ฉบับที่ 159 กระแสในประเทศ

ประมวลเหตุการณ์เดือนพฤษภาคม 2557 ประกันสังคมเพิ่มสิทธิผ่าตัดเปลี่ยนอวัยวะ สำนักงานประกันสังคม (สปส.) ประกาศเพิ่มความคุ้มครองกรณีปลูกถ่ายอวัยวะ 5 รายการ ประกอบด้วย 1.การผ่าตัดปลูกถ่ายหัวใจ 2.การผ่าตัดปลูกถ่ายปอด 3.การผ่าตัดปลูกถ่ายตับ 4.การผ่าตัดปลูกถ่ายตับอ่อน และ 5.การผ่าตัดปลูกถ่ายอวัยวะมากกว่าหนึ่งอวัยวะพร้อมกัน ได้แก่ หัวใจและปอด หัวใจและไต ตับและไต ตับอ่อนและไต โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 พ.ค.57 เป็นต้นไป ก่อนหน้านี้สำนักงานประกันสังคมก็ได้ให้สิทธิผู้ประกันตนในการ ผ่าตัดปลูกถ่ายกระจกตา ปลูกถ่ายไขกระดูก และปลูกถ่ายไต ครั้งนี้ได้มีการขยายความคุ้มครองแก่ผู้ป่วยที่เป็นโรคร้ายแรง เช่น โรคหัวใจล้มเหลวชนิดรุนแรง โรคปอดที่มีอันตรายถึงชีวิต โรคตับเรื้อรังระยะสุดท้าย เป็นต้น ซึ่งโรคดังกล่าวไม่สามารถรักษาด้วยวิธีอื่นได้ จึงต้องได้รับการรักษาโดยการปลูกถ่ายเปลี่ยนอวัยวะ โดยหลักเกณฑ์ เงื่อนไขและอัตราบริการทางการแพทย์ ทั้งผู้บริจาคอวัยวะและผู้รับบริจาค จะได้รับสิทธิครอบคลุมค่าใช้จ่าย ดังนี้  1. ค่าเตรียมก่อนการผ่าตัด 2. ค่าใช้จ่ายเมื่อเข้ารับการผ่าตัดของผู้รับบริจาค กรณีมีภาวะแทรกซ้อน และกรณีไม่มีภาวะแทรกซ้อน 3. ค่าใช้จ่ายหลังการผ่าตัด ซึ่งขณะนี้มีโรงพยาบาลที่เข้าร่วมกับสำนักงานประกันสังคมที่สามารถทำการผ่าตัดปลูกถ่ายอวัยวะได้ 5 แห่งขณะนี้ คือ โรงพยาบาลศิริราช โรงพยาบาลรามาธิบดี โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โรงพยาบาลราชวิถี และโรงพยาบาลศรีนครินทร์     ขนส่งฯ เข้มเรื่อง “เข็มขัดนิรภัย” ระวังโทษปรับทั้งคนนั่ง-คนขับ 11 เม.ย.ที่ผ่านมา ถือเป็นวันดีเดย์ที่กรมขนส่งทางบกประกาศให้รถโดยสารสาธารณะทุกคันต้องมีการคาดเข็มขัดนิรภัยทุกที่นั่ง พร้อมเดินหน้าบังคับใช้เข้มงวดจริงจัง (สักที) เป้าหมายเพื่อลดการเกิดอุบัติเหตุจากรถโดยสารที่เพิ่มมากขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน (ศวปถ.) ได้ทำข้อมูลอุบัติเหตุรถโดยสารสาธารณะทุกประเภทพบว่ามีเกิดขึ้นเฉลี่ยถึง 2,000 ครั้งต่อปี ซึ่งมีผลการวิจัยถึงประโยชน์ของการใช้เข็มขัดนิรภัยในประเทศไทยระบุว่า ผู้ที่ไม่คาดเข็มขัดนิรภัยมีความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตเนื่องจากอุบัติเหตุทางรถยนต์มากกว่าผู้ที่คาดเข็มขัดนิรภัยถึง 1.52 เท่าและพบว่าการคาดเข็มขัดนิรภัยสามารถช่วยลดจำนวนผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ได้ถึงร้อยละ 34 สำหรับประเภทของรถโดยสารสาธารณะที่ต้องปฎิบัติตามคำสั่งนี้ได้แก่ รถตู้โดยสารสาธารณะ ทั้งประจำทางและไม่ประจำทาง รถโดยสารประจำทางที่วิ่งระหว่างจังหวัด และรถโดยสารไม่ประจำทาง หากฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามต้องโดนโทษปรับไม่เกิน 50,000 บาท นอกจากนี้กระทรวงคมนาคมนังได้มีการออกกฎกระทรวง เรื่องกำหนดความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยที่ผู้โดยสารต้องปฏิบัติในระหว่างการโดยสาร พ.ศ. 2557 ที่มีข้อบังคับให้ผู้โดยสารต้องคาดเข็มขัดนิรภัยเป็น 1 ใน 10 บังคับเรื่องความปลอดภัยที่ผู้โดยสารรถโดยสารสาธารณะต้องปฏิบัติ   ยาจุดกันยุงอันตราย ตายทั้งยุง ตายทั้งคน บ้านไหนที่ใช้ยาจุดกันยุงต้องระวัง เพราะเดี๋ยวนี้มียาจุดกันยุงไม่ได้มาตรฐาน เสี่ยงสารอันตรายทำร้ายสุขภาพถูกลักลอบนำเข้ามาขายหลอกลวงผู้บริโภค โดยล่าสุดสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาร่วมมือกับกองปราบปรามเกี่ยวกับการกระทำผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค ได้ทำการจับกุมผู้กระทำผิดที่ลักลอบผลิต-จำหน่ายยาจุดกันยุงที่ไม่ได้มาตรฐานและไม่ได้รับการขึ้นทะเบียน ได้แก่ ยาจุดกันยุงยี่ห้อ LaoJun และ ยี่ห้อgoldeer จากการตรวจสอบพบว่ายาจุดกันยุงทั้ง 2 ยี่ห้อ มีการใช้ “สารเมเพอร์ฟลูทริน” ( Meperfluthrin ) ซึ่งเป็นสารที่อยู่ในกลุ่มของสารไล่แมลง