ฉบับที่ 186 เส้นทางสายออร์กานิก

ฉันเดินเล่นในห้างสรรพสินค้าผ่อนอารมณ์จากไอแดดด้านนอก ข้าวของสารพันถูกจัดเรียงบนชั้นไว้อย่างสวยงาม ยั่วความ อยากได้ อยากมี เป็นอย่างดี ของพื้นๆหลายอย่างมักดูดีขึ้นในห้างเสมอ ฉันคิดในใจ พลันที่สายตาเหลือบไปเห็นกองผักหลากชนิดที่ถูกจัดวางอยู่ไม่ไกล ยังไม่ทันที่จะก้าวเข้าไปดูใกล้ๆ ความรู้สึกขัดแย้งในใจก็ปรี่เข้ามาอย่างช่วยไม่ได้  ข่าวหนังสือพิมพ์ที่บอกว่า ของที่ประทับ”ตราออร์แกนิก” ที่วางจำหน่ายในห้างสรรพสินค้าชื่อดังหลายแห่ง ถูกตรวจพบว่า มีสารปนเปื้อนเกินกว่าค่ามาตรฐาน ผลตรวจสอบคงเป็นที่ผิดหวังของหลายฝ่าย จึงกลายมาเป็นประเด็นถกเถียงเสียใหญ่โต ไม่ว่าจะเป็นทางสื่อต่างๆ วิทยุ โทรทัศน์ หรือในโลกโซเชียล ฉันนึกกระหยิ่ม และอยากจะพูดดังๆ ว่า “เพิ่งรู้กันหรอกหรือ”จริงๆ แล้วด้วยความที่ฉันเรียนเรื่องอาหาร และผูกพันอยู่กับวงการอาหารมาบ้าง ความเข้าใจที่ว่าความเป็นออร์แกนิกมันเป็นวิถีชีวิต มากกว่าการตีตราด้...

สมาชิกอ่านต่อ...

แหล่งข้อมูล: ปิติชัย พงษ์วานิชอนันต์

250 point

LINE it!

