สมาชิกอ่านต่อ...
แหล่งข้อมูล: กองบรรณาธิการ
เรื่องเกี่ยวข้อง: นิตยสารออนไลน์ ผู้บริโภค โทรศัพท์ สมาร์ตโฟน มือถือ
หากโทรศัพท์มือถือหรือแท็บเล็ตที่มีอยู่มันเล็กเกินไปหรือใช้งานได้ไม่สะดวกเท่าที่ควร จนทำให้คุณต้องมองหาอุปกรณ์ชิ้นใหม่มาตอบสนองการใช้ในการเรียน ทำงาน หรือแม้แต่ติดต่อสื่อสารกับพี่น้องเพื่อนฝูง หรืออัปเดตความรู้จากอินเทอร์เน็ตในยามว่าง ฉลาดซื้อฉบับนี้ขอนำเสนอผลทดสอบคอมพิวเตอร์แบบพกพารวมถึงกลุ่ม Chromebook ที่องค์กรทดสอบระหว่างประเทศได้ทำไว้ตั้งแต่ปลายปี 2021 ถึงต้นปี 2022 ในช่วงแรกนี้เราขอเอาใจผู้ใช้ที่เดินทางบ่อย และไม่ต้องการแบกน้ำหนักมากเกินไป จึงขอคัดมาเฉพาะรุ่นเล็กที่มีขนาดระหว่าง 10.5 ถึง 14.2 นิ้ว ทั้งหมด 20 รุ่น ในภาพรวมของการทดสอบเราพบว่าคุณภาพยังต้องแลกมาด้วยราคา และโน๊ตบุ้คทุกวันนี้ก็มีราคาที่ไม่ค่อยเป็นมิตรกับผู้ใช้สักเท่าไรนัก (กลุ่มที่เราเสนอผลทดสอบมีสนนราคาตั้งแต่ 7,900 ถึง 73,900 บาท จากการสำรวจราคาออนไลน์ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2565) แต่หากคุณตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะต้องมีไว้ใช้สักเครื่อง เชิญพลิกหน้าต่อไปเพื่อหารุ่นที่ตรงใจกันได้เลย
เมื่อธุรกรรมหลายๆ อย่างพากันย้ายขึ้นไปบนแพลตฟอร์มอินเทอร์เน็ต หลายคนจึงต้องการมั่นใจว่า “ทีมรักษาความปลอดภัย” ที่ใช้อยู่หรือวางแผนจะใช้นั้นมีประสิทธิภาพแค่ไหน ฉลาดซื้อฉบับนี้ชวนคุณมาดูผลทดสอบโปรแกรมเพื่อความปลอดภัยทางอินเทอร์เน็ต ที่องค์กรทดสอบระหว่างประเทศได้ทำไว้ในช่วงต้นปี 2021 มีทั้งแบบฟรีและแบบเสียเงิน และทั้งที่ใช้กับระบบปฏิบัติการ Mac และ Window คะแนนรวม 100 ได้จากคะแนน 3 ด้านดังนี้ - ร้อยละ 65 ประสิทธิภาพในการคุ้มครองความปลอดภัย (เช่น การตรวจจับและจัดการไวรัสทั้งออนไลน์และออฟไลน์ หรือประสิทธิภาพของฟังก์ชัน anti-phishing เป็นต้น) โปรแกรมที่ใช้คือ WINDOW 10 และ MacOS ในเวอร์ชันที่อัปเดตล่าสุด และในคอมพิวเตอร์ที่ใช้จะต้องมีโปรแกรมอย่าง Adobe Reader, Edge, Internet Explorer 11, Firefox, Chrome, Thunderbird, VLC, และ 7zip ติดตั้งอยู่ด้วย - ร้อยละ 25 ความสะดวกการใช้งาน (เริ่มตั้งแต่ความยากง่ายในการติดตั้ง เวลาที่ใช้ โปรแกรมเสริม รวมถึงอัปเดตและการแจ้งเตือนต่างๆ) เป็นคะแนนจากผู้เชี่ยวชาญ 3 คนที่ใช้โปรแกรมทุกตัว แล้วตอบแบบสอบถาม ให้ความเห็นเกี่ยวกับโปรแกรมต่างๆ - ร้อยละ 10 การไม่สิ้นเปลือง “พื้นที่” ในการติดตั้ง รวมถึงการไม่ทำให้เครื่องทำงานช้า หมายเหตุ โปรแกรมที่เราทดสอบมีทั้งแบบโหลดฟรีและแบบที่ต้องจ่ายเงิน โดยอย่างหลังนั้นราคาจะแตกต่างกันไปตามจำนวนอุปกรณ์และจำนวนปีที่ผู้ใช้เลือก มีตั้งแต่ปีละ 299 บาท (สำหรับอุปกรณ์เดียว) ไปจนถึง 3,750 (ใช้ได้ถึง 7 อุปกรณ์) นอกจากนี้ยังอาจมีโปรโมชันอื่นๆ ที่ทำให้ราคาถูกลงด้วย โปรดตรวจสอบราคาโปรแกรมตามความต้องการอีกครั้งก่อนตัดสินใจ