ไพรีทริน หรือ ไพรีทรอยด์ ที่ อย. ยังไม่รับขึ้นทะเบียนเป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 2 ไม่มีการยืนยันเรื่องความปลอดภัยและผลกระทบต่อสุขภาพของผู้ที่ใช้ เพราะฉะนั้นก่อนจะซื้อยาจุดกันยุงหรือผลิตภัณฑ์สารเคมีกำจัดแมลงต่างๆ ต้องดูให้แน่ใจว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองถูกต้อง และอย่าลืมดูวิธีใช้ที่เหมาะสม เพื่อความปลอดภัยของตัวเราเอง   เศร้าเพราะ “ผักสด” สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 12 จังหวัดสงขลา เตือนคนชอบทานผัก ระวังผักสดที่ถูกใส่มาพร้อมในกล่องข้าวที่ปิดสนิท เพราะเสี่ยงต่อการปนเปื้อนเชื้อโรคสูง เหตุเพราะผักสดส่วนใหญ่จะมีการปนเปื้อนของเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งผักสดที่ไม่ได้ผ่านการล้างทำความสะอาดที่ดีพอ ก็อาจมีเชื้อแบคทีเรียตกค้าง ซึ่งมาจากดินที่ปลูก ขั้นตอนการเก็บ การขนส่ง หรือแม้แต่จากขั้นตอนการปรุง พอนำมาวางบนอาหารที่ปรุงสุกแล้วภายในกล่องซึ่งมีอุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ 35-50 องศาเซลเซียส ผักสดที่ได้รับความร้อนจากอาหารเป็นเวลานานๆ ทำให้ผนังเซลล์ของผักถูกทำลาย เชื้อแบคทีเรียจึงเจริญเติบโตได้ง่ายขึ้น ผักจะเน่าเร็วกว่าปกติ ทำให้เชื้อแบคทีเรียอาจปนเปื้อนลงในอาหาร เสี่ยงต่ออาการอาหารเป็นพิษ วิธีป้องกันก็ต้องวอนต่อไปยังพ่อครัว-แม่ครัวว่าควรแยกผักสดออกจากกล่องข้าวกับข้าวที่ทำใหม่ๆ แยกใส่ถุงพลาสติกต่างหาก ส่วนคนกินอย่างเราก็ควรเลือกกินอาหารที่ผลิตสดใหม่ ลดความเสี่ยงจากการอาหารไม่ปลอดภัย   ยกระดับเรื่องสิทธิการรักษาพยาบาลในประกันสังคม กลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพ ชมรมพิทักษ์สิทธิผู้ประกันตน และกลุ่มสหภาพแรงงานภาคตะวันออก แถลงข่าว “ร่วมสร้างระบบหลักประกันสุขภาพมาตรฐานเดียว ลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความเป็นธรรม ระบบหลักประกันสุขภาพมาตรฐานเดียว” เรียกร้องให้มีการปฏิรูประบบสุขภาพของผู้ประกันตนในสิทธิประกันสังคม ปัญหาที่ต้องมีการแก้ไขอย่างเร่งด่วนคือ เรื่องของการเข้าถึงสิทธิ ที่ต้องสมทบเข้ากองทุนไม่น้อยกว่า 3 เดือน จึงจะได้รับสิทธิการรักษา และกรณีคลอดบุตรต้องสมทบไม่น้อยกว่า 7 เดือน จึงจะได้รับสิทธิค่าคลอดเหมาจ่าย ทำให้คนที่ยังจ่ายสมทบไม่ครบไม่สามารถใช้สิทธิใดได้เลย สิทธิหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าก็ใช้ไม่ได้ สิทธิประกันสังคมก็ยังไม่ได้สิทธิ ต้องให้สิทธิการรักษาพยาบาลเกิดขึ้นทันทีที่ส่งเงินสมทบเข้ากองทุน นอกจากนี้ยังมีปัญหาอื่นๆ อีกจำนวนมากที่รอการแก้ไข ไม่ว่าจะเป็น ให้การคลอดเป็นการรักษาพยาบาล โดยไม่ต้องสำรองจ่าย ยกเลิกการจำกัดการคลอดได้ 2 ครั้ง ยกเลิกการจำกัดสิทธิไม่รักษากรณีการทำร้ายตนเองหรือฆ่าตัวตาย ไม่ว่าจะทำสำเร็จหรือไม่ ต้องรักษาทุกกรณี และต้องได้รับการชดเชยตามสิทธิกรณีตายที่ระบุไว้ในประกันสังคม ไม่กำหนดเพดานวงเงินและเงื่อนไขจำนวนครั้งต่อปี  ในการรักษาเกี่ยวกับฟัน ต้องเป็นไปตามความจำเป็น ให้สิทธิการรักษากรณีการบำบัดสารเสพติดต่างๆ รวมทั้งพัฒนาสิทธิประโยชน์การดูแลรักษาผู้ป่วยโรคฮีโมฟีเลีย ให้ได้รับการบำบัดทดแทนปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการแข็งตัวของเลือดอย่างโปรตีนแฟคเตอร์ที่เท่าเทียมเช่นสิทธิหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า อีกเรื่องที่มีความสำคัญมาก คือผู้ประกันตนที่ได้รับความเสียหายเนื่องจากการรักษาพยาบาล จะไม่ได้รับสิทธิการคุ้มครองเช่นเดียวกับ พ.ร.บ. หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545 มาตรา 41ทำให้ผู้ประกันตนต้องไปฟ้องศาลเพียงอย่างเดียว ซึ่งใช้เวลานานไม่ทันต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น จึงควรมีการดูแลคุ้มครองสิทธิด้านนี้ให้ผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมด้วย   //

