ฉบับที่ 131 เมนูกุ้งฝอย : ไข่เจียว กับ กุ้งฝอยคลุกกะปิ

  ตั้งแต่หัวน้ำเริ่มลดลงหลังวันลอยกระทง กุ้งฝอยโผล่โฉมมาให้เห็นแบบยกขบวนมามากหน้าหลายตาอยู่หลายหน ทั้งในตลาดสด ตลาดนัด ทั้งรูปแบบปรุงเป็นอาหารแล้วและแบบสดๆ จะเพราะความคุ้นชินกับฐานทรัพยากรอาหารตัวนี้ที่มีติดตัวมาตั้งแต่จำความได้ ทั้งในแง่เหยื่อของปลาที่วิ่งไปซื้อในตลาดแทนการขุดไส้เดือนดิน – แมงกะชอน   และเหยื่อของคนในรูปตำรับอาหารต่างๆ ก็ไม่รู้ ไม่แน่ใจ ...  แต่จู่ๆ วันหนึ่งพลันนึกถึงว่าตัวเองกำลังกลายเป็นกุ้งซะงั้น  ประเภทกุ้งฝอยน้ำจืดที่คุ้นที่สุดนั่นแหละ อ่านข่าวเร่งพัฒนาแก้มลิงตามโครงการพระราชดำริ กว่า 3,000 แห่ง รับมือภัยน้ำท่วมที่จะมาในอนาคต , อิทธิพลลานิญาปี 55  และ ระบบปลูกข้าวใหม่ 3 รูปแบบ ตามนโยบาย ก.เกษตร ที่ยังดันทุรังผลักดันที่ต่อเนื่องจากปีที่แล้วแม้จะมีชาวนาในจังหวัดอยุธยาเข้าร่วมต่ำกว่าเป้ามโหฬาร และยิ่งมีตัวเลขต่ำลงอีกเมื่อนับพื้นที่นาที่ชาวนาทำจริงตามโครงการ แล้วอดไปได้ที่จะขับรถออกไปดูเวิ้งน้ำที่ยังเนืองนองในทุ่งต่างๆ รอบตัวอำเภอ ทำให้ฉันครุ่นคิดไปเองอีกแล้วว่า มันจะลดลงทันต้นมกราคมปีหน้าแล้วชาวนาเริ่มไถหว่านกันตั้งแต่ต้นปีอย่างที่รายงานข่าวสั้นในวิทยุประกาศนโยบายของกรมชลประทานไหม? ไม่รู้ว่าข้อมูลข่าวที่ไหลอวลอยู่ในหัว หรือยาที่ฉันเพิ่งอัพเข้าไปก่อนขับรถมาถึงทุ่งลาดชะโด ออกฤทธิ์  ฉันจอดรถแล้วลง เดินเซแถดๆ ไปที่ริมถนน 4เลนส์เส้นใหญ่ที่ใครๆ ก็ต้องบอกขอบคุณบรรหารที่สร้างและยกมันขึ้นสูงอีก 1.5 เมตร หลังน้ำท่วมใหญ่ปี 2549  เพราะมันเป็นเส้นทางเดียวที่คนในตลาดผักไห่ใช้เดินทางไปสุพรรณ และที่ใกล้เคียงที่น้ำยังไม่ท่วมได้  แต่นโยบายกระทรวงเกษตรนี่ทำเอาฉันอยากเปลี่ยนคนบริหารจัง รวงข้าวฟางลอยที่เพิ่งหว่านเมื่อพฤษภาคมเพิ่งอยู่ในช่วงน้ำนม ไม่รู้ว่าปีนี้ผลผลิตจะเป็นอย่างไร จะแย่กว่าปีที่แล้วที่ได้แค่ 2 ขีด/ไร่ ไหม?  และหากน้ำไม่ลดลงจนแห้งกลางเดือนมกราคม ชาวนาที่นี่คงได้เกี่ยวข้าวกลางน้ำกันอีกรอบหรือเปล่า?  ข่าวเรื่องน้ำท่วม โครงการแก้มลิง  ลานิญา ปัญหา กส.ยึดเงินชาวนาลูกหนี้ในโครงการจำนำข้าว และชาวนาสุพรรณกับชาวนาอยุธยาจะปิดถนนประท้วงเรื่องเงินชดเชยน้ำท่วมเมื่อวานนี้ที่ ถนนสาย 340 ช่วง อ.