ฉบับที่ 132 หนังศีรษะแห้งและคัน เกาจนผมร่วง?

  หนังศีรษะประกอบไปด้วยเซลล์ผิวหนังปกติซึ่งจะมีการผลัดเปลี่ยนเซลล์ผิวใหม่ทุกๆ 28 วัน เซลล์เก่าที่ตายแล้วจะถูกผลัดออกไป แต่ถ้าผิวหนังแห้งและใช้ชีวิตประจำวันในห้องปรับอากาศที่เย็นและมีความชื้นต่ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อหนังศีรษะได้รับเคมีรุนแรงเป็นประจำ เช่น น้ำยาดัดผม น้ำยาโกรกสีผม แชมพูแรงๆ รวมทั้งผลิตภัณฑ์อื่นๆ บนเส้นผมและหนังศีรษะ หนังศีรษะจะถูกกระทบมากทำให้แห้งและทำให้มีการเร่งผลัดเซลล์ผิวในอัตราเร็วกว่าปกติ เซลล์ที่ตายแล้วที่ถูกผลัดออกจะสะสมเป็นกลุ่มก้อนหนาๆ สังเกตได้เวลาหวีผมหรือเกา จะหลุดออกเป็นเกร็ดขาวๆ ซึ่งเรียกกันทั่วไปว่า ‘รังแค’ นั่นเอง อาการคันศีรษะมักจะตามมาเนื่องจากการสะสมของรังแคเหล่านี้ ซึ่งพบเห็นง่ายตามปกเสื้อ การสะสมของรังแคยังมีผลไปอุดรูขุมขนของเส้นผม ทำให้น้ำมันจากต่อมไขมันที่รากผมไม่สามารถระบายออกมาได้ ยิ่งทำให้หนังศีรษะขาดน้ำมันหล่อลื่นและแห้งคันมากยิ่งขึ้นอีกด้...

สมาชิกอ่านต่อ...

250 point

LINE it!