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 154 กระแสในประเทศ

ประมวลเหตุการณ์เดือนพฤศจิกายน 2556 กสทช.เปิดศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาท จากนี้ไปปัญหาของคนที่ใช้บริการโทรศัพท์มือถือน่าจะบรรเทาเบาบางลง เมื่อคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. เปิด “ศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทกิจการโทรคมนาคม” ขึ้นเพื่อเป็นช่องทางแก้ไขปัญหาข้อพิพาททางจากการใช้บริการโทรคมนาคมให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยศูนย์ฯ จะทำหน้าที่เป็นตัวกลางตกลงหาข้อยุติของปัญหาให้กับฝ่ายผู้บริโภคและผู้ให้บริการ แต่การเข้าสู่ระบบการไกล่เกลี่ยนั้นเป็นไปตามความสมัครใจของทั้ง 2 ฝ่าย หรือหากดำเนินการไกล่เกลี่ยแล้ว ไม่เป็นที่พอใจ ผู้บริโภคที่ได้รับปัญหาก็สามารถนำเรื่องเข้าสู่การฟ้องร้องต่อไปได้ ส่วนผู้ที่จะมาเป็นคนกลางทำหน้าที่ไกล่เกลี่ย จะเป็นบุคคลที่ได้รับการอบรมหลักสูตรเทคนิคหรือวิธีการไกล่เกลี่ยจากทาง กสทช.   ใครพบปัญหาจากบริการโทรคมนาคมสามารถติดต่อขอรับบริการที่ศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทกิจการโทรคมนาคม ที่สำนักงาน กสทช.   ตู้เอทีเอ็มเปลี่ยนไปใช้ระบบไมโครชิพ ธนาคารแห่งประเทศไทยเตรียมสั่งให้ธนาคารพาณิชย์ทั่วประเทศปรับเปลี่ยนรูปแบบบัตรทั้ง บัตรเอทีเอ็มและบัตรเดบิต รวมถึงตู้เอทีเอ็ม จากระบบแถมแม่เหล็กเป็นระบบไมโครชิพ เพื่อป้องกันปัญหาการโจรกรรมข้อมูลบัตร หรือการ Skimming ซึ่งที่ผ่านมามีผู้เสียหายจากการโจรกรรมเงินผ่านตู้เอทีเอ็มเป็นจำนวนมาก ปัจจุบันมีตู้เอทีเอ็มให้บริการอยู่ราว 50,000 เครื่อง มีตู้ที่ได้รับการเปลี่ยนระบบเป็นไมโครชิพแล้ว 30,000 ตู้ ซึ่งที่เหลือทางธนาคารแห่งประเทศไทยเร่งให้ธนาคารพาณิชย์ดำเนินการเปลี่ยนตู้ของตัวเองให้เรียบร้อยทั้งหมดภายในสิ้นปี 2557 ที่สำคัญคือทางธนาคารแห่งประเทศไทย กำชับกับทางธนาคารพาณิชย์ว่าห้ามคิดค่าธรรมเนียมใดๆ ที่เกิดจากการเปลี่ยนบัตรเดบิตและบัตรเอทีเอ็มจากระบบเก่าเป็นระบบไมโครชิพ เพราะถือเป็นหน้าที่ของธนาคารพาณิชย์ที่ต้องทำเพื่อยกระดับความปลอดภัยในบริการให้กับลูกค้า ส่วนผู้ใช้เองก็ต้องพยายามระมัดระวังในการใช้บัตร เช่น หมั่นเปลี่ยนรหัสบ่อยๆ และอย่าให้ข้อมูลส่วนตัวที่สำคัญลงในอินเทอร์เน็ตหากไม่มั่นใจในความปลอดภัย   คลอด รพ.ไหน ประกันสังคมก็จ่าย จากนี้ไปคุณแม่ที่ใช้สิทธิประกันสังคม สามารถใช้บริการคลอดบุตรได้กับทุกโรงพยาบาล โดยที่ยังคงได้รับเงินค่ารักษาพยาบาล 13,000 บาท ต่อการคลอดบุตร 1 คน นอกจากนี้ยังได้รับกรณีสงเคราะห์บุตร 400 บาทต่อเดือน คราวละไม่เกิน 2 คน รับสิทธิได้ในช่วงแรกเกิดถึงอายุ 6 ปี สำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน แจงสิทธิประกันสังคมกรณีคลอดบุตร ผู้ประกันตนชาย หญิง มีสิทธิได้รับค่าคลอดบุตร คนละ 2 ครั้ง โดยผู้ประกันตนหญิง สามารถคลอดบุตรที่สถานพยาบาลใดก็ได้ แล้วนำสูติบัตรของบุตร สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน มาเบิกเงินที่สำนักงานประกันสังคม จะได้รับค่าคลอดบุตรเหมาจ่ายจากสำนักงานประกันสังคม จำนวน 13,000 บาท นอกจากนี้คุณแม่หมาดๆ ยังได้รับเงินสงเคราะห์การหยุดงานเพื่อการคลอดบุตร ในอัตราร้อยละ 50 ของค่าจ้างเฉลี่ยเป็นเวลา 90 วัน ส่วนกรณีถ้าเป็นผู้ประกันตนชาย สามารถเบิกค่าคลอดบุตรได้ โดยนำสำเนาสูติบัตรบุตร สำเนาทะเบียนสมรสหรือหนังสือรับรองกรณีมีทะเบียนสมรส มาเบิกเงินที่สำนักงานประกันสังคม จะได้รับเฉพาะเงินค่าคลอดบุตรเหมาจ่าย จำนวน 13,000 บาท นอกจากนี้ผู้ประกันตนยังสามารถยื่นขอรับเงินทดแทนกรณีสงเคราะห์บุตรเหมาจ่ายเดือนละ 400 บาทต่อบุตรหนึ่งคน สำหรับบุตรชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งมีอายุไม่เกิน 6 ปี บริบูรณ์ แต่ผู้ประกันตนจะต้องมีการนำส่งเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 12 เดือน ภายในระยะเวลา 36 เดือน โดยผู้ประกันตนสามารถใช้สิทธิเบิกเงินสงเคราะห์บุตรได้คราวละไม่เกิน 2 คน   อย. เผยชื่อ 5 ยาสมุนไพร อันตราย สำนักคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย. ดำเนินการตรวจสอบยาสมุนไพรแผนโบราณหลังจากที่ได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้บริโภคและสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งไม่ได้รับการขึ้นทะเบียนที่ถูกต้องตามกฎหมาย แถมยังโอ้อวดสรรพคุณเกินจริง โดยมี 5 ผลิตภัณฑ์ยาสมุนไพรที่ อย. ฝากเตือนผู้บริโภคให้หลีกไกลอย่าเผลอไปใช้เด็ดขาด ได้แก่ 1.ยาสมุนไพร ZIA TU WAN (เซีย ทู หวัน) 2.ผลิตภัณฑ์ พญาดงชุดชะลอความแก่ 3.ผลิตภัณฑ์ตายสิบปี ดีเหมือนเดิม 4.ผลิตภัณฑ์ฮับบาตุส เซาดาห์ “786” เนื่องจากฉลากแสดงข้อความโอ้อวดสรรพคุณรักษาสารพัดโรค อาทิ แก้หัด อีสุกอีใส ป้องกันและรักษานิ่วในไต นิ่วในถุงน้ำดี ต่อมลูกหมากโต มะเร็ง บํารุงกําหนัด บํารุงหัวใจ รักษาโรคเก๊าต์ อัมพฤกษ์ อัมพาต เบาหวาน ฯลฯ และ 5.ยาสมุนไพร JIE DU DAN ชนิดแคปซูล สรรพคุณไม่ระบุข้อความภาษาไทย อย. ได้ดําเนินการตรวจสอบข้อมูลพบว่า ผลิตภัณฑ์ยาสมุนไพรทั้ง 5 รายการดังกล่าวยังไม่ได้ ขึ้นทะเบียนตํารับยา และยังพบว่ายาสมุนไพร JIE DU DAN ได้นําเลขทะเบียนยาผลิตภัณฑ์อื่นมาใส่บนฉลาก เพราะฉะนั้นผู้บริโภคอย่าได้หลงเชื่อและซื้อมาใช้โดยเด็ดขาด เนื่องจากพบว่าผลิตภัณฑ์ที่แสดงสรรพคุณโอ้อวด เกินจริงมักลักลอบใส่ยาหรือสารที่เป็นอันตรายลงไป และการผลิตผลิตภัณฑ์มักไม่ได้คุณภาพมาตรฐาน จึงอาจทําให้ได้รับอันตรายจากการปนเปื้อน   ฉลาก Smart Fabric รับรองสิ่งทอคุณภาพ สถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ ได้ออกฉลาก Smart Fabric เพื่อเป็นตรารับรองมาตรฐานสินค้าสิ่งทอ โดยแบ่งระดับฉลากเป็น 4 ระดับ คือ 1.ฉลากคุณภาพสิ่งทอเป็นการรับรองคุณภาพสิ่งทอ เช่น การซัก การยืดหด 2.ฉลากคุณภาพสิ่งทอที่มีคุณสมบัติพิเศษ เช่น กันแบคทีเรีย ทนไฟ กันน้ำ 3.ฉลากคุณภาพสิ่งทอที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น การประหยัดพลังงานในกระบวนการผลิต 4.ฉลากคุณภาพสิ่งทอที่มีคุณสมบัติพิเศษร่วมกับการเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อเป็นการส่งเสริมผลิตภัณฑ์สิ่งทอที่มีคุณภาพ รวมทั้งยังสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค ได้มีโอกาสเลือกซื้อเลือกใช้ผลิตภัณฑ์มีคุณภาพและปลอดภัย โดยขณะนี้มีบริษัทที่ได้รับเครื่องหมายคุณภาพสิ่งทอไทยเป็นรายแรกแล้ว คือ บริษัท ธนูลักษณ์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งได้รับรองผลิตภัณฑ์ เสื้อเชิ้ตแบรนด์ กี ลาโรช (Guy Laroche) โดยได้รับมาตรฐานฉลากคุณภาพสิ่งทอที่มีคุณสมบัติพิเศษ ประเภทระบายความชื้นและเหงื่อได้ดีและเพิ่มความสบายเวลาสวมใส่ (Dry)   //