สาลี จะมีอิทธิพลต่อแผนการขยายพื้นที่นาปรังปี 55 อีกกว่า 100 ไร่ ในทุ่งแห่งนี้ที่ฉันรับรู้มาเมื่อช่วงตอนน้ำขึ้นขั้นพีคหรือเปล่าหนอ? ดงดอกผักบุ้งที่อยู่ในช่วงอุ้มลูกอุ้มดอกบานล้อลมแข่งกับดอกพงพลิ้วสวยไม่มีคำตอบให้ แต่แดดแรงๆ และลมเย็นกรรโชกทำให้ฉันเย็นใจ ผักบุ้งรอดมาช่วงฤดูกาลการจ้างฉีดพ่นยาฆ่าหญ้าในเดือนสิงหาคมมาได้ฉันใด ชีวิตคนปลูกข้าวก็คงอยู่ในครรลองเดียวกันกับเหล่าสิ่งชีวิตในทุ่งแห่งนี้ฉันนั้น อา... หรือว่ายาที่อัพมาเมื่อกี้มันหมดฤทธิ์อีกแล้ว ฉันถึงกลับมานึกว่าตัวเองเป็นกุ้งฝอยอีกครั้งเมื่อนึกว่าต้องกลับมาปั่นต้นฉบับ กุ้งฝอยสด 2 ขีด 25 บาท ถูกใส่กระชอนล้างน้ำที่ไหลจากก๊อกอย่างเหม่อๆ  แม้เลยกำหนดส่งต้นฉบับไป 1 วัน ฉันยังเย็นใจได้กับการนั่งตัดกรีกุ้ง และเฉือนเอาส่วนขี้ที่อยู่ในหัวออกไปทีละตัว ทีละตัว จนครบทุกตัวแล้วจับใส่กระชอนล้างน้ำอีกรอบ ตอกไข่ 2 ใบใส่ชาม ฝานมะนาว 1 ซีกลงชามนั้น จนสะดุ้งเฮือก ... มือที่พลาดไปถูกไอกรดกำจัดเชื้อราหลังทำความสะอาดบ้านที่บางบัวทองเมื่อสัปดาห์ที่แล้วทำเอาฉันตื่นขึ้นมาอีกครั้งจากฤทธิ์ยาที่เพิ่งอัพเข้าไปใหม่ ฉันพยายามตื่นฝืนฤทธิ์ยา  ตั้งใจตีไข่ในชาม  แล้ว ใส่หอมแดงซอย กุ้งฝอย 2 – 3 ช้อน และน้ำปลา  แล้วตั้งกระทะใส่น้ำมัน เจียวไข่ กุ้งฝอยหัวขาดที่เหลือ 3 ใน 5 ส่วน จากที่เตรียมไว้ เอามาผัดกับเครื่องปรุง คล้ายๆ กับเมนูที่คนใต้ใช้ผัดสะตอกับน้ำพริกก้นถ้วย แต่หลายวันมานี่ฉันกินแต่น้ำพริกแมงดากับปลาช่อนย่าง เลยต้องเตรียม กระเทียมบุบ-สับ 1 หัว พริกขี้หนูสวนบุบ 4- 5 เม็ด  กะปิดี 1 ช้อนชาละลายน้ำและใส่น้ำตาลทรายสัก 1 ช้อนชา ใบมะกรูด 2 ใบ หั่นเส้น  ถั่วพู 2 ฝัก   และมะนาวอีก 2 ชิ้นที่เหลือจากเจียวไข่ ตั้งกระทะ ใส่น้ำมันจนน้ำมันร้อน ใส่กระเทียมบุบลงไปผัดจนเหลืองหอม ใส่กุ้งฝอยหัวขาดผัดจนแดงระเรื่อแล้วใส่น้ำละลายกะปิกับน้ำตาลทราย  ผัดต่ออีกนิดจะยกลงใส่ถั่วพูหั่นแฉลบและพริกขี้หนูบุบ  ปิดเตา ตักใส่จาน ... ว้า! น้ำแห้งไปหน่อย มีแต่เนื้อๆ ถ่ายรูปจัดฉาก ชิม และเตรียมส่งงาน  แต่ไม่วายแว้บ... ดู FB อีกที เม้นท์ตอบ พรรคเพื่อนในแคมเปญฝ่ามืออากง...  ฮากับการไล่ไปอยู่ตปท.