ฉบับที่ 182 รู้จัก “เครดิตลิมิต” ชีวิต 4G จ่ายไม่เกินร้อย

ข่าวดีของผู้ใช้โทรศัพท์แบบรายเดือนก็คือ คุณสามารถควบคุมค่าใช้บริการได้โดยการกำหนดวงเงินค่าใช้บริการ เครดิตลิมิต (Credit Limit) โดยแจ้งกับบริษัทผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือที่คุณใช้งานอยู่ว่าต้องการจำกัดวงเงินค่าบริการไว้ไม่ให้เกินกี่บาท ดังนั้นค่าบริการ ไม่ว่าจะเป็น ค่าเน็ต ค่าโทรศัพท์ ค่า sms หรือบางคนอาจจะมีค่าบริการจากการซื้อแอพพลิเคชั่นต่าง ๆ ที่เรียกเก็บมาในบิล รวมแล้วจะต้องไม่เกินกว่าวงเงินที่คุณกำหนดไว้ โทรศัพท์มือถือ Smart Phone เดี๋ยวนี้ ทำอะไรได้มากมาย นอกจากเป็นโทรศัพท์ เอาไว้ติดต่อ โทรออก-รับสายแล้ว ยังใช้เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ท่องเว็บไซต์ เล่นเกมส์ ดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นต่างๆ พูดคุยติดต่อสื่อสารกับผู้คนผ่าน Social Network หรือจะช็อปปิ้งซื้อของออนไลน์ก็สามารถทำได้ไม่ยาก จะดูหนัง ฟังเพลง ก็มีให้เลือกจนตาลาย หลายคนใช้แล้วก็ติดใจ เพราะมันทำให้ชีวิตมีสีสัน สะดวกสบาย และสนุกสนาน แต่ก็อย่างที่รู้กันว่า “โลกนี้ไม่มีอะไร ฟรี” ทุกอย่างมีราคาที่เราต้องจ่าย บางคนได้รับบิลค่าโทรศัพท์แล้วแทบจะเป็นลม เพราะถูกเรียกเก็บค่าบริการอินเทอร์เน็ตหลายพัน หลายหมื่น หรือบางรายโดนกันไปเป็นแสนบาท ก็เคยมีมาแล้ว   ปัญหาทำนองนี้ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะเจ้าโทรศัพท์ Smart Phone รุ่นใหม่ๆ นี่แหละ ด้วยความที่มันฉลาดแสนรู้ สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้เองโดยอัตโนมัติ เพื่อคอยอัพเดท App ต่างๆ ให้ทันสมัยอยู่เสมอ นอกจากนี้ คนที่มีเพื่อนในโซเชียลเยอะๆ เดี๋ยวคนโน้นอัพรูปขึ้นเฟซบุ๊ค เดี๋ยวคนนี้แชร์คลิปมาในไลน์ เผลอแปล๊บเดียวใช้อินเทอร์เน็ตหมดแล้ว ซึ่งการใช้งานส่วนที่เกินจากแพ็คเกจที่สมัครไว้นี่ ถ้าไม่ได้ซื้อแบบเหมาจ่าย Unlimited บริษัทมือถือจะคิดค่าบริการตามปริมาณข้อมูลที่ใช้งาน ราคาประมาณ 1 -2 บาท/MB ขึ้นอยู่กับโปรโมชั่นของแต่ละค่าย และเป็นแนวโน้มของแพ็คเกจ 4G ที่เราจะไม่ค่อยเห็นโปรโมชั่นเหมาจ่าย Unlimited เพราะโครงข่ายไม่เพียงพอที่จะรองรับลูกค้าซึ่งส่วนใหญ่มีพฤติกรรมต่อเน็ตทิ้งไว้ตลอดเวลา โปรโมชั่นของ 4G จึงมักจะกำหนดปริมาณข้อมูลที่ลูกค้าสามารถใช้งานได้ เช่น จ่าย 488 บาท เล่นเน็ตได้ 10 GB ส่วนเกินจากนี้คิดตามจริงเป็น MB ตามปริมาณ ซึ่งจะแตกต่างจากลักษณะโปรโมชั่นของ 3 G ที่ผ่านมา ที่เมื่อใช้เกินจะปรับลดความเร็วลงแต่ไม่ได้คิดเงินเพิ่ม ใครที่ใช้โทรศัพท์แบบเติมเงิน ปัญหาก็อาจจะไม่หนักมาก เพราะพอหมดเงินที่เติมไว้ โทรศัพท์มันก็ตัดบริการไปเอง แต่คนที่ใช้แบบรายเดือนจะเสี่ยงหน่อย เพราะค่าใช้จ่ายจะเกิดขึ้นตามการใช้งานของคุณ ซึ่งบอกไว้เลยว่า มือถือ 4G นี่ ยิ่งเน็ตแรงเท่าไร