ฉบับที่ 166 ลบรอยสัก

เขียนเรื่องสักคิ้วไป ก็พบข้อมูลเรื่องการลบรอยสัก ซึ่งน่าสนใจ จึงขอหยิบมานำเสนอเพื่อเป็นข้อมูลสำหรับคนที่ประสงค์จะลบรอยสักออก หรือสำหรับคนที่ยังไม่มีรอยสัก แต่ถ้าคิดจะสักจะได้พึงคิดให้ดีก่อนว่าจะไปสักดีไหม เพราะถ้าสักไปแล้วไม่พอใจอยากเอาลวดลายออกจะได้รู้ว่า ต้องเจอกับอะไร วิธีลบรอยสัก วิธีลบนั้นมีหลากหลาย แบบโหดๆ บ้านๆ คือเปิดผิวหนังบริเวณรอยสัก เพื่อให้เอาสีที่ฝังในชั้นผิวออก เช่น การลบรอยสักด้วยยางพืช ลบด้วยปูนแดง การลบด้วยกรดหรือด่างหรือด้วยสารเคมีแรงๆ หรือแม้แต่ การสักสีที่ใกล้เคียงกับผิวทับลงไป หรือแบบมืออาชีพคือ การผ่าตัดเอาบริเวณที่สักออกแล้วเอาผิวหนังบริเวณอื่นมาปลูกถ่ายแทน ซึ่งรอยสักอาจหายไปได้  แต่ก็แทนที่มาด้วย รอยแผลเป็นแทน(การจางหายหรือภาวะแทรกซ้อนแต่ละวิธีก็มากน้อยต่างกัน) แต่ที่นิยมมากที่สุดเห็นผลดีสุด ณ ปัจจุบัน(เกิดแผลน้อยสุด)  คือ ลบรอยสักด้วยเลเซ...

สมาชิกอ่านต่อ...

250 point

LINE it!