ของท่านแม่ทัพ  ฯ นาทีนี้ฉันก็นึกว่าตัวเองย้ายไปอยู่ที่เกาหลีเหนือเป็นวูบๆ ตามแรงของยาที่อัพเข้าไป ... มั้ง   ...เพลินกะจะโม้ถึงรสอร่อยที่เพิ่งกินให้เพื่อนฟัง ใบหน้าใจดีของหัวหน้ากองบก.ฉลาดซื้อก็ลอยเข้าไปได้ก็รีบละมาก่อน เฮ่อ!... นี่ฉันจะต้องผวานึกว่าเป็นกุ้งที่กินไปเมื่อกี้อีกกี่ครั้ง กว่าจะหมดฤทธิ์ยา  สวัสดีปี2555

สำหรับสมาชิก >
ฉลาดซื้อ เก็บแต้มแลกสินค้า250 Point

ฉบับที่ 119 เมนูกุ้งฝอย

  ที่ผักไห่ บ้านแม่ ซึ่งอยู่ในเขตลุ่มน้ำท่วมทุกปี ร่วม 4 เดือน นับแต่ราวปลายเดือนกันยายน – มกราคม เป็นช่วงที่คนครัวต่างรอต้อนรับการกลับมาของตลาดปลาตอนเช้าๆ กันอย่างจดจ่อ แต่หลังหน้าแล้งปีนี้(2553) หรือราวเดือนเมษายนจนเข้าช่วงต้นฝนที่มาล่าในเดือนสิงหาคมนั้นปลาในตลาดที่ถูกจับมาวางขายมีน้อยลงมากกว่าทุกปี  จนน้ำท่วมหลากตอนดีเปรสชั่นเข้าราวกลางเดือนกันยายนที่ฝนตกหนักต่อเนื่องกันนานนับสัปดาห์และน้ำเหนือหลากมาแล้วนั่นแหละ ปลาในน้ำ หนอง และนา เริ่มหาได้ง่ายและมากกว่าช่วงแล้งอย่างเห็นได้ชัด ทั้งปลาเค้า ตะเพียน ตะโกก ปลากด ปลาสร้อย ปลาซิว และอีกสารพันปลา สายๆ ของทุกวัน แม่จะหิ้วถุงปลาตะเพียนมั่ง ปลาหมอมั่ง กลับมาจากตลาด กลับถึงบ้านก็ผ่าท้องควักไส้ออกแล้วล้างสะอาด บั้งเป็นตาถี่ๆ ตลอดแนวลำตัวทั้ง 2 ข้าง โดยไม่ขอดเกล็ด แล้วทอดกรอบๆ หรือบางทีก็แค่ผ่าท้องแล้วย่างปลาด้วยเตาไฟฟ้าไฟไม่แรงนัก ปลาสุกหอมๆ มันๆ กินพร้อมสะเดาที่เข้ากันได้ทั้งน้ำปลาหวาน และน้ำพริกเผาสับมะม่วงเปรี้ยวเป็นเส้นใส่ ขยำกินกับข้าว เป็นเมนูหลักวนเวียนไปในช่วงฤดูแห่งปลามัน จนเดือนมกราคมต้นกุมภาพันธ์ปี 54 เลยทีเดียว   ที่ตลาดนี้ยังมีห่อหมกเจ้าประจำที่ทำขาย ซึ่งโดยปกติแม่ค้าจะใช้เนื้อปลาบดที่ซื้อสำเร็จจากตลาดมาทำขาย แต่หากเป็นต้นหนาวหน้าน้ำหลาก น้ำทรง และน้ำลดลงในช่วงปลาหนาว เราแม่ลูกที่ชอบกินห่อหมกจะเลือกกระทงห่อหมกที่มีหัวปลาช่อนแทนเนื้อบด เพราะเป็นหัวปลาสดๆ ที่แม่ค้าห่อหมกหาซื้อมาได้ กินอร่อยถูกใจกว่าเนื้อปลาบดมาก  นอกจากปลา ยังมีกุ้งฝอย สัตว์น้ำจืดอีกอย่าง ที่ฉันกับแม่เฝ้ารอคอย แม้จะปลายพฤศจิกายนเข้าต้นธันวาคมแล้ว กุ้งฝอยที่เคยมีมาขายยังหายหน้า แม่วนไปตลาดเช้ามาหลายวัน จนวันหนึ่งแม่หิ้วถุงใส่กุ้งฝอยมา