โอกาสที่ค่าบริการจะพุ่งก็มีมากเท่านั้น เพราะยิ่งโหลดไว ผู้บริโภคก็ยิ่งเพลิน ดูหนังฟังเพลงไปเรื่อย อย่างดู youtube นี่ เมื่อคำนวณออกมาจะใช้เน็ตประมาณ 1.5 MB/นาที ถ้าค่าบริการ MB ละ 1 บาท ดู 1 ชั่วโมง ก็ต้องจ่าย 90 บาท แล้วเดี๋ยวนี้คนเราจ้องหน้าจอมือถือวันละกี่ชั่วโมงก็ลองนึกดูแล้วกันครับ ข่าวดีของผู้ใช้โทรศัพท์แบบรายเดือนก็คือ คุณสามารถควบคุมค่าใช้บริการได้โดยการกำหนดวงเงินค่าใช้บริการ เครดิตลิมิต (Credit Limit) โดยแจ้งกับบริษัทผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือที่คุณใช้งานอยู่ว่าต้องการจำกัดวงเงินค่าบริการไว้ไม่ให้เกินกี่บาท ดังนั้นค่าบริการ ไม่ว่าจะเป็น ค่าเน็ต ค่าโทรศัพท์ ค่า smsหรือบางคนอาจจะมีค่าบริการจากการซื้อแอพพลิเคชั่นต่าง ๆ ที่เรียกเก็บมาในบิล รวมแล้วจะต้องไม่เกินกว่าวงเงินที่คุณกำหนดไว้ เมื่อค่าใช้จ่ายใกล้เต็มวงเงินบริษัทจะโทรศัพท์ หรือ sms มาแจ้งเตือนให้ทราบล่วงหน้า และเมื่อมีค่าใช้จ่ายเกินบริษัทก็จะระงับบริการชั่วคราวเอาไว้ก่อน เพื่อมิให้เกิดค่าใช้จ่ายเกินกว่าวงเงินที่คุณกำหนดไว้ แต่หากวันดีคืนดีเกิดมีค่าใช้จ่ายเกินมา คุณก็สามารถร้องเรียนกับสำนักงาน กสทช. ได้ ซึ่งที่ผ่านมา คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมได้เคยมีมติให้บริษัทมือถือคิดค่าบริการกับผู้ร้องเรียนได้เฉพาะในส่วนที่ไม่เกินกว่าวงเงินที่จำกัดไว้ จริง ๆ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ มีมาตั้งแต่สมัย 2G แล้ว เพียงแต่ที่ต้องหยิบมาเล่าให้ฟังอีกครั้งก็เพราะในยุค 4G นี้ โอกาสเกิดปัญหา Bill Shock จากค่าบริการอินเทอร์เน็ตมันจะมีมากกว่า และความเสียหายจะร้ายแรงกว่า ดังนั้นลองหยิบใบแจ้งค่าใช้บริการของคุณมาตรวจสอบดูสิว่า ได้ระบุจำกัดวงเงินค่าใช้บริการไว้ตรงกับที่คุณแจ้งหรือไม่ เพราะเคยมีกรณีที่ผู้บริโภคจำได้ว่ากำหนดวงเงินค่าบริการไว้แค่ไม่กี่ร้อยบาท แต่ถูกเรียกเก็บค่าบริการเป็นพันบาท สอบถามไปจึงได้ความว่า บริษัทเห็นว่าเป็นลูกค้าชั้นดี จึงปรับเพิ่มวงเงินค่าบริการให้โดยพละการ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ปัจจุบัน บริษัทผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือแต่ละราย กำหนดเงื่อนไขของเครดิตลิมิตไว้แตกต่างกัน บางค่ายไม่รวมค่าบริการตามแพ็คเกจที่สมัครไว้ เช่น ค่าบริการตามแพ็คเกจ 488 บาท เครดิตลิมิตไว้ 1,000 บาทแบบนี้บริษัทก็จะมีสิทธิคิดค่าบริการได้ในวงเงินไม่เกิน 488 + 1,000 บาท ไม่ใช่ 1,000 บาทถ้วนตามที่เราเข้าใจทั่วไป แต่ส่วนที่เหมือนกันเกือบทุกค่ายก็คือ เครดิตลิมิต นี้จะไม่รวมค่าบริการข้ามแดนอัตโนมัติระหว่างประเทศ (International Roaming) ดังนั้น ลองศึกษาเงื่อนไขจากผู้ใช้บริการของคุณ แล้วกำหนดวงเงินค่าใช้บริการให้เหมาะสมกับพฤติกรรมการใช้งานโทรศัพท์ของคุณ รับรองว่าคุณจะไม่กระเป๋าฉีกเพราะค่าโทร ค่าเน็ตแน่นอน

