ฉบับที่ 108 แสงสว่างปลายอุโมงค์ของสาวผิวสี ดับลงแล้ว

ความไม่พอใจในสิ่งที่ตนเองมีเป็นธรรมชาติของมนุษย์ ตัวอย่างเช่น คนที่ผมเหยียดตรงก็อยากมีผมหยิกหยักศก จึงต้องไปใช้สารเคมีทำให้ผมหงิกหงอ ส่วนคนที่ผมหยิกหยักศกก็อยากมีผมเหยียดตรงจึงไปหาทางยืดเส้นผมตามร้านเสริมสวย โดยไม่รู้ว่าเมื่ออายุเกินห้าสิบปีแล้ว เมื่อฮอร์โมนเพศลดลงผมหยักศกอาจกลายเป็นเส้นตรงเอง แต่จำนวนเส้นอาจมีน้อยไปหน่อย ที่น่าประหลาดก็คือ คนที่ผิวคล้ำเช่น สตรีไทยแท้ๆ ที่มีผิวสีน้ำผึ้งเดือนห้าเก็บไว้ห้าปีมักอยากขาวเป็นหยวก เพราะเข้าใจว่าผู้ชายไทยชอบผู้หญิงขาว(โดยไม่เคยมีโพลไหนทำการสำรวจเลยว่าใช่หรือไม่) ในขณะที่แหม่มชาวตะวันตกที่ซีดก็อยากคล้ำ(ไม่ใช่ดำ) จึงจำต้องรนไปหาทางปิ้งตัวเองด้วยการตากแดดหรือใช้เครื่องฉายแสงอัลตร้าไวโอเล็ตกระตุ้นการสร้างเม็ดสีของเซลล์ผิวหนังให้มากขึ้น ในกรณีของสาวไทยผิวคล้ำนั้น การมีสินค้าอาหารประเภทที่อ้างว่ากินแล้วขาวขึ้นย่อมเป็นประกายแสงที่ปลายอุโมงค์ชีวิตว่า คุณเธอน่าจะขาวได้บ้าง เพื่อจะนำไปสู่การได้ขึ้นรถรางชีวิตคู่เที่ยวสุดท้ายเสียที ดังนั้นเสียเท่าไร เสี่ยงเท่าไร ก็เอา เลยเป็นโอกาสให้คนที่ฉลาดแต่ไร้คุณธรรมได้โอกาสนำเอาสารชีวเคมีต่าง ๆ ออกเร่ขาย และกลูตาไทโอนก็เป็นหนึ่งในสารชีวเคมีที่ทำให้หลายคนรวยไปเลย กลูตาไธโอนคือ อะไรกลูตาไธโอนเป็นสารชีวเคมีที่สร้างได้เองในร่างกายมนุษย์และสัตว์ทั่วไป ประกอบด้วยกรดอะมิโน 3 ชนิด คือ กรดซิสตีอีน (Cysteine) กลัยซีน (Glycine) และกรดกลูตามิค (Glutamic acid) ซึ่งชนิดหลังนี้มีจำหน่ายตามท้องตลาดเพราะมันคือ ผงชูรสที่ไม่ใช่ อูมามิ ร่างกายมีกลูตาไธโอนไปทำไมกลูตาไธโอนมีหน้าที่หลักในการช่วยขจัดสารพิษออกจากร่างกาย โดยเฉพาะสารพิษที่ไม่ละลายน้ำแต่ละลายในไขมันดี เช่น สารพิษที่โรงงานอุตสาหกรรมปล่อยสู่สิ่งแวดล้อม สารพิษบางชนิดในอาหารปิ้งย่างรมควัน และสารพิษจากเชื้อราบางชนิด เป็นต้น สารพิษเหล่านี้ถูกกำจัดออกจากร่างกายได้ด้วยระบบเอนไซม์ชื่อ กลูตาไธโอน-เอส-ทรานซ์เฟอเรส ซึ่งเป็นระบบเอนไซม์ทำลายสารพิษที่ถูกกระตุ้นให้ทำงานได้เก่งขึ้น ถ้าเจ้าของร่างกายกินอาหารที่ประกอบด้วยผักตระกูลกระหล่ำปลี เครื่องเทศต่างๆ รวมทั้ง หอม กระเทียม ดังนั้นท่านผู้อ่านที่นิยมรับประทานอาหารไทยเป็นประจำก็จะมีเอนไซม์นี้ในปริมาณสูง เพื่อช่วยทำลายสารพิษต่างๆ รวมทั้งจะมีการกระตุ้นการสร้างกลูตาไธโอนให้สูงด้วย ถ้ากินอาหารครบห้าหมู่ ผู้บริโภคสตรีส่วนมากทราบจากแผ่นพับโฆษณาขายสินค้าฟอกสีผิวแล้วว่า