แม่บอกว่าแพงกว่ากุ้งเลี้ยงตัวใหญ่ขีดละตั้งหนึ่งบาทแหนะ (ฮา) ได้กุ้งฝอยสดๆ มาแม่จับใส่ตะกร้าล้างน้ำหลายเที่ยวจนสะอาด แล้วเอามาตัด กรี – ส่วนที่เป็นหนามแข็งด้านหัวกุ้งออก แล้วตั้งกระทะ ใส่น้ำกะปริมาณให้พอผัดกับกุ้งฝอยแบบขลุกขลิก เมื่อน้ำร้อนจัดใส่กุ้งลงไปลวก ใช้ตะหลิวพลิกกุ้ง 4 – 5 ครั้ง ก็ดับเตาไฟ ตักกุ้งขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำ เท่านี้ก็ได้กุ้งฝอยพร้อมปรุงใส่กล่องแช่เย็นไว้ได้อีกหลายเมนูทีเดียว คราวนี้แหละเราแม่ลูกก็มีเมนูกุ้งฝอยมาให้พอประทังความคิดถึงกันได้แบบชั่วคราว... ระยะหนึ่ง   ยำน้ำพริกเผากุ้งฝอย เครื่องปรุง ; กุ้งฝอยลวกสุก ตะไคร้ซอย หอมแดงซอย ผักชีใบยาวซอย ใบสะระแหน่ ปรุงรสด้วย น้ำพริกเผาแบบเผ็ด (พริกบางช้างแห้งเผา กระเทียมเผา หอมเผา กะปิ เกลือ มะขามเปียก น้ำตาลปี๊บนิดเดียว) น้ำปลา และมะนาว  วิธีทำ ; นำน้ำพริกเผาใส่ในชามอ่าง ใส่น้ำปลาและน้ำมะนาว ละลายน้ำพริกเผาให้เข้ากันดี ชิมรสตามชอบให้จัดจ้านนิดหน่อย แล้วใส่กุ้งฝอย กับผักที่เตรียมไว้ยำ คลุกเคล้าให้เข้ากัน   กุ้งฝอยผัดพริกแกงถั่วพูเครื่องปรุง ; ถั่วพูหั่นท่อน กุ้งฝอยลวกสุก หมูหั่นชิ้น น้ำมันพืช พริกแกงเผ็ด (พริกบางช้างแห้ง หอมแดง ผิวมะกรูด พริกไทย เกลือ กะปิ) น้ำปลา น้ำตาล น้ำ ใบมะกรูดฉีก วิธีทำ ; ตั้งกระทะบนเตาไฟกลางๆ ใส่น้ำมันจนร้อนแล้วนำพริกแกงลงไปผัดให้หอม ใส่เนื้อหมู และกุ้งฝอยลงไปผัดให้สุก เติมน้ำปลา น้ำตาล และน้ำ ชิมรสให้ถูกใจ แล้วใส่ถั่วพู และใบมะกรูด ผัดคลุกเคล้าให้เข้ากันดีแล้วตักเสิร์ฟ  เคล็ดไม่ลับ ; ถั่วพู แม่ใช้วิธีลวกทั้งฝักในน้ำเดือดจัดแล้วตักขึ้นมาใส่ในชามน้ำเย็นทันที แล้วจึงหั่นเป็นท่อนๆ วิธีนี้ทำให้ได้ถั่วพูสีสวยไม่คล้ำเข้มเหมือนการนำถั่วพูสดลงไปผัด           สายบัวผัดกุ้งฝอย เมนูสุดท้ายเป็นสายบัวผัดกุ้งฝอย แม่ว่าเคล็ดผัดสายบัวให้สีสวยใสต้องลวกสายบัวก่อน   ส่วนวิธีผัดเหมือนผัดผักไฟแดงทั่วไป ตั้งกระทะบนเตาไฟแรง ใส่น้ำมันร้อนตีกระเทียมใส่ ตามด้วยหมูและกุ้งฝอยลวก และสายบัว ปรุงรสด้วยน้ำปลาและตัดเค็มด้วยน้ำตาลนิดหน่อย อร่อยแบบไม่ต้องพึ่งซอสปรุงรสและผงชูรสค่ะ

สำหรับสมาชิก >
ฉลาดซื้อ เก็บแต้มแลกสินค้า250 Point