สำหรับสมาชิก >
ฉลาดซื้อ เก็บแต้มแลกสินค้า250 Point

ฉบับที่ 181 ไขความลับ 5 ข้อของสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ

ประเทศไทยยามนี้ มองไปทางไหนก็เห็นแต่ความหดหู่ เพราะกำลังซื้อของผู้บริโภคหดหาย ร้านรวงต่าง ๆ ก็พลอยห่อเหี่ยวตามไปด้วย เศรษฐกิจฝืดเคือง เงินทองขาดสภาพคล่อง หลายคนเริ่มต้องมองหาแหล่งเงินกู้ เอาไว้สำรองในภาวะฉุกเฉิน คนที่มีแก้วแหวนเงินทองของมีค่า ที่พอจะขายหรือจำนำเปลี่ยนเป็นเงินสด ก็ดิ้นรนกันไป แต่ทรัพย์สินอย่างรถยนต์นั้น เป็นของชิ้นใหญ่ที่ไม่ได้ซื้อง่ายขายคล่องเหมือนทองคำ มิหนำซ้ำสำหรับบางคน รถยนต์ คือ เครื่องมือประกอบอาชีพ ขายไปแล้วก็ไม่รู้จะทำมาหากินอะไร ถ้ามีหนทางเปลี่ยนรถเป็นเงินสด เพื่อมาแก้ปัญหาความขัดสนเฉพาะหน้าไปก่อนได้ก็คงดี “ต้องการเงินสด รถคุณกู้ได้ อนุมัติไว ไม่ต้องใช้คนค้ำประกัน แถมยังมีรถขับเหมือนเดิม”    โอ้โห !!! อะไรมันจะวิเศษอย่างนี้ หลายคนคงนึกในใจเวลาที่ได้ยินโฆษณาประเภท รถแลกเงิน เงินติดล้อ คาร์ฟอร์แคช ฯลฯ แหม มันดีเลิศประเสริฐศรี จนอยากจะขับรถไปกู้เงินให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย แต่ช้าก่อน วันนี้ ผมมีความลับ 5 ข้อ ของสินเชื่อประเภทนี้ มาบอกให้คุณรู้ ก่อนตัดสินใจไปกู้เงิน ความลับข้อที่ 1 ธุรกิจสินเชื่อ หรือ เรียกให้เข้าใจง่าย ๆ ก็คือ “ธุรกิจปล่อยเงินกู้” ประเภทรถแลกเงินนั้น มีชื่อจริงอย่างเป็นทางการว่า “สินเชื่อจำนำทะเบียนรถ” เพราะเจ้าหนี้จะเก็บแค่สมุดจดทะเบียนรถไว้เป็นหลักประกัน โดยไม่ได้ยึดรถไว้ ลูกหนี้จึงยังคงมีรถขับตามปกติ ความลับข้อที่ 2 คนที่จะขอสินเชื่อกลุ่มนี้ได้ ต้องเป็นผู้ที่มีชื่อเป็นเจ้าของรถในเล่มทะเบียน จะเป็นรถยนต์ หรือ รถจักรยานยนต์ก็กู้ได้ทั้งนั้น ส่วนคนที่ยังผ่อนไม่หมด รถติดไฟแนนซ์เจ้าหนี้จะไม่ให้กู้     ความลับข้อที่ 3 การจำนำทะเบียนแบบโอนเล่ม แบบนี้คนที่มาขอสินเชื่อจะต้องทำสัญญาขายรถยนต์ของตนเองให้กับเจ้าหนี้ในราคาที่ตกลงกัน ซึ่งส่วนใหญ่แล้วก็จะเป็นราคาที่ต่ำกว่าราคาตลาดของรถรุ่นนั้น