กลูตาไธโอนเป็นสารช่วยต่อต้านการเกิดอนุมูลอิสระในร่างกาย โดยกลูตาไธโอนทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยของเอนไซม์ชื่อ กลูตาไธโอนเปอรอกซิเดส ซึ่งคอยทำลายสารพวกเปอรอกไซด์ที่เกิดได้เป็นประจำในเซลล์ของร่างกายเรา เปอรอกไซด์นี้ถ้าไม่ถูกกำจัดก็จะถูกเปลี่ยนไปเป็นอนุมูลอิสระซึ่งก่ออันตรายให้แก่ร่างกายได้ ทั้งเรื่องการเกิดเซลล์มะเร็งและกระตุ้นความแก่ของผิวหนัง ในเว็บต่างๆ ที่มีการขายกลูตาไธโอนนั้นมักโฆษณาอ้วดอ้างว่า นอกจากทำให้ผิวขาวเป็นหยวกแล้ว สารกลูตาไธโอนยังบำบัดโรคมะเร็ง บำบัดเอดส์ รักษาผู้ซดพาราเซตามอลเกินขนาด บำบัดผู้ป่วยโรคพาร์กินสัน บำบัดผู้ป่วยออทิสติค ตลอดจนผู้ป่วยอัลไซเมอร์ อย่างไรก็ตามการลักลอบจำหน่ายกลูตาไธโอนนั้นถือว่ามีความผิดตาม พ.ร.บ.ยา ฐานโฆษณาเกินจริง มีโทษปรับถึง 100,000 บาท นอกจากนี้ ยังเป็นการขายยาที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียน มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 5,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับเกิดอะไรขึ้นกับกลูตาไธโอนเมื่อถูกกินเข้าไป ทันทีที่ถูกกลืนลงกระเพาะแล้วย้ายเข้าสู่ลำไส้เล็ก สารกลูตาไธโอนจะถูกย่อยได้เป็นกรดอะมิโนสามชนิดที่เป็นองค์ประกอบของสารนี้ จากนั้นร่างกายจึงนำกรดอะมิโนทั้งสามไปใช้ตามที่ร่างกายต้องการ ไม่มีการประกันว่าร่างกายจะนำไปสร้างเป็นกลูตาไธโอนใหม่หรือไม่ จึงทำนายไม่ได้ว่าการกินอาหารที่มีกลูตาไธโอนสูงเช่น แตงโมจะช่วยให้ขาวได้จริงหรือไม่ นอกจากนี้ประสิทธิภาพการสร้างกลูตาไธโอนในร่างกายนั้น ลดลงเรื่อยๆ ตามวัย ไม่ว่าจะกินอาหารที่มีกรดอะมิโนทั้งสามที่ใช้เป็นสารตั้งต้นสักเท่าใด พออายุเกินยี่สิบแล้วการสร้างก็ลดลง ผิวเราก็จะคล้ำขึ้นเรื่อยๆ ได้เป็นอนิจจังวัฏสังขารา การรับผลลดการสร้างเม็ดสีผิวเนื่องจากกลูตาไธโอน ต้องทำโดยการฉีดเข้ากล้ามเนื้อหรือเส้นเลือดโดยตรงในปริมาณที่มาก ซึ่งเมื่อเข้าอินเตอร์เน็ตจะพบตามที่มีการโฆษณาในเว็บคือ ประมาณ 600 มิลลิกรัมต่อครั้ง ซึ่งถือว่าเสี่ยงตายพอควร อีกทั้งมีราคาแพงเป็นหมื่นต่อเข็ม ถูกกว่านี้ไม่รับประกันว่าเป็นกลูตาไธโอนจริงหรือไม่ เนื่องจากกลูตาไธโอนมีราคาแพง ในเครื่องสำอางทั่วไปจึงมีการผสมลงไปบ้างเพียง 0.000001-0.000005% เท่านั้น เพื่อให้สามารถโฆษณาว่ามีสารนี้ จากนั้นผู้ใช้ก็มีหน้าที่สวดมนต์อธิษฐานหวังว่ามันจะเข้าสู่ร่างกายได้บ้างสักโมเลกุลหรือสองโมเลกุลทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เคยสำรวจพบว่า