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 183 การแสดงความคิดเห็นในสังคมออนไลน์

ความจำเป็นในการที่ต้องกำกับ ดูแล และตรวจสอบการใช้งาน รวมถึงมาตรฐานจรรยาบรรณจึงเป็นสิ่งจำเป็นต่อสังคมออนไลน์ปัจจุบัน  ในประเทศสิงคโปร์มีการรณรงค์เตือนสติให้ผู้คนหันมายั้งคิดก่อนที่จะถ่ายรูปหรือคลิปไป "ประจาน" คนอื่นในสังคมออนไลน์ และแทนที่จะรีบถ่ายคลิปทำตัวเป็นตำรวจศีลธรรม เขาแนะให้เราถามใจตัวเองก่อนว่าควรจะทำสิ่งที่เหมาะกว่าหรือไม่  การติดต่อสื่อสารทางระบบอินเทอร์เน็ตในปัจจุบันนั้นมีเว็บไซต์ในลักษณะที่มีวัตถุประสงค์ในการสร้างความสัมพันธ์(Relationship) ระหว่างผู้ใช้ในกลุ่มต่างๆ จนเกิดเป็นเครือข่ายสังคมออนไลน์ (Social Network) บนโลกออนไลน์ที่สามารถเชื่อมโยงกันกลายเป็นสังคมเสมือนจริง( Virtual Communities) โดยมีความสัมพันธ์และทับซ้อนกับการดำเนินชีวิตของผู้คนในโลกของความเป็นจริง เครือข่ายสังคมออนไลน์ ประเภทเว็บไซต์ถือว่าเป็นการให้บริการโดยผู้ใช้สามารถสร้างแฟ้มข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งอาจมีลักษณะสาธารณะหรือกึ่งสาธารณะ โดยผู้ใช้สามารถแลกเปลี่ยนและเข้าถึงข้อมูลดังกล่าวของผู้ใช้อื่นๆ ในระบบเครือข่ายสังคมนั้น เว็บไซต์เครือข่ายสังคม เช่น Facebook ,  Line เป็นต้น  ซึ่งมีความแตกต่างกันในแง่ของวัตถุประสงค์ การใช้งาน รวมทั้งรูปแบบและลักษณะ บางเว็บไซต์มุ่งประสงค์ใช้เพื่อทางธุรกิจหรือทางวิชาชีพ ในขณะที่บางเว็บไซต์มุ่งประสงค์ใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางสังคมและความบันเทิง บางเว็บไซต์เกี่ยวข้องกับการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่เป็นตัวอักษร ในขณะที่บางเว็บไซต์มุ่งประสงค์แลกเปลี่ยนข้อมูลในลักษณะสื่อผสม ซึ่งในแต่ละเว็บไซต์จะมีลักษณะเฉพาะสำหรับการใช้งานแตกต่างกันออกไป และในปัจจุบันมีการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่สามารถเชื่อมต่อเข้าสู่ระบบอินเทอร์เน็ตได้อย่างกว้างขวาง ทำให้ความนิยมใช้เว็บไซต์เครือข่ายสังคมออนไลน์มิได้จำนวนอยู่เฉพาะการใช้ผ่านเครื่องคอมพิวเตอร์เท่านั้น ทำให้การสื่อสารทางเว็บไซต์เครือข่ายสังคมออนไลน์กลายเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตของผู้คนในยุคสังคมปัจจุบัน รูปแบบการสื่อสารในลักษณะสังคมเครือข่ายนี้จะเปิดโอกาสให้ผู้ใช้สามารถเปิดเผยแพร่ข้อมูลส่วนตัว ทั้งที่เป็นตัวอักษร บทความ รูปภาพ รวมทั้งการสนทนาและแสดงความคิดเห็นแลกเปลี่ยนประสบการณ์รวมไปถึงเป็นแหล่งข้อมูลจำนวนมหาศาลที่ผู้ใช้สามารถช่วยกันสร้างเนื้อหาขึ้นตามความสนใจของแต่ละบุคคล ซึ่งข้อมูลดังกล่าวอยู่ภายใต้การดูแลของผู้ให้บริการ ในความเป็นอยู่ส่วนตัวนั้น เราอาจแยกพิจารณาออกเป็นสองประเภท ประเภทแรก คือความเป็นส่วนตัวที่เกี่ยวกับสิทธิผู้บริโภค เช่น สิทธิในความเป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล  ประเภทที่สอง คือความเป็นส่วนตัวที่เกี่ยวข้องกับเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น เช่น การเผยแพร่ภาพหรือข้อความในการแสดงความคิดเห็นในสื่อสังคมออนไลน์     ขณะเดียวกันผู้ให้บริการเครือข่ายสังคมออนไลน์ก็มีหน้าที่ในการคุ้มครองเสรีภาพในการแสดงออกบนอินเทอร์เน็ต หากเป็นกรณีที่เป็นการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริตที่อยู่บนพื้นฐานของประชาธิปไตย  โดยหลักแล้วสิทธิและเสรีภาพในการใช้สื่อสังคมออนไลน์ของคนเราจะไม่แตกต่างกับสิทธิและเสรีภาพในการใช้สื่ออื่นๆ  เมื่อมีเสรีภาพเกิดขึ้น เป็นที่แน่นอนว่าเขตแดนของเสรีภาพแต่ละบุคคลย่อมจะชนและทับซ้อนกัน ในบางกรณีกลายเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลซึ่งกันและกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเครือข่ายสังคมออนไลน์ที่ดูเหมือนว่าเขตแดนของเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นจะมีมากจนบางครั้งอาจมีมากเกินไปด้วยซ้ำ ความจำเป็นในการที่ต้องกำกับ ดูแล และตรวจสอบการใช้งาน รวมถึงมาตรฐานจรรยาบรรณจึงเป็นสิ่งจำเป็นต่อสังคมออนไลน์ปัจจุบัน  ในประเทศสิงคโปร์มีการรณรงค์เตือนสติให้ผู้คนหันมายั้งคิดก่อนที่จะถ่ายรูปหรือคลิปไปประจานคนอื่นในสังคมออนไลน์ และแทนที่จะรีบถ่ายคลิปทำตัวเป็นตำรวจศีลธรรม เขาแนะให้เราถามใจตัวเองก่อนว่าควรจะทำสิ่งที่เหมาะกว่าหรือไม่  เช่นมีการแชร์ภาพโปสเตอร์แคมเปญของ Singapore Kindness Movement(ขบวนการสิงคโปร์เอื้อเฟื้อ) เป็นภาพผู้ชายกำลังงีบบนเก้าอี้สำรองบนรถโดยสารสาธารณะ โดยมีผู้หญิงที่กำลังท้องกำลังยืนประจันหน้าอยู่ พร้อมกับคำโปรยว่า "จะแชะภาพ หรือแตะไหล่ปลุก - อยู่ที่ตัวคุณว่าจะเอื้อเฟื้ออย่างไร" หมายความว่า แทนที่จะรีบถ่ายรูปประจานชายคนนี้ เราควรปลุกเขาจะดีกว่าไหม?  เพราะอาจมีเหตุผลอื่นนอกจากจะแย่งที่นั่งคนท้องก็เป็นได้              ความเป็นจริงแล้วสังคมออนไลน์ เปรียบเสมือนคำว่า ‘ดาบสองคม’ ที่มีความหมายว่า การกระทำที่อาจเกิดผลดีและผลร้ายได้พอๆ กัน เช่นเดียวกับ หากผู้ใช้งานในสื่อสังคมออนไลน์ได้เล่นสื่อต่างๆ แบบไม่ระมัดระวังคำพูด พาดพิง หรืออาจทำให้ผู้อื่นเสียหาย อาจจะต้องรับผิดทางอาญาตาม พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550  มาตรา 14 บัญญัติว่า      “ผู้ใดกระทำความผิดที่ระบุไว้ดังต่อไปนี้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ        (1) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน       (2) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศหรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน       (3) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรหรือความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา       (4) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ ที่มีลักษณะอันลามกและข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้       (5) เผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์ตาม (1) (2) (3) หรือ (4)”              ซึ่งผู้ใช้บริการเครือข่ายสังคมออนไลน์ควรจะรู้และทราบด้วยว่าหากตนเองได้เผยแพร่ภาพหรือกระทำการด้วยวิธีการอื่นใดในสื่อสังคมออนไลน์ประเภทต่างๆ แล้วทำให้บุคคลอื่นได้รับความเสียหายอาจจะต้องรับผิดตามกฎหมายฉบับนี้ก็ได้ แต่ทั้งนี้การจะเป็นความผิดได้ก็จะต้องประกอบด้วยองค์ประกอบตามกฎหมายอีกหลายประการด้วยเช่นกัน ทั้งนี้สาระสำคัญอยู่ที่ว่าผู้โพสต์ หรือแชร์ภาพนั้นมีเจตนาที่จะทำให้บุคคลอื่นเสียหายหรือไม่อย่างไรหรือเป็นเพียงแค่การใช้สิทธิของผู้บริโภคเท่านั้นในการแสดงออก  ดังนั้นกฎหมายฉบับนี้ มีเจตนารมณ์มุ่งเน้นแก้ปัญหาอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์โดยแท้มากกว่า  เพราะไม่สามารถอาศัยบทบัญญัติในประมวลกฎหมายอาญามาใช้บังคับผู้กระทำความผิดได้  เนื่องจากมีองค์ประกอบแตกต่างกัน  แต่ท้ายที่สุดแล้วกลับพบว่ายังมีบุคคลอีกหลายคนใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้เป็นเครื่องมือในการนำมาใช้จัดการเนื้อหาที่เผยแพร่ในสื่ออินเทอร์เน็ตที่เป็นประโยชน์สาธารณะมากกว่า   ทำให้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อเสรีภาพของประชาชนในการแสดงความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์แก่ประชาชน              ดังนั้น หากผู้ใช้บริการสื่อสังคมออนไลน์ประสงค์ที่จะใช้เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นผ่านสังคมออนไลน์คงต้องใช้สติก่อนที่จะโพสต์หรือแชร์ต่อไปยังพื้นที่สาธารณะทางออนไลน์ว่า ทำแล้วจะเกิดประโยชน์ต่อผู้บริโภคหรือไม่  เป็นการกระทำโดยมีเจตนาทำให้บุคคลหนึ่งบุคคลใดเสียหายหรือไม่  เป็นการกระทำโดยผ่านกระบวนการตรวจสอบความถูกต้องแล้วหรือยัง  เป็นต้น  “นิ้วเป็นอวัยวะที่เล็กแต่ก็ทำให้คนติดคุกมาก็หลายคนแล้ว อย่าประมาทนะครับ”  

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 105 ฉันทนาถูกผีสวมสิทธิเบิกเงิน