ฉบับที่ 166 ลบรอยสัก

เขียนเรื่องสักคิ้วไป ก็พบข้อมูลเรื่องการลบรอยสัก ซึ่งน่าสนใจ จึงขอหยิบมานำเสนอเพื่อเป็นข้อมูลสำหรับคนที่ประสงค์จะลบรอยสักออก หรือสำหรับคนที่ยังไม่มีรอยสัก แต่ถ้าคิดจะสักจะได้พึงคิดให้ดีก่อนว่าจะไปสักดีไหม เพราะถ้าสักไปแล้วไม่พอใจอยากเอาลวดลายออกจะได้รู้ว่า ต้องเจอกับอะไร วิธีลบรอยสัก วิธีลบนั้นมีหลากหลาย แบบโหดๆ บ้านๆ คือเปิดผิวหนังบริเวณรอยสัก เพื่อให้เอาสีที่ฝังในชั้นผิวออก เช่น การลบรอยสักด้วยยางพืช ลบด้วยปูนแดง การลบด้วยกรดหรือด่างหรือด้วยสารเคมีแรงๆ หรือแม้แต่ การสักสีที่ใกล้เคียงกับผิวทับลงไป หรือแบบมืออาชีพคือ การผ่าตัดเอาบริเวณที่สักออกแล้วเอาผิวหนังบริเวณอื่นมาปลูกถ่ายแทน ซึ่งรอยสักอาจหายไปได้  แต่ก็แทนที่มาด้วย รอยแผลเป็นแทน(การจางหายหรือภาวะแทรกซ้อนแต่ละวิธีก็มากน้อยต่างกัน) แต่ที่นิยมมากที่สุดเห็นผลดีสุด ณ ปัจจุบัน(เกิดแผลน้อยสุด)  คือ ลบรอยสักด้วยเลเซอร์ ซึ่งถึงจะพูดแบบนี้แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย การลบรอยสักด้วยเลเซอร์ อาศัยหลักการปล่อยพลังงานเลเซอร์ผ่านผิวหนัง(ที่มีรอยสัก) ด้านบนลงไปสู่เม็ดสีที่อยู่ใต้ผิวหนังด้านล่าง แล้วเลเซอร์จะทำให้เม็ดสีของรอยสักนั้นแตกออก จากนั้นเม็ดเลือดขาวของร่างกายก็จะมาเก็บเม็ดสีที่แตกนั้นไป โดยที่ผิวหนังด้านบนนั้นยังปกติและปลอดภัย เครื่องเลเซอร์ที่มีใช้ในเมืองไทย ส่วนใหญ่ที่จะนำมาเพื่อการกำจัดเม็ดสีที่เกิดการการสักนั้นอยู่ในกลุ่มของ Q-Switch หรือการยิงพลังงานในช่วงระยะเวลา 1 ใน 1 พันล้านวินาที (nanosecond) ซึ่งแตกต่างกันไปในส่วนของแหล่งการให้ความยาวคลื่นแสงจำเพาะที่เป็นตัวกำหนด เม็ดสีเป้าหมาย ดังนั้นเครื่องเลเซอร์เครื่องเดียวอาจจะกำจัดเม็ดสีได้ไม่ครบทุกสี เมื่อยิงเลเซอร์ไปยังเม็ดสีเป้าหมายแล้ว เม็ดสีจะเกิดการแตกตัว