สถานบำบัดอาการทางจิตที่เกิดเนื่องจากผิวหนังหลายแห่งนำสารกลูตาไธโอนฉีดเข้าสู่ร่างกายเพื่อทำให้ผิวขาว ทั้งที่ อย. ยังไม่มีการอนุญาตให้ขึ้นทะเบียนสารกลูตาไธโอนเพื่อใช้ในการรักษาโรคใดๆ ทั้งสิ้น แม้ว่าในประเทศอิตาลีจะมีการขึ้นทะเบียนและได้รับอนุญาตถูกต้อง แต่ก็เป็นการนำสารดังกล่าวมาใช้ในการรักษาโรคมะเร็งต่อมลูกหมากและมะเร็งกระเพาะอาหารเท่านั้น ไม่ได้เกี่ยวกับผิวหนังส่วนใดของร่างกายสักหน่อย สารกลูตาไธโอนที่ผ่านการรับรองจาก อย. นั้น อยู่ในรูปที่ใช้เป็นส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เพื่อใช้กินร่วมกับวิตามินเท่านั้น แต่ไม่มีการขึ้นทะเบียนตำรับยาไม่ว่าเป็นยาเดี่ยวหรือยาฉีดเข้าร่างกาย และไม่มีการนำเข้ามาในประเทศไทย ที่น่ากังวลคือ สินค้าที่มีจำหน่ายอยู่นั้นมาจากไหน อาจเป็นของปลอมได้ นอกจากนี้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ยังไม่เคยรับรองผลความปลอดภัยในการใช้สารกลูตาไธโอนฉีดเข้าเส้นเลือดดำและไม่เคยมีผลรับรองจากสถาบันที่เชื่อถือได้ในต่างประเทศ ดังนั้นจึงไม่มีการกำหนดปริมาณที่เหมาะสมในการฉีดเข้าร่างกาย และไม่ทราบว่ามีการสะสมเกิดพิษหรือเกิดผลข้างเคียงทำอันตรายให้ร่างกายในอนาคตหรือไม่  ทำไมถึงเชื่อว่ากินกลูตาไธโอนแล้วขาวขึ้นการทำให้ผิวขาวขึ้นนั้น ถือเป็นเพียงผลข้างเคียงของการใช้กลูตาไธโอนในการรักษาโรค ซึ่งมีอยู่ด้วยกัน 3 รูปแบบ คือ แบบสูดพ่น ฉีดเข้ากล้าม และฉีดเข้าหลอดเลือดดำ เพื่อการรักษาภาวะแทรกซ้อนในการฟอกเลือดจากการขาดธาตุเหล็ก ภาวะแทรกซ้อนจากการผ่าตัดในผู้ป่วยโรคไต ผู้ป่วยเอดส์ ผู้ที่มีเนื้อเยื่อพังผืดที่ปอด กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน กล้ามเนื้อหัวใจตาย หรือใช้ร่วมกับยาบางชนิดเพื่อป้องกันอาการพิษต่อสมอง เป็นต้น ยังไม่เคยมีรายงานอาการข้างเคียงรุนแรงจากการใช้กลูตาไธโอนในการบำบัดโรค มีเพียงอาการผิวหนังลอกในผู้ใช้บางรายเท่านั้น อีกทั้งไม่เคยมีข้อมูลทางการแพทย์ว่าการฉีดสารกลูตาไธโอนจะแก้ผิวดำได้อย่างถาวร จึงควรฟันธงแบบไม่เกรงใจผู้ที่มีผิวคล้ำแล้วอยากกินกลูตาไธโอนให้ขาวว่า ทางที่ดีแล้วไปหาคนทรงเจ้าเข้าผีให้เชิญ ไมเคิล แจคสัน มาบอกดีกว่าว่าทำไมผิวถึงขาวได้ แม้ว่ายังไม่มีข้อมูลว่าใช้สารในปริมาณเท่าใดและนานเท่าใดจึงเป็นอันตราย (เนื่องจากคนที่เป็นอันตรายนั้นอาจอายเทวดาฟ้าดินจนไม่กล้าเปิดเผยว่าเคยใช้ จึงก้มหน้าก้มตาเก็บเป็นความลับตายไปกับตนเอง) ผู้บริโภคก็ไม่ควรฉีดเข้าเส้นเพราะอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งผิวหนังได้ เนื่องจากสารนี้ไปหยุดการสร้างเม็ดสีผิวซึ่งช่วยกรองแสงอัลตร้าไวโอเลตที่เป็นธรรมชาติของคนผิวเอเชีย นอกจากนี้เม็ดสีในตาดำของผู้ใช้ก็อาจลดลงจึงเพิ่มความเสี่ยงอันตรายต่อจอประสาทตา คนไทยควรมีภูมิคุ้มกันรู้และเท่าทันการโฆษณาอวดอ้าง อีกทั้งอยากให้ยอมรับสภาพผิวสีน้ำผึ้ง แม้ว่าบางคนจะเป็นน้ำผึ้งเก่าเก็บมานานจนออกดำก็ตาม ซึ่งถือว่าสอดคล้องกับสภาพภูมิอากาศของประเทศไทยที่มีแสงแดดจัดตลอดทั้งปี ผิวสีเข้มนั้นมีประโยชน์ช่วยป้องกันมะเร็งผิวหนัง หนุ่มสาวผิวเข้มนั้นสวยหล่อในความรู้สึกของคนตะวันตก จึงมีการบรรยายถึงความหล่อของหนุ่มที่  dark tall and handsome ขอเพียงให้ผิวนั้น สะอาดเนียน ไร้กลิ่นเหงื่อไคล ถ้าจะมีกลิ่นบ้างก็ขอเป็นกลิ่นสะอาดตามธรรมชาติ ไม่ใช่หน้าขาวกระดำกระด่างเพราะสารเคมีในยา หรือเครื่องสำอางกัดลอกผิวหน้า สำหรับหน่วนงานที่ดูแลจรรยาบรรณของบุคลากรด้านสาธารณสุขนั้น ตามข่าวในเน็ตและหนังสือพิมพ์แจ้งว่า ได้ขอเวลาในการตรวจสอบข้อมูลก่อนว่า สารดังกล่าวมีการนำมาใช้ในไทยหรือไม่ และต่างประเทศใช้ในลักษณะใด หรือมีการตีพิมพ์ผลการใช้ในวารสารทางสาธารณสุขอย่างไร นอกจากนี้หน่วยงานดังกล่าวยังต้องสอบถามไปยังองค์กรที่เกี่ยวข้อง เพื่อขอความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ ซึ่งคงไม่สามารถให้คำตอบในทันทีว่าจะดำเนินการอย่างไร เพื่อความเป็นธรรมต่อบุคลากรสาธารณสุขที่อยากให้บริการใช้กลูตาไธโอนแก่ลูกค้าหรือผู้มีความผิดปรกติทางจิตเกี่ยวกับสีผิว เพราะปัจจุบันหน่วยงานนี้ยอมรับว่า มียาหลายชนิดที่บุคลากรด้านสาธารณสุขนำผลข้างเคียงมาใช้กับผู้ป่วย เช่น ยาแก้แพ้ ก็มีการสั่งนำมาใช้กับผู้ป่วยที่มีอาการคันตามร่างกาย เพื่อให้นอนหลับไปและไม่คัน ท่านผู้อ่านมีความคิดอย่างไรกับความรอบคอบของหน่วยงานดังกล่าว สามารถเขียนอีเมล์ไปคุยกันได้นะครับ

สำหรับสมาชิก >
ฉลาดซื้อ เก็บแต้มแลกสินค้า250 Point

ฉบับที่ 146 กลูตาไธโอน คืออะไร ตอนที่ 2 : ยาฉีด ยากิน และยาทา

  ด้วยคุณประโยชน์มหัศจรรย์ของสารกลูตาไธโอน ทำให้นักวิทยาศาสตร์ทำการสังเคราะห์สารกลูตาไธโอนเลียนแบบธรรมชาติที่ผลิตจากเซลล์ในร่างกายขึ้น เพื่อใช้ประโยชน์ดังนี้   ข้อบ่งใช้ในทางการแพทย์ สารนี้ ในบางประเทศได้รับการรับรองให้ขึ้นเป็นทะเบียนยา และบางประเทศใช้เป็นอาหารเสริม แต่ในประเทศไทย