เรื่องนี้เป็นเรื่องของลูกจ้างแรงงานโชคร้ายที่ถูกผีสวมสิทธิจนเกือบไม่ได้ใช้สิทธิประกันสังคมคุณกิตติมา สาวใหญ่วัย 48 ปี ทำงานอยู่ในโรงงานผลิตชุดชั้นในแห่งหนึ่ง และขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประกันตนกับโรงพยาบาลนวมินทร์ 2 ได้ร้องเรียนกับมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคว่า เมื่อช่วงเดือนสิงหาคม 2552 ที่ผ่านมา เห็นทางโรงพยาบาลแห่งนี้ขึ้นป้ายว่า บริการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกฟรี ตามโครงการคัดกรองมะเร็งปากมดลูก 76 จังหวัดทั่วประเทศพอทำเรื่องลางานได้ในวันที่ 24 สิงหาคม 2552 จึงเดินทางไปที่โรงพยาบาลแห่งนี้ ตั้งใจจะไปใช้สิทธิตรวจรักษา แต่เมื่อเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลตรวจสอบข้อมูลในคอมพิวเตอร์พบว่า ตนได้ใช้สิทธิตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกไปแล้ว 2 ครั้ง คือเมื่อวันที่ 8 กันยายน 2551 และวันที่ 18 มีนาคม 2552 ซึ่งข้อมูลนี้ถูกบันทึกโดยโรงพยาบาลบางกอก 9 อินเตอร์เนชั่นแนล ทำให้ไม่สามารถใช้สิทธิรักษาฟรีได้สำหรับปี 2552คุณกิตติมา รู้สึกแปลกใจ และไม่ทราบว่า ทางโรงพยาบาลอ้างสิทธิของตนได้อย่างไร เพราะในปี 2552 ตนยังไม่ได้ไปตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกเลย แต่ก็พอนึกขึ้นได้ว่า เมื่อปี 2551 โรงพยาบาลบางกอก 9 อินเตอร์เนชั่นแนล มาออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ตรวจมะเร็งปากมดลูกที่โรงงาน เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2551 ตนและเพื่อนร่วมงานหลายคนได้ใช้บริการ“ตอนนั้นเสียค่าใช้จ่าย 199 บาทด้วยค่ะ” คุณกิตติมาให้ข้อมูล แนวทางแก้ไขปัญหาอันว่าโครงการคัดกรองมะเร็งปากมดลูก 76 จังหวัดทั่วประเทศนั้น มีที่มาจากการที่ในปัจจุบันโรคมะเร็งปากมดลูกเป็นสาเหตุการตายอันดับหนึ่งของประเทศไทย เป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญ เพราะทำให้เกิดการสูญเสียทรัพยากรบุคคลและสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล การป้องกันและควบคุมโรคมะเร็งปากมดลูกต้องมีการค้นหา โดยการตรวจหาเซลล์มะเร็งให้พบตั้งแต่อยู่ในระยะเริ่มแรกและในระยะก่อนเป็นมะเร็งซึ่งสามารถรักษาให้หายได้ และเสียค่าใช้จ่ายน้อยกว่าการรักษาในระยะลุกลาม และจากการศึกษาขององค์การอนามัยโลก ได้พบว่าการคัดกรองด้วยการทำ pap smear (ซึ่งเป็นวิธีการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกวิธีหนึ่ง) ในสตรีกลุ่มเป้าหมายอายุ 35,40,45,50,55,60ปี ทำให้ช่วยลดอัตราการเกิดและอัตราการตายจากโรคมะเร็งปากมดลูกได้ ดังนั้น สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กระทรวงสาธารณสุข จึงได้ร่วมกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ จัดทำโครงการนี้ขึ้น โดยกลุ่มเป้าหมายที่จะได้รับบริการคัดกรองมะเร็งปากมดลูกจากโรงพยาบาลที่เข้าร่วมโครงการโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย คือสตรีที่ใช้สิทธิประกันสังคม และสิทธิประกันสุขภาพถ้วนหน้าหรือบัตรทอง ซึ่งสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.) จะเป็นผู้จ่ายเงินชดเชยค่าบริการให้กับโรงพยาบาลแทน สำหรับการคัดกรองด้วยวิธี pap smear สปสช.จะทำการจ่ายเงินชดเชยค่าบริการให้รายละ 250 บาท นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้มีโรงพยาบาลรัฐและเอกชนหลายแห่งเข้าร่วมโครงการนี้และทำให้แรงงานที่มีประกันตนกับสำนักงานประกันสังคมอย่างเช่นคุณกิตติมาก็ได้รับสิทธิตรวจรักษาฟรีด้วยแต่เมื่อคุณกิตติมาได้ให้ข้อเท็จจริงว่า ได้เคยตรวจมะเร็งปากมดลูกที่โรงงานกับหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ของโรงพยาบาลบางกอก 9 อินเตอร์เนชั่นแนล เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2551 และยังเสียค่าใช้จ่าย 199 บาทด้วย ซ้ำเมื่อมาขอตรวจอีกครั้งในเดือนสิงหาคม 2552 กลับมีบันทึกข้อมูลของโรงพยาบาลบางกอก 9 อินเตอร์เนชั่นแนลว่าคุณกิตติมาได้ใช้บริการไปแล้วเมื่อ 18 มีนาคม 2552 อย่างนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ต้องตรวจสอบให้ชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้นว่ามีใครไปแอบใช้สิทธิโดยที่เจ้าตัวไม่รู้หรือไม่มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคได้ทำหนังสือถึงผู้อำนวยการ สปสช. เขตพื้นที่ 13 กรุงเทพมหานครเพื่อให้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงและพิจารณาลงโทษหน่วยบริการที่เบิกงบประมาณค่าใช้จ่ายเป็นเท็จ พร้อมแก้ไขปัญหาและเยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ผู้บริโภคไปเมื่อ 14 กันยายน 2552 และในวันที่ 8 ตุลาคม 2552 สปสช. เขตพื้นที่ 13 ได้มีหนังสือตอบกลับมาว่า สำนักงานฯ ได้ประสานและทำหนังสือถึงคุณกิตติมาให้ไปรับบริการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกได้ที่โรงพยาบาลนวมินทร์ 2 ได้ตามสิทธิ โดยให้โรงพยาบาลนวมิทนร์ 2 เบิกชดเชยบริการกับสำนักงานฯ ได้ ส่วนปัญหาสำคัญคือเรื่องข้อเท็จจริงข้อมูลการเบิกจ่ายนั้น ขณะนี้สำนักงานฯ อยู่ในระหว่างการตรวจสอบการบริการอยู่  

