของสเปนที่มีประชากร 3.2 ล้านคนที่ถูกเผยแพร่ไปทั่วโลกจึงเป็นภาพเมืองที่มีขยะกองเกลื่อนเต็มถนนหนทาง คนมาดริดอาจเซ็งต่อได้อีกถ้าผู้ว่าฯ และทีมงานยังไม่เริ่มคิดใหม่ทำใหม่ ก่อนการประท้วง จำนวนนักท่องเที่ยวที่มาเยือนมาดริดลดลงไปร้อยละ 7.7 ทั้งๆ ที่จำนวนคนที่เดินทางมาสเปนนั้นเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.5 คงจะถึงเวลาแล้วที่มาดริดจะต้องทำให้เหมือนกับในคลิปวิดีโอที่ส่งเข้าประกวดชิงตำแหน่งเจ้าภาพโอลิมปิกที่ย้ำว่า “Madrid makes sense” ไม่เช่นนั้นมาดริดอาจจะถูกปฏิเสธเป็นครั้งที่ 4   มีขึ้น แต่ไม่มีลง ข่าวบอกว่าคอกาแฟที่เดนมาร์ก (และอาจจะที่บ้านเราด้วย) ยังจ่ายเงินซื้อกาแฟในราคาเท่าเดิมทั้งๆ ที่ราคาเมล็ดกาแฟต่ำที่สุดในรอบ 4 ปี ปัจจุบันราคาเมล็ดกาแฟอาราบิกาในตลาดโลกอยู่ที่กิโลกรัมละ 14 โครน (80 บาท) แต่ราคาที่คนเดนมาร์กรับรู้ยังคงเป็นราคากาแฟในช่วงที่อากาศในอเมริกาใต้ไม่เป็นใจกับการเพาะปลูก ซึ่งสูงถึง 34 โครน (195 บาท) ต่อกิโลกรัม ผู้เชี่ยวชาญบอกว่านี่เป็นเรื่องธรรมดาในประเทศตะวันตกที่ผู้ประกอบการมักได้ประโยชน์จากการที่ผู้บริโภคไม่รู้ความเป็นไปในตลาด และมักให้เหตุผลเดิมๆ เรื่องค่าใช้จ่ายในการขนส่ง บรรจุหีบห่อ ภาษีและค่าจ้างพนักงานเวลาที่ตั้งราคาสินค้า แสดงว่าถ้าภาษีลด ราคาสินค้าก็จะลดลง? มันอาจไม่เป็นเช่นนั้นเพราะหลังจากที่รัฐบาลเดนมาร์กประกาศลดภาษีเบียร์และเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ลงร้อยละ 15 ราคาขายปลีกของสินค้าเหล่านี้ก็ยังคงเท่าเดิม ในเดือนมีนาคมปี 2012 เทศบาลโคเปนเฮเกนประกาศลดค่าธรรมเนียมการประกอบการร้านอาหารกลางแจ้ง เพื่อช่วยผู้บริโภคให้สามารถซื้อเครื่องดื่มในราคาที่ถูกลง แต่ผลการสำรวจปรากฏว่าแทบไม่มีร้านไหนปรับราคาเครื่องดื่มลงเลย ในทางกลับกัน ผู้ประกอบการกลับใช้โอกาสที่รัฐเรียกเก็บภาษีมาเป็นเหตุผลในการขึ้นราคาสินค้า คงยังจำกรณีภาษีไขมันที่เรียกเก็บจากผลิตภัณฑ์อาหารที่มีไขมันอิ่มตัวเป็นส่วนประกอบมากกว่าร้อยละ 2.3 กันได้ งานสำรวจโดยหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นและกระทรวงภาษีของเดนมาร์กพบว่ามีการตั้งราคาสินค้าเกินจากส่วนที่ต้องเสียภาษีไขมันเพิ่มไปมากทีเดียว เช่น ราคาซาวครีมน่าจะเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 6.6 เมื่อรวมภาษีแล้ว แต่ซูเปอร์มาร์เก็ตตั้งราคาขายแพงขึ้นจากเดิมไปถึงร้อยละ 17.3 และที่ตลกที่สุดคือ ปัจจุบันภาษีดังกล่าวถูกยกเลิกไปแล้ว