มีขนาดเล็กลง ทำให้เม็ดเลือดขาวสามารถเก็บกินได้ง่ายขึ้น “โดยทั่วไปการลบรอยสักนั้น แพทย์จะคุยกับคนไข้ก่อนว่า ลบครั้งเดียวไม่หายหมด เนื่องจากรอยสัก แต่ละสีต้องใช้เลเซอร์ต่างเครื่องในการลบ ไม่สามารถลบรอยสัก ได้ทุกสีในเครื่องเดียวกัน ดังนั้นคนไข้ที่สักหลายสี จำเป็นต้องใช้หลายเครื่องมาลบ สีที่ลบง่ายจะเป็นสีดำ สีเขียว แต่ที่ลบยากคือ สีแดง สีเหลือง และสีส้ม ยิ่งในระยะหลังเริ่มหันมานิยมการสักสีเนื้อ หรือสีออกขาวกัน ซึ่งจะลบยากขึ้น โดยเฉลี่ยหากลบเพียงสีเดียวจะอยู่ที่ 5-8 ครั้ง และจะทำทุกๆ 1-2 เดือน เนื่องจากการยิงเลเซอร์แต่ละครั้ง จะเกิดแผลเป็นรอยดำที่ผิวหนัง ซึ่งการหายนั้นขึ้นอยู่กับลักษณะและตำแหน่งของแผล อาจจะมีความไม่สม่ำเสมอของสีผิวที่ลบได้ เพราะเลเซอร์จะไปโดนสีผิวจริงๆ ทำให้โอกาสที่ผิวจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมก่อนการสักนั้น ทำได้ค่อนข้างยาก” (ผศ.พญ.รังสิมา วณิชภักดีเดชา)* ถ้าคุณมีรอยสักแล้วต้องการลบออก ไม่ว่าจะด้วยวิธีใด ควรไปปรึกษาแพทย์ผิวหนังที่ชํานาญ อย่าได้ไปรักษาเอง หรือรักษากับผู้ที่ไม่ใช่แพทย์เป็นอันขาด รอยสักนั้นก็เหมือนประสบการณ์ที่ยากจะทำลาย ดังนั้นคิดให้ดีก่อนทำ เรื่องต้องรู้เมื่อไปลบรอยสัก 1.ขนาดของรอยสักไม่ได้มีผลเท่ากับสีที่ใช้ 2.รอยสักที่นิ้วและข้อเท้า จะแก้ไขได้ยากกว่าก้น ขา หรือหน้าอก 3.บริเวณหลัง หน้าอก หลังลบมักเกิดแผลเป็นง่ายกว่าส่วนอื่น 4.ตำแหน่งใกล้ตา การใช้เลเซอร์ลบอาจเป็นอันตรายต่อจอประสาทตาจนสูญเสียการมองเห็นได้ 5.สักโดยมืออาชีพหรือใช้เครื่องจะลบไม่ยากเท่าการสักของพวกมือสมัครเล่น *ข้อมูล ไม่ง่าย! ลบรอยสักด้วยเลเซอร์ โดย ผศ.พญ.รังสิมา วณิชภักดีเดชา  วันที่ 17 กรกฎาคม 2556 http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9560000087195