อ่านเพิ่มเติม >

ฉบับที่ 131 พักหรูที่ไหน ได้ร่วมดูแลสังคม

ฉลาดซื้อ ฉบับนี้รีบชิงพาคุณเข้าโรงแรมก่อนใคร ... อย่าเพิ่งเข้าใจผิด ... เราจะพาคุณไปสำรวจระดับความรับผิดชอบต่อสังคมของเครือโรงแรมระดับโลก ในการสำรวจครั้งนี้องค์กรทดสอบระหว่างประเทศ International Consumer Research & Testing (ICRT) ได้ส่งแบบสอบถามไปยังเครือโรงแรมทั้งหมด 10 แห่ง ได้แก่ เครือ ACCOR   BARCELO   CARLSON Worldwide    HILTON   IBEROSTAR   INTERCONTINENTAL   MARRIOTT   RIU    SOL MELÍA และ STARWOOD จากนั้นนำข้อมูลมาประมวลผลร่วมกับข้อมูลจากการสัมภาษณ์และการลงพื้นที่ของทีมสำรวจ และให้คะแนนตามหัวข้อต่อไปนี้   1. นโยบายการกำกับดูแลกิจการ ซึ่งรวมถึงระบบการจัดการเพื่อแสดงความรับผิดชอบของผู้ประกอบการ  การปฏิบัติตามข้อตกลงระหว่างประเทศ การได้รับการรับรองจากองค์กรอิสระในเรื่องความยั่งยืน และการฝึกอบรมพนักงานในเรื่องดังกล่าวด้วย 2. การดูแลพนักงาน เช่น สภาพการทำงาน สิทธิแรงงาน เงินเดือน ชั่วโมงทำงาน นโยบายที่เป็นมิตรต่อพนักงานที่มีครอบครัวแล้ว โอกาสในการพัฒนาตนเอง ความมั่นคงในการจ้างงาน 3. ด้านเศรษฐกิจสังคม ได้แก่ นโยบายการจัดซื้อจัดจ้างอย่างมีจริยธรรม เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และ สนับสนุนเศรษฐกิจชุมชน นโยบายด้านผลกระทบต่อสังคม 4. การดูแลสิ่งแวดล้อม เช่น การใช้น้ำอย่างประหยัดและคุ้มค่า รวมถึงการดูแลสระว่ายน้ำ การประหยัดพลังงาน การใช้พลังงานหมุนเวียน การลดปริมาณขยะ ลดสารเคมีที่ใช้ในการซักผ้าเช็ดตัว ผ้าปูที่นอนฯลฯ รวมถึงการก่อสร้างที่ไม่ทำให้เกิดผลเสียต่อสิ่งแวดล้อม การควบคุมการปล่อยคาร์บอน 5. ความเอาใจใส่ต่อลูกค้า เช่น มีทางลาดสำหรับผู้พิการ อุปกรณ์นำทางสำหรับผู้พิการทางสายตาและผู้พิการทางการได้ยิน เป็นต้น จัดอาหารเพื่อตอบสนองข้อจำกัดทางศาสนาหรือสุขภาพของลูกค้า  และการให้ความรู้กับแขกที่มาพักเรื่องความยั่งยืน 6. การให้ข้อมูลเรื่องความรับผิดชอบต่อสังคม ซึ่งวัดจากการให้ความร่วมมือในการสำรวจครั้งนี้ด้วยการตอบแบบสอบถาม ให้ผู้สำรวจได้เข้าไปสัมภาษณ์ที่สำนักงานใหญ่และที่โรงแรมในคาริบเบียน ยุโรปใต้ และประเทศไทย รวมถึงการเผยแพร่รายงานเรื่องความรับผิดชอบต่อสังคม --------------------------------------------------------------------------------- น้ำหนักในการให้คะแนน การดูแลสิ่งแวดล้อม     ร้อยละ 25การดูแลพนักงาน    ร้อยละ 20ด้านเศรษฐกิจสังคม    ร้อยละ 20ความเอาใจใส่ต่อลูกค้า    ร้อยละ 15นโยบายการกำกับดูแลกิจการ   ร้อยละ 10ข้อมูลเรื่องความรับผิดชอบต่อสังคม  ร้อยละ 10 --------------------------------------------------------------------------------- เครือโรงแรมเหล่านี้อย่างน้อย 5 แห่ง มีโรงแรมที่ตั้งอยู่ในบ้านเราแล้ว เช่น โรงแรม Novotel   Pullman   Mercure  Sofitel  ibis และ all seasons ในเครือ ACCOR โรงแรม Sheraton   Le Meridien   Westin   St.Regis และ Aloft ในเครือ STARWOODโรงแรม InterContinental   Holiday Inn และ Crowne Plaza ในเครือ INTERCONTINENTAL โรงแรม Radisson และ Park Plaza ในเครือ CARLSON Worldwideโรงแรม Conrad และ Hilton ในเครือ HILTON เป็นต้น --------------------------------------------------------------------------------- อันดับ 1  โรงแรมในเครือ Accor     คะแนนรวม 4จำนวนโรงแรม/ที่พักทั้งหมด 3,800 แห่ง ใน 90 ประเทศนโยบายการกำกับดูแลกิจการ    4การดูแลพนักงาน     4ด้านเศรษฐกิจสังคม    4การดูแลสิ่งแวดล้อม     5ความเอาใจใส่ต่อลูกค้า    4 ข้อมูลเรื่องความรับผิดชอบต่อสังคม   5   อันดับ 2  โรงแรมในเครือ Sol Melia     คะแนนรวม 4จำนวนโรงแรม/ที่พักทั้งหมด 350 แห่ง ใน 35 ประเทศนโยบายการกำกับดูแลกิจการ    3การดูแลพนักงาน     4ด้านเศรษฐกิจสังคม    4การดูแลสิ่งแวดล้อม     4ความเอาใจใส่ต่อลูกค้า    3ข้อมูลเรื่องความรับผิดชอบต่อสังคม   5     อันดับ 3  โรงแรมในเครือ Marriott     คะแนนรวม 4จำนวนโรงแรม/ที่พักทั้งหมด 3,600 แห่ง ใน 71 ประเทศนโยบายการกำกับดูแลกิจการ    3การดูแลพนักงาน     4ด้านเศรษฐกิจสังคม    4การดูแลสิ่งแวดล้อม     4ความเอาใจใส่ต่อลูกค้า    3 ข้อมูลเรื่องความรับผิดชอบต่อสังคม   5     อันดับ 4  โรงแรมในเครือ Carlson Worldwide    คะแนนรวม 4จำนวนโรงแรม/ที่พักทั้งหมด 1,070 แห่ง ใน 80 ประเทศนโยบายการกำกับดูแลกิจการ    3การดูแลพนักงาน     4ด้านเศรษฐกิจสังคม    4การดูแลสิ่งแวดล้อม     4ความเอาใจใส่ต่อลูกค้า    3ข้อมูลเรื่องความรับผิดชอบต่อสังคม   4     อันดับ 5  โรงแรมในเครือ InterContinental    คะแนนรวม 4จำนวนโรงแรม/ที่พักทั้งหมด 4,150 แห่ง ใน 100 ประเทศนโยบายการกำกับดูแลกิจการ    3การดูแลพนักงาน     5ด้านเศรษฐกิจสังคม    4การดูแลสิ่งแวดล้อม     3ความเอาใจใส่ต่อลูกค้า    2ข้อมูลเรื่องความรับผิดชอบต่อสังคม   5     อันดับ 6  โรงแรมในเครือ Starwood     คะแนนรวม 4จำนวนโรงแรม/ที่พักทั้งหมด 1,041 แห่ง ใน 100 ประเทศนโยบายการกำกับดูแลกิจการ    3การดูแลพนักงาน     4ด้านเศรษฐกิจสังคม    3การดูแลสิ่งแวดล้อม     5ความเอาใจใส่ต่อลูกค้า    2ข้อมูลเรื่องความรับผิดชอบต่อสังคม   4     อันดับ 7  โรงแรมในเครือ Barcelo     คะแนนรวม 3จำนวนโรงแรม/ที่พักทั้งหมด 186 แห่ง ใน 17 ประเทศนโยบายการกำกับดูแลกิจการ    3การดูแลพนักงาน     3ด้านเศรษฐกิจสังคม    3การดูแลสิ่งแวดล้อม     3ความเอาใจใส่ต่อลูกค้า    3ข้อมูลเรื่องความรับผิดชอบต่อสังคม   5   อันดับ 8  โรงแรมในเครือ Hilton     คะแนนรวม 3จำนวนโรงแรม/ที่พักทั้งหมด 540 แห่ง ใน 78 ประเทศนโยบายการกำกับดูแลกิจการ    3การดูแลพนักงาน     2ด้านเศรษฐกิจสังคม    2การดูแลสิ่งแวดล้อม     3ความเอาใจใส่ต่อลูกค้า    2ข้อมูลเรื่องความรับผิดชอบต่อสังคม   4     อันดับ 9  โรงแรมในเครือ Iberostar     คะแนนรวม 2จำนวนโรงแรม/ที่พักทั้งหมด 100 แห่ง ใน 16 ประเทศนโยบายการกำกับดูแลกิจการ    1การดูแลพนักงาน     1ด้านเศรษฐกิจสังคม    2การดูแลสิ่งแวดล้อม     2ความเอาใจใส่ต่อลูกค้า    2ข้อมูลเรื่องความรับผิดชอบต่อสังคม   4     อันดับ 10  โรงแรมในเครือ Riu     คะแนนรวม 1จำนวนโรงแรม/ที่พักทั้งหมด 100 แห่ง ใน 15 ประเทศนโยบายการกำกับดูแลกิจการ    1การดูแลพนักงาน     1ด้านเศรษฐกิจสังคม    1การดูแลสิ่งแวดล้อม     1ความเอาใจใส่ต่อลูกค้า    1ข้อมูลเรื่องความรับผิดชอบต่อสังคม   1