ๆ ที่ซื้อขายกันโดยทั่วไป เมื่อเซ็นสัญญาซื้อขายและโอนเปลี่ยนชื่อเจ้าของรถในเอกสารเล่มทะเบียนเรียบร้อย  เจ้าหนี้ก็จะเอารถที่เราเพิ่งขายไปนั่นแหละ มาให้ลูกหนี้ทำสัญญาเช่าซื้ออีกครั้งหนึ่ง กำหนดให้ผ่อนกี่งวด บวกดอกเบี้ยร้อยละเท่าไรก็ว่ากันไป ถ้าชำระครบ เจ้าหนี้ก็จะโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์กลับมาเป็นของลูกหนี้     ดังนั้น ในระหว่างการผ่อนหนี้จำนำทะเบียนแบบโอนเล่ม คุณต้องรู้ว่า คุณไม่ใช่เจ้าของรถคันนั้นอีกต่อไปแล้ว (แม้ที่ผ่านมาคุณจะผ่อนรถคันนั้นหมดไปแล้วก็ตาม) ตอนนี้คุณเป็นแค่ผู้เช่าซื้อ ดังนั้น ถ้าขาดส่งค่าเช่าซื้อ 2 งวดเมื่อไร เจ้าหนี้ก็มีสิทธิมายึดรถไปได้ และที่สำคัญ ห้ามเอารถคันนี้ไปขายต่อเด็ดขาด เพราะอาจจะถูกแจ้งความดำเนินคดีข้อหายักยอกทรัพย์ได้     ความลับข้อที่ 4 การจำนำทะเบียนแบบโอนลอย  แบบนี้จะไม่มีการทำสัญญาเช่าซื้อ แต่เจ้าหนี้จะให้ลูกหนี้ทำสัญญากู้เงินและสัญญาซื้อขายรถยนต์แบบโอนลอยแทน คือเซ็นเอกสารสัญญาซื้อขาย เอกสารการโอนต่าง ๆ ไว้ครบถ้วนพร้อมโอนทะเบียนแล้ว เพียงแต่เจ้าหนี้ยังไม่แจ้งเปลี่ยนชื่อเจ้าของในสมุดจดทะเบียน ซึ่งตามกฎหมายสัญญาซื้อขายนี้ เมื่อจ่ายเงินกันแล้วก็ถือว่าสมบูรณ์ กรรมสิทธ์ในรถเป็นของผู้ซื้อ (เจ้าหนี้) แล้ว แม้ว่าชื่อเจ้าของในเล่มทะเบียนยังเป็นชื่อของลูกหนี้ก็ตาม เพราะสมุดจดทะเบียนไม่ใช่หลักฐานแสดงกรรมสิทธิ์ ความลับข้อที่ 5 สรุปว่าแม้ชื่อธุรกิจประเภทนี้จะเรียกว่า สินเชื่อจำนำทะเบียนรถ แต่นิติกรรมสัญญาที่คุณทำกับเจ้าหนี้จริง ๆ แล้ว ถ้าเรียกกันอย่างตรงไปตรงมาก็คือ คุณทำสัญญาขายรถของคุณให้เจ้าหนี้ แล้วเจ้าหนี้ก็เอารถนั้นแหละมาเป็นหลักประกัน ถ้าเกิดเบี้ยวหนี้ขึ้นมาเขาก็ยึดรถคันนั้นได้เลย นี่คือเหตุผลเบื้องหลังว่า ทำไมเจ้าหนี้ สินเชื่อประเภทนี้จึง อนุมัติไว ไม่ต้องการคนค้ำประกัน เพราะ เจ้าหนี้มีความเสี่ยงน้อย แม้จะยึดแค่เล่มทะเบียนไว้ แต่จริง ๆ แล้วเขาได้กรรมสิทธิ์ในรถของลูกหนี้ไปแล้วทั้งคันต่างหาก