สารชนิดนี้ยังไม่ผ่านการอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย. มีรายงานการนำสารกลูตาไธโอน มาใช้เป็นยารักษาโรคหลายกรณี เช่น เกี่ยวกับระบบเส้นประสาทบกพร่อง โรคพากินสัน โรคอัลไซเมอร์ หรือ โรคสมองเสื่อม โรคปลายเส้นประสาทอักเสบ มะเร็งกระเพาะอาหาร และมะเร็งต่อมลูกหมาก ใช้รักษาภาวะการเป็นพิษจากโลหะหนัก พิษจากยาพาราเซ็ทตามอล ข้อมูลการใช้สารกลูตาไธโอน ในการรักษาฝ้า และทำให้ผิวขาวเปล่งปลั่งเหมือนมีแสงออร่า นั้น ยังไม่มีข้อมูลยืนยันทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ เป็นผลข้างเคียงจากการใช้สารนี้ที่ใช้รักษาโรคอื่นแล้วผิวขาวขึ้นชั่วคราวเท่านั้น เมื่ออาการข้างเคียงหายไป เม็ดสีที่ผิวหนังก็จะกลับเข้มขึ้นดังธรรมชาติเดิม   2. ประโยชน์การชะลอวัย เป็นยาอายุวัฒนะ การที่กลูตาไธโอนในร่างกายลดปริมาณลงในวัยสูงอายุ ซึ่งสามารถเป็นเหตุผลที่ทำให้คนสูงอายุมีความต้านทานต่อโรคต่างๆ น้อยลง ในทางตรงกันข้าม คนสูงอายุที่มีอายุยืนยาวและยังแข็งแรง มีสถิติพบว่าคนเหล่านั้นจะมีปริมาณกลูตาไธโอนในร่างกายสูง ซึ่งเป็นสิ่งที่แสดงความสัมพันธ์ระหว่างปริมาณ กลูตาไธโอนในร่างกายกับสุขภาพนั่นเอง หรืออาจกล่าวอีกนัยหนึ่งว่ากลูตาไธโอนมีส่วนสำคัญในขบวนการชะลอวัยของร่างกาย นักกีฬาและคนที่สุขภาพดีออกกำลังกายเป็นประจำ จะพบว่ามีปริมาณ กลูตาไธโอนค่อนข้างสูงอย่างสม่ำเสมอ มีสถิติทางการแพทย์ที่พบว่าอาการป่วยด้วยโรคต่างๆ เชื่อมโยงกับการที่ร่างกายขาดกลูตาไธโอน หรือ มีภาวะที่ร่างกายสังเคราะห์ กลูตาไธโอนได้ต่ำกว่าปกติที่ร่างกายควรได้รับ เช่น ภาวะโรคเอดส์ โรคมะเร็ง โรคปอด และในผู้ที่สูบบุหรี่จัด ผู้ที่มีกรรมพันธุ์เกี่ยวกับความบกพร่องของกลูตาไธโอนมักจะมีปัญหาโรคแทรกซ้อนทางระบบประสาท  กลไกสำคัญของกลูตาไธโอนในการต้านหรือชะลอวัยน่าจะมาจากคุณสมบัติของการมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระชนิดเข้มข้นที่สังเคราะห์ได้จากทุกเซลล์ในร่างกายโดยธรรมชาตินั่นเอง การรักษาระดับกลูตาไธโอนในร่างกายจึงสำคัญต่อการขบวนการชะลอวัย   ยาฉีด และ อันตรายที่เกิดจากการฉีดกลูตาไธโอน เนื่องจากตัวยากลูตาไธโอน มีความไม่คงตัวในกระแสเลือด สลายตัวได้ง่ายและรวดเร็ว ดังนั้นผู้ที่หวังผลในการรักษา จะต้องให้แพทย์ฉีดบ่อยๆหรือถี่ๆ เช่น ในกรณีของการฉีดเข้าเส้นเลือดดำเพื่อหวังผลให้ผิวขาว โดยมากแพทย์มักจะฉีดร่วมกับวิตามินซี หากฉีดในความเข้มข้นสูง และฉีดอาทิตย์ละ 2 ครั้ง นอกจากจะเสียเงินมากแล้ว ที่สำคัญ การฉีดในความเข้มข้นสูง อาจทำให้ช็อค