  เรื่องเกี่ยวข้อง: นิตยสารออนไลน์ รอยสัก

ฉบับที่ 165 เพนต์สีคิ้วหรือสไลด์คิ้ว

คราวก่อนว่าด้วยเรื่องการสักคิ้วทั้งแบบถาวรและกึ่งถาวร ซึ่งก่อนตัดสินใจจะไปทำควรต้องศึกษาข้อมูลให้ดี และควรให้ช่างสัก เปลี่ยนเข็มที่ใช้ในการสักเป็นแบบคนต่อคน รวมทั้งทดสอบสีที่ใช้ว่าก่อให้เกิดอาการแพ้หรือไม่ ตัวช่างสักและร้านก็ควรมีสุขอนามัย เพื่อป้องกันการติดเชื้อ สำคัญอาจต้องมองเรื่องฝีมือของช่าง เนื่องจากคนนิยมกันมาก พวกร้านรับทำแต่ฝีมือไม่ถึงจึงมีเยอะตามไปด้วย การสักไม่ว่าจะถาวรหรือกึ่งถาวร แน่นอนว่า “มันเจ็บ” เพราะมีการแทงเข็มเข้าไปในเนื้อตัวของเรา ยิ่งบริเวณคิ้วซึ่งเป็นผิวส่วนที่อ่อนและบาง อาจยิ่งเจ็บมากขึ้น ดังนั้นจึงเกิดเทรนด์ใหม่ในการทำคิ้วให้เข้มสวย ได้รูปทรง ด้วยวิธีการที่เรียกว่า สไลด์คิ้ว หรือ เพนต์สี ซึ่งไม่เจ็บอย่างการสัก สไลด์คิ้ว คือ การเพ้นต์หรือเติมสีให้คิ้วดูสวยเป็นธรรมชาติ คล้ายกับการเขียนคิ้วที่สาวๆ ทำเป็นประจำก่อนออกจากบ้าน โดยการใช้เครื่องมือเพ้นต์ มีลักษณะคล้ายปากการะบายหรือวาดสีสังเคราะห์ลงไปตามแนวคิ้วหรือผิวหนัง บริเวณคิ้วบางๆ เพื่อสร้างความคมชัดให้คิ้วเป็นทรงสวยและมีความเป็นธรรมชาติมากกว่าการสัก วิธีการนี้ เมื่อทำแล้วจะเหมือนเราเขียนคิ้วอยู่ตลอดเวลา แม้แต่เวลาที่หน้าสด คิ้วก็ยังเป็นรูปทรงอย่างที่ลงสีเอาไว้ บางคนก็ว่าดี แต่หลายคนก็รู้สึกว่า หลอกตา ไม่เป็นธรรมชาติ แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับสีที่เลือกในการระบายหรือเพนต์ ซึ่งสามารถแจ้งบอกช่างได้(โดยทั่วไปมักเลือกให้เข้ากับสีผม) สีและทรงคิ้วที่เลือกจะอยู่ได้ประมาณ 2-3 ปี โดยที่สีจะค่อยๆ จางลงเรื่อยๆ เพราะระบายไปแค่ชั้นหนังกำพร้า ข้อดีก็คือ เมื่ออยากเปลี่ยนเทรนด์แฟชั่น สามารถทำได้เพราะเป็นการเขียนคิ้วแบบกึ่งถาวร สไลด์คิ้วจึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ เพราะได้ทั้งคิ้วที่ดูสวยเป็นทรงแบบไม่ต้องมานั่งเขียนทุกเช้าให้เสีย เวลาแล้ว เหมาะกับคนที่ชอบแต่งหน้า และยังไม่ต้องกลัวว่าจะเกิดรอยแผลหรือเจ็บเหมือนกับการสักคิ้ว ทั้งการสักและการสไลด์ จัดเป็นทางเลือกสำหรับคนมีปัญหาคิ้วบาง คิ้วแหว่ง แต่สำหรับสาวๆ ที่ชื่นชอบการแต่งหน้า หากสามารถตกแต่งคิ้วได้เองด้วยดินสอเขียนคิ้วธรรมดาๆ น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด เพราะสามารถเปลี่ยนเทรนด์ได้ในแต่ละวัน เวลาหน้าเปลือยก็ดูธรรมชาติไม่มีคิ้วโดดๆ ให้ดูน่ากลัวหรือไม่น่ามอง ไม่เสียเงินมาก ไม่เจ็บตัวหรือเสี่ยงกับการติดเชื้อโรคอีกด้วย ---------------------------------------------------------------------------- ประโยชน์ของคิ้ว คือป้องกันไม่ให้เหงื่อที่ซึมเกาะหน้าผากเราเวลาร้อนๆ ไหลลงมาเข้าตา ซึ่งอาจก่อให้เกิดอาการระคายเคือง คิ้วจึงเป็นเหมือนเกราะคอยคุ้มกันนัยน์ตา

สำหรับสมาชิก >
ฉลาดซื้อ เก็บแต้มแลกสินค้า250 Point

ฉบับที่ 164 สักคิ้ว จะไปทำดีไหม??