สำหรับสมาชิก >
ฉลาดซื้อ เก็บแต้มแลกสินค้า250 Point

ฉบับที่ 165 เพนต์สีคิ้วหรือสไลด์คิ้ว

คราวก่อนว่าด้วยเรื่องการสักคิ้วทั้งแบบถาวรและกึ่งถาวร ซึ่งก่อนตัดสินใจจะไปทำควรต้องศึกษาข้อมูลให้ดี และควรให้ช่างสัก เปลี่ยนเข็มที่ใช้ในการสักเป็นแบบคนต่อคน รวมทั้งทดสอบสีที่ใช้ว่าก่อให้เกิดอาการแพ้หรือไม่ ตัวช่างสักและร้านก็ควรมีสุขอนามัย เพื่อป้องกันการติดเชื้อ สำคัญอาจต้องมองเรื่องฝีมือของช่าง เนื่องจากคนนิยมกันมาก พวกร้านรับทำแต่ฝีมือไม่ถึงจึงมีเยอะตามไปด้วย การสักไม่ว่าจะถาวรหรือกึ่งถาวร แน่นอนว่า “มันเจ็บ” เพราะมีการแทงเข็มเข้าไปในเนื้อตัวของเรา ยิ่งบริเวณคิ้วซึ่งเป็นผิวส่วนที่อ่อนและบาง อาจยิ่งเจ็บมากขึ้น ดังนั้นจึงเกิดเทรนด์ใหม่ในการทำคิ้วให้เข้มสวย ได้รูปทรง ด้วยวิธีการที่เรียกว่า สไลด์คิ้ว หรือ เพนต์สี ซึ่งไม่เจ็บอย่างการสัก สไลด์คิ้ว คือ การเพ้นต์หรือเติมสีให้คิ้วดูสวยเป็นธรรมชาติ คล้ายกับการเขียนคิ้วที่สาวๆ ทำเป็นประจำก่อนออกจากบ้าน โดยการใช้เครื่องมือเพ้นต์ มีลักษณะคล้ายปากการะบายหรือวาดสีสังเคราะห์ลงไปตามแนวคิ้วหรือผิวหนัง บริเวณคิ้วบางๆ เพื่อสร้างความคมชัดให้คิ้วเป็นทรงสวยและมีความเป็นธรรมชาติมากกว่าการสัก วิธีการนี้ เมื่อทำแล้วจะเหมือนเราเขียนคิ้วอยู่ตลอดเวลา แม้แต่เวลาที่หน้าสด คิ้วก็ยังเป็นรูปทรงอย่างที่ลงสีเอาไว้ บางคนก็ว่าดี แต่หลายคนก็รู้สึกว่า หลอกตา ไม่เป็นธรรมชาติ แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับสีที่เลือกในการระบายหรือเพนต์ ซึ่งสามารถแจ้งบอกช่างได้(โดยทั่วไปมักเลือกให้เข้ากับสีผม) สีและทรงคิ้วที่เลือกจะอยู่ได้ประมาณ 2-3 ปี โดยที่สีจะค่อยๆ จางลงเรื่อยๆ เพราะระบายไปแค่ชั้นหนังกำพร้า ข้อดีก็คือ เมื่ออยากเปลี่ยนเทรนด์แฟชั่น สามารถทำได้เพราะเป็นการเขียนคิ้วแบบกึ่งถาวร สไลด์คิ้วจึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ เพราะได้ทั้งคิ้วที่ดูสวยเป็นทรงแบบไม่ต้องมานั่งเขียนทุกเช้าให้เสีย เวลาแล้ว เหมาะกับคนที่ชอบแต่งหน้า และยังไม่ต้องกลัวว่าจะเกิดรอยแผลหรือเจ็บเหมือนกับการสักคิ้ว ทั้งการสักและการสไลด์ จัดเป็นทางเลือกสำหรับคนมีปัญหาคิ้วบาง คิ้วแหว่ง แต่สำหรับสาวๆ ที่ชื่นชอบการแต่งหน้า หากสามารถตกแต่งคิ้วได้เองด้วยดินสอเขียนคิ้วธรรมดาๆ น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด เพราะสามารถเปลี่ยนเทรนด์ได้ในแต่ละวัน เวลาหน้าเปลือยก็ดูธรรมชาติไม่มีคิ้วโดดๆ ให้ดูน่ากลัวหรือไม่น่ามอง ไม่เสียเงินมาก ไม่เจ็บตัวหรือเสี่ยงกับการติดเชื้อโรคอีกด้วย ---------------------------------------------------------------------------- ประโยชน์ของคิ้ว คือป้องกันไม่ให้เหงื่อที่ซึมเกาะหน้าผากเราเวลาร้อนๆ ไหลลงมาเข้าตา ซึ่งอาจก่อให้เกิดอาการระคายเคือง คิ้วจึงเป็นเหมือนเกราะคอยคุ้มกันนัยน์ตา