ความดันต่ำ เกิดอาการแพ้อย่างรุนแรง กล้ามเนื้อสั่น ประสาทหลอน หายใจติดขัด หลอดลมตีบ อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ และผู้ที่ได้รับยาฉีดนี้นานๆ เป็นประจำ อาจทำให้เม็ดสีที่จอตาลดลง ทำให้รับแสงได้น้อยลง เสี่ยงต่อการมองเห็นได้ในอนาคต ทางวารสารการแพทย์ในสหรัฐอเมริกา จึงจัดสารกลูตาไธโอนเป็นสารที่อาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงทางสายตา   ยาเม็ดสำหรับกิน เนื่องจากโมเลกุลของกลูตาไธโอนมีขนาดใหญ่เกินกว่าที่จะถูกดูดซึมในกระเพาะอาหารและทางเดินอาหาร นอกจากนี้โมเลกุลของกลูตาไธโอนยังถูกสลายตัวได้ง่ายในทางเดินอาหารอีกด้วย เราจึงไม่สามารถรับประทานกลูตาไธโอนโดยตรงเป็นอาหารเสริมได้ไม่ว่าจะอยู่ในรูปแบบยาเม็ด ยาแคปซูล หรือยาน้ำเชื่อม ดังนั้น หากผลิตภัณฑ์โฆษณาว่า เป็นยาเม็ดกลูตาไธโอน ของแท้ ผู้บริโภคไม่ควรเสียเงินซื้อมากิน เพราะไม่ได้ผลทำให้ผิวขาว หรือไม่เกิดประโยชน์ใดๆ ต่อร่างกาย ปัจจุบันที่พบทั่วไปในท้องตลาดเป็นยาเม็ดที่ อย. อนุญาตให้ขายเป็นอาหารเสริมนั้น ที่จริงเป็นสารตั้งต้นในการสังเคราะห์กลูตาไธโอน (Glutathione Precursors) คือ อะมิโนแอซิด เอ็นอะซิทิลซิสเตอีน (N-acetyl-cysteine) ซึ่งโมเลกุลชนิดนี้ จะสามารถถูกดูดซึมเข้าทางเดินอาหารได้ง่ายและรวดเร็ว และจะไปรวมตัวกับโปรตีนอีก 2 ชนิด คือ อะมิโนแอซิด ไกลซิน (Glycine) และ กลูตาเมท (Glutamate) ที่มีอยู่มากมายในกระแสเลือดจากอาหารที่รับประทานเข้าไป การรวมตัวของอะมิโนแอซิดทั้ง 3 ชนิด ก่อให้เกิดเป็นโมเลกุลกลูตาไธโอนในกระแสเลือด อย่างไรก็ตาม มีคำแนะนำสำหรับผู้ที่ประสงค์จะกินอาหารเสริมชนิดนี้เป็นประจำ เพื่อวัตถุประสงค์ในการเพิ่มปริมาณกลูตาไธโอนในกระแสเลือด เพื่อเป็นยาอายุวัฒนะ ชะลอวัย และเพิ่มความแข็งแรงให้ร่างกาย หากรับประทานมากเกินไป อาจก่อให้เกิดอาการข้างเคียง เช่น มึนงง ปวดหัว ตาพล่ามัว และอาจมีสารตกค้าง ทำให้เป็นนิ่วที่ไต และกระเพาะปัสสาวะอีกด้วย ยาทาผิวหนัง สารกลูตาไธโอน เมื่อนำมาผสมในผลิตภัณฑ์ประเภทครีม หรือเจล สำหรับทาผิวหนัง เพื่อหวังให้ผิวขาวนั้น จะไม่ได้รับประโยชน์ใดๆ เพราะโมเลกุลสารนี้ค่อนข้างใหญ่ ไม่สามารถซึมผ่านผิวหนังได้   เอกสารอ้างอิง 1, Lomaestro B, Malone M. Glutathione in health and disease. Pharmacotherapeutic Issues. Ann Pharmacother 29: 1263-73, 1995. 2, The importance of glutathione in human disease. Biomed Pharmacother. 2003 May-Jun; 57(3-4):145-55.