คิ้ว เขาเปรียบเป็นมงกุฎของใบหน้า สตรียุคใหม่จะกังวลกันมากหากตนเองคิ้วบาง หลายคนในกระเป๋าเครื่องสำอางจึงแทบขาดดินสอเขียนคิ้วไม่ได้ เพราะถ้าไม่มีคิ้วแล้วจะขาดความมั่นใจทันที จริงๆ ความงามของคิ้วก็ขึ้นอยู่กับยุคสมัย ดูอย่าง โมนาลิซ่า เธอไม่มีคิ้วยังถูกยกย่องให้เป็นหญิงงาม หรือบางยุคการกันคิ้วให้ดูคมเรียวบางก็จัดว่าเป็นความงามแห่งยุคสมัย สำหรับสาวไทยปัจจุบันไม่มีอะไรจะฮิตเท่า คิ้วหนาๆ แบบสาวเกาหลีอีกแล้ว ยิ่งใหญ่ ยิ่งหนา เขาว่าทำให้ใบหน้าดูเด็กลง บวกกับเทคนิคการสักคิ้วในปัจจุบัน ก็ก้าวหน้าไปมาก ไม่ทำให้ดูหลอกตาแบบสมัยก่อนที่พอสักคิ้วดำปื้นไปแล้ว ปรากฏว่า คนที่ไปสักคิ้วถาวรมาต้องทนมีคิ้วแบบนั้นกันไปนานมาก แก้ไขยาก จนแลดูประหลาดทำให้ดูน่ากลัวมากกว่าน่ามอง การสักคิ้วยุคใหม่นั้น มีให้เลือกทั้งแบบสักถาวร สักกึ่งถาวร และแบบเพนต์หรือสไลด์คิ้ว ซึ่งไม่ได้ฝังสีลงไปใต้ชั้นผิวหนังเหมือนการสักทั่วไป แต่เป็นลักษณะระบายสีไปที่คิ้วมากกว่า(แต่ติดทนกว่าการเขียนคิ้ว) ฉลาดซื้อเห็นว่า การสักคิ้วกำลังมาแรง เลยจะขอพาคุณผู้อ่านไปท่องโลกของการสักคิ้วกันบ้าง เผื่อใครสนใจจะไปทำ จะได้มีข้อมูลไว้ตัดสินใจ การสักคิ้ว สักคิ้วก็เหมือนการสักลวดลายบนผิวหนังบริเวณอื่นของร่างกาย คือการใช้เข็มแทงเข้าไปในผิวหนัง เพื่อนำหมึกสีลงสู่เนื้อเยื่อและสะสมไว้บริเวณนั้น สักคิ้วมีขึ้นก็เพื่อช่วยให้คิ้วได้รูปและมีสีที่เข้มจนเห็นเป็นทรงคิ้วที่ชัดเจน เพื่อแก้ไขปัญหากวนใจสำหรับคนที่มีคิ้วบางหรือคิ้วแหว่ง สักคิ้วจะมีทั้งแบบ สักถาวรและกึ่งถาวร สักคิ้วถาวรข้อดีคือ ทำแล้วคงกระพันถาวรสมชื่อ ถ้าได้รูปทรงสวยงามแล้ว คุณก็ไม่ต้องเขียนคิ้วอีก แม้เวลาหน้าเปลือยคิ้วก็ยังเด่นออกหน้าออกตา แต่มันจะดูไม่เป็นธรรมชาติเอามากๆ และไม่อาจเปลี่ยนเทรนด์ได้ เพราะลงสีแบบถาวรไปแล้ว ยิ่งถ้าทำมาแล้วไม่สวย ไม่เท่ากันสองข้าง ฯลฯ หากจะแก้ไขต้องทำเลเซอร์ลบออกเท่านั้น หรือใช้การเพนต์คิ้วช่วยบดบังความไม่น่ามอง ดังนั้นสักคิ้วถาวรจึงลดความนิยมลงไป แต่ราคาไม่แพง อันนี้คือจุดขาย ยุคนี้กำลังฮิต สักคิ้ว 3 มิติ 6 มิติ หรือแม้แต่ 8 มิติ จริงๆ ก็คือแบบเดียวกัน(6 มิติ 8 มิติเอาไว้เรียกเพิ่มราคา อาจเพิ่มลูกเล่นเข้าไปนิดหน่อย) สักคิ้ว 