สำหรับสมาชิก >
ฉลาดซื้อ เก็บแต้มแลกสินค้า250 Point

ฉบับที่ 164 สักคิ้ว จะไปทำดีไหม??

คิ้ว เขาเปรียบเป็นมงกุฎของใบหน้า สตรียุคใหม่จะกังวลกันมากหากตนเองคิ้วบาง หลายคนในกระเป๋าเครื่องสำอางจึงแทบขาดดินสอเขียนคิ้วไม่ได้ เพราะถ้าไม่มีคิ้วแล้วจะขาดความมั่นใจทันที จริงๆ ความงามของคิ้วก็ขึ้นอยู่กับยุคสมัย ดูอย่าง โมนาลิซ่า เธอไม่มีคิ้วยังถูกยกย่องให้เป็นหญิงงาม หรือบางยุคการกันคิ้วให้ดูคมเรียวบางก็จัดว่าเป็นความงามแห่งยุคสมัย สำหรับสาวไทยปัจจุบันไม่มีอะไรจะฮิตเท่า คิ้วหนาๆ แบบสาวเกาหลีอีกแล้ว ยิ่งใหญ่ ยิ่งหนา เขาว่าทำให้ใบหน้าดูเด็กลง บวกกับเทคนิคการสักคิ้วในปัจจุบัน ก็ก้าวหน้าไปมาก ไม่ทำให้ดูหลอกตาแบบสมัยก่อนที่พอสักคิ้วดำปื้นไปแล้ว ปรากฏว่า คนที่ไปสักคิ้วถาวรมาต้องทนมีคิ้วแบบนั้นกันไปนานมาก แก้ไขยาก จนแลดูประหลาดทำให้ดูน่ากลัวมากกว่าน่ามอง การสักคิ้วยุคใหม่นั้น มีให้เลือกทั้งแบบสักถาวร สักกึ่งถาวร และแบบเพนต์หรือสไลด์คิ้ว ซึ่งไม่ได้ฝังสีลงไปใต้ชั้นผิวหนังเหมือนการสักทั่วไป แต่เป็นลักษณะระบายสีไปที่คิ้วมากกว่า(แต่ติดทนกว่าการเขียนคิ้ว) ฉลาดซื้อเห็นว่า การสักคิ้วกำลังมาแรง เลยจะขอพาคุณผู้อ่านไปท่องโลกของการสักคิ้วกันบ้าง เผื่อใครสนใจจะไปทำ จะได้มีข้อมูลไว้ตัดสินใจ การสักคิ้ว สักคิ้วก็เหมือนการสักลวดลายบนผิวหนังบริเวณอื่นของร่างกาย คือการใช้เข็มแทงเข้าไปในผิวหนัง เพื่อนำหมึกสีลงสู่เนื้อเยื่อและสะสมไว้บริเวณนั้น สักคิ้วมีขึ้นก็เพื่อช่วยให้คิ้วได้รูปและมีสีที่เข้มจนเห็นเป็นทรงคิ้วที่ชัดเจน เพื่อแก้ไขปัญหากวนใจสำหรับคนที่มีคิ้วบางหรือคิ้วแหว่ง สักคิ้วจะมีทั้งแบบ สักถาวรและกึ่งถาวร สักคิ้วถาวรข้อดีคือ ทำแล้วคงกระพันถาวรสมชื่อ ถ้าได้รูปทรงสวยงามแล้ว คุณก็ไม่ต้องเขียนคิ้วอีก แม้เวลาหน้าเปลือยคิ้วก็ยังเด่นออกหน้าออกตา แต่มันจะดูไม่เป็นธรรมชาติเอามากๆ และไม่อาจเปลี่ยนเทรนด์ได้ เพราะลงสีแบบถาวรไปแล้ว ยิ่งถ้าทำมาแล้วไม่สวย ไม่เท่ากันสองข้าง ฯลฯ หากจะแก้ไขต้องทำเลเซอร์ลบออกเท่านั้น หรือใช้การเพนต์คิ้วช่วยบดบังความไม่น่ามอง ดังนั้นสักคิ้วถาวรจึงลดความนิยมลงไป แต่ราคาไม่แพง อันนี้คือจุดขาย ยุคนี้กำลังฮิต สักคิ้ว 3 มิติ 6 มิติ หรือแม้แต่ 8 มิติ จริงๆ ก็คือแบบเดียวกัน(6 มิติ 8 มิติเอาไว้เรียกเพิ่มราคา อาจเพิ่มลูกเล่นเข้าไปนิดหน่อย) สักคิ้ว 3 มิติ เป็นการสักคิ้วกึ่งถาวร เพียงแต่วิธีการสักจะทำให้คิ้วดูเป็นธรรมชาติมากกว่าการสักธรรมดา โดยจะสักให้เป็นเส้นๆ เสมือนว่ามีขนคิ้วจริง คือให้ดูเหมือนว่า เราได้เพิ่มเส้นขนคิ้วลงในแนวขนคิ้วเดิม (คล้ายการวาดภาพเหมือนหน้าคนในกระดาษ แต่สัก 3 มิติคือวาดลงบนคิ้วคนจริงด้วยเครื่องสัก) ข้อดีของการสักแบบนี้คือ ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น สามารถเปลี่ยนทรงได้บ้างโดยการเขียนคิ้วเพิ่มเติม สักคิ้ว 3 มิติ จะอยู่ได้นานประมาณ 3 ปี สีจะเริ่มจางลงไปเรื่อยๆ ซึ่งบางคนก็อาจรู้สึกมีปัญหาขึ้นมาอีกเมื่อคิ้วที่สักมามีสีไม่กลืนกับสีของขนคิ้วจริง(สีด่าง) จนดูหลอกตา และงานสักคิ้ว 3 มิติ ราคาแพงกว่าสักคิ้วถาวรนะคะ เพราะคนสักเขาถือว่าต้องใช้ฝีมือมากกว่า ละเอียดกว่าการสักถาวร ---------------------------------------------------------------------------------------- ข้อดีของการสักคิ้ว คิ้วสวยได้รูปทรง แก้ไขจุดบกพร่อง คิ้วบาง, คิ้วแหว่ง, คิ้วตก ประหยัดเวลาในการแต่งหน้า ไม่ต้องเสียเวลากับการเขียนคิ้วอีก ไม่ต้องแต่งหน้ามากถ้าหากมีโครงคิ้ว สวยเข้ม เพียงแต่งหน้าเบาๆ ก็เอาอยู่   ข้อเสียของการสักคิ้ว เจ็บ เพราะต้องใช้เข็มแทงเข้าผิวหนัง แต่สักแบบกึ่งถาวรหรือ 3 มิติ จะเจ็บน้อยลงหน่อย แต่ก็ขึ้นกับสภาพของผิวแต่ละคน มีโอกาสแพ้เนื่องจากสีที่ใช้ หรือเกิดแผลอักเสบ และมีโอกาสติดเชื้อหากใช้เข็มไม่สะอาดหรือใช้เข็มร่วมกับผู้อื่น เพราะต้องแทงเข็มเข้าไปในชั้นผิวหนังหรือเนื้อเยื่อของร่างกาย สักถาวร เปลี่ยนทรงคิ้วไม่ได้อีกเลย และถ้ามีปัญหาจะแก้ไขยาก ต้องทำเลเซอร์ลบเท่านั้น สักกึ่งถาวร หรือ 3 มิติ สีจะติดอยู่เฉลี่ย 3 ปี ถ้าอยากจะเปลี่ยนทรงคิ้วใหม่ จะไม่สามารถทำได้ทันทีนอกจากเขียนเพิ่มด้วยดินสอ สัก 3 มิติความคงทนของลายเส้น ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล เนื่องจากเป็นการสักลงบนผิวหนังชั้นหนังแท้ไม่ถึงเนื้อเยื่อ งานสักเป็นงานช่างฝีมืออย่างหนึ่ง ถ้าเลือกไม่ดีเจอช่างไม่เก่ง งานเข้านะคะ โอกาสคิ้วไม่สวยมีเยอะ ต้องเลือกให้ดี ยังมีการทำคิ้วให้สวยเข้ม สวยนานอีกแบบ โดยไม่เจ็บตัวมากอย่างการสัก เรียกว่า การเพนต์สีหรือสไลด์คิ้ว คราวหน้ามาติดตามกันค่ะ