สำหรับสมาชิก >
ฉลาดซื้อ เก็บแต้มแลกสินค้า250 Point

ฉบับที่ 180 เป็นคนดี เสียภาษีน้อยกว่า รู้ยัง

นับตั้งแต่วันนี้ จนถึง 31 มีนาคม 2559 เป็นช่วงเวลาของการยื่นแบบเพื่อเสียภาษีประจำปี 2558 แฟนๆ ฉลาดซื้อยื่นแบบกันรึยังครับ สำหรับคนที่มีแนวโน้มว่าจะได้เงินภาษีคืน รีบยื่นแบบหน่อยก็ดีนะครับ เพราะหากไปยื่นช่วงโค้งสุดท้ายก็จะต้องรอนานนิดหนึ่ง ส่วนคนที่ดูแล้วว่าอาจจะต้องจ่ายภาษีเพิ่มหรือไม่ได้เงินภาษีคืน ก็เลยยังนิ่งนอนใจอยู่ ก็อย่าชะล่าใจ เพราะยังไงเกิดเป็นคนไทยมีรายได้ก็ต้องเสียภาษีกันทุกคน ปี 2558 ผ่านไปแล้วยังไงก็แก้ไขไม่ได้ มาเริ่มต้นวางแผนภาษีปี 2559 กันตั้งแต่วันนี้ดีกว่าครับ รับรองว่าปีหน้าคุณจะมีเงินเหลือติดกระเป๋ามากกว่าปีนี้แน่นอน     การวางแผนภาษีนี้ไม่ใช่การหนีภาษีนะครับ เพราะหนีภาษีหรือโกงภาษีนั้นมันผิดกฎหมาย แต่การวางแผนภาษี คือการใช้สิทธิต่าง ๆ มาลดหย่อน เพื่อให้จ่ายภาษีน้อยลง ได้รับเงินภาษีคืนมากขึ้น ซึ่งการวางแผนภาษีนี้ก็มีหลากหลายวิธี แต่คุณรู้ไหมครับว่า “การเป็นคนดี” ก็ช่วยให้คุณเสียภาษีน้อยลง      1. เป็นคนดีมีความกตัญญูเลี้ยงดูพ่อแม่ ลดหย่อนภาษีได้ ถ้าคุณเป็นลูกที่ดีดูแลพ่อแม่ที่แก่เฒ่าอายุ 60 ปีขึ้นไป ซึ่งมิได้ทำงานมีเงินได้หรือมีเงินได้น้อยกว่า 30,000 บาทต่อปี ทั้งพ่อแม่ของคุณหรือพ่อแม่ของแฟนคุณ(กรณียื่นภาษีร่วมกัน) ก็สามารถนำมาหักลดหย่อนภาษีได้ท่านละ 30,000 บาท สำหรับคนที่มีพี่น้องหลายคนก็ต้องพูดคุยตกลงกันนะครับว่าจะให้ใครเป็นคนใช้สิทธิลดหย่อนนี้ เพราะหากพ่อหรือแม่ออกหนังสือรับรองสิทธิลดหย่อนให้ลูกคนใดแล้ว ลูกคนอื่นก็จะมาใช้สิทธิซ้ำอีกไม่ได้     2. เป็นคนดีมีเมตตาดูแลคนพิการหรือทุพพลภาพ หักลดหย่อนได้ถึงคนละ 60,000 บาท ถ้าคุณดูแลคนพิการในครอบครัว (ซึ่งกฎหมายจำกัดสิทธิเฉพาะ คู่สมรส พ่อแม่ ลูกหรือลูกบุญธรรม) ไม่ว่าจะกี่คนก็ตามกฎหมายให้สิทธิลดหย่อนคนละ 60,000 บาท และถ้าคุณรับอุปการะคนพิการอื่น ๆ อีก อันนี้กฎหมายให้สิทธิลดหย่อนได้อีก 1 คน แต่ทั้งนี้ในบัตรประจำคนพิการจะต้องระบุชื่อคุณเป็นผู้ดูแล     3. เป็นคนดีรู้จักเก็บออม ได้สิทธิลดหย่อนภาษี นอกจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพหรือกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ที่สามารถนำเงินที่จ่ายสมทบเข้ากองทุนมาหักลดหย่อนภาษีได้ตามที่จ่ายจริง ปีละไม่เกิน 10,000 บาทแล้ว ปีนี้นับเป็นครั้งแรกที่สมาชิกของกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ซึ่งจ่ายเงินสะสมเข้ากองทุน สามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ตามเกณฑ์เดียวกับที่จ่ายสมทบเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ     4. เป็นคนดีมีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ บริจาคเงินก็ได้สิทธิลดหย่อนภาษี ถ้าบริจาคให้สถานศึกษาสามารถนำมาหักภาษีได้ถึงสองเท่าของเงินที่บริจาค ส่วนการบริจาคให้องค์กรสาธารณกุศลอื่น ๆ นั้น จะต้องเป็นองค์กรสาธารณประโยชน์ตามประกาศของกระทรวงการคลังจึงจะได้สิทธิลดหย่อนตามจำนวนเงินที่บริจาค แต่ไม่เกินร้อยละ 10 ของเงินได้หลังหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนต่าง ๆ แล้ว     ถึงตรงนี้ก็อยากจะเชิญชวนผู้อ่านร่วมกันบริจาคเงินให้ “มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค” ซึ่งนอกจากคุณจะได้ส่วนลดทางภาษีแล้ว เงินของคุณยังช่วยพัฒนาสังคมให้น่าอยู่ขึ้น ผ่านการทำงานของมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ซึ่งมีกิจกรรมคุ้มครองผู้บริโภคทั้งในระดับปัจเจกบุคคล ซึ่งในแต่ละปีศูนย์คุ้มครองสิทธิผู้บริโภคของมูลนิธิฯ สามารถช่วยเหลือผู้ที่ถูกละเมิดสิทธิให้ได้รับการเยียวยาไม่น้อยกว่า 10,000 คน และยังยกระดับการทำงานคุ้มครองสิทธิไปสู่การพัฒนานโยบายสาธารณะเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคในภาพรวม อาทิ การเรียกร้องให้โรงพยาบาลเอกชนยุติการเรียกเก็บเงินจากการใช้บริการกรณีฉุกเฉิน หรือการผลักดันให้มีการคิดค่าโทรศัพท์มือถือตามการใช้งานจริงเป็นวินาทีโดยไม่ปัดเศษ ซึ่งจะสามารถช่วยผู้บริโภคประหยัดเงินได้มากกว่า 38,200 ล้านบาทต่อปี รวมทั้ง “ฉลาดซื้อ” ที่อยู่ในมือของท่านผู้อ่านขณะนี้ ก็เป็นหนึ่งในกิจกรรมการเผยแพร่ข้อมูล ความรู้สู่ผู้บริโภค