3 มิติ เป็นการสักคิ้วกึ่งถาวร เพียงแต่วิธีการสักจะทำให้คิ้วดูเป็นธรรมชาติมากกว่าการสักธรรมดา โดยจะสักให้เป็นเส้นๆ เสมือนว่ามีขนคิ้วจริง คือให้ดูเหมือนว่า เราได้เพิ่มเส้นขนคิ้วลงในแนวขนคิ้วเดิม (คล้ายการวาดภาพเหมือนหน้าคนในกระดาษ แต่สัก 3 มิติคือวาดลงบนคิ้วคนจริงด้วยเครื่องสัก) ข้อดีของการสักแบบนี้คือ ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น สามารถเปลี่ยนทรงได้บ้างโดยการเขียนคิ้วเพิ่มเติม สักคิ้ว 3 มิติ จะอยู่ได้นานประมาณ 3 ปี สีจะเริ่มจางลงไปเรื่อยๆ ซึ่งบางคนก็อาจรู้สึกมีปัญหาขึ้นมาอีกเมื่อคิ้วที่สักมามีสีไม่กลืนกับสีของขนคิ้วจริง(สีด่าง) จนดูหลอกตา และงานสักคิ้ว 3 มิติ ราคาแพงกว่าสักคิ้วถาวรนะคะ เพราะคนสักเขาถือว่าต้องใช้ฝีมือมากกว่า ละเอียดกว่าการสักถาวร ---------------------------------------------------------------------------------------- ข้อดีของการสักคิ้ว คิ้วสวยได้รูปทรง แก้ไขจุดบกพร่อง คิ้วบาง, คิ้วแหว่ง, คิ้วตก ประหยัดเวลาในการแต่งหน้า ไม่ต้องเสียเวลากับการเขียนคิ้วอีก ไม่ต้องแต่งหน้ามากถ้าหากมีโครงคิ้ว สวยเข้ม เพียงแต่งหน้าเบาๆ ก็เอาอยู่   ข้อเสียของการสักคิ้ว เจ็บ เพราะต้องใช้เข็มแทงเข้าผิวหนัง แต่สักแบบกึ่งถาวรหรือ 3 มิติ จะเจ็บน้อยลงหน่อย แต่ก็ขึ้นกับสภาพของผิวแต่ละคน มีโอกาสแพ้เนื่องจากสีที่ใช้ หรือเกิดแผลอักเสบ และมีโอกาสติดเชื้อหากใช้เข็มไม่สะอาดหรือใช้เข็มร่วมกับผู้อื่น เพราะต้องแทงเข็มเข้าไปในชั้นผิวหนังหรือเนื้อเยื่อของร่างกาย สักถาวร เปลี่ยนทรงคิ้วไม่ได้อีกเลย และถ้ามีปัญหาจะแก้ไขยาก ต้องทำเลเซอร์ลบเท่านั้น สักกึ่งถาวร หรือ 3 มิติ สีจะติดอยู่เฉลี่ย 3 ปี ถ้าอยากจะเปลี่ยนทรงคิ้วใหม่ จะไม่สามารถทำได้ทันทีนอกจากเขียนเพิ่มด้วยดินสอ สัก 3 มิติความคงทนของลายเส้น ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล เนื่องจากเป็นการสักลงบนผิวหนังชั้นหนังแท้ไม่ถึงเนื้อเยื่อ งานสักเป็นงานช่างฝีมืออย่างหนึ่ง ถ้าเลือกไม่ดีเจอช่างไม่เก่ง งานเข้านะคะ โอกาสคิ้วไม่สวยมีเยอะ ต้องเลือกให้ดี ยังมีการทำคิ้วให้สวยเข้ม สวยนานอีกแบบ โดยไม่เจ็บตัวมากอย่างการสัก เรียกว่า การเพนต์สีหรือสไลด์คิ้ว คราวหน้ามาติดตามกันค่ะ

