ฉบับที่ 244 กระแสต่างแดน

คุมกำเนิดบิ๊กโฟร์        สหรัฐฯ เล็งออกกฎหมาย 5 ฉบับ เพื่อควบคุมบิ๊กเทคทั้งสี่ (Amazon, Apple, Facebook และ Google) ไม่ให้มีอำนาจเหนือตลาดเกินไป         จากการสำรวจการครองตลาดของสี่ค่ายนี้เป็นเวลา 15 เดือน ทีมวิจัยพบข้อมูลการใช้อำนาจเหนือตลาดเรียกเก็บค่าบริการที่แพงเกินไป การกำหนดข้อสัญญาที่เอาเปรียบผู้ใช้ รวมถึงการเก็บข้อมูลบุคคลและธุรกิจต่างๆ ที่ใช้บริการ         หากร่างกฎหมายเหล่านี้ผ่านการพิจารณา (อีกหลายรอบ) บิ๊กโฟร์จะไม่สามารถเข้าซื้อกิจการบริษัทเล็กได้ง่ายเหมือนที่ผ่านมา และจะไม่สามารถเลือกให้ประโยชน์กับผลิตภัณฑ์ของตัวเองเหนือผลิตภัณฑ์ของผู้ค้ารายอื่นบนแพลตฟอร์มของตัวเอง         กฎหมายใหม่จะให้อำนาจกับหน่วยงานกำกับดูแลด้านการแข่งขันทางการค้ามากขึ้น         ในการประชุม G7 ครั้งล่าสุด ประเทศสมาชิกยังเห็นพ้องกับข้อเสนอที่จะขอให้ประเทศต่างๆ เรียกเก็บภาษีขั้นต่ำร้อยละ 15 จากบริษัทข้ามชาติขนาดใหญ่ เพื่อป้องกันการเลี่ยงภาษีด้วย  แบตเตอรีต้องกลับมา         การสำรวจโดยกลุ่มศึกษาปัญหาสิ่งแวดล้อมพบว่า ร้อยละ 50 ของขยะแบตเตอรีในครัวเรือนประเทศเยอรมนียังคงถูกทิ้งรวมกับขยะทั่วไป         กรรมการผู้จัดการของ Redux บริษัทที่เชี่ยวชาญการรีไซเคิล “แบตเตอรีจากครัวเรือน” แห่งหนึ่งในเยอรมนีที่รีไซเคิลแบตเตอรีปีละ 10,000 ตัน บอกว่าเรื่องนี้ต้องอาศัยกฎหมายเข้ามาเป็นตัวช่วยเพื่อป้องกันผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมที่จะเกิดจากการสรรหาวัตถุดิบที่นำมาทำแบตเตอรี โดยเฉพาะเมื่อพาหนะไฟฟ้ามีแนวโน้มจะได้รับความนิยมมากขึ้น         วัตถุดิบมีค่าอย่างโคบอล์ท นิกเกิล ทองแดง และลิเธียม ควรถูกนำกลับมาใช้ใหม่         Redux เสนอว่าแบตเตอรรีรถยนต์ ควรอยู่ใน “ระบบเช่า” ที่ผู้ใช้สามารถนำแบตฯ เสื่อมสภาพมาเปลี่ยนเอาของใหม่ได้         ค่ายรถยนต์พลังงานไฟฟ้าอย่างเทสลาและโฟล์กสวาเกน ก็ตระหนักถึงปัญหานี้ จึงลงทุนหลายหมื่นล้านเหรียญเพื่อรองรับการรีไซเคิลแบตเตอรี ควบคู่ไปกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์  เพราะอาหารแพงมันน่ากลัว         สวิตเซอร์แลนด์โหวต “ไม่รับ” แผนห้ามใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชและห้ามนำเข้าพืชผักหรือผลิตภัณฑ์ที่ใช้สารเคมีดังกล่าว         แม้จะมีข้อมูลระบุว่า ปัจจุบันคนสวิสไม่ต่ำกว่าหนึ่งล้านคนต้องดื่มน้ำปนเปื้อนสารเคมี แต่เสียงจากภาคการเกษตรมีอิทธิพลพอสมควร พวกเขาอ้างว่าสารเคมีการเกษตรที่ใช้นั้นผ่านการทดสอบและควบคุมจนสามารถใช้ได้อย่างปลอดภัยแล้ว         หากไม่ใช้สารเคมี ผลิตผลทางการเกษตรจะมีไม่เพียงพอต่อความต้องการ พืชผักต่างๆ จะราคาแพงขึ้น และสวิตเซอร์แลนด์อาจสูญเสียอธิปไตยทางอาหารด้วย         