สำหรับสมาชิก >
ฉลาดซื้อ เก็บแต้มแลกสินค้า300 Point

ฉบับที่ 104 ร้านกาแฟก็ (ต้อง) แคร์สังคม

เรื่องทดสอบ 1 ความเดิมจากตอนที่แล้ว ฉลาดซื้อ ฉบับที่ 103 เอาใจคอกาแฟด้วยการทดสอบ ‘คาเฟอีน’ ในกาแฟเอสเปรสโซ ของร้านกาแฟชื่อดังจำนวน 18 ร้าน พร้อมทั้งเล่าให้ฟังถึงที่มาที่ไปของเมล็ดกาแฟ ก่อนจะกลายมาเป็นกาแฟหอมๆ นอนอุ่นอยู่ในถ้วยให้เราได้ดื่ม นอกจากร้านกาแฟชื่อดังเหล่านี้จะมอบความหอมและรสชาติที่เข้มข้นของกาแฟ มาให้เราได้ดื่มกันแล้ว ฉลาดซื้อยังอยากรู้ลึกเข้าไปอีกว่า ร้านกาแฟเหล่านี้ยังมอบความห่วงใยใส่ใจให้กับสังคมด้วยหรือเปล่า เราจึงส่งแบบสำรวจเรื่องนโยบายความรับผิดชอบต่อสังคม หรือ CSR (Corporate Social Responsibility) ซึ่งก็มีร้านกาแฟใจดีตอบแบบสำรวจกลับมาหาเรา 5 ร้าน   ตารางแสดงนโยบายและแนวปฏิบัติต่อสังคมของร้านกาแฟ *** เชสเตอร์กริล, Au Bon Pian, Caf? Kaldi, ดอยตุง, คอฟฟี่เวิลด์, Segrfredo Sanetti, กาแฟ Suzuki, Mc Caf?, ร้านนายอินทร์, แบล็ค แคนยอน, Caf? Amazon, ดังกิ้น และ Caf? Mezzo ไม่สะดวกในการตอบแบบสำรวจ***   สตาร์บัคส์ คอฟฟี่ (ประเทศไทย) จำกัดสตาร์บัคส์ มีนโยบายปฏิบัติเพื่อสังคม ภายใต้สโลแกนที่ว่า “Shared Planet” ซึ่งเป็นแนวทางในการร่วมสร้างสรรค์สิ่งที่ดีให้กับโลก โดยแบ่งเป็น 3 เรื่องได้แก่ การสรรหาอย่างมีจริยธรรม การลดใช้ทรัพยากรธรรมชาติ และการมีส่วนร่วมในชุมชน ด้านสิ่งแวดล้อม สตาร์บัคส์ได้สนับสนุนให้ลูกค้าหันมาใช้แก้วส่วนตัวเมื่อซื้อกาแฟหรือเครื่องดื่มที่ร้าน โดยในปี 2551 สตาร์บัคส์ประเทศไทย สามารถลดปริมาณแก้วกระดาษและแก้วพลาสติก ได้ถึง 300,000 ใบ การออกแบบตกแต่งร้านให้มีความสอดคล้องและพึ่งพาธรรมชาติมากที่สุด ซึ่งสตาร์บัคส์พยายามสร้างแรงบันดาลใจให้คนอื่นๆ ใส่ใจเรื่องสิ่งแวดล้อมด้วย สตาร์บัคส์ใช้เมล็ดกาแฟทั้งจากที่ผลิตในไทยและนำเข้าจากต่างประเทศ โดยกาแฟในไทยได้มาจากหมู่บ้านห้วยส้มป่อย อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ ภายใต้ชื่อ ‘ม่วนใจ๋ เบลนด์’ สตาร์บัคส์ทำงานร่วมกับองค์กรพัฒนาชาวเขาแบบผสมผสาน (ITDP) ในการเลือกเมล็ดกาแฟ สตาร์บัคส์ ยังให้ความช่วยเหลือแก่เกษตรกรผู้ปลูกกาแฟ ไม่ว่าจะเป็นการรับซื้อโดยตรงจากเกษตรกรผู้ผลิต รับซื้อกาแฟในราคาสูง พร้อมทั้งยังให้ความรู้แก่เกษตรกร ดูแลเรื่องสาธารณสุข และเงินทุนสนับสนุน บ้านไร่กาแฟ (บริษัท ออกแบบไร่นา (ประเทศไทย) จำกัด) บ้านไร่กาแฟรับซื้อวัตถุดิบจากกลุ่มเกษตรที่ได้รับการฝึกอบรม และสามารถส่งวัตถุดิบให้กับโครงการหลวง โดยจะใช้เมล็ดกาแฟที่ผลิตในประเทศไทย จากทางภาคเหนือ เพื่อเป็นการส่งเสริมอาชีพให้กับเกษตรกรรายย่อย โดยคุณภาพของเมล็ดกาแฟจะกำหนดให้อยู่ในระดับตามที่โครงการหลวงเป็นผู้ดูแล สำหรับการให้การสนับสนุนชุมชนท้องถิ่น บ้านไร่กาแฟได้รับเลือกจากสำนักงานการศึกษานอกระบบและตามอัธยาศัย จ.สระบุรี ให้เป็นแหล่งให้ความช่วยเหลือด้านการจัดการศึกษา และสร้างความรู้ให้ชุมชน ส่วนเรื่องการดูแลด้านสิ่งแวดล้อม บ้านไร่กาแฟมีนโยบายการกำจัดขยะ ด้วยการนำเศษพืชผักในร้านอาหารในพื้นที่ อ.หนองแซง จ.สระบุรี จะถูกนำมาหมักเป็นปุ๋ยอินทรีย์เพื่อใช้ในนาข้าว กาแฟวาวี (บริษัท กาแฟวาวี จำกัด) กาแฟวาวีใช้เมล็ดกาแฟที่ผลิตในประเทศไทย จาก ดอยอินทนนท์ ดอยช้าง และดอยหลวง โดยการจัดซื้อจากเกษตรกรรายย่อย พร้อมทั้งยังสนับสนุนให้เกษตรกรใช้ปุ๋ยชีวภาพมากขึ้น เพื่อเป็นการลดการใช้สารเคมีในการกำจัดศัตรูพืช โดยร่วมมือกับทางศูนย์วิจัยและพัฒนากาแฟบนที่ราบสูงเชียงใหม่ในการให้ความ รู้กับเกษตรกร การใส่ใจสิ่งแวดล้อม กาแฟวาวีจะมีการคัดแยกขยะที่สามารถนำไป Recycle เช่น แก้วกาแฟเย็นซึ่งผลิตจากพลาสติก และแก้วกาแฟร้อนที่ผลิตจากกระดาษ เพื่อลดปริมาณขยะ  ทรู คอฟฟี่ (ทรู คอร์ปอเรชั่นส์)ให้กับสนับสนุนและช่วยเหลือสังคม ด้วยการจัดโครงการอมยิ้ม เพื่อช่วยเหลือเด็กๆ ที่มีอาการปากแหว่งเพดานโหว่ ให้มีโอกาสกลับมายิ้มได้เช่นเดียวกับคนปกติ โดยร่วมมือกับมูลนิธิสร้างรอยยิ้ม ผ่าตัดทำศัลยกรรมให้กับเด็กน้อยผู้ด้อยโอกาส และขาดทุนทรัพย์ ทรู จะเริ่มดำเนินโครงการอมยิ้ม ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2552 เป็นต้นไป โดยในอนาคต จะมีกิจกรรมร่วมกันระหว่างพนักงาน และลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ทรู คอฟฟี่ ใส่ใจในเรื่องการให้บริการลูกค้า โดยใช้โครงการอมยิ้มมาเป็นตัวกระตุ้นให้พนักงานใส่ใจในบริการ เพื่อทำให้ลูกค้าเกิดความพึงพอใจ รู้สึกดีจนเกิดรอยยิ้มเมื่อเข้ามาใช้บริการที่ร้าน ก่อนจะเชิญชวนลูกค้าให้มีส่วนร่วมกับโครงการอมยิ้ม กาแฟตุงฮู(ห.จ.ก. ตุงฮูสโตร์)กาแฟตุงฮู เป็นเพียงธุรกิจแบบครอบครัว นโยบายและแนวปฏิบัติต่างๆ จึงยังไม่มีความชัดเจน มีเพียงข้อมูลเรื่องของการเลือกใช้เมล็ดกาแฟ ที่เป็นเมล็ดกาแฟที่ผลิตในประเทศไทย แต่ทางร้านไม่ได้ซื้อจากเกษตรกรโดยตรง “กาแฟบนดอย” ถูกกว่าแถมยังช่วยเกษตรกร ใครที่อยากดื่มกาแฟแท้ๆ สดจากไร่ แถมยังได้ช่วยเหลือเกษตรกร ฉลาดซื้ออยากให้ลองทำความรู้จักกับ “กาแฟบนดอย” กาแฟที่ปลูกโดยชาวบ้านที่รวมกลุ่มกันปลูกและผลิตกาแฟเองโดยไม่ผ่านบริษัท ยักษ์ใหญ่ที่ซื้อเมล็ดกาแฟจากเกษตรกรในราคาถูก เพื่อนำไปผลิตเป็นกาแฟผงพร้อมชงแบบที่เราดื่มอยู่เป็นประจำ การซื้อกาแฟจากคนปลูกทำให้เงินถึงมือเกษตรกรโดยตรง ไม่ต้องผ่านบริษัทนายทุน แถมผู้บริโภคก็จะสามารถซื้อกาแฟได้ในราคาไม่สูงเกินจริง ได้ดื่มกาแฟที่สดใหม่ ปลอดสารเคมี ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมและสนับสนุนเกษตรชุมชน สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมหรือสั่งซื้อกาแฟได้ที่มูลนิธิเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนภาคเหนือ77/1 หมู่ 5 ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ 50200โทร. 053-810623-4 อีเมล : sdf_cn@yahoo.com  ปี 2551 ประเทศไทยมีการส่งออกเมล็ดกาแฟดิบจำนวน 1,662 ตัน มูลค่า 150.9 ล้านบาท ขณะที่มีการนำเข้ากาแฟสำเร็จรูปถึง 2,893 ตัน คิดเป็นเงิน 641.6 ล้านบาท***ที่มา : สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร โดยความร่วมมือของ กรมศุลกากร http://www.oae.go.th/oae_report/export_import/export_result.php ข่าวดีของคอกาแฟนอกจากผลทดสอบปริมาณคาเฟอีนที่เราลงข้อมูลไปเมื่อฉบับที่แล้ว ฉลาดซื้อยังได้รับรายงานผลทดสอบเพิ่มเติมอีกหนึ่งเรื่องว่า กาแฟจากทั้ง 18 ร้านชื่อดังนั้น ไม่พบสารอะฟลาท็อกซินปนเปื้อนมาแต่อย่างใด ทางร้านค้าคงจะมีวิธีการเก็บรักษาที่ดี ทำให้เมล็ดกาแฟไม่เกิดเชื้อราและมีสารพิษอะฟลาท็อกซินปนเปื้อนออกมา เมล็ดกาแฟก็เช่นเดียวกับพืชผลทางการเกษตรอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นถั่วลิสง ข้าว ข้าวโพด พริก ฯลฯ ที่มีโอกาสปนเปื้อนเชื้อราที่ผลิตสารพิษอะฟลาท็อกซินได้ง่าย หากมีการเก็บเมล็ดกาแฟไว้ในที่ที่มีความชื้นสูง