สำหรับสมาชิก >
ฉลาดซื้อ เก็บแต้มแลกสินค้า250 Point

ฉบับที่ 163 สิ่งที่ควรระวังจากการนวดหน้า

ปัจจุบันการเข้าสปาหรือร้านเสริมสวยเพื่อนวดหน้า นวดตัว เป็นเรื่องที่ใครหลายคนนิยมชมชอบ เพราะการนวดนั้นมีประโยชน์ โดยเฉพาะเรื่องการทำให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย ช่วยให้ร่างกายคลายจากอาการล้า อาการเครียด ที่เกิดจากกล้ามเนื้อตึงได้ดี จนบางคนอาจมีอาการ “ติด การนวดได้ การนวดนั้นหากแบ่งประเภทก็คงมีอยู่สองลักษณะ คือ การนวดเพื่อรักษาหรือบรรเทาอาการ กับการนวดเพื่อความงาม กล่าวเฉพาะนวดหน้า ส่วนใหญ่ที่ให้บริการกันอยู่ในปัจจุบันจะเน้นเรื่องความงามเป็นหลัก มีทั้งโฆษณาว่าทำให้หน้าเด็ก หน้าเรียว หน้าใส ซึ่งมีส่วนจริงถ้าสถานบริการนั้นมีการนวดที่ถูกต้อง และไม่ใช้สารเคมีที่อาจเป็นอันตรายกับผิวหน้าอันบอบบางของเรา ประโยชน์ของการนวดหน้าคือ ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือดให้มาเลี้ยงบริเวณใบหน้าได้ดีขึ้น จึงทำให้ใบหน้าดูสดใส อ่อนวัย ลดริ้วรอย และลดการหมองคล้ำของใบหน้าได้ดี นอกจากนี้ยังเป็นการคลายเครียดบริเวณผิวหน้าได้ด้วย ซึ่งในขั้นตอนการนวดหน้ามักมีการนำเครื่องสำอางหรือสมุนไพรมาใช้ร่วมด้วย กรณีต้องการให้ผิวหน้านุ่มมักใช้ครีมน้ำนมหรือโลชั่น เพราะน้ำที่อยู่ในส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์จะซึมเข้าสู่เซลล์ของผิวพรรณ ทำให้เซลล์เต่งตัวขึ้นหรือพองขึ้นชั่วระยะเวลาหนึ่งถึงสองวัน การพองตัวของเซลล์ทำให้ผิวพรรณบนใบหน้าดูอิ่มเอิบ แต่ไม่ถาวร เมื่อส่วนน้ำออกจากเซลล์ก็จะกลับสู่สภาพผิวเดิม กรณีต้องการให้หน้าขาว มักใช้สารประเภท กรดผลไม้ Nicotinamide, Abutin, Licorice, Kojic ซึ่งสถานบริการที่ดีจะไม่ใช้สารเคมีที่แรงเกินไป เพราะผิวแต่ละคนมีความไวไม่เหมือนกัน แต่หากโชคร้ายเจอสถานบริการไม่รับผิดชอบกะเอาแค่หน้างานดี มักใช้สารเคมีชนิดแรง ก่อให้เกิดผลเสียต่อใบหน้าได้   มีหลายคนทีเดียว ที่พบอาการภายหลังจากการนวดหน้า ที่ทำให้รู้สึกว่า “ไม่น่าเลย” เริ่มตั้งแต่เบาะๆ คือ 1.เป็นสิว อาจเกิดเนื่องจากแบคทีเรียในสมุนไพรที่เตรียมไม่ดี หรือจากการอุดตันของครีมที่ใช้ 2.เกิดฝ้าบนใบหน้าเนื่องจากผิวบางลงจากการใช้สารจำพวกกรดอ่อน ทำให้ผิวไวต่อแดดและเป็นฝ้าได้ง่าย 3.หน้าด่าง การใช้กรดอ่อน กรดผลไม้ หรือสารเคมีที่เข้มข้นร่วมกับการนวดหน้า เพื่อให้ขาวใส บางทีอาจกลายเป็นผลร้าย ก่อให้เกิดอาการหน้าด่างแทน  และหากดูแลไม่ดีอาจกลายเป็นรอยด่างถาวร 4.แพ้สารเคมีที่นำมาใช้ร่วมกับการนวดหน้า พบบ่อยๆ คือ อาการคัน หน้าบวม มีผื่นแดง หรือตาบวม กรณีคัน ไม่ควรเกาจนเกิดเป็นแผล จะยิ่งก่อความเสียหายควรปรึกษาแพทย์เพื่อรักษาอาการ อันตรายอีกรูปแบบหนึ่งจากการนวดหน้า คือ วิธีการนวด การนวดหน้าที่ใช้แรงมากเกินไปจะไปกระตุ้นให้เกิดฝ้าบนใบหน้าได้ โดยเฉพาะผิวหน้าบริเวณรอบดวงตาและโหนกแก้ม รวมทั้งอาจทำให้เกิดอาการช้ำบนผิวหน้าได้ รักจะนวดหน้าต้องระวังสิ่งที่กล่าวมาด้วยนะคะ