รัฐบาลเองก็แอบลุ้นให้ประชาชนโหวตไม่รับแผนดังกล่าว เพราะนั่นหมายถึงการที่ผู้คนจะพากันข้ามชายแดนไปซื้ออาหารจากประเทศข้างเคียง           ตามกฎหมายของสวิตเซอร์แลนด์ ประชาชนทั่วไปสามารถขอให้มีการทำประชามติได้ หากรวบรวมรายชื่อได้ถึง100,000 รายชื่อ กลุ่มที่เสนอแผนห้ามใช้สารเคมีครั้งนี้คือกลุ่มที่ชื่อว่า Future 3 ไม่อยากได้ยิน         สถาบันด้านสุขภาพของเนเธอร์แลนด์จะทำการสืบสวนผลกระทบต่อสุขภาพที่มีสาเหตุจากกังหันลม หลังงานวิจัยพบว่า เสียงกังหันลมส่งผลต่อสุขภาวะของคนในชุมชน         พลังงานสะอาดนั้นดีต่อสิ่งแวดล้อม และเนเธอร์แลนด์ก็มีเป้าหมายจะลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ให้ได้ร้อยละ 49 ภายในปี 2030         แต่ช่วงที่ผ่านมาเริ่มมีเสียงคัดค้านจากชุมชนมากขึ้น เพราะเสียงจากการทำงานของกังหันตลอด 24 ชั่วโมงนั้น ทำให้ชาวบ้านนอนไม่หลับ เกิดความเครียดและมีปัญหาสุขภาพ           ปัจจุบันยังไม่มีการกำหนดระยะห่างขั้นต่ำระหว่างตัวกังหันและชุมชน มีเพียงข้อเสนอจากเขตหนึ่งที่ขอให้กำหนดระยะดังกล่าวไว้ที่ 600 เมตรจากบ้านคน         ส่วนข้อกำหนดด้านเสียงนั้นมีอยู่แล้วที่ 49 เดซิเบล เมื่อวัดจากนอกตัวบ้าน แต่ระดับเสียงยังขึ้นกับชนิดของกังหันและทิศทางลมด้วย                 รายงานระบุว่าผู้คนไม่ได้ต่อต้านกังหันลม แต่อยากให้มีการจัดการหรือการจำกัดเสียงที่เกิดขึ้นจากกังหันลมมาช้าแต่ก็มานะ         ที่ผ่านมาผู้ประกอบการในญี่ปุ่นให้การตอบรับ “ผลิตภัณฑ์โปรตีนทางเลือก” ในระดับที่ค่อนข้างต่ำ แต่ในที่สุดบรรดาผู้ผลิตอาหารจากเนื้อสัตว์ก็ตัดสินใจเข้าร่วมตลาดนี้จนได้ โดยจะผลิตคู่ไปกับผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์แบบที่เคยทำอยู่         แถมยังบอกด้วยว่าประสบการณ์ที่มีจะทำให้เขาทำผลิตภัณฑ์จากบุกและถั่วเหลือง หรือแหล่งโปรตีนอื่นๆ อย่างสาหร่าย แมลง ออกมาได้รสชาติเหมือนเนื้อสัตว์จริงๆ         เพื่อให้ประเทศไม่ตกเทรนด์ที่กำลังเป็นที่นิยมในอเมริกาและยุโรป กระทรวงเกษตรกรรมของญี่ปุ่นจึงได้ตั้งคณะกรรมการพิเศษขึ้นมาให้การสนับสนุนงานวิจัยด้านการหาและพัฒนาแหล่งโปรตีนใหม่ๆ มีตัวแทนสถาบันวิจัย บริษัทสตาร์ทอัป ผู้ประกอบการ และองค์กรอื่นๆ เข้าร่วมไม่ต่ำกว่า 800 คน         ญี่ปุ่นเองต้องการส่งออกอาหารไปยังตลาดยุโรปและอเมริกา และต้องการเพิ่มมูลค่าตลาดให้ได้ถึง 45,600 ล้านเหรียญ (1.4 ล้านล้านบาท) ภายในปี 2030   

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 158 360 องศากับ Google Earth