สำหรับสมาชิก >
ฉลาดซื้อ เก็บแต้มแลกสินค้า250 Point

ฉบับที่ 179 4 วิธี ลดเบี้ยประกันภัยรถยนต์ ให้อุ่นใจแบบคุ้มค่า

ผู้ที่ขับขี่รถยนต์ คงจะคุ้นหูกับคำว่า พรบ.รถยนต์ ,ประกันภัยชั้น 1 ,ชั้น 3 และคุ้นตากับสติ๊กเกอร์ประกันภัยที่ติดอยู่หน้ากระจกรถ และทุกปีมีหน้าที่จะต้องจ่ายเบี้ยประกันภัยรถยนต์     ถ้าเป็นประกันภัยตาม พ.ร.บ. คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถยนต์ ซึ่งกฎหมายบังคับให้รถทุกคันต้องทำประกันภัย เบี้ยประกันก็อยู่ที่ปีละ 650 – 1,000 บาทต้น ๆ ไม่แพงมากนักเพราะกฎหมายควบคุมอัตราเบี้ยประกันไว้     ส่วนประกันภาคสมัครใจ เช่น ประกันภัยชั้น 1 , ชั้น 3 ซึ่งเป็นส่วนเสริมที่ใครจะทำหรือไม่ทำก็ได้นั้น เบี้ยประกันอยู่ที่ปีละประมาณ 5 พันบาทไปจนถึงหลายหมื่นบาท ขึ้นอยู่กับรถที่คุณใช้ ทุนประกันและความคุ้มครองที่คุณเลือก     ในกรณีที่เป็นรถประเภทเดียวกัน รุ่นเดียวกัน เคยสงสัยไหมครับว่าทำไมบางคนจ่ายเบี้ยประกันได้ถูกกว่า ทั้งที่ทุนประกันและความคุ้มครองก็ได้รับเท่ากัน นั่นเป็นเพราะแต่ละคนได้รับส่วนลดเบี้ยประกันไม่เท่ากัน การจะได้ส่วนลดมากหรือน้อยนั้น ส่วนหนึ่งก็ขึ้นอยู่กับโปรโมชั่นส่งเสริมการขายของแต่ละละบริษัท ว่าต้องการกระตุ้นยอดขายมากขนาดไหน แต่อีกส่วนก็ขึ้นอยู่กับความรู้ของผู้บริโภคว่าจะเท่าทันตัวแทน นายหน้าประกันภัย ขนาดไหน ผมจึงอยากจะแนะนำ 4 เรื่องที่คุณควรรู้เพื่อการลดเบี้ยประกันภัย ให้ได้รับความคุ้มครองแบบอุ่นใจและคุ้มค่าเงินเบี้ยประกันที่ต้องจ่าย      1. ระบุชื่อคนขับให้ชัดเจน ลดได้ 5 -20 % เพราะรถที่ใช้โดยคนคนเดียว ย่อมมีความเสี่ยงน้อยกว่ารถที่ขับกันหลายมือ ดังนั้น รถที่ใช้ในครอบครัว ถ้าระบุชื่อผู้ขับขี่ลงไปในกรมธรรม์จะลดเบี้ยประกันได้ และยิ่งถ้าคนขับมีอายุ มีวุฒิภาวะมากขึ้น ส่วนลดก็จะมากตาม     อายุ 18 -24 ปี ส่วนลดเบี้ย 5%    อายุ 25 – 35 ปี ส่วนลดเบี้ย 10%    อายุ 36 – 50 ปี ส่วนลดเบี้ย 15%    อายุ 50 ปี ขึ้นไป ส่วนลดเบี้ย 20%     