สำหรับสมาชิก >
ฉลาดซื้อ เก็บแต้มแลกสินค้า250 Point

ฉบับที่ 162 เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ทำให้หน้าอกหย่อนยานจริงหรือไม่

เต้านมหรือหน้าอก เป็นอวัยวะที่แสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้หญิง ใครมีหน้าอกเต่งตึงได้รูปสวย แน่นอนว่าจะภูมิใจเป็นพิเศษ แต่ถ้าใครมีน้อยหรือว่าเริ่มจะหย่อนคล้อย ก็ดูจะเดือดเนื้อร้อนใจอยู่ จนหลายคนต้องพึ่งพามีดหมอทำศัลยกรรมให้สวยสมใจ สาเหตุแห่งความไม่เที่ยงของเต้านมนั้น มีหลายประการ แต่ไม่น่าเชื่อเลยว่า หลายคนยังมีความเชื่อว่า การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่นั้น อาจเป็นสาเหตุให้หน้าอกหย่อนคล้อยลงได้ ซึ่งนับเป็นมายาคติที่เป็นอุปสรรคหนึ่งในการรณรงค์เรื่องการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ระดับนานาชาติกันเลย  ความเชื่อนี้เกิดจากความไม่รู้ จนทำให้เกิดความกลัวไปก่อน ดังนั้นคราวนี้เราจะมาคุยเรื่อง “เต้า” กันล่ะนะ จะได้เลิกเชื่อผิดๆ กันเสียที ถ้าคุณผู้หญิงท่านใดเชื่อว่า การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่จะทำให้เต้านมหย่อนยาน ขอบอกเลยว่า คุณต้องตัดไฟแต่ต้นลมด้วยการไม่พยายามมีลูกไปเลยถึงจะถูกต้อง เพราะสาเหตุที่ทำให้เต้านมขยายตัวและเปลี่ยนรูปร่าง คือการที่คุณตั้งครรภ์ ไม่เกี่ยวกับการให้นม เพราะไม่ว่าคุณจะให้ลูกดูดนมจากเต้าหรือไม่ เมื่อเวลาผ่านไปสักระยะเต้านมที่ขยายตัวเต็มที่ในช่วงของการตั้งครรภ์(และให้นม) ก็จะค่อยๆ ฟุบลงไปเอง สิ่งนี้มันเป็นไปตามกลไกธรรมชาติ ผลการวิจัย* พบว่า การให้นมลูกไม่ใช่ปัจจัยที่ทำให้นมยานแต่อย่างใด แต่สาเหตุที่แท้จริงคือ ขนาดของหน้าอกที่ขยายและการบีบตัวของต่อมน้ำนมขณะตั้งครรภ์ต่างหากที่ส่งผลให้เต้านมมีการเปลี่ยนแปลง   ผลการวิจัยสรุปไว้ว่า ปัจจัยสำคัญ ที่ทำให้หน้าอกหย่อนคล้อย ได้แก่ 1. อายุ เวลาที่ผ่านเลยไปทำให้คอลลาเจนและอีลาสติน ที่ช่วยพยุงให้หน้าอกเต่งตึง จะเสื่อมลงไปเรื่อยๆ 2. น้ำหนักตัวที่ลดลงแบบฮวบฮาบ มากกว่า 