ฉบับที่ 203 ผิวเต่งตึงด้วยกรดไฮยาลูโรนิก (ตอนที่ 2)

มาต่อกันกับเรื่อง ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกรดไฮยาลูโรนิก ซึ่งเป็นสารสำคัญสำหรับเซลล์ผิวหนัง ในการช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นทำให้ผิวไม่แห้งตึง โดยฉบับที่ผ่านมาเราได้พูดถึงกรดไฮยาลูโรนิกในกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางกันไปแล้ว คราวนี้เราลองมาดูกรดไฮยาลูโรนิกในกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหารกันบ้าง มารู้จักผลิตภัณฑ์เสริมอาหารกันสักนิดผู้บริโภคส่วนใหญ่มักเข้าใจว่าผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและอาหารเสริมมีความหมายเดียวกัน แต่จริงๆ แล้วอาหารทั้ง 2 ประเภทนี้มีความแตกต่างกันอยู่เล็กน้อยตรงที่ “ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร” คือผลิตภัณฑ์ที่ใช้รับประทานนอกเหนือจากการรับประทานอาหารตามปกติ และไม่สามารถใช้รับประทานแทนอาหารหลักได้ โดยมีสารอาหารหรือสารอื่นเป็นองค์ประกอบ และอยู่ในรูปแบบเม็ด แคปซูล ผง เกล็ด ของเหลวหรือลักษณะอื่น ซึ่งมีจุดมุ่งหมายให้บุคคลทั่วไปที่มีสุขภาพปกติรับประทาน ในขณะที่ “อาหารเสริม” จะหมายถึงผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากอาหารจริงๆ เช่น ฟักทองบด ที่เป็นอาหารเสริมสำหรับเด็กเล็ก หรือ โจ๊กปั่น ที่เป็นอาหารเสริมสำหรับผู้ป่วยที่มีปัญหาในการกินอาหาร ซึ่งมีจุดมุ่งหมายสำหรับใช้กินเป็นมื้อเสริมเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีวิตามินบางชนิดที่จัดเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารอีกด้วย โดยผู้บริโภคสามารถเลือกซื้อเองได้ตามท้องตลาดทั่วไป อย่างไรก็ตามผลิตภัณฑ์เหล่านี้ ต้องมีการควบคุมคุณภาพและได้รับการรับรองจาก อย. ซึ่งผู้บริโภคควรตรวจสอบก่อนซื้อมารับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีส่วนผสมของกรดไฮยาลูโรนิกแม้ปัจจุบันจะมีผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีส่วนผสมของกรดไฮยาลูโรนิกจำนวนมาก ซึ่งผู้บริโภคหลายคนรับประทานกันเป็นประจำอยู่แล้ว และเชื่อมั่นว่าผลิตภัณฑ์ดังกล่าวสามารถช่วยชะลอความเหี่ยวย่นได้จริง แต่เราไม่ควรลืมว่าผลิตภัณฑ์ดังกล่าวก็ถือว่าเป็นอาหารประเภทหนึ่ง ซึ่งช่วยเสริมสารอาหารบางอย่างให้กับร่างกายตามที่กล่าวไว้ข้างต้น และไม่ควรถูกโฆษณาอวดอ้างในลักษณะสรรพคุณทางยาหรือเครื่องสำอาง เช่น เสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกาย บำรุงหัวใจ ลดการดูดซึมไขมัน ทำให้ผิวขาวเปล่งปลั่ง กระชับรูขุมขนหรือลดรอยเหี่ยวย่น เป็นต้น อย่างไรก็ตามเรามักพบว่าผลิตภัณฑ์เสริมอาหารหลายยี่ห้อตามท้องตลาด มักโฆษณาว่ามีฤทธิ์หรือให้สรรพคุณคล้ายกับยารักษาโรค จนทำให้ผู้บริโภคส่วนใหญ่เกิดความสับสนหรือเข้าใจผิดได้เราจึงควรสำรวจผลิตภัณฑ์ดังกล่าวก่อนตัดสินใจซื้อด้วยวิธีการง่ายๆ อย่างการอ่านฉลาก ซึ่งหากพบว่ามีเลขสารบบอาหาร 13 หลักก็แสดงให้ว่าผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจัดเป็นอาหารและไม่มีสรรพคุณทางยาใดๆ แต่หากพบว่ามีเลขทะเบียนยา เช่น Reg. No. …/.. ก็หมายถึงผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจัดเป็นยารักษาโรค ซึ่งเราสามารถคาดหวังสรรพคุณหรือการออกฤทธิ์ต่อร่างกายได้ ไม่ว่าจะเป็นป้องกันโรค ส่งเสริมสุขภาพ บำบัด บรรเทา รักษาโรค หรือให้ออกฤทธิ์ในการเติมเต็มร่องลึกและทำให้ผิวหนังเต่งตึงขึ้น แต่ทั้งนี้ประสิทธิผลก็ขึ้นอยู่กับการดูดซึมของร่างกายแต่ละคนด้วยวิธีการง่ายๆ ในการตรวจสอบฉลากผลิตภัณฑ์เสริมอาหารนอกจากเราควรตรวจสอบเลขสารบบอาหาร 13 หลักแล้ว ยังมีรายละเอียดอื่นๆ ที่กฎหมายกำหนดให้ฉลากของผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่จำหน่ายต่อผู้บริโภคต้องระบุ ดังนี้1. ชื่ออาหาร โดยมีคำว่า “ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร” เป็นส่วนหนึ่งของชื่ออาหารหรือกำกับชื่ออาหาร 2. เลขสารบบอาหาร 3. ชื่อและที่ตั้งของผู้ผลิตหรือผู้นำเข้า (แล้วแต่กรณี) 4. ปริมาณของผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่บรรจุ 5. ชื่อและปริมาณของส่วนประกอบสำคัญของผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และส่วนประกอบที่มีการกล่าวอ้างสรรพคุณ คุณประโยชน์ ในฉลากของผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร 6. ข้อความว่า “ใช้วัตถุกันเสีย” (ถ้ามี) 7. ข้อความว่า “เจือสีธรรมชาติ” หรือ “เจือสีสังเคราะห์” (ถ้ามี) 8. ข้อความว่า “แต่งกลิ่นธรรมชาติ” “แต่งกลิ่นเลียนธรรมชาติ” “แต่งกลิ่นสังเคราะห์” “แต่งรสธรรมชาติ” หรือ “แต่งรสเลียนธรรมชาติ” (ถ้ามี) 9. ข้อความชัดเจนว่า “การได้รับสารอาหารต่างๆ นั้น ควรได้จากการบริโภคอาหารหลักที่หลากชนิดครบทั้ง 5 หมู่ และเป็นสัดส่วนที่พอเหมาะ” 10. คำแนะนำในการใช้ 11. คำแนะนำในการเก็บรักษา (ถ้ามี) 12. วันเดือนและปีที่ผลิต/ หมดอายุการบริโภค ทั้งนี้การแสดงข้อความตามข้อ (12) ต้องมีข้อความที่ฉลากระบุตำแหน่งที่แสดงข้อความดังกล่าวด้วย 13. คำเตือนการบริโภคผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขว่าด้วยเรื่อง การกล่าวอ้างทางสุขภาพ (Health claim) และคำเตือนการบริโภคอาหาร 14. ข้อมูลเฉพาะอื่นๆ ถ้าเข้าข่ายตามที่กฎหมายกำหนด เช่น ข้อมูลสำหรับผู้แพ้อาหาร วัตถุให้ความหวานแทนน้ำตาลที่ใช้ หรือฉลากโภชนาการ เป็นต้น

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 202 ผิวเต่งตึงด้วยกรดไฮยาลูโรนิก (ตอนที่ 1)

ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยชะลอความแก่ หรือทำให้ผิวแลดูอ่อนเยาว์เต่งตึงขึ้นนั้น ถือเป็นกลุ่มสินค้าที่ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคเสมอมา เพราะสามารถจับต้องได้ง่าย เจ็บตัวน้อยและไม่ต้องพึ่งมีดหมอ อย่างไรก็ตามสารประกอบสำคัญในผลิตภัณฑ์เหล่านี้ ที่กำลังมาแรงอย่างกรดไฮยาลูโรนิก จะสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับผิวหน้าที่เหี่ยวย่นได้จริงหรือ เราลองไปดูกันรู้จักกรดไฮยาลูโรนิกสักนิดกรดไฮยาลูโรนิก (Hyaluronic Acid) คือ สารที่มีอยู่ในร่างกายของเราโดยธรรมชาติ ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญของเซลล์ผิวหนัง เพราะช่วยกักเก็บความชุ่มชื้น ทำให้ผิวไม่แห้งตึง แต่เมื่อเราอายุมากขึ้น สารดังกล่าวจะค่อยๆ ลดปริมาณลง ส่งผลให้ผิวหนังเริ่มเหี่ยวย่น หลายคนจึงต้องการเสริมจากภายนอกเข้าไป เพื่อทำให้ผิวยังคงความเต่งตึงการเสริมจากภายนอกเข้าไปนั้น หากต้องการให้เห็นผลลัพธ์ที่รวดเร็ว มักเป็นการฉีดสารสังเคราะห์ดังกล่าวเข้าไป ซึ่งเรียกว่า “การฉีดฟิลเลอร์” นั่นเอง โดยมีจุดประสงค์เพื่อแก้ไขการยุบตัวของเนื้อเยื่อผิวหน้า หรือเติมร่องลึกบนผิวหน้าให้กลับมาเต่งตึงเช่นเดิม อย่างไรก็ตามปัจจุบันมีการนำกรดไฮยาลูโรนิก มาใช้เป็นส่วนผสมหลักในเครื่องสำอางหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจำนวนมาก เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้ที่ไม่ต้องการพึ่งมือหมอหรืออยากประหยัดค่าใช้จ่ายมาดูผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกรดไฮยาลูโรนิกคราวนี้เราลองมาดูผลิตภัณฑ์ 2 กลุ่มใหญ่อย่างเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ที่มีการผสมกรดไฮยาลูโรนิกเข้าไปว่าจะได้ผลมากน้อยหรือมีข้อควรระวังการใช้อย่างไรบ้าง1. เครื่องสำอางไม่ว่าจะเป็นเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของกรดไฮยาลูโรนิกในรูปแบบครีม เจล น้ำ หรือเครื่องสำอางที่โฆษณาว่าเป็นกรดไฮยาลูโรนิกเพียวๆ ซึ่งผู้ใช้สามารถนำไปผสมเองกับครีมหรือเครื่องสำอางอื่นๆ ของตัวเองได้นั้น ล้วนมีสิ่งสำคัญที่ผู้บริโภคไม่ควรมองข้ามเลยก็คือเรื่องของฉลาก เพราะนอกจากผลลัพธ์ที่เราต่างคาดหวังแล้ว เรื่องความปลอดภัยก็เป็นสิ่งสำคัญขาดไม่ได้ เนื่องจากเราจะพบว่ามีเครื่องสำอางหลายยี่ห้อที่มักโฆษณาว่านำเข้าจากต่างประเทศ ทำให้ไม่มีฉลากภาษาไทย แต่หากใช้แล้วเกิดอาการข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ต่างๆ อาจเป็นการเจ็บตัวฟรีหรือหาคนรับผิดชอบได้ยากเบื้องต้นนั้นต้องตรวจสอบให้ดีว่า เครื่องสำอางที่เรากำลังจะใช้มีฉลากภาษาไทย ที่อย่างน้อยต้องระบุรายละเอียดดังต่อไปนี้ 1. ชื่อการค้าและชื่อเครื่องสำอาง 2. ประเภทหรือชนิดของเครื่องสำอาง 3. สารทุกชนิดที่ใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตเครื่องสำอาง โดยเรียงลำดับตามปริมาณของสารจากมากไปหาน้อย 4. วิธีใช้เครื่องสำอาง/ คำเตือน 5. ชื่อและที่ตั้งของผู้ผลิต หรือในกรณีเป็นเครื่องสำอางนำเข้า ต้องระบุชื่อและที่ตั้งของผู้นำเข้า รวมทั้งชื่อผู้ผลิตและประเทศที่ผลิต 6. ปริมาณสุทธิ 7. เลขที่แสดงครั้งที่ผลิต และเดือน ปีที่ผลิตหรือเดือน ปีที่หมดอายุ และ 8. เลขที่ใบรับแจ้ง 10 หลัก (โดยต้องไม่อยู่ในกรอบเครื่องหมาย อย.)ส่วนของผลลัพธ์ที่คาดหวังว่า การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกรดไฮยาลูโรนิกจะทำให้หน้าเต่งตึงขึ้นได้นั้น พบว่า มักทำให้ผิวหน้าดูชุ่มชื้นหรือเต่งตึงขึ้นเพียงชั่วคราวเท่านั้น เพราะสารดังกล่าวมักมีขนาดโมโลกุลใหญ่เกินกว่าจะซึมเข้าไปฟื้นฟูร่องลึกของผิวได้ 100 เปอร์เซ็นต์แต่ในกรณีที่มีเครื่องสำอางชนิดใด โฆษณามีขนาดโมโลกุลของกรดไฮยาลูโรนิกเล็กมากจนซึมเข้าสู่ชั้นเซลล์ผิวได้ ต้องมีการตรวจพิสูจน์จากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และหากไม่เป็นจริงตามที่กล่าวอ้างก็จะเข้าข่ายการโฆษณาเกินจริง ซึ่งผู้บริโภคอย่างเราต้องไม่ลืมว่าเครื่องสำอางไม่ใช่ยา ที่สามารถช่วยบำบัด บรรเทา รักษา ป้องกันโรค มีผลต่อโครงสร้างหรือการกระทำหน้าที่ต่างๆ ของร่างกายได้ ทั้งนี้กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกรดไฮยาลูโรนิกยังไม่จบเพียงเท่านี้ พบกันในฉบับถัดไป ในส่วนของผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีส่วนผสมของกรดไฮยาลูโรนิก 

อ่านเพิ่มเติม >