ภาคต่อจากฉบับที่แล้ว คราวนี้เรามาดูผลทดสอบเปรียบเทียบสมาร์ตวอทช์ที่องค์กรผู้บริโภคของอังกฤษได้ทำไว้ มีให้เลือกกันจุใจถึง 28 รุ่น ที่สนนราคาตั้งแต่ประมาณ 1,400 ถึง 21,500 บาท การทดสอบครั้งนี้แบ่งคะแนนออกเป็น 7 ด้าน - ร้อยละ 25 ประสิทธิภาพ/ความแม่นยำในการนับก้าวขณะเดิน วิ่ง และทำงานบ้านทั่วไป รวมถึงความแม่นยำในการวัดระยะทางและอัตราการเต้นของหัวใจ - ร้อยละ 25 ฟังก์ชันสมาร์ต - ร้อยละ 20 ความสะดวกในการใช้งาน - ร้อยละ 15 ความอึดของแบตเตอรี - ร้อยละ 5 การทำงานของแอปฯ - ร้อยละ 5 รูปลักษณ์ วัสดุที่ใช้ทำตัวเรือน สายรัด ความทนทานของหน้าจอต่อรอยขูดขีด - ร้อยละ 5 ฟีเจอร์ การปรับแต่งได้ตามต้องการ และความเข้ากันได้กับแอปฯ อื่นๆ เช่นเดียวกับฟิตเนสแบนด์ ราคาที่แพงกว่าของนาฬิกาอัจฉริยะไม่ได้รับรองประสิทธิภาพที่เหนือกว่าเสมอไป เราพบว่าหลายรุ่นที่ราคาปานกลางได้คะแนนสูงกว่ารุ่นที่ราคาแพง แต่เรื่องรูปลักษณ์นั้นก็แล้วแต่ความพึงพอใจของผู้สวมใส่ เชิญพลิกหน้าถัดไปเพื่อเลือกสมาร์ตวอทช์ที่ตรงใจคุณได้เลย หมายเหตุ: · ค่าใช้จ่ายในการทดสอบอยู่ที่ไม่ต่ำกว่า 1,800 ยูโร (ประมาณ 66,000 บาท) ต่อหนึ่งตัวอย่าง · ก่อนหน้านี้ฉลาดซื้อเคยเสนอผลทดสอบสมาร์ตวอทช์ไว้ในฉบับที่ 215 และ 177 ท่านสามารถอ่านผลทดสอบย้อนหลังได้ทางออนไลน์ · ราคาที่แสดงเป็นราคาในช่วงต้นเดือนเมษายน 2564 โปรดตรวจสอบอีกครั้งก่อนตัดสินใจ
กลับมาอีกครั้งกับผลการทดสอบเปรียบเทียบสายรัดข้อมือที่ Which? องค์กรผู้บริโภคของอังกฤษ ซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิกขององค์กรทดสอบระหว่างประเทศ (International Consumer Research and Testing) ได้ทำไว้ในช่วงปลายปี 2020 คราวนี้เรามีให้คุณได้เลือก 18 รุ่น ที่สนนราคาระหว่าง 699ถึง 7,290 บาท การทดสอบครั้งนี้แบ่งคะแนนออกเป็น 7 ด้าน - ร้อยละ 45 ประสิทธิภาพ/ความแม่นยำในการนับก้าวขณะเดิน วิ่ง และทำงานบ้านทั่วไป รวมถึงความแม่นยำในการวัดระยะทางและอัตราการเต้นของหัวใจ - ร้อยละ 20 ความสะดวกในการใช้งาน เช่นตั้งค่า เข้าถึงข้อมูล มองหน้าจอได้ชัดในสภาพแสงต่างๆ - ร้อยละ 10 ความอึดของแบตเตอรี โดยวัดจากชั่วโมงการใช้งานหลังชาร์จแบตฯ จนเต็ม - ร้อยละ 10 การทำงานของแอปฯ - ร้อยละ 5 การแจ้งเตือนจากโซเชียลมีเดีย การรับส่งข้อความ รับโทรศัพท์ - ร้อยละ 5 รูปลักษณ์ วัสดุที่ใช้ทำตัวเรือน สายรัด รวมถึงความทนทานของหน้าจอต่อรอยขูดขีด - ร้อยละ 5 ฟีเจอร์ การปรับแต่งได้ตามต้องการ และความเข้ากันได้กับแอปฯ อื่นๆ จากผลทดสอบครั้งนี้พอจะสรุปได้ว่า ราคาไม่ได้บ่งบอกประสิทธิภาพเสมอไป หลายรุ่นที่ราคาปานกลางได้คะแนนดีกว่ารุ่นที่ราคาแพงด้วยซ้ำ ในขณะที่รุ่นที่ราคาต่ำมากๆ ก็มีประสิทธิภาพน้อยตามราคา · ค่าใช้จ่ายในการทดสอบครั้งนี้อยู่ที่ไม่ต่ำกว่า 1,800 ยูโร (ประมาณ 66,000 บาท) ต่อหนึ่งตัวอย่าง · ก่อนหน้านี้ฉลาดซื้อเคยเสนอผลทดสอบ fitness trackers ไว้ในฉบับที่ 168 และ 184 หากสนใจติดตามอ่านย้อนหลังได้ในเล่มออนไลน์ ตลาดอุปกรณ์ fitness trackers ทั่วโลกในปี 2019 มีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 30,410 ล้านเหรียญ และมีการคาดการณ์ว่าจะสูงกว่า 90,000 ล้านเหรียญในปี 2027 อ้างอิงข้อมูลจาก https://www.fortunebusinessinsights.com/fitness-tracker-market-103358
ความคิดเห็น (0)