แต่ต้องเตือนกันไว้ก่อนนะครับว่า ถ้าเกิดอุบัติเหตุแล้วผู้ที่ขับขี่รถยนต์ไม่ใช่ผู้ที่มีชื่อระบุไว้ในกรมธรรม์ แบบนี้จะประกันจะไม่จ่ายค่าเสียหายส่วนแรกในวงเงินไม่เกิน 8,000 บาท     2. ขับดี มีส่วนลด 20 -50 % การขับขี่รถอย่างระมัดระวัง ไม่เกิดอุบัติเหตุ หรือเกิดเหตุแต่คุณมิได้เป็นฝ่ายผิด คุณมีสิทธิได้ส่วนลดเบี้ยประกันจากการมีประวัติที่ดี และส่วนลดจะเพิ่มมากขึ้นเป็นลำดับในปีถัด ๆ ไป     ขับดีปีแรก ได้รับส่วนลด 20% เมื่อต่ออายุประกันปีต่อไป     ขับดี 2 ปีติดต่อกัน รับส่วนลด 30%     ขับดี 3 ปีติดต่อกัน รับส่วนลด 40%    ขัดดี 4 ปีติดต่อกัน รับส่วนลด 50%    เพื่อรักษาเครดิตส่วนลดนี้ บางครั้งการเกิดอุบัติเหตุเล็ก ๆ น้อย ๆ จึงอาจจะยังไม่จำเป็นต้องเคลมประกัน หากคำนวณแล้วว่าการซ่อมเองคุ้มกว่าส่วนลดเบี้ยประกันที่ได้รับ     3. รวมรถ ลดได้อีก 10% ถ้าคุณมีรถยนต์หลายคัน การทำประกันรถยนต์แบบกลุ่มตั้งแต่ 3 คันขึ้นไป สามารถขอส่วนลดได้อีก 10%     4. รับความเสี่ยงไว้เองบางส่วน จ่ายเบี้ยน้อยกว่า หรือที่ภาษาประกันเรียกว่า การกำหนดค่าเสียหายส่วนแรก หมายความว่าถ้าเกิดอุบัติเหตุที่คุณเป็นฝ่ายผิด คุณจะร่วมรับผิดชอบในความเสียหายที่เกิดขึ้นด้วย ในวงเงินที่กำหนดไว้ เช่น ถ้าคุณกำหนดค่าเสียหายส่วนแรกไว้ 5,000 บาท เมื่อเกิดอุบัติเหตุต้องซ่อมรถที่เสียหายเป็นเงิน 20,000 บาท คุณจะต้องจ่ายเงินค่าซ่อมเองก่อน 5,000 บาท ประกันถึงจะจ่ายส่วนที่เหลือ     การกำหนดค่าเสียหายส่วนแรกในลักษณะนี้ ก็สามารถเอามาเป็นส่วนลดเบี้ยประกันที่ต้องจ่ายได้เช่นกัน            อย่างไรก็ตาม ความมั่นคงของบริษัทประกันภัยก็เป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามเด็ดขาด ไม่มีประโยชน์ที่จะทำประกันภัยรถยนต์ราคาถูก ๆ กับบริษัทที่ไม่มั่นคงแต่พอถึงเวลาแล้วเคลมไม่ได้ อู่ซ่อมไม่มีมาตรฐาน พนักงานบริการแย่ เพราะมันจะได้ไม่คุ้มเสียนะครับ

สำหรับสมาชิก >
ฉลาดซื้อ เก็บแต้มแลกสินค้า250 Point

ความคิดเห็น (0)