สำหรับสมาชิก >
ฉลาดซื้อ เก็บแต้มแลกสินค้า250 Point

ฉบับที่ 145 กลูตาไธโอน คืออะไร ตอนที่ 1: สารมหัศจรรย์ ต้านโรค ชะลอวัย

  กลูตาไธโอน (Glutathione) นับเป็นสารมหัศจรรย์อย่างยิ่งที่ร่างกายคนเราสามารถผลิตขึ้นเองโดยธรรมชาติ มีคุณอนันต์ต่อสุขภาพ ผู้ที่แข็งแรงและมีอายุยืนยาว จะสามารถตรวจพบสารกลูตาไธโอนในร่างกายในปริมาณสูง ตรงกันข้ามกับคนป่วยและผู้ที่สุขภาพไม่ดี จะพบว่าปริมาณกลูตาไธโอนในร่างกายต่ำมาก   เรามาทำความรู้จักกับสารชนิดนี้ให้เข้าใจมากขึ้น ทำอย่างไรให้ร่างกายสร้างกลูตาไธโอนได้เองมากๆ ให้ร่างกายมีสุขภาพแข็งแรง นอกจากจะช่วยชะลอวัยแล้ว ยังช่วยให้อายุยืนยาวอีกด้วย   สารกลูตาไธโอน คืออะไร เป็นโปรตีนชนิดหนึ่ง ประกอบด้วยกรดอะมิโนที่สำคัญ 3 ชนิดรวมตัวกันอยู่ คือ ซิสเตอิน (Cystein) ไกลซิน (Glycine) และ กลูตาเมท (Glutamate) เซลล์ทุกเซลล์ในร่างกายสามารถผลิตกลูตาไธโอนได้เอง และถูกผลิตมากที่สุดที่ตับ ปอด ไต ม้าม ตับอ่อน และเลนส์แก้วตา สารมหัศจรรย์นี้เป็นกุญแจสำคัญในการช่วยให้ร่างกายแข็งแรง หน้าที่สำคัญ 4 ประการคือ   1.สร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย โดยกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดขาวเพื่อต่อสู้กับเชื้อโรค ทั้งไวรัส แบคทีเรีย และสิ่งแปลกปลอมอื่นๆที่เข้าสู่ร่างกาย รวมทั้งเซลล์มะเร็ง   2.ทำหน้าที่กำจัดสารพิษที่ผ่านเข้าในร่างกาย โดยจะจับสารพิษที่ไม่ละลายน้ำให้เปลี่ยนเป็นสารที่ละลายน้ำ และกำจัดออกทางไตหรือทางลำไส้ ดังนั้นตับและไตซึ่งเป็นอวัยวะที่มีของเสียและสารพิษสะสมมากที่สุด จึงพบ กลูตาไธโอนถูกผลิตออกมามากที่สุด เพื่อทำหน้าที่กำจัดของเสียนั่นเอง ในทำนองเดียวกัน ปอด ก็พบกลูตาไธโอนในปริมาณสูง เพื่อกำจัดของเสียจากที่คนเราหายใจเอาฝุ่นละอองและควันพิษเข้าไปที่ปอดนั่นเอง   3. เป็นสารต้านอนุมูลอิสสระที่มีฤทธิ์แรงที่สุด ผลิตขึ้นเองโดยทุกเซลล์ในร่างกายโดยธรรมชาติ มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ปกป้องเซลล์ให้แข็งแรง ช่วยการไหลเวียนของระบบเลือด รักษาการทำงานของหัวใจและปอด ช่วยชะลออายุของเซลล์ทุกเซลล์ และชะลอความเสื่อมโทรมของร่างกายและของอวัยะวะทุกส่วน   4. ช่วยกระตุ้นการสร้างและซ่อมแซม ‘เซลล์และดีเอนเอ’ที่สึกหรอ นับเป็นกุญแจสำคัญในการสังเคราะห์โปรตีนและไขมัน กระตุ้นการทำงานของเอ็นไซม์ชนิดต่างๆ นักวิจัยพบว่า เนื้อสมอง ระบบเส้นประสาท เต้านม และต่อมลูกหมาก มีองค์ประกอบส่วนมากเป็นไขมัน