50 ปอนด์ (ประมาณ 20 กก.) ไขมันที่สูญเสียไปอย่างรวดเร็ว คือไขมันช่วงเต้านมที่จะหายไปเป็นอันดับแรก 3. ค่า BMI สูง (น้ำหนักไม่สมดุลกับส่วนสูง) 4. หน้าอกใหญ่ จะหย่อนคล้อยไวกว่าหน้าอกเล็ก อันนี้เป็นผลจากแรงโน้มถ่วงของโลก 5. การตั้งครรภ์ ยิ่งมีลูกหลายคนยิ่งเพิ่มโอกาสที่ทำให้หน้าอกเกิดการเปลี่ยนแปลงได้มาก(ยืดๆ ยุบๆ) ให้นึกถึงสภาพของถุงเท้าที่ถอดเข้าถอดออกบ่อยๆ ย่อมย้วยเป็นธรรมดา 6. มีประวัติสูบบุหรี่ สารเคมีบางอย่างในบุหรี่ไปทำลายอีลาสตินในผิว ส่งผลให้หน้าอกคล้อยลง   นมแม่ดีที่สุด เมื่อคิดจะมีลูกแล้ว การให้นมลูกเป็นเรื่องสำคัญที่ผู้หญิงควรจะคำนึงถึงเป็นอันดับแรก เพื่อสุขภาพที่ดีของลูก การดูแลเรื่องอาหารการกิน การออกกำลังกาย ช่วยแก้ไขปัญหาเรื่องหน้าอกคล้อยได้ส่วนหนึ่ง ดังนั้นอย่าไปมัวกังวลว่าให้นมลูกแล้วหน้าอกจะหย่อนคล้อย ซึ่งมันไม่เป็นความจริง ได้โปรดรับทราบทั้งคุณพ่อและคุณแม่นะคะ   --------------------------------------------------------------------------------------------------------- เรื่องจริงของหน้าอก 1.หน้าอกของคุณผู้หญิงแทบไม่ต้องบำรุงรักษาอะไรเลย มันจะยังคงมีสุขภาพดีและเซ็กซี่ได้โดยแค่อย่าไปยุ่งกับมันมากเท่านั้น 2.การออกกำลังกายจะช่วยกระชับหน้าอกของคุณ แต่ไม่ช่วยทำให้ใหญ่ขึ้น 3.หน้าอกไม่ชอบจ็อกกิ้ง! ดังนั้นควรสวมสปอร์ตบรา หรือควรเลี่ยงไปออกกำลังกายด้วยวิธีอื่น เช่น เดินเร็วหรือแอโรบิก 4.หน้าอกข้างซ้ายของผู้หญิงมักจะมีขนาดใหญ่กว่าข้างขวา เหมือนกับมือ เท้า น้อยมากที่จะเจอผู้หญิงที่มีขนาดหน้าอกสองข้างเท่ากันเป๊ะ 5.หน้าอกของผู้หญิงมีสิทธิขยายได้จนถึงอายุ 20 กว่าๆ แต่มันจะขยายได้เร็วที่สุดในช่วงเป็นวัยรุ่น และเมื่อมันขยายเต็มที่ที่ควรจะเป็นแล้ว มันก็จะไม่ขยายใหญ่ขึ้นอีก ยกเว้นแต่คุณจะอ้วนขึ้น ท้อง หรือ รับประทานฮอร์โมน   *ที่มา http://www.phdinparenting.com/2010/04/04/sagging-breasts-whats-to-blame/

สำหรับสมาชิก >
ฉลาดซื้อ เก็บแต้มแลกสินค้า250 Point

ความคิดเห็น (0)