สำหรับสมาชิก >
ฉลาดซื้อ เก็บแต้มแลกสินค้า250 Point

ฉบับที่ 163 สิ่งที่ควรระวังจากการนวดหน้า

ปัจจุบันการเข้าสปาหรือร้านเสริมสวยเพื่อนวดหน้า นวดตัว เป็นเรื่องที่ใครหลายคนนิยมชมชอบ เพราะการนวดนั้นมีประโยชน์ โดยเฉพาะเรื่องการทำให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย ช่วยให้ร่างกายคลายจากอาการล้า อาการเครียด ที่เกิดจากกล้ามเนื้อตึงได้ดี จนบางคนอาจมีอาการ “ติด การนวดได้ การนวดนั้นหากแบ่งประเภทก็คงมีอยู่สองลักษณะ คือ การนวดเพื่อรักษาหรือบรรเทาอาการ กับการนวดเพื่อความงาม กล่าวเฉพาะนวดหน้า ส่วนใหญ่ที่ให้บริการกันอยู่ในปัจจุบันจะเน้นเรื่องความงามเป็นหลัก มีทั้งโฆษณาว่าทำให้หน้าเด็ก หน้าเรียว หน้าใส ซึ่งมีส่วนจริงถ้าสถานบริการนั้นมีการนวดที่ถูกต้อง และไม่ใช้สารเคมีที่อาจเป็นอันตรายกับผิวหน้าอันบอบบางของเรา ประโยชน์ของการนวดหน้าคือ ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือดให้มาเลี้ยงบริเวณใบหน้าได้ดีขึ้น จึงทำให้ใบหน้าดูสดใส อ่อนวัย ลดริ้วรอย และลดการหมองคล้ำของใบหน้าได้ดี นอกจากนี้ยังเป็นการคลายเครียดบริเวณผิวหน้าได้ด้วย ซึ่งในขั้นตอนการนวดหน้ามักมีการนำเครื่องสำอางหรือสมุนไพรมาใช้ร่วมด้วย กรณีต้องการให้ผิวหน้านุ่มมักใช้ครีมน้ำนมหรือโลชั่น เพราะน้ำที่อยู่ในส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์จะซึมเข้าสู่เซลล์ของผิวพรรณ ทำให้เซลล์เต่งตัวขึ้นหรือพองขึ้นชั่วระยะเวลาหนึ่งถึงสองวัน การพองตัวของเซลล์ทำให้ผิวพรรณบนใบหน้าดูอิ่มเอิบ แต่ไม่ถาวร เมื่อส่วนน้ำออกจากเซลล์ก็จะกลับสู่สภาพผิวเดิม กรณีต้องการให้หน้าขาว มักใช้สารประเภท กรดผลไม้ Nicotinamide, Abutin, Licorice, Kojic ซึ่งสถานบริการที่ดีจะไม่ใช้สารเคมีที่แรงเกินไป เพราะผิวแต่ละคนมีความไวไม่เหมือนกัน แต่หากโชคร้ายเจอสถานบริการไม่รับผิดชอบกะเอาแค่หน้างานดี มักใช้สารเคมีชนิดแรง ก่อให้เกิดผลเสียต่อใบหน้าได้   มีหลายคนทีเดียว ที่พบอาการภายหลังจากการนวดหน้า ที่ทำให้รู้สึกว่า “ไม่น่าเลย” เริ่มตั้งแต่เบาะๆ คือ 1.เป็นสิว อาจเกิดเนื่องจากแบคทีเรียในสมุนไพรที่เตรียมไม่ดี หรือจากการอุดตันของครีมที่ใช้ 2.เกิดฝ้าบนใบหน้าเนื่องจากผิวบางลงจากการใช้สารจำพวกกรดอ่อน ทำให้ผิวไวต่อแดดและเป็นฝ้าได้ง่าย 3.หน้าด่าง การใช้กรดอ่อน กรดผลไม้ หรือสารเคมีที่เข้มข้นร่วมกับการนวดหน้า เพื่อให้ขาวใส บางทีอาจกลายเป็นผลร้าย ก่อให้เกิดอาการหน้าด่างแทน  และหากดูแลไม่ดีอาจกลายเป็นรอยด่างถาวร 4.แพ้สารเคมีที่นำมาใช้ร่วมกับการนวดหน้า พบบ่อยๆ คือ อาการคัน หน้าบวม มีผื่นแดง หรือตาบวม กรณีคัน ไม่ควรเกาจนเกิดเป็นแผล จะยิ่งก่อความเสียหายควรปรึกษาแพทย์เพื่อรักษาอาการ อันตรายอีกรูปแบบหนึ่งจากการนวดหน้า คือ วิธีการนวด การนวดหน้าที่ใช้แรงมากเกินไปจะไปกระตุ้นให้เกิดฝ้าบนใบหน้าได้ โดยเฉพาะผิวหน้าบริเวณรอบดวงตาและโหนกแก้ม รวมทั้งอาจทำให้เกิดอาการช้ำบนผิวหน้าได้ รักจะนวดหน้าต้องระวังสิ่งที่กล่าวมาด้วยนะคะ

สำหรับสมาชิก >
ฉลาดซื้อ เก็บแต้มแลกสินค้า250 Point

ความคิดเห็น (0)