แต่ราคาสินค้าเหล่านั้นก็ยังไม่ถูกลง ค่อยๆ เรียน ไม่ได้มีแต่เมืองไทยที่ปรับลดเวลาเรียนลง หลักสูตรประถมศึกษาของเวียดนามหลังปี 2015 ก็จะทำให้เด็กๆ ได้มีเวลาเล่นมากขึ้น ระยะเวลาเรียนจะลดลงจาก 37 สัปดาห์เป็น 35 สัปดาห์ และวิชาเรียนจะมีเพียง 3 วิชาเท่านั้น จากปัจจุบันที่เรียนอยู่ 8 วิชา สถาบันวิจัยการศึกษาเวียดนามเสนอหลักสูตรใหม่สำหรับระดับประถมศึกษาเพราะเชื่อว่าเวียดนามควรมีระบบการศึกษาที่เน้นการบูรณาการและให้ความสนใจกับความแตกต่างของนักเรียนแต่ละคน มากกว่าการให้เพียงความรู้ทางวิชาการแบบเมื่อก่อน ปัจจุบันเด็กชั้นประถมปีที่ 1 ต้องเรียนทั้งหมด 8 วิชา ได้แก่ คณิตศาสตร์ ภาษาเวียดนาม ศีลธรรม ธรรมชาติและสังคม ดนตรี ศิลปะ งานฝีมือ และพลศึกษา รวมถึงกิจกรรมส่งเสริมการศึกษาอีก 2 กิจกรรม แต่หลังจากปี 2015 พวกเขาจะเรียนแค่ คณิตศาสตร์ ภาษาเวียดนาม และวิชา “ชีวิตรอบตัวเรา” ซึ่งคาดว่าจะเป็นวิชาที่บูรณาการความรู้ในเรื่องธรรมชาติและสังคม รวมกับกิจกรรมเสริมหลักสูตรอย่าง ศิลปะและกีฬา เป็นต้น เด็กๆจะได้เรียนภาษาต่างประเทศเมื่อพวกเขาขึ้นชั้นประถมปีที่ 3  ส่วนนักเรียนชั้นประถมปีที่ 4 – 5 นั้นจะมีวิชาเรียนไม่เกิน 6 วิชา แต่ปัญหาหลักของเวียดนามขณะนี้คือการไม่มีองค์กรที่ทำหน้าที่รวบรวม/จัดทำตำราเรียน หนังสือที่ใช้กันอยู่เป็นตำราที่เขียนโดยอาจารย์มหาวิทยาลัย หรือครูผู้สอน ซึ่งแม้จะมีความรู้ความชำนาญในสาขาต่างๆ แต่ก็ยังไม่เชี่ยวชาญการเขียนตำราเรียน เห็นมากับตา โฆษณามาสคาร่ามักจัดเกินเสมอเพราะรู้ว่าขนตาหนางอนงามในสามโลกเป็นสิ่งที่สาวๆ ปรารถนา และนั่นคือสิ่งที่เมย์เบลลีนใช้กับโฆษณามาสคาร่ารุ่น Volume Express the Rocket ในนิตยสารแฟชั่น ที่นางแบบมีขนตาหนาสุดๆ ด้วยมาสคาร่า ... และขนตาปลอม หลังจากที่มีการร้องเรียน หน่วยงานที่ดูแลเรื่องโฆษณาของออสเตรเลีย National Advertising Division ได้ออกข้อกำหนดว่าต่อไปนี้ห้ามใช้ขนตาปลอมในโฆษณามาสคาราเด็ดขาด หรือถ้าจะใช้ก็ต้องแจ้งในตัวโฆษณาให้ผู้บริโภคมองเห็นได้ชัดเจน โฆษณาดังกล่าวที่อ้างว่าผลิตภัณฑ์สามารถทำให้ขนตาหนาขึ้น 8 เท่านั้น มีตัวหนังสือเล็กๆ ระบุไว้ด้านล่างว่านางแบบใช้ขนตาปลอม แต่คำตัดสินฟันธงว่าการมีข้อความที่ขัดต่อหรือเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญของสิ่งที่ต้องการสื่อในโฆษณานั้น ไม่สามารถแก้ไขความเข้าใจผิดของผู้บริโภคได้ เมย์เบลลีนกำลังอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการตรวจสอบโฆษณาแห่งชาติ National Advertising Review Board ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของระบบการควบคุมกันเองโดยความสมัครใจของภาคธุรกิจ ผู้ใหญ่ของบริษัทลอรีอัลซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์เมย์เบลลีน ยืนยันว่าเขียนตัวเล็กๆ ก็พอแล้ว สาวๆ เขารู้ดีว่าผลจากการใช้ผลิตภัณฑ์มันแตกต่างกันตามรูปลักษณ์และเทคนิคการแต่งหน้าของแต่ละคน พวกเธอไม่ได้คาดหวังว่าจะตัวเองจะมีขนตาเหมือนนางแบบหรอก ด้านเลขาธิการขององค์กร Truth in Advertising องค์กรไม่แสวงหากำไรที่รณรงค์คัดค้านการโฆษณาหลอกลวง ตั้งคำถามว่า “ถ้าคุณจะขายของผ่านโฆษณาที่เป็นภาพถ่าย อย่างน้อยๆ ภาพถ่ายนั้นก็ต้องอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริงมิใช่หรือ?” ใครเอาเนยแข็งของร้านไป? การขโมยของในห้างที่อังกฤษเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.8 จากเมื่อสองปีก่อน ร้อยละ 36 ของการขาดทุนของร้านค้าปลีกในอังกฤษก็เกิดจากการถูกมือดีมาขโมยของในร้านนั่นเอง ข่าวบอกว่าอาจเป็นเพราะความกดดันที่เกิดขึ้นกับภาวะการเงินครอบครัวในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำ มีข้อสังเกตว่า ก่อนหน้านี้ผู้กระทำผิดมักเป็นคนรายได้น้อย แต่เดี๋ยวนี้คนชั้นกลางจำนวนหนึ่งก็หันมาลักขโมยกับเขาด้วยเพราะยังอยากมีวิถีชีวิตแบบเดิมแม้รายได้จะลดลง ร้านค้าปลีกและซูเปอร์มาร์เก็ตพบว่าปัจจุบันสินค้าที่ถูกขโมยมากขึ้นคือ อาหารราคาแพง เช่น เนื้อสด แฮม เบคอน อกไก่ เนยแข็ง กาแฟ ไวน์ และว้อดกา ถ้ารวมมูลค่าความเสียหายแล้วก็ตกประมาณ 3,400 ล้านปอนด์ (1.7 แสนล้านบาท) นอกจากนี้ Euromonitor International ยังระบุว่าหนึ่งในสามของการลักขโมยสินค้าในร้าน เกิดจากพนักงานของทางร้านเอง ความจริงแล้วไม่ใช่เฉพาะในอังกฤษเท่านั้น ข้อมูลจาก Global Retail Theft Barometer ระบุว่าการขโมยสินค้าในห้าง ทั้งโดยคนทั่วไปและโดยขบวนการต่างๆ นั้นมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกแห่งในโลก พูดง่ายๆ คือมีคนลงมือขโมยกันมากขึ้น และแต่ละครั้งที่ขโมยก็จะขโมยในปริมาณมากขึ้นด้วย ทางออกของห้างร้านเหล่านี้ก็คงจะหนีไม่พ้นการลงทุนกับระบบรักษาความปลอดภัยให้มากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งนั่นหมายความว่าราคาสินค้าก็คงจะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย กลุ้มกันไปทุกฝ่าย เพราะดูเหมือนว่าสาเหตุที่เนยแข็งหายไปนั้น เป็นเพราะรายได้ที่หายไปนั่นเอง   //

อ่านเพิ่มเติม >