หลายครั้งที่ต้องเดินทางไปที่นั่นที่นี่ โดยที่ไม่รู้ว่าบริเวณที่จะไปอยู่ส่วนไหนของประเทศหรืออยู่ส่วนไหนของโลก ถือว่าเป็นเรื่องที่ลำบากอย่างมาก ซึ่งแตกต่างจากปัจจุบันที่อินเตอร์เน็ตช่วยทำให้ความลำบากเหล่านั้นหายไปโดยสิ้นเชิง ต้องยอมรับว่าอินเตอร์เน็ตมีประโยชน์อย่างมากที่จะช่วยค้นหาสถานที่ต่างๆ ที่ต้องการเดินทางไป ซึ่งคำตอบที่มักจะมาจาก google ที่เรารู้จักกันดีนั่นเอง แค่นี้เว็บไซต์นี้ก็จะค้นหาแผนที่ที่จะใช้เดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ มาให้เลือกมากมาย ภาพแผนที่ได้ถูกพัฒนาขึ้นตามวิวัฒนาการของเทคโนโลยี จนทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงจากภาพแผนที่เดิมๆ ที่มีเพียงลายเส้นเพื่อบอกทิศทาง เปลี่ยนมาเป็นภาพผ่านดาวเทียม มีลักษณะจำลองเป็นภาพ 3 มิติ เป็นภาพเสมือนจริง เหมือนกับเราได้ไปเดินในถนนเส้นนั้นๆ ฉบับนี้จึงพามารู้จักแผนที่ฉบับดาวเทียมที่ถือว่ามีชื่อเสียงระดับโลกเลยทีเดียว นั่นคือ Google Earth ปัจจุบัน Google Earth ได้ถูกพัฒนาให้เห็นสถานที่ต่างๆ ในเส้นทางที่ต้องการจะค้นหาว่าสถานที่ใดตั้งอยู่ในบริเวณใด ถือว่าเป็นการย่อส่วนของสถานที่ทั่วโลกมาไว้ที่คอมพิวเตอร์   โดยปกติ Google Earth สามารถใช้ผ่านอินเตอร์เน็ต ถ้าต้องการโปรแกรมมาไว้บนเครื่องคอมพิวเตอร์ก็สามารถดาวน์โหลดโปรแกรมมาติดตั้งได้ด้วย โดยเข้าที่เว็บไซต์ www.google.com/earth และได้ถูกพัฒนามาไว้ที่แอพพลิเคชั่นแบบเต็มตัว ที่ชื่อว่า Google Earth เพื่อให้ทันสมัยกับยุคโซเชียลมีเดีย แอพพลิเคชั่นนี้จะช่วยในการค้นหาเส้นทาง ผังเมือง แผนที่การคมนาคม  ภายในแอพพลิเคชั่น Google Earth จะมีลักษณะการใช้งานเหมือนกับในคอมพิวเตอร์ โดยจะมีเข็มทิศบอกทิศทางเหนือทิศใต้  เมื่อต้องการค้นหาสถานที่ใดให้ใส่ชื่อสถานที่ในช่องค้นหา ภาพจำลอง 3 มิติจะปรากฏขึ้นมา เราสามารถเลื่อนไปทางซ้ายหรือทางขวา ขึ้นลง ได้ตามความต้องการ ถ้าต้องการมองในมุมแนวเดียวกับถนน ให้กดที่รูปคนด้านซ้ายมือ จะปรากฏภาพถนนสายนั้นๆ ที่เป็นเหมือนภาพถ่าย 360 องศา ทำให้รู้สึกเสมือนว่าเรายืนอยู่ตรงบริเวณนั้น ปุ่มบนด้านขวามือ จะเป็นการตั้งค่าของมุมมองที่ต้องการให้เห็น อย่างเช่น ต้องการให้เห็นถนน ต้องการให้เห็นสถานที่ ต้องการให้เห็นมหาสมุทร เป็นต้น ก็ให้คลิกเพื่อทำเครื่องหมายที่เราต้องการให้เห็นในส่วนนั้น  อีกปุ่มหนึ่งจะเป็นลูกศรอยู่ทางด้านล่างขวา ลูกศรนี้ช่วยหาตำแหน่งที่อยู่ของเราในขณะที่ใช้งานแอพพลิเคชั่นนี้ ช่วยให้ผู้ที่ไม่แน่ใจว่าตนเองอยู่ส่วนไหนได้รู้ตำแหน่งตนเองให้แน่ชัด ประโยชน์ของแอพพลิเคชั่น Google Earth จะช่วยให้รู้สถานที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นประเทศอะไรก็ตามในโลกนี้  Google Earth ได้ทำภาพจำลอง 3 มิติอาคารสถานที่ให้ได้เห็น โดยที่ไม่ต้องเดินทางไปยังประเทศนั้นๆ อย่างน้อยก็ช่วยให้รู้จักบรรยากาศ สภาพบ้านเมืองของประเทศต่างๆ ทั่วโลก ลองโหลด Google Earth มาเล่นกันดูนะคะ   //

อ่านเพิ่มเติม >