ดังนั้นจึงมีแนวโน้มเป็นแหล่งสะสมของสารพิษหรือสารที่ไม่ละลายน้ำแต่ละลายสะสมในไขมัน นักวิจัยตั้งของสังเกตว่า โอกาสการเกิดโรคความจำเสื่อม (Alzheimer) มะเร็งสมอง มะเร็งเต้านม และมะเร็งต่อมลูกหมาก พบเห็นมากขึ้นทั่วโลก เนื่องจากสารพิษจากสิ่งแวดล้อม ส่วนใหญ่เป็นสารพิษที่ละลายสะสมในไขมันนั่นเอง   ออกซิเจนที่คนเราหายใจเข้าไปร่างกาย ประมาณ 2 % ของออกซิเจนที่หายใจเข้าไป จะถูกเปลี่ยน เป็นอนุมูลอิสระ หากอนุมูลอิสระนี้อยู่ในร่างกาย และไม่ถูกทำลาย จะส่งผลเสียอย่างมากต่อร่างกาย โดยอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นจะไปทำลายผนังเซลล์ และทำให้ดีเอนเอของเซลล์ชำรุดเสียหาย ผลคือระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายจะบกพร่อง อ่อนไหวต่อการเกิดโรคต่างๆ และแก่เร็ว   สิ่งแวดล้อมที่ไม่ดี การกินอาหารที่ไม่ถูกสุขลักษณะ อากาศเป็นพิษ ปนเปื้อนยาฆ่าแมลง รังสียูวี เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อาหารที่มีน้ำตาลสูง ควันบุหรี่ ยาเสพติด และ การบริโภคยารักษาโรคชนิดต่างๆ มากเกินไป ปัจจัยเหล่านี้เป็นปัจจัยที่ก่อให้ร่างกายเกิดภาวะสะสมอนุมูลอิสระมากๆ   เพื่อต่อสู้กับอนุมูลอิสระที่สะสมจากปัจจัยต่างๆ ข้างต้น ร่างกายคนเราจะใช้สารต้านอนุมูลอิสระคือ ‘กลูตาไธโอน’ ที่ทุกเซลล์ผลิตขึ้นเองโดยธรรมชาติ ในการต่อต้านทำลายอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้น หากมีอนุมูลอิสระเกิดขึ้นมากและตลอดเวลา เซลล์ทุกเซลล์ต้องทำงานหนักเพื่อผลิตกลูตาไธโอน มาจับและล้างอนุมูลอิสระให้หมดไปหรือให้เหลือน้อยที่สุด   กลูตาไธโอน คือ สารต้านอนุมูลอิสระ ที่ถูกสร้างและใช้มากที่สุดในร่างกาย นับเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องสายตาของคนเรา ช่วยเปลี่ยนแป้งที่สะสมในร่างกายให้เป็นพลังงาน และป้องกันการสะสมของไขมันซึ่งอาจนำไปสู่การเป็นโรคหัวใจ กลูตาไธโอนทำหน้าที่ปกป้องทุกเซลล์ของร่างกาย แต่เมื่ออายุมากขึ้น ปริมาณกลูตาไธโอน ในร่างกายจะลดน้อยลง หรือถูกผลิตขึ้นช้าลงและมีปริมาณน้อยลง คนเราเมื่อย่างเข้าอายุ 20 ปี ปริมาณกลูตาไธโอน ในร่างกายจะลดลงเฉลี่ย 8-12% ต่อ 10 ปี แต่หากร่างกายมีการบริโภคยาหรือเคมีมากเกินไป ปริมาณการลดลงของกลูตาไธโอนในร่างกายจะรวดเร็วกว่าที่คาดไว้ ทำให้ร่างกายเสื่อมโทรมเร็วก่อนวัย และโรคต่างๆ เข้าแทรกแซงได้ง่าย   เอกสารอ้างอิง The importance of glutathione in human disease. Biomed Pharmacother. 2003 May-Jun; 57(3-4):145-55.

สำหรับสมาชิก >
ฉลาดซื้อ เก็บแต้มแลกสินค้า250 Point