สำหรับสมาชิก >
ฉลาดซื้อ เก็บแต้มแลกสินค้า300 Point

ฉบับที่ 149 การไกล่เกลี่ยคดี ของเยอรมนี: บริบททางสังคมที่ต่างจากประเทศไทย

โดย ดร.ไพบูลย์ ช่วงทอง เครือข่ายนักวิชาการเพื่อผู้บริโภค ประธานอนุกรรมการองค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค ด้านสินค้าและบริการบทความนี้ผมได้แปลและเรียบเรียงมาจากบทความในวารสาร Finanztest  ซึ่งเป็นวารสารสำหรับผู้บริโภคในเรื่องเศรษฐศาสตร์ นิติศาสตร์ และการเงิน ฉบับเดือน มกราคม 2555 เพื่อเสนอเป็นข้อมูลประกอบสำหรับการจัดตั้งศูนย์ไกล่เกลี่ยของ กสทช. ซึ่งเป็นหน่วยงานภาครัฐ ในบทความนี้การไกล่เกลี่ยซึ่งเป็นกระบวนการยุติธรรมทางเลือก ในเยอรมนี ให้การไกล่เกลี่ยเป็นเรื่องของเอกชนครับ (รัฐไม่ได้เข้าไปยุ่งในกระบวนการเหมือนบ้านเรา ที่รัฐต้องยุ่งทุกเรื่อง และก็ยุ่งเป็นยุงตีกัน ท้ายสุดประชาชนไม่ค่อยได้ประโยชน์อะไร และรัฐต้องจัดสรรงบประมาณมาสนับสนุน) การไกล่เกลี่ยข้อพิพาทสามารถดำเนินการได้ไม่ว่าเป็นข้อพิพาทที่เกิดขึ้นในที่ทำงานบริษัท ห้างร้าน และภายในหน่วยงานราชการ ปัจจุบันในเยอรมนีมี พ.ร.บ. ที่ออกมาเพื่อสนับสนุนกระบวนการไกล่เกลี่ย คดีตัวอย่างที่ประสบความสำเร็จ เช่น คดี ครอบครัว เช่นมีคดีหนึ่งที่สามีภรรยา แยกทางกัน และมีข้อพิพาทในประเด็นที่ว่า จะส่งลูกไปเรียนที่โรงเรียนไหน และใครจะดูแลจัดการเรื่องใด เช่นใครจะไปรับไปส่งตอนไหน ใครจะดูแลเรื่องเครื่องแต่งกาย คดีแบบนี้ทางรัฐสนับสนุนให้ใช้การไกล่เกลี่ย เพราะมีรายละเอียดมากสำหรับการที่จะตกลงร่วมกันในการดูแลลูก   กรณีตัวอย่างนี้ใช้เวลาในการไกล่เกลี่ย 12 ครั้งกว่าจะได้ข้อยุติ  ซึ่งการไกล่เกลี่ยจะเป็นผลดีต่อ พ่อ แม่และลูก มากกว่าการฟ้องร้องคดีกัน  การไกล่เกลี่ยที่เกิดขึ้นนี้มีค่าใช้จ่ายสำหรับคู่ความคือ 600 ยูโร(คู่กรณียอมรับว่าเป็นเงินที่คุ้มค่า) โดยปกติราคาสำหรับการไกล่เกลี่ยคดีจะอยู่ระหว่าง 90- 400 ยูโรต่อชั่วโมง (3600 – 16000 บาท) ขึ้นอยู่กับลักษณะคดี  ค่าครองชีพของเมืองที่เกิดคดี และความสามารถและทักษะของผู้ไกล่เกลี่ย ผู้ที่ทำหน้าที่ไกล่เกลี่ยจะเป็นคนกลาง (Mediator) ไม่ได้เสนอคำตอบหรือทางออกสำหรับข้อขัดแย้งหรือข้อพิพาท แต่จะทำหน้าที่เป็นผู้ดำเนินการ (Moderator) ไกล่เกลี่ยให้ดำเนินไปได้อย่างราบรื่น จนกระทั่งคู่กรณีทั้งสองสามารถหาทางออกได้ด้วยตัวเอง คดีที่มีข้อพิพาทกันในครอบครัว ระหว่างเพื่อนบ้าน กรณีพิพาทระหว่างลูกจ้างกับนายจ้าง ธนาคารกับลูกค้า ประชาชนกับเจ้าหน้าที่รัฐ ก็สามารถใช้กระบวนการไกล่เกลี่ยได้ (แต่ไม่ยักมีคดีระหว่างผู้บริโภคกับผู้ประกอบการนะครับ) ในเยอรมนี เป็นเวลากว่า 20 ปีมาแล้ว ที่ใช้การไกล่เกลี่ยแก้ไขข้อพิพาท  จนกระทั่งเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2012 ได้มีการประกาศใช้ พ.ร.บ.ว่าด้วยการไกล่เกลี่ย หลังจากใช้เวลาร่างและพิจารณากฎหมายในสภา bundestag เป็นเวลากว่า 3 ปี พ.ร.บ.นี้จะมีส่วนสนับสนุนการไกล่เกลี่ย ตลอดจนสนับสนุนพัฒนาหลักสูตรการไกล่เกลี่ยให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น “ข้อแนะนำสำหรับการไกล่เกลี่ยคือ คู่กรณีควรมีทนายความของตนเองมาร่วมด้วย ซึ่งจะช่วยให้การรักษาความเป็นกลางของผู้ไกล่เกลี่ยเป็นไปได้ง่ายขึ้น “ มิชาเอล พลาสสมานน์ นักไกล่เกลี่ยและทนายความให้คำแนะนำ การทำงานของผู้ไกล่เกลี่ยควรต้องทำงานเป็นทีมเวิร์ค องค์ประกอบของทีมประกอบด้วยเพศหญิงและเพศชาย นักกฎหมาย และนักการศึกษา ครู อาจารย์ เมื่อคู่กรณีตกลงเข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยแล้ว ก็ต้องรักษาข้อเสนอเป็นความลับทั้งคู่กรณีและผุ้ไกล่เกลี่ย ซึ่งในกรณีที่ไม่สามารถไกล่เกลี่ยได้ ผู้ไกล่เกลี่ยก็สามารถปฏิเสธ การเป็นพยานในชั้นศาลได้ (Zeugnisverweigerungsrecht)   ผู้ไกล่เกลี่ยที่ได้รับการรับรอง (Certified Mediator) ใน พ.ร.บ.ไม่ได้กำหนดวิธีการสอบ หรือหลักสูตรบังคับ แต่จะระบุลักษณะที่พึงปรารถนาของผู้ทำหน้าที่ไกล่เกลี่ยที่ขึ้นทะเบียน เช่น ต้องผ่านการอบรมไม่น้อยกว่า 120 ชั่วโมงสำหรับเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับวิชากฎหมาย ที่เกี่ยวข้องกับการไกล่เกลี่ย เทคนิคการต่อรอง และการสื่อสาร (Verhandlungs- und Kommunikationstechnik) การดำเนินรายการสานเสวนา (Gesprächführung) และการจัดการความขัดแย้ง (Konfliktkompetenz) นอกจากนี้ยังมี เนื้อหาที่เป็นภาคปฏิบัติ โดยที่จะมีระบวนการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ และการตรวจสอบของผู้ไกล่เกลี่ย เพื่อพัฒนาความสามารถของนักไกล่เกลี่ยในระหว่างการฝึกอบรม สหพันธ์การไกล่เกลี่ยข้อขัดแย้ง (www.bmev.de) เป็นองค์กรเอกชนระดับสหพันธรัฐ ที่พัฒนาหลักสูตรการไกล่เกลี่ย สำหรับนักไกล่เกลี่ยมืออาชีพ ข้อดีของการไกล่เกลี่ยคือ เป็นวิธีการระงับข้อพิพาทที่มีราคาถูกสำหรับคู่ความในกรณีที่ มีมูลค่าสูงๆ เช่น คดีมรดก ข้อดี อีกอย่างหนึ่งสำหรับการไกล่เกลี่ยคือ ได้ข้อยุติที่รวดเร็ว เมื่อเปรียบเทียบกับการฟ้องร้องคดีในศาล สำหรับคนเยอรมันเองนั้นนับว่าการไกล่เกลี่ยเป็นกระบวนการยุติธรรมทางเลือกที่น่าสนใจ เพราะคนเยอรมันจะมีประกันความยุติธรรม (Rechtsschtuzversicherung เบี้ยประกันความยุติธรรมจะอยู่ระหว่าง 200- 360 ยูโรต่อปี) ที่บริษัทรับประกันมีกรมธรรม์คุ้มครองลูกค้า ในกรณีที่ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และกระบวนการไกล่เกลี่ยนั้น Rechtschutzversicherung ก็ครอบคลุมค่าใช้จ่ายสำหรับกระบวนการไกล่เกลี่ยด้วย การไกล่เกลี่ยที่ประสบความสำเร็จ คือ การที่คู่กรณีได้ลงนามตกลงในสัญญาไกล่เกลี่ย ซึ่งคู่ความควรจะต้องให้ทนายฝ่ายตนตรวจสอบรายละเอียดอีกครั้งก่อนลงนามในข้อตกลง ในกรณีที่คู่ความฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดผิดสัญญาดังในข้อตกลงดังกล่าว ก็สามารถนำเรื่องฟ้องศาลเพื่อบังคับคดีต่อไปได้

สำหรับสมาชิก >
ฉลาดซื้อ เก็บแต้มแลกสินค้า250 Point